ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 438 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8741 - 8760 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8741 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 4/2564 | นร.04 | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
คราวที่ ๑๑ (๓) การปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร (๔)
แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 (๕) การกำหนดประเภทและระยะเวลากักกันตัวในสถานกักกันตัว
(๖) แผนการดำเนินการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในภาพรวมในปี ๒๕๖๔ (๗)
แนวทางการจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8742 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕
ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปรับฟังความคิดเห็นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ วรรคสอง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8743 | แนวทางและมาตรการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช 2564 ภายใต้แนวคิด“สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย” | วธ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางและมาตรการรณรงค์เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม
เนื่องในประเพณีสงกรานต์ พุทธศักราช ๒๕๖๔ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย”
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
ขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์แบบ New
Normal โดยเน้นเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี การท่องเที่ยวและสุขภาพ
งดเว้นการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากและมีการสัมผัสกันใกล้ชิด ๒.
ดำเนินกิจกรรมสงกรานต์ให้สอดคล้องกับแนวทางมาตรการเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๖๔
ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ดังนี้ ๒.๑ การจัดพิธีรดน้ำดำหัว ขอให้ยึดถือมาตรการ
DMHT (T:Tracking) หลีกเลี่ยงการจัดในที่คับแคบ
หรือในพื้นที่ห้องปรับอากาศ จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม ตามขนาดของสถานที่ ๑ คน ต่อ ๑
ตารางเมตร และการรดน้ำฯ
ให้มีการเรียงแถวเข้ารดน้ำแบบเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย ๑ เมตร
และสวมหน้ากากอนามัยทุกคน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน ๒.๒ การจัดงานสงกรานต์ ขอให้ยึดถือตามมาตรการ
DMHT (T:Tracking) ควรจัดให้พื้นที่โล่งแจ้ง
อากาศระบายได้ดี และในพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึง
จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดของสถานที่ ๑ คน ต่อ ๑ ตารางเมตร
งดการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ได้แก่
งดการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ และงดการจัดกิจกรรมที่มีการสัมผัสกันใกล้ชิด
ได้แก่ งดประแป้ง งดการเล่นปาร์ตี้โฟม หลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยง และสังสรรค์
ในกลุ่มที่มาจากหลากหลายพื้นที่ ๓.
การขอความร่วมมือองค์กร/หน่วยงานผู้จัดงาน
ดำเนินกิจกรรมสงกรานต์ให้สอดคล้องกับมาตรการผ่อนปรนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-19 และขอความร่วมมืองดดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่สาธารณะตาม
พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๔. กิจกรรมอื่น ๆ
นอกจากนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8744 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 7 | กค. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๗ (Joint Statement of the 7th ASEAN Finance Ministers’
and Central Bank Governors’ Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
(ASEAN Finance Ministers and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๗ ในวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนในการขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8745 | การพิจารณากำหนดแนวทางการพัฒนาระบบโครงข่ายทางถนนเพื่อสร้างถนนสายใหม่ | นร.04 | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อเป็นการบรรเทาและแก้ไขปัญหาการจราจรคับคั่งในเขตเมือง รวมทั้งเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางถนนเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเดินทางและขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวก
รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่
การส่งเสริมเศรษฐกิจการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว
และการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการพัฒนาระบบโครงข่ายทางถนนเพื่อสร้างถนนสายใหม่ในพื้นที่ที่ไม่มีการจราจรแออัดคับคั่งเชื่อมโยงกับโครงข่ายการคมนาคมทางถนนที่มีอยู่ในปัจจุบันและเชื่อมโยงกับสายทางที่เชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคทั้ง
๔ ด้าน รวมทั้งสอดคล้องกับการวางผังเมืองของประเทศในภาพรวม ทั้งนี้
ให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของการสร้างถนนสายใหม่ดังกล่าว
และนำเรื่องในส่วนของการสร้างถนนสายที่ ๑
พร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8746 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ | อก. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ
โดยทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เป็นดังนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ในส่วนของการทดสอบเพื่อรองรับรายการมาตรฐานที่จะบังคับหรือที่ต้องดำเนินการตามพันธกรณีข้อตกลงอาเซียน
จำนวน ๒๑ รายการ โดยใช้รูปแบบเดียวกันกับการจัดหาเครื่องมือทดสอบสำหรับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบังคับ
คือ ให้เป็นการลงทุนของภาครัฐเฉพาะในส่วนนี้ โดยมีวงเงินงบประมาณรวม ๓,๗๐๕.๗
ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ดำเนินการจนแล้วเสร็จในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น เห็นควรเร่งรัดจัดทำข้อเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ
เพื่อดำเนินการก่อสร้างสนามทดสอบสมรรถนะและความเร็ว
และจัดหาชุดเครื่องมือทดสอบให้เป็นไปตามแผนและระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์
ชิ้นส่วนยานยนต์
และยางล้อทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใต้ข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองยานยนต์ของอาเซียน
(ASEAN Mutual Recognition on Type Approval for Automotive
Products) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนตามขั้นตอนต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8747 | ร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. …. และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง | กค. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ภายในวงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจและสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเพื่อชำระหนี้
ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลังได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นการประเมินอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกรณีผู้กู้ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สอดคล้องกับศักยภาพในการทำธุรกิจและการชำระหนี้
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินและตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดเพื่อสนับสนุนมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๓.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายที่ดิน
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๓ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายทีดิน
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้
โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๓.๔ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
สำหรับการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิรับซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง
ตามกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกฎหมายลำดับรองอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อ การค้ำประกันสินเชื่อ การคำนวณมูลค่าหลักทรัพย์ และการบริหารจัดการสินทรัพย์
ให้มีความชัดเจน เหมาะสม และรัดกุม ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมและพิจารณาจัดหาแหล่งรายได้เพิ่มเติม
เพื่อลดผลกระทบทางการคลังที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8748 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลบางแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสำโรงเหนือ
อำเภอเมืองสมุทรปราการ และตำบลบางแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสำโรงเหนือ
อำเภอสมุทรปราการ และตำบลบางแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
เพื่อขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๔๔
กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๕๖ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง
กรมทางหลวงชนบทควรจะให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรือเกิดอุทกภัยต่อไปในอนาคต
และให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนนอย่างเคร่งครัด
เพื่อลดผลกระทบต่อการระบายน้ำในพื้นที่โดยรอบโครงการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กรมทางหลวงชนบทถือปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนฯ
ฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานั้นจะสิ้นผลใช้บังคับตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเคร่งครัด
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8749 | แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.14 | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย แผนงาน/โครงการ จำนวน ๔๘,๖๘๗ รายการ
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๖๖,๕๓๘.๘๔๒๓ ล้านบาท
และใช้พิจารณาในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามนัยมาตรา ๑๗
(๒) แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น
(๑) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติควรดำเนินการตามบทบัญญัติในมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ในการจัดทำงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และเห็นควรให้สำนักงบประมาณกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ (๒)
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติควรพิจารณาทบทวนรายการเพิ่มเติมเพื่อให้แผนปฏิบัติการฯ
มีความครบถ้วนสมบูรณ์ (๓) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์
วิธีการและขั้นตอนการบริหารจัดการภารกิจถ่ายโอนด้านแหล่งน้ำ และ (๔)
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติควรจัดทำลำดับความสำคัญโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ
ตามความจำเป็นเร่งด่วน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8750 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2563 | นร.11 | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม
ปี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสที่และภาพรวม ปี ๒๕๖๓ เช่น
การจ้างงานเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานมีแนวโน้มดีขึ้น
หนี้สินครัวเรือนขยายตัวเพิ่มขึ้น
และสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Gross
Domestic Product : GDP) ยังคงสูง เป็นต้น (๒)
สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ ได้แก่
การพัฒนาทักษะดิจิทัลที่มีความสำคัญกับการทำงานในอนาคต และหลักประกันรายได้ของผู้สูงอายุ
และ (๓) บทความเรื่อง “พ.ร.ก. เงินกู้ ให้อะไรกับประชาชน”
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8751 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 9/2564 | นร.11 | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการทัวร์เที่ยวไทย
พร้อมทั้งมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ
และอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการกำลังใจและโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
และกรมหม่อมไหม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพมัลเบอรี่วัลเลย์
จังหวัดสระบุรี
รวมทั้งรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวม ๓ เดือน ครั้งที่ ๓
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรการของทางราชการอย่างประหยัด และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8752 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓๓ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัยหรือภัยพิบัติอย่างอื่น
รวมทั้งการป้องกันอันตรายเมื่อมีเหตุชุลมุนวุ่นวายในอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษ
โดยกำหนดให้อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษต้องจัดให้มีพื้นที่จอดรถดับเพลิง
รถเพื่อการกู้ชีพฉุกเฉิน
ลิฟต์สำหรับเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยพิบัติหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
และอุปกรณ์การปฐมพยาบาลในการช่วยชีวิต ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8753 | การดำเนินการเพื่อบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 | กค. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในร่าง
Instrument of Contribution (IOC) และส่งให้แก่ธนาคารพัฒนาเอเชีย
(Asian Development Bank : ADB) ภายในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เพื่อยืนยันการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๓ (Asian
Development Fund 13 : ADF 13) ของประเทศไทย จำนวน ๗๑,๒๑๙,๓๒๐ บาท
โดยมีรายละเอียดการแบ่งชำระเงินบริจาค ๔ งวด งวดละ ๑๗,๘๐๔,๘๓๐ บาท ตั้งแต่ปี
๒๕๖๔-๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมว่า
การดำเนินการในเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้ผู้ลงนาม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8754 | การต่ออายุบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MoU) ว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงอาหารแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ | พณ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่ออายุบันทึกความเข้าใจ
(Memorandum of Understanding : MoU) ระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอาหารแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้เป็นผู้ลงนาม
โดยร่าง MoU มีสาระสำคัญเป็นความตกลงการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ
(Government to Govetnment : G to G) ซึ่งรัฐบาลไทยตกลงจะขายข้าวทุกชนิดให้แก่รัฐบาลบังกลาเทศปริมาณไม่เกิน
๑ ล้านตันต่อปี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตของทั้งสองประเทศและระดับราคาในตลาดโลก
และมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา ๕ ปี จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๙
(กำหนดวันลงนามภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง MoU แล้ว) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของการซื้อขายข้าวแบบ
G to G ควรให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่าง MoU
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8755 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (เรื่อง ขยะพลาสติกในทะเลไทย) | สผผ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พร้อมข้อเสนอแนะ
เรื่อง ขยะพลาสติกในทะเลไทย รวม ๙ ข้อ เช่น ให้มีการนำระบบมัดจำค่าขวดพลาสติกมาใช้
ให้มีการส่งเสริม
สนับสนุนการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ให้มีการส่งเสริม สนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม
ในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้มีการส่งเสริม
สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากขยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และปลอดภัยต่อชุมชนรอบข้าง
และให้หน่วยงานของรัฐบูรณาการการจัดการขยะพลาสติกกับองค์กรภาคเอกชนและประชาชน
ตลอดจนรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างจิตสำนึกในการลดการใช้พลาสติกและการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี
เป็นต้น ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งความเห็น
ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงบประมาณ เช่น
เห็นควรบริหารจัดการขยะพลาสติกอย่างเหมาะสมภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
และเห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดการขยะต้นทาง เน้นการสร้างจิตสำนึก
และปรับพฤติกรรมการอุปโภคบริโภคของประชาชน รวมทั้งจัดให้มีระบบคัดแยกขยะที่มีประสิทธิภาพ
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8756 | ขอความเห็นชอบต่อขอบเขตหน้าที่ (TOR) ของคณะทำงานด้านเทคนิคเพื่อเตรียมการเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 2034 | กก. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบขอบเขตหน้าที่ (TOR) ของคณะทำงานด้านเทคนิคเพื่อเตรียมการเสนอตัวร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก
ปี ค.ศ. ๒๐๓๔ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบต่อขอบเขตหน้าที่ (TOR) ของคณะทำงานด้านเทคนิคฯ โดยขอบเขตหน้าที่ (TOR) ของคณะทำงานด้านเทคนิคฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก
ปี ค.ศ. ๒๐๓๔ พร้อมทั้งจัดทำข้อมูลและส่งข้อเสนอของการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฯ ของอาเซียนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
หรือฟีฟ่า (FIFA) กำหนด ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนขอบเขตหน้าที่ (TOR) ของคณะทำงานด้านเทคนิคฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาเพิ่มเติมรายละเอียดขอบเขตหน้าที่
(TOR) ของคณะทำงานด้านเทคนิคฯ
ให้ครอบคลุมการเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานมากขึ้น อาทิ
การกำหนดหลักเกณฑ์หรือรูปแบบมาตรฐานที่ต้องดำเนินการ
เพื่อให้เป็นแนวทางร่วมที่ได้มาตรฐานและสอดคล้องกันระหว่างประเทศสมาชิก เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาความเหมาะสม
ความคุ้มค่าของการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. ๒๐๓๔
โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศในการร่วมเป็นเจ้าภาพฯ
อย่างครอบคลุมทุกมิติ เช่น ค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อม
รายได้หรือผลประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ
ตลอดจนการต่อยอดการลงทุนหลังจากจบการแข่งขัน เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8757 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษา โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 กรณีการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) | ปช. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีศึกษา
โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ ๒ กรณีการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ
(North Expansion) สรุปได้ว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ควรเร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ ซึ่งอยู่ในแผนงานเดิมโดยเร็ว
เพื่อลดความแออัดของอาคารผู้โดยสารปัจจุบัน และ ทอท. ควรดำเนินการขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
และก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้เป็นลำดับแรกก่อน
แล้วจึงนำโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม โดย
ทอท. รับข้อเสนอแนะดังกล่าว รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรรายงานผลความคืบหน้าในประเด็นข้อเสนอของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติกรณีการเร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓
และประเด็นการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกในคราวเดียวกัน
ตลอดจนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตามคำแนะนำของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรีเป็นการเร่งด่วนต่อไป
และเห็นควรเร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
โดย ทอท. เร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Revisit)
ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
(IATA) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8758 | ขออนุมัติดำเนินงานทุนโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 4 ปี พ.ศ. 2564–2567 | ศธ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
(สควค.) ระยะที่ ๔ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗ ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑,๖๕๔.๙๘ ล้านบาท
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ.
และข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐและในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ
เช่น ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
และกระทรวงศึกษาธิการต้องไม่นำเหตุแห่งการบรรจุบัณฑิตทุนโครงการ สควค.
เข้ารับราชการเพื่อชดใช้ทุนมาใช้ในการขออัตราข้าราชการครูเพิ่มขึ้น
เพื่อควบคุมไม่ให้อัตรากำลังข้าราชการครูและภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐเพิ่มขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. การดำเนินโครงการ
สควค. ในระยะต่อไป
ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาการจัดสรรทุนให้เหมาะสมตามความจำเป็นและสอดคล้องกับบริบทด้านเศรษฐกิจและสังคม
แนวทางการปฏิรูประบบการศึกษา การพัฒนาประเทศ
และแผนความต้องการบรรจุข้าราชการครูในแต่ละปี
รวมทั้งให้ประเมินผลการดำเนินโครงการและเปรียบเทียบกับโครงการจัดสรรทุนอื่น ๆ
ที่มีเป้าหมายใกล้เคียงกันเพื่อพิจารณาประกอบการจัดทำโครงการ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8759 | การเสนอต้มยำกุ้งเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
เอกสารนำเสนอต้มยำกุ้งขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
[องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and
Cultural Organization : UNESCO)] ๒. ให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอต้มยำกุ้งในฐานะตัวแทนของประเทศไทย
เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8760 | การถอดรายการเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ออกจากรายการเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้เป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร.01 | 23/03/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(ก.ก.ถ.) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ ดังนี้ (๑)
การถอดรายการเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ออกจากรายการเงินอุดหนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด และ (๒)
ให้นำเงินงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจ่ายค่าป่วยการ อสม. ไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข
และให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอตั้งงบประมาณรายการดังกล่าว ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ เป็นต้นไป ตามที่ ก.ก.ถ. เสนอ สำหรับการสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนชดเชยให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) เพื่อให้คงสัดส่วนรายได้ของ อปท.
ที่กำหนดไว้เพื่อมิให้กระทบต่อการบริหารงานของ อปท. นั้น การถอดรายการเงินอุดหนุนดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารงานของ
อปท. ทั้งนี้ อปท. ยังคงได้รับเงินอุดหนุนงบประมาณตามภารกิจเหมือนเดิม
จึงไม่จำเป็นที่จะต้องจัดสรรงบประมาณชดเชยดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |