ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 480 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 9581 - 9600 จากข้อมูลทั้งหมด 124007 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9581 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2560/2561 และฤดูการผลิตปี 2561/2562 | อก. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ เป็นรายเขต ๙ เขต โดยราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตรา ๗๙๐.๖๒
บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายเท่ากับ
๓๓๘.๘๔ บาทต่อตันอ้อย ๑.๒
การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒ เป็นรายเขต ๙ เขต ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตรา ตันอ้อยละ ๖๘๐.๗๗
บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ
๔๐.๘๕ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
คณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายควรพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้มีความเหมาะสม
และควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการสภาพคล่องและความเสี่ยงทางการเงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9582 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 27 | กต. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๓๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมาย
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว
รวมทั้งเห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๗
และร่างปฏิญญาผู้นำว่าด้วยวิสัยทัศน์เอเปคภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐
และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว
โดยเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำและรัฐมนตรีของเขตเศรษฐกิจเอเปคในการร่วมมือกันในด้านต่าง
ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-๑๙ บรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
และฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะยาว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์ทั้ง
๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9583 | การรับรอง (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งในการปรับตัวรับภัยแล้ง | มท. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการรับรอง
(ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งในการปรับตัวรับภัยแล้ง (ASEAN
Declaration on Strengthening of Adaptation to Drought) เป็นเอกสารที่จะเสนอต่อรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ
เพื่อพิจารณารับรองก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ ในวันที่ ๑๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๓
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทน รับรอง (ร่าง) ปฏิญญาฯ
พร้อมกันในคราวเดียว โดย (ร่าง) ปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการดำเนินงานร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อรับมือกับภัยแล้ง
โดยกำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เช่น
การให้การสนับสนุนแนวทางการพัฒนาระยะยาวแบบองค์รวมเพื่อเสริมสร้างการปรับตัวและการบรรเทาปัญหาภัยแล้ง
การส่งเสริมความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างองค์กรสาขาต่าง ๆ
ของอาเซียนเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
และการสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนยอมรับนโยบายปรับตัวรับภัยแล้งควบคู่กับกฎหมาย
ระเบียบต่าง ๆ และวิสัยทัศน์ที่ยืดหยุ่นได้ เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการสื่อสารกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบและมีความเข้าใจถึงสาระสำคัญของปฏิญญาฯ
รวมทั้งมีกระบวนการดำเนินการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานตามปฏิญญาฯ
เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและภูมิภาคอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9584 | ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลีย | กต. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลีย
(Joint Declaration on the Strategic Partnership between the
Kingdom of Thailand and Australia) และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ออสเตรเลียสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
โดยลงนามในปฏิญญาร่วมฯ ร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ เป็นเอกสารวิสัยทัศน์ที่กำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือของประเทศไทยและออสเตรเลียให้มีพลวัตรมากขึ้น
ทั้งในด้านการเมืองความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และความร่วมมือรายสาขา อาทิ
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การศึกษา สาธารณสุข เกษตร สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ตลอดจนการส่งเสริมการเชื่อมโยงประชาชน
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-๑๙
และเสริมสร้างการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9585 | ร่างบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเศรษฐกิจและการจ้างงานแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ | อก. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน
(Memorandum of Understanding on
Circular Economy) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงเศรษฐกิจและการจ้างงาน (Ministry of Economic Affairs and
Employment) แห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ของฝ่ายไทย [จะมีการลงนามในช่วงไตรมาสที่ ๔ ของปี พ.ศ. ๒๕๖๓
(เดือนธันวาคม ๒๕๖๓)] โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในสาขาต่าง
ๆ เช่น การหารือเกี่ยวกับการออกแบบ การวางแผน และการดำเนินการตามกลยุทธ์
การออกกฎหมาย นโยบาย การติดตาม และการวิจัยในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน
การแลกเปลี่ยนกลยุทธ์เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศของเศรษฐกิจหมุนเวียนในสาขาสำคัญ
และการเสริมสร้างศักยภาพในการถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยีผ่านวิธีการที่เหมาะสม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
คู่ฉบับภาษาไทย จากคำว่า “มาตรา” เป็น “วรรค” ในทุกแห่งที่ปรากฏ
เพื่อให้สอดคล้องกับเอกสารที่มิใช่สนธิสัญญา
และควรพิจารณาความเชื่อมโยงที่คำนึงถึงหลักการของแนวทางการพัฒนา Bio-Circular-Green
Economy : BCG และความพร้อมในรายละเอียดของการดำเนินการ
เพื่อให้การขับเคลื่อนมีความสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
9586 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยกำหนดให้หน่วยงานผู้เบิกสามารถเปิดบัญชีกับธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งได้ด้วย
นอกเหนือจากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9587 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... | มท. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
แปลงที่ ๑ “ที่จับสัตว์น้ำลาดขะโมยฯ” บางส่วน และแปลงที่ ๒ “ลาดชะโดสาธารณประโยชน์”
ในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
เพื่อมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสวนดุสิตใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
วิทยาเขตสุพรรณบุรี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9588 | รายงานผลการประชุม High – level Ministerial Conference on Human Resources Development for the Changing World of Work ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) | รง. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ เห็นชอบ
และอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑
รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน
(High-level Ministerial Conference on Human
Resources Development for the Changing World of Work) ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ
(Video Conference) เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ณ
กระทรวงแรงงาน ซึ่งที่ประชุมได้รับรองร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน
ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓
และที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน
๒๕๖๓ และจะได้นำเสนอผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนรับทราบในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่
๓๗ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ต่อไป โดยร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ตลอดช่วงวัยในด้านการศึกษา
การฝึกอบรมทักษะฝีมือและการจ้างงาน การพัฒนาการศึกษาอย่างมีส่วนร่วมและการจ้างงานสำหรับทุกคน
และการเข้าถึงโอกาสในการจ้างงาน การจ้างงาน งานที่มีคุณภาพ
และความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบกิจการ เป็นต้น ๑.๒
เห็นชอบร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ
ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ๑.๔ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับทราบ
(for notation) ร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ
ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล
ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งในระหว่างและหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของแรงงานไทย
อันจะเพิ่มโอกาสในการได้รับการจ้างงานอย่างยั่งยืน
รวมทั้งเห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานในระบบและการเข้าถึงการจ้างงานสำหรับทุกคนมากกว่าการผลิตกำลังคนเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ซี่งจะทำให้แผนและกิจกรรมสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ ไม่ซ้ำซ้อนกับแผนและกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือด้านการศึกษาในกรอบการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน |
||||||||||||||||||||||||||||||
9589 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 | ทส. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒๘ ฉบับ โดยดำเนินการเสร็จแล้ว จำนวน ๖ ฉบับ
และอยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน ๒๒ ฉบับ เนื่องจากพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.
๒๕๖๒ เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ดังนั้น การออกกฎหมายลำดับรอง
จึงจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนโดยรอบด้าน
ประกอบกับพระราชบัญญัติป่าชุมชนฯ เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นใหม่
จึงจำเป็นต้องมีการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
เพื่อให้การออกกฎหมายลำดับรองมีความเหมาะสมกับบริบทในการจัดทำป่าชุมชน
และเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนด
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9590 | มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดสนับสนุนให้มีเม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการใช้จ่าย ทั้งรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายลงทุน
และเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้มากที่สุดหรือไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
โดยให้พิจารณาสนับสนุนโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กในเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะเมืองรองเป็นลำดับแรก
และมอบหมายให้หน่วยรับงบประมาณถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ๑.๒
การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการประกอบด้วย
หน่วยรับงบประมาณที่มีงบลงทุนอยู่ในระดับสูง โดยมีที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย
ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย
และที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
และให้มีการติดตามและประชุมหารือเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ เช่น
โครงการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นต้น ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือหรือระบบการติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งผลการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้การติดตามและเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างทันต่อเหตุการณ์และให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงการจัดทำแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในรูปแบบเฉพาะกิจเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙
ในช่วงระหว่างปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓
และให้มีการรายงานผลการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินการ
และข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขต่อคณะรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9591 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวบาล พ.ศ. .... | กษ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวบาล พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสัตวบาลขึ้น
โดยมีสภาการสัตวบาลเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจในการรับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวบาล
เพื่อส่งเสริมการประกอบวิชาชีพการสัตวบาล ควบคุมและกำหนดมาตรฐานการประกอบวิชาชีพการสัตวบาล
เพื่อให้การประกอบวิชาชีพการสัตวบาลเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9592 | การเข้าเป็นภาคีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) | พณ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9593 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... | ศธ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์
วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.
๒๕๔๖ ในเรื่องคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ
และวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9594 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ปปง. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ
ตลอดจนปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ๒.
เห็นชอบให้นำข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขข้อจำกัดด้านโครงสร้างและอัตรากำลัง
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินควรพิจารณาทบทวนโครงสร้างและอัตรากำลังให้สอดคล้องกับขั้นตอน
กระบวนงานในแต่ละภารกิจที่สามารถนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือทดแทนกำลังคน
ตลอดจนปรับเกลี่ยอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมให้สอดคล้องกับภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และขยายผลการนำ
Digital Technology มาใช้ในการปฏิบัติงานและการเชื่อมโยงหรือบูรณาการข้อมูลที่ไม่กระทบความมั่นคงของประเทศกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งมีการติดตามการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government)
และส่งเสริมจริยธรรมและการเสริมสร้างวินัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน
โดยอาจจัดทำข้อกำหนดจริยธรรมที่ควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ
สำหรับใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติตน
ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
และให้นำรายงานดังกล่าวพร้อมข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๓. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพิจารณาทบทวนภารกิจให้ครอบคลุมถึงกรณีที่มีสนับสนุนทางการเงินจากองค์กรไม่แสวงหากำไรของต่างประเทศอันอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9595 | ขอความเห็นชอบการรับรองเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน | รง. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน
จำนวน ๔ ฉบับ ซึ่งเป็นร่างเอกสารผลลัพธ์ที่ได้รับการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓ ได้แก่ (๑) ร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการเดินทางกลับประเทศมาตุภูมิและการคืนสู่สังคมของแรงงานต่างด้าวอย่างมีประสิทธิภาพ
(๒)
ร่างแผนงานอาเซียนว่าด้วยการขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็กภายในปี
ค.ศ. ๒๐๒๕ (๓) ร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการบูรณาการเพศภาวะให้เป็นกระแสหลักในนโยบายด้านแรงงานและการจ้างเพื่อมุ่งสู่งานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน
และ (๔) ร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการประเมินความเสี่ยงอาชีวอนามัยและความปลอดภัยสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศสมาชิก
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานด้านต่าง ๆ
เกี่ยวกับแรงงานที่ประเทศสมาชิกอาเซียนยังประสบปัญหา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานทั้ง ๔ ฉบับ
ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ๑.๓ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับทราบ
(for notation) เอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานทั้ง ๔ ฉบับ
ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน
จำนวน ๔ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
๓.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9596 | รายงานผลการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 2 | ทส. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน
๒๕๖๒ ที่ได้เคยมีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕
โดยกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน คือ
หากเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย และปรับพื้นที่ปลูกอ้อย
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี
และหากเป็นเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้
ได้แก่ (๑) กู้เงินเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย หรือเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย
เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๐ และ (๒)
กู้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๘ ปี แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๒ ๑.๒
เห็นชอบการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) .งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๑.๓
เห็นชอบการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๑ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ซึ่งกรอบวงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยที่เคยได้รับการจัดสรรตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีเพียงพอ ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๒.
ในส่วนของการขอรับการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มเติม
ให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑
มิถุนายน ๒๕๖๒ วงเงิน ๕๙๙.๔๓ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม
ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ
อย่างใกล้ชิด
ควรพิจารณาว่าการดำเนินการเป็นไปตามเงื่อนไขว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้และความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก
(WTO) หรือไม่
และควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการผลิตและการตลาดให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ภัยแล้ง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9597 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 4/2563 | สกพอ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งได้พิจารณาและมีมติเกี่ยวกับเรื่อง
แนวทางการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ ประกอบด้วย โครงการท่าเรือบก (Dry
Port) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
โครงการสะพานไทย และได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกำกับดูแลบูรณาการโครงการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการเชื่อมโยงแหลมฉบังกับนานาชาติ
และโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... และร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒.
อนุมัติร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง
แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... และร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน
โดยกำหนดแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
แผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค และรายการประกอบแผนผังใหม่
พื้นที่ประมาณ ๑๕๒ ไร่ บริเวณตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง จากเดิม
“ที่ดินประเภทชุมชนชนบท” (สีเหลืองอ่อน) เป็น
“ที่ดินประเภทเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ” (สีน้ำตาล)
และเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(EECi) โดยขยายพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเติม ในบริเวณวังจันทร์วัลเลย์
ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง รวมเป็นพื้นที่ประมาณ ๓,๔๕๔ ไร่
โดยเป็นพื้นที่อยู่ติดกันและต่อเนื่องกับพื้นที่เดิม
เพื่อรองรับการเข้าใช้พื้นที่ในกิจกรรมที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง
รวมทั้งพื้นที่ชุมชน (Community Zone) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรควบคุมดูแลและติดตามผลการอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างต่อเนื่อง
เพื่อกำกับให้การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ :
EECi เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดทำแผนผัง
และควรมีช่องทางที่สะดวกในการติดตาม ตรวจสอบ และรับข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียนต่าง
ๆ จากภาคประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์แก่นักลงทุนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องถึงการเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9598 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 เรื่อง โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี 2562 - 2564 และการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี 2559 - 2561 และปี 2562 - 2564 | อก. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑
มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่ได้เคยมีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔
โดยกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน คือ
หากเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย
และปรับพื้นที่ปลูกอ้อย กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี
และหากเป็นเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้
ได้แก่ (๑) กู้เงินเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย
หรือเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี เป็น
กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๐ และ (๒)
กู้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๘ ปี แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๒ ๑.๒ การพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย
งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๑.๓ การพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย
งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๑ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕)
ซึ่งกรอบวงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยที่เคยได้รับการจัดสรรตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีเพียงพอ ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๒.
ในส่วนของการขอรับการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มเติม
ให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่
๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ วงเงิน ๕๙๙.๔๓ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม
ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ อย่างใกล้ชิด ควรพิจารณาว่าการดำเนินการเป็นไปตามเงื่อนไขว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้และความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก
(WTO) หรือไม่
และควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการผลิตและการตลาดให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ภัยแล้ง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9599 | สรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
“ชิมช้อปใช้” และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินมาตรการฯ ระหว่างวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒-๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ (๒)
ผลการประเมินผลความคุ้มค่าและแบบสำรวจความพึงพอใจของมาตรการฯ
ในส่วนของความคุ้มค่าและความพึงพอใจ และ (๓) สรุปภาพรวมการดำเนินการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9600 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563)] | นร. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|