ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 474 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 9461 - 9480 จากข้อมูลทั้งหมด 124007 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9461 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ประจำปี 2563 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย | สธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๓ (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the
Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2020) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม
ในบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อรับมอบงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการ Strengthening
on HIV/AIDS Cooperation in the CCLM (Cambodia, China, Lao PDR, Myanmar)
Countries โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ วงเงิน ๑๙๘,๓๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (๕.๙๘๐๗
ล้านบาท) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยให้มีการพัฒนาแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านเอชไอวีและเอดส์
ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรสาธารณสุข
และช่วยส่งเสริมการดำเนินงานสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการระบุชื่อโครงการไว้ในชื่อของบันทึกความเข้าใจฯ
เพื่อให้บันทึกความเข้าใจแต่ละฉบับมีชื่อเฉพาะที่ชัดเจนขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9462 | ขอเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 | พณ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๓/๖๔
รอบที่ ๑ จำนวน ๑๘,๐๙๖.๐๖ ล้านบาท เป็น ๔๖,๘๐๗.๓๕ ล้านบาท และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และปีถัด ๆ ไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลัง
(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดและกำกับดูแลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรให้รวดเร็ว
ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณตามโครงการประกันรายได้ฯ ให้มีความถูกต้อง
โปร่งใส เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรอย่างแท้จริง
ควรมีการติดตามการซื้อขายข้าวเปลือกให้เป็นไปตามคุณภาพข้าว
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่ส่งผลต่อราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง
และควรเร่งรัดการดำเนินงานตามมาตรการคู่ขนานต่าง ๆ
ให้มีผลต่อการยกระดับราคาข้าวเปลือกให้เพิ่มสูงขึ้น
เพื่อนำไปสู่การลดภาระงบประมาณในการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้ฯ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและบูรณาการการดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพข้าวหรือพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ให้มีความเป็นเอกภาพ
รวมทั้งกำหนดแนวทางการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล
โดยคำนึงถึงต้นทุนและงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
แล้วให้รายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9463 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา 63/15 วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | อว. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา ๖๓/๑๕ วรรคหก
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.
๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐในกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานในกำกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจ
หน่วยงานที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ และองค์การมหาชน เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบให้เพิ่มเติมกรณีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นส่วนราชการ
แต่ไม่มีฐานะเป็นกรมเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9464 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 53 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๓ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๙-๑๒ กันยายน
๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมและร่วมหารือเกี่ยวกับการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลัง
ค.ศ. ๒๐๒๕ และการทบทวนแผนงานประชาคมอาเซียนทั้ง ๓ เสา
การหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) โดยย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือทั้งด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัส
การจัดทำมาตรฐานวิธีปฏิบัติของอาเซียนสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
และการใช้ประโยชน์จากกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-๑๙ การหารือเกี่ยวกับบทบาทของอาเซียนในการสนับสนุนการพัฒนาในอนุภูมิภาคต่าง
ๆ ในอาเซียน รวมทั้งการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
และความสัมพันธ์กับภาคีภายนอกอาเซียน และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9465 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 13 | กต. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น
ครั้งที่ ๑๓ เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมและร่วมให้การรับรองถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น
ครั้งที่ ๑๓ ว่าด้วยความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นเพื่อการบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างบูรณาการ
โดยสาระสำคัญของถ้อยแถลงร่วมฯ ไม่แตกต่างจากร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ ๘ กรกาคม ๒๕๖๓
แต่มีประเด็นเพิ่มเติม เช่น การริเริ่มในการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับมือกับโควิด-๑๙
และสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขอื่น ๆ เป็นต้น
รวมทั้งถ้อยแถลงของผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ที่ร่วมส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคระบาดบนพื้นฐานของความพยายามในการบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและเพื่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างบูรณาการผ่านความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9466 | รายงานสรุปผลการดำเนินการต่อรายงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีกรณีองค์การบริหารส่วนตำบลบางหินไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร | สม. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการต่อรายงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีกรณีองค์การบริหารส่วนตำบลบางหินไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ได้แก่ กรณีที่ให้เร่งออกข้อบัญญัติท้องถิ่นตามมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และกรณีที่ให้ดำเนินคดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัด
กัญญาภัทรการโยธา ฐานฝ่าฝืนมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน ฑ.ศ. ๒๕๔๓
และมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามรายงานดังกล่าว
โดยได้กำกับดูแลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามอำนาจหน้าที่เรียบร้อยแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9467 | การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองเดนเวอร์เป็นการชั่วคราว (นายโดนัลด์ วิลเลียม ริงส์บี) | กต. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑.
การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด
สหรัฐอเมริกา ของนายโดนัลด์ วิลเลียม ริงส์บี (Mr. Donald
William Ringsby) ๒. การปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองเดนเวอร์
รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9468 | การปลดล็อกด้านกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจหรือ Regulatory Guillotine | นร. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า
การปลดล็อกด้านกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
หรือ Regulatory Guillotine เป็นหนึ่งในข้อเสนอเพื่อยกระดับประเทศไทยสู่
๑๐ อันดับประเทศที่ประกอบธุรกิจได้ง่าย [Ease of Doing Business (EODB)] โดยที่ผ่านมาสำนักงาน ก.พ.ร. ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว
จนทำให้อันดับของประเทศไทยใน EODB ในปีที่แล้ว
ขึ้นสู่อันดับที่ ๒๑ จากเดิม ในอันดับที่ ๒๖ และในเรื่องนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน
๓ สถาบัน [สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย (กกร.)] ได้ให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
(TDRI) ศึกษาวิจัยว่ามีกฎหมายทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน
ฉบับใดที่สมควรปรับปรุงแก้ไขหรือยกเลิกโดยเร่งด่วน ซึ่ง TDRI ดำเนินการเสร็จแล้ว ๑,๐๙๔ กระบวนงาน
สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการศึกษาวิจัยดังกล่าวมาดำเนินการขับเคลื่อนให้มีการยกเลิก
(cut) กฎหมายที่ไม่มีการใช้แล้ว
ปรับเปลี่ยนกฎหมายที่ล้าสมัยให้เหมาะสม (change) รวบรวมกฎหมายหรือกฎระเบียบที่มีความเชื่อมโยงกัน
(combine) เพื่อให้เข้าถึงง่าย
หรือยกร่างกฎหมายหรือกฎระเบียบในเรื่องที่มีความจำเป็นแต่ยังไม่มีกฎหมายหรือกฎระเบียบรองรับ
(create) และอาจใช้เรื่องนี้เป็นตัวชี้วัด (KPI) หนึ่งในการประเมินหน่วยงานด้วยก็ได้ ๒.
รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงเพิ่มเติมว่า
คณะรัฐมนตรีได้ดำเนินการเพื่อให้เกิดการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน
รวมทั้งสร้างความสามารถในการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยเสนอให้มีการตราพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๘
และปัจจุบันได้มีพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมายประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายในความรับผิดชอบทุกฉบับอย่างช้าทุก
๕ ปี นับแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ เพื่อให้กฎหมายทุกระดับเหมาะสมแก่กาลสมัย
ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องถือปฏิบัติให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าวต่อไป ๓.
ให้การปลดล็อกด้านกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
หรือ Regulatory Guillotine ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลและตัวชี้วัดผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วย
เพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9469 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วของยานพาหนะ พ.ศ. .... | คค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วของยานพาหนะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความเร็วในการขับรถในทางหลวงแผ่นดิน
ทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถที่จัดแบ่งช่องทางเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ ๒
ช่องเดินรถ มีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น (Barrier Median) และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน รวมทั้งกำหนดความเร็วขั้นต่ำ
สำหรับการขับรถในช่องเดินรถช่องทางขวาสุดของทางเดินรถในทางหลวง
เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการขนส่งและจราจรของประเทศ
ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาการจราจรและระบายการจราจรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดอัตราความเร็วของรถซึ่งใช้ในทางนั้น
มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ที่วางหลักเกณฑ์ทั่วไปในการใช้รถใช้ถนน
และมีบทบัญญัติให้มีการออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดอัตราความเร็วของรถไว้ด้วยเช่นกัน
ควรต้องมีการพิจารณาเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องอัตราความเร็วของรถซึ่งใช้ในทางตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงและกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกทั้งสองฉบับให้มีความสอดคล้องกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทติดตามและประเมินผลการบังคับใช้กฎกระทรวงฯ
ในเส้นทางนำร่อง เพื่อประกอบการพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการระยะถัดไป
และเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้ขับขี่อย่างทั่วถึง
รวมทั้งเร่งติดตั้งอุปกรณ์ ป้ายกำหนดความเร็ว และสัญญาณเตือน นอกจากนี้
เห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณานำกฎหมายฉบับดังกล่าวบรรจุไว้ในหลักสูตรการอบรมภาคทฤษฎีสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9470 | รายงานผลการจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเรื่อง 10 ข้อเสนอ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ 10 อันดับประเทศที่ประกอบธุรกิจได้ง่ายที่สุด (Ten for Ten) | นร.12 | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเรื่อง
๑๐ ข้อเสนอ เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ ๑๐ อันดับประเทศที่ประกอบธุรกิจได้ง่ายที่สุด
(Ten for Ten) โดยสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการประชุมชี้แจง
เรื่อง “การพัฒนาการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ”
เมื่อที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
เป็นประธาน เพื่อชี้แจงและสื่อสารสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าในการปรับปรุงประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจตามแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก
(Doing Business) ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการขับเคลื่อนการดำเนินงานดังกล่าว
ให้แก่ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ผู้แทนหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย
ผู้แทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน ผู้แทนธนาคารโลก
ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน พร้อมทั้งได้จัดงานแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9471 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | ศย. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้การพ้นจากตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัว
ศาลแรงงาน และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ
หรือให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และกำหนดให้การพ้นจากตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบบางกรณีในศาลเยาวชนและครอบครัว
ศาลแรงงาน
และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมก่อนดำเนินการต่อไป
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ดังนี้ ๑. มาตรา ๓
ของร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... โดยแก้ไขเพิ่มเติมความใน (๕) และ (๗) ของมาตรา ๑๕
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐
จากเดิมที่กำหนดให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
เป็นให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญฯ ๒. มาตรา ๓
ของร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยแก้ไขเพิ่มเติมความใน (๖) ของมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ จากเดิมที่กำหนดให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
เป็นให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9472 | รายงานประจำปี 2562 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๒
ของกองทุนการออมแห่งชาติ ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนการออมแห่งชาติ
ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
งบการเงินดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9473 | การบรรจุและแต่งตั้งผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายจุฬา สุขมานพ) | คค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติบรรจุและแต่งตั้ง
นายจุฬา สุขมานพ ผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9474 | รัฐบาลสาธารณรัฐรวันดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐรวันดาประจำประเทศไทย (นายเออร์เนสต์ รวามิวซีโย) | กต. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเออร์เนสต์ รวามิวซีโย (Mr. Ernest Rwamucyo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐรวันดาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น สืบแทน นายชาลส์ มูริกันเด (Mr. Charles Murigande)
ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9475 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวชนานัญ บัวเขียว) | พน. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวชนานัญ บัวเขียว ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9476 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายณัฐพงษ์ นวลมาก) | ศธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นายณัฐพงษ์ นวลมาก ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวัลลพ สงวนนาม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายไพศาล วุทฒิลานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายชัยณรงค์ ป้องบ้านเรือ ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค
๗ สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายชาตรี
ม่วงสว่าง ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค
๑๕ สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายอรรถพล สังขวาสี ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ คณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9477 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (นางสาวนิโคลา เทรซี เคต ฮูด) | กต. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวนิโคลา เทรซี เคต ฮูด (Miss Nicola Tracy Kate Hood) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม
จังหวัดสุราษฎร์ธานี สืบแทน นายเดฟ
คัฟวีย์ (Mr. Dave
Covey) ซึ่งลาออกและพ้นจากหน้าที่แล้ว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9478 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๔๖ เกี่ยวกับมาตรการทั่วไปและมาตรการพิเศษในการคุ้มครองพยาน
หน้าที่และอำนาจของสำนักงานคุ้มครองพยาน
และอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการคุ้มครองความปลอดภัยของพยาน
และหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่พยาน เพื่อให้พยานเกิดความเชื่อมั่น
ได้รับความคุ้มครองและได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9479 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาชญาวิทยา ๒. ศาสตราจารย์อุดม รัฐอมฤต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๓ ว่าที่พันตรีสมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานยุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9480 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดของบัตรภาษี พ.ศ. .... | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดของบัตรภาษี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวิธีการจ่ายเงินชดเชยจากรูปแบบกระดาษเป็นรูปแบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับชำระค่าภาษีอากร
โดยกำหนดให้บัตรภาษีมีแบบ ลักษณะ ราคา และรายละเอียดเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานที่กำหนดในระบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
(Digital Tax Compensation : DTC) ของกรมศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
เนื่องจากบัตรภาษีหรือบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าที่คำนวณได้เป็นจำนวนและสามารถนำไปใช้จ่ายเป็นค่าภาษี
รวมทั้งสามารถโอนไปยังบุคคลอื่นได้ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย
บัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสำคัญที่จำเป็นต้องดูแลให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
และการกำหนดมาตรฐานตามข้อ ๓ ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
จึงจำเป็นต้องครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงสำคัญของบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
โดยมีมาตรฐานการจัดการบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมาตรการป้องกันการปลอมแปลง
การเรียกหรือชำระเงิน
และการนำบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใช้งานแล้วกลับมาใช้ซ้ำอีก
รวมทั้งมาตรการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์และระบบบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
(Digital Tax Compensation) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|