ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 471 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 9401 - 9420 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9401 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเที่ยง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๑๒ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเที่ยง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเที่ยง ในท้องที่ตำบลเพ็ญ
อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหมากเอียก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหมากเอียก ในท้องที่ตำบลป่าซาง
อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาควน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาควน ในท้องที่ตำบลตาดควัน
อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
จากด้านเหนือของเขื่อนเจ้าพระยา กิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านกล้วย
และตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ถึงกิโลเมตรที่ ๕๙.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลพยุหะ และตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ และจากด้านท้ายของเขื่อนเจ้าพระยา
กิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลตลุก และตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท
ถึงกิโลเมตรที่ ๑๗.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโพนางดำออก และตำบลโพนางดำตก อำเภอสรรพยา
จังหวัดชัยนาท เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
จากกิโลเมตรี่ ๒๖๗.๗๘๐ ในท้องที่ตำบลบางกระบือ และตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก
จังหวัดปทุมธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๒๙๘.๖๖๐ ในท้องที่ตำบลบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี
จังหวัดปทุมธานี และตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครปฐม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยก ๖ ขวา ของคลองซอย ๕ ซ้าย
ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ถึงกิโลเมตรที่ ๖.๑๘๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
และกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยก ๗ ขวา ของคลองซอย ๕ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
ถึงกิโลเมตรที่ ๙.๗๖๐ ในท้องที่ตำบลหนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสาย ๓
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสาย ๓ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๖๕๐ ในท้องที่ตำบลโรงเข้
อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๑๒.๕๐๐
ในท้องที่ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองน้ำไหล
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองน้ำไหล ในท้องที่ตำบลคลองน้ำไหล
อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๙.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา บ่อแสน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา บ่อแสน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ถึงกิโลเมตรที่
๓.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๐.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองห้วยใหญ่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๖.๘๐๐ ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ ตำบลนิยมชัย และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก
ในท้องที่ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย และตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย
จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9402 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหมากเอียง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาควน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กษ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๑๒ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเที่ยง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเที่ยง ในท้องที่ตำบลเพ็ญ
อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหมากเอียก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหมากเอียก ในท้องที่ตำบลป่าซาง
อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาควน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาควน ในท้องที่ตำบลตาดควัน
อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
จากด้านเหนือของเขื่อนเจ้าพระยา กิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านกล้วย
และตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ถึงกิโลเมตรที่ ๕๙.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลพยุหะ และตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ และจากด้านท้ายของเขื่อนเจ้าพระยา
กิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลตลุก และตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท
ถึงกิโลเมตรที่ ๑๗.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโพนางดำออก และตำบลโพนางดำตก อำเภอสรรพยา
จังหวัดชัยนาท เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
จากกิโลเมตรี่ ๒๖๗.๗๘๐ ในท้องที่ตำบลบางกระบือ และตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก
จังหวัดปทุมธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๒๙๘.๖๖๐ ในท้องที่ตำบลบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี
จังหวัดปทุมธานี และตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครปฐม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยก ๖ ขวา ของคลองซอย ๕ ซ้าย
ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ถึงกิโลเมตรที่ ๖.๑๘๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
และกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยก ๗ ขวา ของคลองซอย ๕ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
ถึงกิโลเมตรที่ ๙.๗๖๐ ในท้องที่ตำบลหนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสาย ๓
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสาย ๓ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๖๕๐ ในท้องที่ตำบลโรงเข้
อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๑๒.๕๐๐
ในท้องที่ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองน้ำไหล
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองน้ำไหล ในท้องที่ตำบลคลองน้ำไหล
อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๙.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา บ่อแสน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา บ่อแสน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ถึงกิโลเมตรที่
๓.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๐.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองห้วยใหญ่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๖.๘๐๐ ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ ตำบลนิยมชัย และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก
ในท้องที่ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย และตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย
จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9403 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 4 ฉบับ) | กษ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๑๒ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเที่ยง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำเที่ยง ในท้องที่ตำบลเพ็ญ
อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหมากเอียก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหมากเอียก ในท้องที่ตำบลป่าซาง
อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาควน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาควน ในท้องที่ตำบลตาดควัน
อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
จากด้านเหนือของเขื่อนเจ้าพระยา กิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านกล้วย
และตำบลชัยนาท อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ถึงกิโลเมตรที่ ๕๙.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลพยุหะ และตำบลน้ำทรง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ และจากด้านท้ายของเขื่อนเจ้าพระยา
กิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลตลุก และตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท
ถึงกิโลเมตรที่ ๑๗.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโพนางดำออก และตำบลโพนางดำตก อำเภอสรรพยา
จังหวัดชัยนาท เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำเจ้าพระยา
จากกิโลเมตรี่ ๒๖๗.๗๘๐ ในท้องที่ตำบลบางกระบือ และตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก
จังหวัดปทุมธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๒๙๘.๖๖๐ ในท้องที่ตำบลบางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี
จังหวัดปทุมธานี และตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครปฐม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยก ๖ ขวา ของคลองซอย ๕ ซ้าย
ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ถึงกิโลเมตรที่ ๖.๑๘๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
และกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแยก ๗ ขวา ของคลองซอย ๕ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
ถึงกิโลเมตรที่ ๙.๗๖๐ ในท้องที่ตำบลหนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสาย ๓
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสาย ๓ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๖๕๐ ในท้องที่ตำบลโรงเข้
อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำน่าน จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลพรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๑๒.๕๐๐
ในท้องที่ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองน้ำไหล
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองน้ำไหล ในท้องที่ตำบลคลองน้ำไหล
อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๙.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา บ่อแสน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา บ่อแสน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ถึงกิโลเมตรที่
๓.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๐.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองห้วยใหญ่ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๖.๘๐๐ ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่
ในท้องที่ตำบลมหาโพธิ ตำบลนิยมชัย และตำบลสระโบสถ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ต๊าก
ในท้องที่ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย และตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย
จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9404 | การเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ 19 ในประเทศไทย พ.ศ. 2566 | ศธ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งที่ ๑๙ ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๖
โดยมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ๒๕๖๖ ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ๑๐๐ พรรษา ชาตกาล ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
และกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศด้านวิชาการ และส่งเสริมการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์
โดยมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) (ซี่งมีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานมูลนิธิ) ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(สสวท.) จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และใช้เงินงบประมาณจาก สอวน.
จำนวนประมาณ ๗๙,๒๒๙,๔๕๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเตรียมการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้ สสวท.
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รายการเงินอุดหนุน สอวน.
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗
เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น
ประหยัด เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว
โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้
การดำเนินการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันดังกล่าว ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดย สสวท.
ติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
อย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9405 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ครั้งที่ 6/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบเรื่องที่สำคัญ ได้แก่
สถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุด
ความคืบหน้าแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ความคืบหน้ามาตรการคนละครึ่ง
ความคืบหน้ามาตรการเราเที่ยวด้วยกัน และที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการมาตรการต่าง ๆ
ได้แก่ มาตรการคนละครึ่ง ระยะที่สอง
มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมทั้งข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9406 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Project of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund) | อว. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
(Memorandum of Understanding on the Cooperation on Project of the
Mekong-Lancang Cooperation Special Fund) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งจะมีการลงนามในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ณ
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการงบประมาณที่ได้รับสนับสนุนจากงบประมาณกองทุน
MLC Special Fund ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
ให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้กองทุนอย่างสูงสุด โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแล ประเมินผลโครงการ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งมอบงบประมาณและการบริหารจัดการ
โดยเงินที่ส่วนราชการได้รับให้ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงของกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้างตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ
เป็นเงินที่หน่วยงานของรัฐได้รับตามโครงการช่วยเหลือ
หรือร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศ
ซึ่งสามารถเก็บเงินไว้ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องนำส่งคลัง และถือปฏิบัติตามกฎหมาย
หลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9407 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 | คค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ที่กระทรวงคมนาคมขอแก้ไขจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตและการอนุญาต
และการขอต่ออายุใบอนุญาต และการอนุญาตประกอบการขนส่งในส่วนของเอกสารและหลักฐาน
เพื่อให้การพิจารณาความเหมาะสมของผู้รับใบอนุญาตหรือขอต่ออายุใบอนุญาตมีข้อมูลที่ครอบคลุมเพียงพอและมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งให้การดำเนินการของนายทะเบียนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) ควรคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐ
โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เพื่อลดการใช้เอกสารซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน (๒)
ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓
ในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการบริหารราชการ
และให้บริการประชาชนในสภาวะวิกฤตที่มุ่งเน้นการนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service)
รวมทั้งเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชน
โดยการพัฒนาการให้บริการยื่นคำขออนุญาตหรือขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่งผ่านระบบ
e-Service
ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการอีกทางหนึ่งด้วย และ
(๓)
ควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณากำหนดมาตรฐานหรือลักษณะของรถที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในการประกอบการขนส่งตามข้อ
๙ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก
พ.ศ. ๒๕๒๒
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าวให้ทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
ตลอดจนสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9408 | รายงานสรุปผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะของรายงานคู่ขนานการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ | สนง. กสม. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะของรายงานคู่ขนานการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือและพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมมีมติว่า
ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีความสอดคล้องกับสิ่งที่หน่วยงานต่าง
ๆ ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งทางกฎหมาย นโยบาย และทางปฏิบัติ
จึงไม่มีข้อขัดข้องต่อการดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9409 | ร่างกฎกระทรวงการฝึกอบรมและการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขของสถานพยาบาลที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบโรคศิลปะหรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการฝึกอบรมและการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขของสถานพยาบาลที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบโรคศิลปะหรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขให้สถานพยาบาลสามารถจัดให้มีการฝึกอบรมและการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบโรคศิลปะหรือการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุข
เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพของสถานพยาบาล ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9410 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 เกี่ยวกับการจัดทำแผนบริหารความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต (Business Continuity Plan : BCP) ของหน่วยงานของรัฐ และแนวทางการยกระดับประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ | นร.12 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ เกี่ยวกับการจัดทำแผนบริหารความพร้อมต่อสภาวะวิกฤต (Business
Continuity Plan : BCP) ของหน่วยงานของรัฐ และเห็นชอบแนวทางการยกระดับประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ
โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับบริการภาครัฐอย่างต่อเนื่องแม้ในสภาวะวิกฤต
สามารถใช้บริการแบบเบ็ดเสร็จผ่าน e-Service ภาครัฐ
โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปติดต่อ ณ สถานที่ราชการด้วยตนเอง ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร.
เสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณามาตรการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนากำลังคนในภาครัฐด้วยการอบรมระยะสั้นทั้งภาคทฤษฎี
ภาคปฏิบัติ และการให้บริการ e-Service แก่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
ควรพิจารณารูปแบบการจัดทำแผน BCP ที่เปิดกว้างให้แต่ละหน่วยงานของรัฐสามารถจัดทำได้ในรูปแบบที่แตกต่างกันด้วยการนำแผนตัวอย่างของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปประยุกต์ให้เหมาะสมตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ควรพิจารณาบูรณาการงานด้าน e-Service
ภาครัฐอย่างเป็นระบบ ควรมีแนวทางการดำเนินงานตามแผน BCP ที่เป็นแนวทางร่วม
และมีมาตรฐานที่ทุกส่วนราชการสามารถนำไปปฏิบัติร่วมกันได้กรณีเกิดสภาวะวิกฤตในภาพรวมของประเทศ
และให้ส่วนราชการเร่งพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะด้านดิจิทัลให้แก่บุคลากรทุกระดับในหน่วยงานภาครัฐ
ควรจัดให้มีการฝึกซ้อมแผน BCP ทุกระดับ
โดยบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
และแผนประคองกิจการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ COVID-19 รวมทั้งควรให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่ายให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
โดยคำนึงถึงแหล่งเงินนอกงบประมาณที่มีเพียงพอและสามารถนำมาใช้ได้
รวมถึงพิจารณาการปรับแผนการปฏิบัติงาน
แผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานเพื่อจัดหาทรัพยากรในสภาวะวิกฤติ
และจัดทำแผนดำเนินงานที่แสดงความเชื่อมโยงการบริหารจัดการเชิงบูรณาการในทุกมิติของทุกภาคส่วน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9411 | (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 พ.ศ. 2564-2565 (ฉบับสมบูรณ์) | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ (ฉบับสมบูรณ์) เพื่อประกาศใช้ต่อไป
โดยสาระสำคัญของแผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) เป็นไปตามแนวคิด “ล้มแลว ลุกไว (Resilience) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาใน ๓ มิติ ได้แก่ การพร้อมรับ (Cope) การปรับตัว (Adapt) และการเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน
(Transform) ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญเป็นพิเศษในระยะ ๒
ปีข้างหน้าใน ๔ ประเด็น ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ
(Local Economy) การยกระดับขีดความสามารถของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
(Future Growth) การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ
(Human Capital) และการปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ
(Enabling Factors) เพื่อให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง เท่าทัน
มีศักยภาพในการรับและลดความเสี่ยง
สามารถสร้างสรรค์ผลประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
ตลอดจนยืนหยัดและเจริญเติบโตได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ๑.๒ แนวทางการดำเนินการขับเคลื่อน (ร่าง)
แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์ ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ
เพื่อให้การแปลงร่างแผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ไปสู่การปฏิบัติ สามารถดำเนินการบูรณาการได้และสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่งผลให้การบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-๑๙
เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและเกิดผลเป็นรูปธรรม ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้หน่วยงานของรัฐ
จัดทำแผนงาน โครงการ ที่สอดรับกับ (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ในโอกาสแรก
และเห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณนำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งได้จัดทำให้สอดคล้องกับ (ร่าง) แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์)
ไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำโครงการที่สามารถตอบสนองต่อเป้าหมาย/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณฯ
โดยคำนึงถึงความพร้อมและศักยภาพในการดำเนินการ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
เพื่อให้ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณฯ เป็นกลไกสนับสนุนการขับเคลื่อน (ร่าง)
แผนแม่บทเฉพาะกิจฯ (ฉบับสมบูรณ์) ให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กรอบวงเงินในภาพรวมของประเทศ
ทั้งนี้ ให้หน่วยงานรับงบประมาณเสนอรายละเอียดคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ภายในกำหนดเวลาตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9412 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ เช่น
รับทราบความคืบหน้าการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย และพิจารณาเรื่องต่าง ๆ
เช่น แผนการพัฒนาท่าเรือทางบก (Dry Port) และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภายใต้ความปกติใหม่
(New Normal) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เป็นต้น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กบส.
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอ
กบส. ตามขั้นตอนต่อไป ตามที่ กบส. เสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ ๒.๑
หน่วยงานที่มีการพัฒนาหรือกำลังจะพัฒนาระบบหรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ
การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การนำเข้า-ส่งออกสินค้า
และการชำระเงินค่าสินค้าระหว่างประเทศ ต้องเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลของประเทศไทย
(National Digital Trade Platform : NDTP) เพื่อสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) สำหรับอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศได้แบบเบ็ดเสร็จ
ครบวงจร ๒.๒
หน่วยงานภาครัฐต้องปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการทำงาน (reprocess) การให้บริการการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย
กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค ให้รองรับและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการทำงานภายใต้ความปกติใหม่
(New Normal) สามารถให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสมบูรณ์
ไร้รอยต่อ และให้บริการได้ตลอดเวลา โดยไม่มีวันหยุด ๒.๓
กรมศุลกากรควรเร่งรัดการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบ National Single
Window (NSW) เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
และเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์ม NDTP เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบการแบบเบ็ดเสร็จ
ครบวงจร ณ จุดเดียว ทั้งการเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐ (G2G) ภาครัฐกับภาคเอกชน
(G2B) และระหว่างภาคเอกชน (B2B) ๒.๔
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาให้สิ่งจูงใจแก่ผู้ประกอบการ เช่น
การให้สิทธิพิเศษด้านภาษี การให้บริการแบบด่วนพิเศษ (Fast
Track หรือ Priority Lane) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและกระตุ้นการใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Service) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9413 | (ร่าง) แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และให้รายงานต่อรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป โดยสาระสำคัญของ (ร่าง)
แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
เพิ่มด้านการปฏิรูปประเทศเป็น ๑๓ ด้าน (๒)
มีการปรับปรุงให้เหลือเฉพาะกิจกรรมปฏิรูปที่จะส่งผลต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big
Rock) สำหรับแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้
จำนวน ๖๒ กิจกรรม
ซี่งมีความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
(๓) เสนอให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย จำนวน ๔๕ ฉบับ และ (๔)
ตัดข้อเสนอในการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศออกทั้งหมด เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานของรัฐ
เพื่อจัดทำแผนงาน โครงการ ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
ในโอกาสแรก และจัดลำดับความสำคัญของประเด็นการปฏิรูปในแต่ละด้าน โดยให้ความสำคัญกับประเด็นการปฏิรูปที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในวงกว้าง
และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐเป็นลำดับแรกก่อน
รวมทั้งภารกิจหรือกิจกรรมใดที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณจะต้องมีลักษณะที่มุ่งเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ของงบประมาณ
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในภาพรวมของการบริหารจัดการภาครัฐ
ตลอดจนมีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
และผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณที่มีความต่อเนื่องและเหมาะสมกับสถานการณ์
ตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศ
(ฉบับปรับปรุง) และให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ หน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันขับเคลื่อนแผนการปฏิรูปประเทศให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
๓.
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องจัดทำหรือปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ
ตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งรัดดำเนินการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9414 | การขอความเห็นชอบต่อร่างกรอบความร่วมมือของอาเซียนเพื่อส่งเสริมการรับรู้ เข้าถึง และใช้ประโยชน์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์ดิจิทัล | นร.02 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือของอาเซียนเพื่อส่งเสริมการรับรู้
เข้าถึง และใช้ประโยชน์ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อโทรทัศน์ดิจิทัล (Framework
for Promoting Accessibility for All in ASEAN Digital Broadcasting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในฐานะรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนของไทยรับรองร่างกรอบความร่วมมือฯ แบบเวียน (Ad-referendum)
โดยกรมประชาสัมพันธ์จะประสานสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อแจ้งยืนยันการรับรองของไทย
โดยร่างกรอบความมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนในการส่งเสริมบริการโทรทัศน์เพื่อการเข้าถึงของประเทศสมาชิกอาเซียน
ซึ่งประชาคมอาเซียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในการสร้างประชาคมที่เข้มแข็งและครอบคลุม
โดยมุ่งส่งเสริมการให้บริการโทรทัศน์เพื่อการเข้าถึง ได้แก่ คำบรรยายแทนเสียง (Closed
Caption) เสียงบรรยายภาพ (Audio Description) และภาษามือ
(Sing Language Interpretation) ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
(กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์)
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9415 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 2 | กษ. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการแก้ไขเอกสารในหน้า ๒ ของเอกสารแนบ ๖ ของหนังสือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ด่วนที่สุด ที่ กษ ๒๙๐๘.๐๒/๓๖๘๔ ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓ จากเดิม “ข้อ ๔.๔ (๒)
ราคากลางอ้างอิงการขาย หมายถึง ราคาที่คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิงประกาศทุก ๒
เดือน (บาทต่อกิโลกรัม) โดยพิจารณาจากราคาตลาดกลางยางพารา, SICOM,
TOCOM, เซี่ยงไฮ้ และปัจจัยอื่น ๆ” เป็น “ข้อ ๔.๔ (๒) ราคากลางอ้างอิงการขาย
หมายถึง ราคาที่คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิงประกาศทุก ๑ เดือน (บาทต่อกิโลกรัม)
โดยพิจารณาจากราคาตลาดกลางยางพารา, SICOM, TOCOM, เซี่ยงไฮ้
และปัจจัยอื่น ๆ” ๒.
สำหรับกรณีการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่แจ้งพื้นที่ปลูกยาง
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) กำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนวิธีการและเงื่อนไขการดำเนินงานและการจ่ายเงินให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
และหากมีปัญหาข้อกฎหมาย ควรหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการเรื่องการครอบครองที่ดินเพื่อทำการเกษตรและการช่วยเหลือเกษตรกรให้เป็นไปอย่างทั่วถึง
รวมทั้งควรพิจารณาแนวทางและมาตรการดำเนินการที่เหมาะสม สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาในทุกมิติในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่า
เพื่อเร่งยุติปัญหาที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9416 | ขอความเห็นชอบการปรับโครงสร้างเงินเดือนขั้นสูงของตำแหน่งรองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
ปรับโครงสร้างเงินเดือนขั้นสูงของตำแหน่งรองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จากอัตรา
๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นอัตรา ๒๓๕,๙๐๐ บาท (เพิ่มขึ้น ๓๕,๙๐๐ บาท)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ
และคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น กฟภ.
ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้
รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยง
เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน
รวมถึงฐานะทางการเงินในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9417 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกับหน่วยข่าวกรองทางการเงินแห่งราชอาณาจักรภูฏาน | ปปง. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกับหน่วยข่าวกรองทางการเงินแห่งราชอาณาจักรภูฏาน
และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ฝ่ายไทย โดยบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวม ขยายผล พัฒนา
และวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินที่ต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางอาญาที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒.
ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า
ในการแลกเปลี่ยน การใช้ หรือการเผยแพร่ข้อมูลใด ๆ ตามบันทึกความเข้าใจฯ
โดยเฉพาะที่มีการดำเนินการผ่านช่องทางไปรษณีย์หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
เห็นควรให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบภายในของประเทศ
โดยตระหนักถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9418 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. .... | มท. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕
ที่ให้โอนบรรดากิจการและอำนาจหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
(สำนักงาน กปอ.) ไปเป็นของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) คำนิยาม “อุบัติภัย”
เห็นควรพิจารณาให้มีความชัดเจนว่าครอบคลุมถึงอุบัติเหตุจากการจราจรทางรางหรือไม่
หรืออุบัติเหตุขบวนรถไฟชนยานพาหนะด้วยหรือไม่ (๒) ควรตัดถ้อยคำปรารภคำว่า
“สำนักนายกรัฐมนตรี” และ “พ.ศ. ๒๕๓๘” ออก และเห็นควรแก้ไขคำว่า “อำนาจหน้าที่”
ในร่างข้อ ๙ ของร่างระเบียบฯ (๓) ร่างข้อ ๕ ต้องพิจารณาการกำหนดองค์ประกอบของ
สำนักงาน กปอ. ไว้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างคล่องตัว
และไม่เป็นการสร้างภาระงานที่ไม่จำเป็น
โดยในชั้นนี้ขอเสนอให้ตัดเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาออก เพราะสามารถเชิญให้ไปชี้แจงเป็นครั้งคราวได้อยู่แล้ว
ร่างข้อ ๘ เมื่อได้พิจารณากำหนดองค์ประกอบของ สำนักงาน กปอ.
ให้มีเพียงเท่าที่จำเป็นแล้ว ควรกำหนดองค์ประชุมเป็นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด
และหน้าที่ตามร่างข้อ ๙ (๕) (๖) และ (๗) เป็นภารกิจปกติของ ปภ. อยู่แล้ว
สมควรตัดออก และ (๔) นิยามคำว่า “สาธารณภัย”
ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ครอบคลุมถึงนิยามคำว่า
“อุบัติภัย” ของร่างระเบียบฯ แล้ว
เห็นควรพิจารณากำหนดกลไกที่ใช้ในการขับเคลื่อนผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
จึงเห็นควรพิจารณากำหนดให้ สำนักงาน กปอ.
มีหน้าที่ในการจัดทำแผนหลักด้านการป้องกันอุบัติภัยของประเทศ
โดยอาจจะกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้จัดทำแผนระดับ ๓
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ แล้วจัดให้ สำนักงาน กปอ.
ใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผน
รวมทั้งเห็นควรให้มีการพิจารณากำหนดกลไกการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่เพิ่มเติม
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า
ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามร่างระเบียบฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้
ปภ. ใช้จ่ายตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ส่วนภาระค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อไป
ขอให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9419 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2563 | นร.11 | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงานหรือโครงการ รวมถึงรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน รอบที่ ๒ (ระหว่างวันที่ ๑ สิงหาคม ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๓) ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้
ความเข้าใจ ให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามประเมินผล
และรายงานผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
โปร่งใส และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการหรือหารือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9420 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย อำเภอสูงเม่น อำเภอเมืองแพร่ อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา และอำเภอป่าแดด อำเภอเทิง อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ พ.ศ. .... | คค. | 08/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย อำเภอสูงเม่น อำเภอเมืองแพร่
อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง อำเภอเมืองพะเยา
อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา และอำเภอป่าแดด อำเภอเทิง
อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง อำเภอเชียงของ
จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อสร้างทางรถไฟ และทางและสะพานข้ามทางรถไฟ
ตามโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอเด่นชัย
อำเภอสูงเม่น อำเภอเมืองแพร่ อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ อำเภองาว จังหวัดลำปาง
อำเภอเมืองพะเยา อำเภอดอกคำใต้ อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา และอำเภอป่าแดด
อำเภอเทิง อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง
อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|