ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 435 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8681 - 8700 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8681 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ สภาผู้แทนราษฎร
และรายงานสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ วุฒิสภา โดยรายงานสรุปผลการดำเนินงานดังกล่าว ประกอบด้วย
นโยบายและภาพรวมการจัดการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำแนกตามกระทรวง หน่วยงาน
และแผนงานบูรณาการ ซึ่งครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8682 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส 1 พฤษภาคม 2562 พ.ศ. .... | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ทองคำ
ชนิดราคา ๒๐,๐๐๐ บาท เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคา ๑,๐๐๐ บาท เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว
(ทองแดงผสมนิกเกิล) ประเภทขัดเงา ชนิดราคา ๒๐ บาท และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล)
ประเภทธรรมดา ชนิดราคา ๒๐ บาท รวม ๔ ชนิด เพื่อเป็นที่ระลึก เนื่องในโอกาสพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8683 | การอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลหรือเข้ารับบริการภาครัฐในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ | นร. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลหรือเข้ารับบริการภาครัฐในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
รวมทั้งเพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการให้บริการของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อลดภาระการใช้กระดาษในการติดต่องานราชการด้วย
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการจัดทำแอปพลิเคชัน/แพลตฟอร์มดิจิทัลเกี่ยวกับภารกิจต่าง
ๆ
ในความรับผิดชอบของแต่ละส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเพื่อให้บริการหรือให้ข้อมูลแก่ประชาชนให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน
๓ เดือน ทั้งนี้ ให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองติดตามผลการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น
และรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8684 | ผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 20 | กต. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ครั้งที่ ๒๐ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยมีนายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม ซึ่งผลการประชุมมีสาระสำคัญ ประกอบด้วย (๑) การรับรองแถลงการณ์เอมิเรตส์
มีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากร่างแถลงการณ์ฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแล้วเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยมีการเพิ่มประเด็น ได้แก่
ความร่วมมือของประเทศสมาชิกในการต่อต้านการก่อการร้ายและการใช้ความรุนแรง
รายละเอียดเรื่องการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศสำหรับสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียที่มาเลเซีย
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในสาขาสำคัญและประเด็นคาบเกี่ยว
การเพิ่มประเทศที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการค้นหาและช่วยเหลือมหาสมุทรอินเดีย
และการระบุถึงบทบาทของประเทศหุ้นส่วนคู่เจรจา และ (๒) ถ้อยแถลงของผู้แทนไทย
ให้ความสำคัญกับการขยายความร่วมมือใน ๓ ประเด็น ได้แก่ ความเชื่อมโยงทางทะเลในทุกมิติ
การทำประมงอย่างยั่งยืน
และการเชื่อมโยงการดำเนินกิจกรรมในสาขาเศรษฐกิจภาคทะเลกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล
และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8685 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8686 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | อว. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเป็นค่าเช่ารถประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๑ คัน พร้อมพนักงานขับรถ และค่าเช่ารถประจำตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๑ คัน พร้อมพนักงานขับรถ ภายในกรอบวงเงิน
๗,๗๒๖,๘๐๐ บาท โดยผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๖๙
ระยะเวลา ๖๐ เดือน (เมษายน ๒๕๖๔ - มีนาคม ๒๕๖๙)
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๗๗๒,๖๘๐ บาท
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ส่วนที่เหลือ จำนวน ๖,๙๕๕,๑๒๐ บาท
ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนให้สอดคล้องกับวงเงินสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8687 | ขอความเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย ฉบับปรับปรุง ภายใต้องค์การการค้าโลก | พณ. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่อง
ขอความเห็นชอบร่างตารางข้อผูกพันสาขาบริการโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัย
ฉบับปรับปรุง ภายใต้องค์การการค้าโลก ออกไปก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8688 | ร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. .... | นร.04 | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมของข้าราชการการเมือง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอร่างประมวลจริยธรรมดังกล่าวต่อคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมตามข้อ
๑๑ ของระเบียบคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำประมวลจริยธรรม
ข้อกำหนดจริยธรรม และกระบวนการรักษาจริยธรรม ของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.
๒๕๖๓ แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.
ที่ควรให้ความสำคัญกับการนำร่างประมวลจริยธรรมดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง
และควรกำหนดมาตรการที่ใช้บังคับแก่ข้าราชการการเมืองซึ่งมีพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรม
โดยอาจวางระบบการติดตามและประมวลผล
กำหนดกลไกการลงโทษเพื่อให้เกิดสภาพบังคับในการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
รวมถึงควรกำหนดกลไกในการส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการติดตามและตรวจสอบพฤติกรรมของข้าราชการการเมือง
ซึ่งต้องคำนึงถึงแนวทางการคุ้มครองผู้ร้องเรียนหรือผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดด้วย
ตลอดจนบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง
เพื่อประโยชน์ในการกำกับ ดูแล ตรวจสอบ และพัฒนาต้นแบบทางจริยธรรมของข้าราชการการเมืองที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
สังคม และประเทศชาติในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8689 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | นร.09 | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. .... ซึ่งเป็นกฎหมายกลางในการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมให้การทำงานและการให้บริการของภาครัฐปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบดิจิทัล
และสามารถใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักได้
โดยเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ตามนัยมาตรา
๒๗๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่า
ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8690 | ร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า
ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๓) ได้ตรวจร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย ๖
ประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มช่องทางโฆษณา การส่งเอกสาร การประชุมกรรมการ การเรียกประชุมกรรมการ
การมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมผู้ถือหุ้นแทนโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์)
และร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการ การควบบริษัท
การแปรสภาพบริษัท) เสร็จแล้ว โดยรวมเป็นร่างเดียวตามมติคณะรัฐมนตรี
และขณะนี้อยู่ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ยืนยันการแก้ไข นั้น
หากแยกส่วนที่เป็นการดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรไปก่อน
ก็จะสอดคล้องกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.
.... ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในวันนี้
จึงเห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแยกร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย ๖ ประเด็น)
ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๓) ตรวจพิจารณาเสร็จแล้วออกมาก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8691 | ร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | นร.09 | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8692 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 25 [Joint Statement of the Twenty-Fifth ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC) Council] | พม. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๕ [Joint Statement of the Twenty-Fifth ASEAN Socio-Cultural
Community (ASCC) Council] และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๕ (25th ASEAN Socio-Cultural Community (ASCC)
Council Meeting) ร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในวันที่ ๓๑ มีนาคม
๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video conference) โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุน รับทราบ ชื่นชม ขยายบทบาท พัฒนากรอบความร่วมมือ
เตรียมการ รายงานความคืบหน้า และรับรองแผนงานภายใต้ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8693 | การประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ 17 | กต. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
(Bay of Bengal Initiative Multi-Sectoral Technical and Economic
Cooperation : BIMSTEC) หรือบิมสเทค ครั้งที่ ๑๗
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรอง
โดยร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมฯ
เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม
ในการประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ ๑๗ (17th BIMSTEC
Ministerial Meeting) ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเป็นการสร้างเสริมความเข้มแข็งให้แก่บิมสเทคตามมติการประชุมผู้นำครั้งที่
๔ เมื่อปี ๒๕๖๑
ด้วยการร่วมกันพิจารณาร่างกฎบัตรบิมสเทคเพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้นำบิมสเทคครั้งที่
๕ รับรอง โดยการรับรองกฎบัตรดังกล่าวจะยกระดับให้บิมสเทคมีสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศในระดับรัฐบาล
จัดหมวดหมู่สาขาความร่วมมือจาก ๑๔ สาขาเป็น ๗ เสา
โดยให้ประเทศสมาชิกเป็นประเทศนำในแต่ละเสา
และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินความร่วมมือทั้ง ๑๔ สาขา ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8694 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๔
ภายใต้วงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๘๗๓.๐๑๐ ล้านบาท พื้นที่รับประกันภัย จำนวน ๔๖
ล้านไร่ [รวมการปรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยภาคสมัครใจ
(Tier 2)] โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลและเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
๑๒ เดือน ธ.ก.ส. บวก ๑ (เท่ากับร้อยละ ๒.๒ จำนวน ๖๓.๒๐๖ ล้านบาท)
ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งคิดเป็นภาระงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒,๙๓๖.๒๑๖
ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณ ให้ ธ.ก.ส.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญในการสร้างหลักประกันหากเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
เพื่อให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในระบบประกันภัยพืชผล
และพร้อมที่จะจ่ายค่าเบี้ยประกันด้วยความสมัครใจ
รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับลดสัดส่วนการอุดหนุนของภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกันภัย
ควรนำผลการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
การศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง และการพิจารณาทำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตร
อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม
ในการใช้ประกอบการคิดอัตราดอกเบี้ยประกันภัย เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ควรนำข้อมูลการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning by Agri-Map) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการพิจารณาความเหมาะสมของการใช้พื้นที่เพาะปลูกข้าว
และควรจัดทำแผนการใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อใช้สำหรับวางแผนและบริหารจัดการตามศักยภาพและความสามารถของรัฐที่จะต้องรับภาระงบประมาณทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8695 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดสรรเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาไม้ผลและไม้ยืนต้น และโครงการศูนย์เฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า | ทส. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘
กรกฎาคม ๒๕๒๑ (เรื่อง การดำเนินการโครงการพัฒนาไม้ผลและไม้ยืนต้น
และขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการตามโครงการ) ในส่วนข้อที่ ๑ ที่กำหนดให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จัดสรรเงินกำไรปีละ
๒๐ ล้านบาท ทุกปี นับตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นต้นไป เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการพัฒนาไม้ผลและไม้ยืนต้น
และเห็นชอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๒๑ โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายค้างจ้ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๓๔ จนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมถึงค่าใช้จ่ายค้างจ่าย จำนวน ๑๕ ล้านบาท ๑.๒ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔
เมษายน ๒๕๒๕ (เรื่อง การป้องกันแก้ไขการบุกรุกทำลายป่าไม้ของชาติ) ในส่วนข้อที่ ๓
ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จัดสรรเงินรายได้โดยไม่ต้องนำส่งคลัง จำนวน ๒๐
ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๒๕ เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นนโยบายพิเศษเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าไม้แก่กรมป่าไม้
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ (เรื่อง
การป้องกันแก้ไขการบุกรุกทำลายป่าไม้ของชาติ) และเห็นชอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ เมษายน ๒๕๒๕ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖
โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายค้างจ่ายที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔
จนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมถึงค่าใช้จ่ายค้างจ้าย จำนวน ๑๗.๙๔๒ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประเมินความจำเป็นในการดำเนินโครงการพัฒนาไม้ผลและไม้ยืนต้น
และโครงการศูนย์เฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8696 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์) | คค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8697 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ
พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (คนบ.)
โดยมีหน้าที่และอำนาจในการจัดทำนโยบายระบบบำเหน็จบำนาญของประเทศในภาพรวมเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
รวมทั้งเป็นการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.)
ซึ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับแก่ลูกจ้างในระบบ โดยให้ได้รับผลประโยชน์เป็นบำเหน็จหรือบำนาญ
และกำหนดให้มีคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารกิจการกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พิจารณาในประเด็นอายุของลูกจ้างตามร่างมาตรา
๒๙ ให้สามารถปรับเปลี่ยนอายุของลูกจ้างในการเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติได้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการเกษียณอายุ
และให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ. และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำหนดอัตราที่จะต้องนำส่งเงินเข้า
กบช. ควรให้ คนบ. มีผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนมากกว่า ๓ คน และควรพิจารณาการเริ่มมีผลใช้บังคับของพระราชบัญญัติเพื่อให้เหมาะสมกับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด
๑๙ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรให้หน่วยงานจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณประจำปีตามขั้นตอน
ควรส่งเสริมการสมัครสมาชิก กบช.
โดยมีรูปแบบที่สอดคล้องกับอาชีพและรายได้ที่แตกต่างกัน และควรพิจารณาหาแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนประชากรวัยทำงานกลุ่มที่ไม่ใช่ลูกจ้างในระบบเพื่อเตรียมความพร้อมด้านการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางรายได้เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในยามสูงวัย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8698 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน | นร. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกุลพัชร ภูมิใจอวด ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายกุลพัชร ภูมิใจอวด
ลาออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8699 | แนวทางการแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนในธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ตามการพิจารณาของคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔ โดยให้ท่าเรือกรุงเทพปรับลดค่าภาระตู้สินค้าเปล่าขาเข้าผ่านท่าเรือกรุงเทพในอัตรา
๑,๐๐๐ บาทต่อทีอียู เป็นเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๔
รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นเงินประมาณ ๕.๒๘๐ ล้านบาท และให้ท่าเรือแหลมฉบังชดเชยค่ายกขนตู้สินค้าให้แก่เอกชนผู้ประกอบการนำเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง
โดยจ่ายส่วนลดคืนในอัตรา ๑,๐๐๐ บาทต่อทีอียู เป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม
๒๕๖๔ รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวนเงินประมาณ ๓๘๔ ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๓๘๙.๒๘๐ ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ให้ถือเป็นต้นทุนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และหักออกจากเงินที่ต้องส่งคืนให้กระทรวงการคลังรายปี
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงคมนาคม
(การท่าเรือแห่งประเทศไทย) ประเมินความคุ้มค่าในการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
และประโยชน์ที่ผู้ประกอบการส่งออกรายย่อยจะได้รับตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำมาตรการลดค่าภาระตามที่เสนอไปใช้ในช่วงระยะเวลาถัดไป
โดยติดตามประเมินผลว่าภายหลังจากที่ได้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวแล้วสามารถเพิ่มจำนวนตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้าสู่ประเทศไทยได้มากน้อยเพียงใด
และพิจารณาปรับปรุงมาตรการให้สอดคล้องตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินการในระยะต่อ ๆ ไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(การท่าเรือแห่งประเทศไทย) หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาตามความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้
และความคุ้มค่าในการดำเนินการอย่างรอบคอบ
เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8700 | ขออนุมัติ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2563 – 2565 | สพร. | 30/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
(ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
เพื่อกำหนดกรอบและทิศทางการบริหารงานภาครัฐและการจัดทำบริการสาธารณะในรูปแบบของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป
ตามที่คณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเสนอ และให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น (๑) ควรพิจารณาผลักดันนโยบายของรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐที่ชัดเจนเพื่อให้การพัฒนาเป็นมาตรฐานเดียวกัน
(๒)
ค่าใช้จ่ายและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลดังกล่าว
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายบูรณาการการดำเนินงานและนำ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ
ไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ตลอดจนสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ และ (๓)
ควรให้ความสำคัญและเร่งพัฒนาระบบการให้บริการรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
และทบทวนกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เอื้อต่อการให้บริการผ่านระบบ e-Service
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |