ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 440 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8781 - 8800 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8781 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล พ.ศ. .... | กค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล
พ.ศ. .... ตามที่เสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8782 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ การจัดเก็บ การจัดแยก การจัดทำและแสดงเครื่องหมาย การจัดให้มีเอกสารที่จำเป็นและการขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ พ.ศ. .... | คค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการเกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ การจัดเก็บ การจัดแยก
การจัดทำและแสดงเครื่องหมาย
การจัดให้มีเอกสารที่จำเป็นและการขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ
การจัดเก็บ การจัดแยก การจัดทำและแสดงเครื่องหมาย การจัดให้มีเอกสารที่จำเป็น
และการขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เพื่อให้การดำเนินงานของกรมเจ้าท่าตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และเพื่อให้เกิดความมั่นคง ปลอดภัย และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำของประเทศโดยรวม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรทบทวนการใช้ถ้อยคำของร่างข้อ
๓ (๕) “การปิดไว้อย่างมั่นคง” ไม่ได้ลดความเป็นอันตรายของภาชนะที่บรรจุ
แก้ไขข้อความของร่างข้อ ๓ (๖) เนื่องจากหีบห่อ หมายถึงวัสดุที่ห่อหุ้มด้านนอก แต่ภาชนะมีการสัมผัสของเหลว
ร่างข้อ ๓ (๗) วัสดุซึมซับหรือวัสดุบุรองที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับหีบห่อของเหลวต้องมีความสามารถในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย
สามารถป้องกันการเคลื่อนไหวโดยทำการหุ้มรอบภาชนะอยู่ตลอดเวลาต้องมีปริมาณเพียงพอที่จะซึมซับของเหลวได้ในกรณีรั่วไหล
รวมทั้งระบุหรือแยกวัตถุประสงค์ของวัสดุซึมซับและวัสดุบุรองที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับของเหลว
ร่างข้อ ๖ และร่างข้อ ๙ ควรทบทวนข้อความในส่วนของหลักเกณฑ์การจัดเก็บและจัดแยกต่างหากจากกัน
เนื่องจากร่างข้อ ๖ (๑) และ (๒) เป็นข้อความที่มุ่งเฉพาะสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ที่อาจเกิดระเบิดได้ในเรือ
ซึ่งมีความสอดคล้องกับร่างข้อ ๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8783 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM๒.๕
ของคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ว่า
การกำหนดหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการป้องกันและการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM๒.๕ นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ
และให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นกลไกหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ประกอบกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองได้กำหนดให้กระทรวงมหาดไทย
จังหวัด และกรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานหลักตามมาตรการที่ ๑
การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่
จึงควรถือเป็นหลักในการดำเนินการต่อไป สำหรับการออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM๒.๕
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกรมอุตุนิยมวิทยาควรผลักดันและขยายผลให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป
ส่วนระบบการวัดค่าการพยากรณ์คุณภาพอากาศ และการแจ้งเตือนฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM๒.๕ ได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับการวิจัยและพัฒนาระบบการตรวจอย่างต่อเนื่อง
และได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์ผ่านแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้ การประกาศเขตควบคุมมลพิษตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ แทนการประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.
๒๕๓๕ นั้น ควรต้องมีข้อมูลประกอบเหตุผลในการประกาศที่ชัดเจน
และการส่งเสริมอาชีพในชุมชน
โดยให้ชุมชนเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากการผลิตหน้ากากอนามัยมีขั้นตอนการผลิตที่ยากกว่าหน้ากากผ้า
รวมถึงต้องพิจารณาประเด็นต้นทุนการผลิตด้วย
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8784 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่ด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตร์เพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8785 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.12 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (สธท.) ให้สอดคล้องกับภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง เช่น ควรตัดความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มาตรา ๕ (๖) เรื่องอำนาจการกู้ยืมเงินของ สธท. ออก แก้ไขข้อความร่างมาตรา ๘ วรรคท้าย เป็น “ระเบียบที่เกี่ยวกับการจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีเป็นสูญ ตาม (๖) (ฉ) ต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และการกำหนดตาม (๖) (ฌ) และ (๖) (ญ) ให้เป็นไปตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด” และให้นำข้อความในมาตรา ๑๘ (๖) (ฉ) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับการพัสดุและการจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีเป็นสูญออก เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8786 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (แก้ไขเพิ่มเติมอัตราดอกเบี้ยในกฎหมาย) | นร.09 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย ได้แก่
อัตราดอกเบี้ยที่มิได้กำหนดโดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง
และอัตราดอกเบี้ยผิดนัด โดยปรับจากอัตราคงที่ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เป็น
ร้อยละสามต่อปี และร้อยละห้าต่อปีตามลำดับ และกำหนดฐานการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ในหนี้ที่เจ้าหนี้กำหนดให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเป็นงวด
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8787 | ขอความเห็นชอบต่อร่างข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเศรษฐกิจหมุนเวียน | ทส. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย
ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และเศรษฐกิจหมุนเวียน และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม
โดยร่างข้อตกลงความร่วมมือฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการดำเนินงานความร่วมมือในการส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
เพื่อป้องกันการรั่วไหลของขยะพลาสติกลงสู่ทะเล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8788 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,372.41 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ (จำนวน 5 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๓๗๒.๔๑ ล้านบาท
ประกอบด้วย กรมทางหลวง จำนวน ๔๐ รายการ วงเงิน ๙๘๕.๓๒ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท
จำนวน ๔๙ รายการ วงเงิน ๓๘๗.๐๙ ล้านบาท เพื่อซ่อมแซม/บูรณะทางหลวงแผ่นดิน
ทางหลวงชนบท และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยเนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ภาคใต้
๕ จังหวัด ซึ่งถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติของกระทรวงมหาดไทย ได้แก่
จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พัทลุง และสุราษฎร์ธานี
โดยมีขอบเขตงานซ่อมแซม/บูรณะ อาทิ งานฟื้นฟูโครงสร้างทางชำรุดเสียหาย
งานก่อสร้างและซ่อมแซมสะพาน งานก่อสร้างโครงสร้างระบายน้ำ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมบูรณาการแนวทางการจัดการอุทกภัยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการบูรณะทางหลวงแผ่นดิน
ทางหลวงชนบท และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
โดยคำนึงถึงคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย การบริหารจัดการที่เป็นระบบและการลดความซ้ำซ้อนด้านงบประมาณ
เพื่อให้สามารถรับมือผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัย
รวมถึงภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8789 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยการค้าข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการค้าแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย | พณ. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยการค้าข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการค้าแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยร่าง
MOU
มีสาระสำคัญเป็นความตกลงการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ (G
to G) ซึ่งรัฐบาลไทยตกลงจะขายข้าวขาว ๑๕%-๒๕%
ให้แก่รัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียปริมาณไม่เกิน ๑ ล้านตันต่อปี
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตของทั้งสองประเทศและระดับราคาในตลาดโลก
และมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๔ ปี นับแต่วันลงนาม
เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนี่งได้แจ้งความประสงค์ขอยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นระยะเวลา
๖ เดือนล่วงหน้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนปฏิบัติตาม
MOU
ดังกล่าว
กระทรวงพาณิชย์ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะทำการซื้อขาย
รวมถึงชนิด คุณภาพ และปริมาณข้าวที่จะซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) เพื่อใช้ในการติดตามตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินงานดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8790 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน แผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่ตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล | มท. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
ในการดำเนินการแผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่ตำบลนาทอน
ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล
ในพื้นที่ป่าชายเลนในตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า
จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๓ ไร่ ๔๘ ตารางวา (๓.๑๒ ไร่) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง
ซึ่งไม่สามารถขุดเจาะบ่อบาดาลได้ โดยจะดำเนินการขยายเขตจำหน่ายน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค
สาขาละงู เพื่อจ่ายน้ำให้แก่พื้นที่ใน ๓ ตำบลดังกล่าว ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องมีการวางท่อประปา
ระยะทางประมาณ ๑๐.๔๘ กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าชายเลน
ตามมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๓) ซึ่งห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนทุกกรณีทั้งภาครัฐและเอกชน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย
(การประปาส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ เช่น
การเปลี่ยนชื่อสายทางในแนวทางท่อประปา และการให้การประปาส่วนภูมิภาคนำเงินรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงป่าชายเลน
เป็นต้น ไปดำเนินการต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8791 | รายงานผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ | ปปท. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
(ศอตช.) ตามที่สำนักานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน
ป.ป.ท.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน ๖ คณะ
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ศอตช. ซึ่งมีผลการดำเนินงาน เช่น (๑) จัดทำแนวทาง มาตรการ
เสริมสร้าง และประสานความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
ในการป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ และ (๒) บูรณาการการดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและไม่เป็นธรรมให้ประชาชนโดยเร็ว
เป็นต้น ๒. ศอตช. ได้จัดทำระบบรับเรื่องร้องเรียน
ศอตช. ทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่เกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบเป็นการเฉพาะ โดยตั้งแต่วันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ รับเรื่องร้องเรียน จำนวน ๒๙๗ เรื่อง
ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๑๐ เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๑๘๗ เรื่อง ๓. การดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
รวมจำนวน ๘ คำสั่ง (ที่ให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกตรวจสอบการกระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่)
จำนวน ๔๐๐ ราย ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๓๐๐ ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน
๑๐๐ ราย ๔. การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ เรื่อง กลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย
การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการป้องกันและลดโอกาสการทุจริต การตรวจสอบ และการดำเนินมาตรการทางปกครอง
วินัย อาญา ๕.
การติดตามผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ (เดิม)
ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๒๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ จำนวน ๓ คณะ ประกอบด้วย (๑)
คณะรัฐมนตรีและภาคเอกชนร่วมกันกำหนดบัญชีดำ (Black List) ห้ามทำธุรกรรมกับภาครัฐ
สำหรับบริษัท ห้างร้าน นิติบุคคล
ที่มีสินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและสนับสนุนการทุจริตในภาครัฐ (๒) คณะกำหนดความผิดของนิติบุคคลเกี่ยวข้องกับคดีทุจริต
ประพฤติมิชอบและผู้ร่วมกระทำความผิด และ (๓) คณะกำหนดกลไกประสานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การปราบปรามการทุจริต ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในท้ายบันทึกของสำนักงาน
ป.ป.ท. ว่า “ทราบ/ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม/บัญชี Black List ทำให้ชัดเจน ประชาสัมพันธ์เป็นผลงานให้สังคมทราบ”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8792 | ร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด พ.ศ. .... | พน. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขนส่งก๊าซธรรมชาติด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด
เพื่อให้มีความปลอดภัยในการประกอบกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด
และป้องกันไม่ให้เกิดอัคคีภัยหรืออันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัดในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8793 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2563 เรื่อง การแก้ไขข้อบังคับว่าด้วยการประชุมและการลงมติ [ร่างข้อบังคับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่าด้วยการประชุมและการลงมติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สกพอ. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรื่อง
การแก้ไขข้อบังคับว่าด้วยการประชุมและการลงมติ ซึ่ง กพอ. มีมติเห็นชอบร่างข้อบังคับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ว่าด้วยการประชุมและการลงมติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อบังคับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ว่าด้วยการประชุมและการลงมติ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยกำหนดให้การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๓ และกำหนดให้ กพอ. สามารถลงมติโดยใช้มติเวียนในกรณีที่ไม่สามารถจัดการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ในกรณีที่เร่งด่วนอย่างยิ่งถ้าไม่ดำเนินการจะเกิดความเสียหาย
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ ๒. ให้ สกพอ.
รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ให้พิจารณาใช้ระบบควบคุมการประชุมที่สามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เรื่อง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.
๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8794 | รายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ปช. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
(Integrity
and Transparency Assessment: ITA)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งผลการประเมิน ITA ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ มีหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมการประเมินทั้งสิ้น ๘,๓๐๓ แห่ง พบว่า
มีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมของประเทศเท่ากับ ๖๗.๙๐ คะแนน (ระดับปานกลาง)
โดยมีจำนวนหน่วยงานภาครัฐที่มีผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐผ่านค่าเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์เพียงร้อยละ
๑๓.๑๙ หรือ ๑,๐๙๕ หน่วยงาน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่ร้อยละ
๕๐ (ประมาณ ๔,๑๕๒ หน่วยงาน) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ ให้ส่งความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประเมิน ITA ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ไม่ได้มีการสอบทานข้อมูลระหว่างหน่วยงานผู้ประเมินกับหน่วยงานผู้เข้ารับการประเมินและมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกัน
ซึ่งในการประเมินครั้งต่อไปควรพิจารณาให้มีมาตรการสอบทานข้อมูลก่อนที่จะประกาศผลด้วย
และควรปรับหลักเกณฑ์การประเมิน ITA ให้เหมาะสมกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานที่เข้าร่วมการประเมิน
โดยกำหนดระดับคะแนนให้แตกต่างกันตามภารกิจ
และให้แจ้งชื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการตรวจสอบและให้คะแนนตามแบบตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะที่สามารถติดต่อประสานงานเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงตามกลุ่มภารกิจ
เป็นต้น ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒.
ให้หน่วยงานของรัฐรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งเปิดเผยข้อมูลสาธารณะเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8795 | การออกกฎกระทรวงเพื่อยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และกฎกระทรวงเพื่อรองรับการควบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ | กค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ รวม ๔ ฉบับ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งเกิดจากการควบบริษัทหลักทรัพย์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ เนื่องจากไม่มีความจำเป็น
และได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขออนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบกิจการบริษัทหลักทรัพย์เข้าด้วยกัน
โดยให้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ล่วงหน้าได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งเกิดจากการควบกิจการบริษัทหลักทรัพย์
เห็นควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทที่จะเกิดจากการควบรวมหรือบริษัทที่ประสงค์จะควบกิจการเข้ากัน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8796 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2564 | นร.11 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในส่วนของเรื่อง
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และรายงานผลการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของเรื่อง
การปรับปรุงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ม๓๓ เรารักกัน
ของสำนักงานประกันสังคม ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๓.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
โดยไม่มีความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมาย หรือสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐไปแล้ว
ผ่านกลไกการตรวจสอบจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ และในกรณีที่พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น
ให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ได้โดยเร็วด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8797 | การเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี (เดือนเมษายน 2564) | นร 05 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า
นายกรัฐมนตรีมีบัญชาเห็นชอบให้เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งตรงกับวันหยุดราชการในเดือนเมษายน
๒๕๖๔ รวม ๒ วัน ดังนี้ ๑. วันอังคารที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๔
เป็นวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
จึงให้เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีไปเป็นวันพุธที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๔ ๒. วันอังคารที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๔
เป็นวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๖๔) ซึ่งในปี ๒๕๖๔
จะมีวันหยุดตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน-วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๔
เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) ให้วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๔
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษด้วย
จึงให้งดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8798 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๑๗,๘๘๐.๙๑๓๙
ล้านบาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕) ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อเสนอแนะของสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นควร (๑)กำหนดตัวชี้วัดเชิงผลลัพธ์ของการพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย
(Reinventing
University System) ให้มีความท้าทาย
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนแผนด้านการอุดมศึกษา เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ไปสู่ความเป็นเลิศด้านการอุดมศึกษาของประเทศ เช่น
ระดับความสำเร็จของสถาบันอุดมศึกษาที่ติดอันดับ World University Rankings
by Subject หรือ World Class University Ranking ใน ๑๐๐ อันดับแรก เป็นต้น และ (๒) กำหนดเป้าหมายการจัดการศึกษา
ในช่วงปีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
ให้รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุปสงค์ของภาคการผลิต (Demand Side
Financing) รวมทั้งบรรเทาผลกระทบต่อการจ้างงานที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (Covid-19) โดยเพิ่มเป้าหมายการผลิตบัณฑิต (Degree
Program) ในสาขาวิชาที่สอดคล้องต่อการตอบสนองทิศทางการพัฒนาประเทศ
มุ่งเน้นกลุ่มสาขาตามอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (S-Curve) และอุตสาหกรรมอนาคต
(New S-Curve) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาเทคโนโลยีดิจิทัล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ในการเสนอกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีในคราวต่อ ๆ ไป ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาตินำกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของประเทศเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันด้วย ๓. ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8799 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2564 | นร.11 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการพัฒนาระบบสื่อสารสั่งการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับกระทรวง
และระดับเขตสุขภาพเป็น SmartEOC
เพื่อรองรับภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
โครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๑)
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
ที่ทบทวนตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓
และครั้งที่ ๓๒/๒๕๖๓ จำนวน ๒๐ โครงการ
โครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ ๑) ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๓ จำนวน ๓ โครงการ
และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ดำเนินการ รวมทั้งอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ปรับปรุงรายละเอียดโครงการ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานเจ้าของโครงการ ควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
ตามความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซี่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8800 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-อินเดีย | คค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-อินเดีย
และเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ
ต่อไป โดยผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-อินเดีย มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงภาคผนวกของความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทยกับอินเดีย
(ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๑๒) และสิทธิการบินในประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน
โดยเพิ่มกระบี่ สมุย และอู่ตะเภาในเส้นทางบินของอินเดีย (๒) เพิ่มความจุในการรับขนทางอากาศระหว่างกันอีกฝ่ายละ
๖,๑๕๐ ที่นั่ง/สัปดาห์ และ (๓) ให้สิทธิทำการบินโดยชื่อเที่ยวบินร่วมกัน (Code Share) สำหรับเส้นทางภายในประเทศได้
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ
ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และเห็นว่าร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |