ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 6211 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 124213 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
441 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขออนุมัติโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา | สกพอ. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๗
และเห็นชอบยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ เรื่อง ขออนุมัติโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิก ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม
เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาให้บรรลุวัตถุประสงค์
เป้าหมาย และดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
การดำเนินการต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||
442 | การแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา | นร. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เมื่อวันที่
๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๘ ได้ทราบข้อมูลว่าการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในจังหวัดต่าง ๆ
หลายพื้นที่มักมีราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับละ ๘๐ บาท)
จึงขอให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ชัดเจนและบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
443 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP 29) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน | ทส. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๙ (COP 29)
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ณ กรุงบากู
สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเตรียมการดำเนินงานตามภารกิจ โดยการประชุมรัฐภาคีฯ มีสาระสำคัญ
เช่น การให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มีการกำหนดเป้าหมายทางการเงินใหม่ เพื่อให้สามารถสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทุกภาคส่วน
ควรมีการวิเคราะห์และประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบด้านลบจากการดำเนินการ
รวมทั้งเพื่อเสาะหาแนวทางในการที่จะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
444 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2544 (เรื่อง การกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับการขอต่ออายุหนังสืออนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ประเภทป่าเพื่อการอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี (ลุ่มน้ำชั้น 1) เพื่อการทำเหมืองแร่ | ทส. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกและปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ (เรื่อง
การกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์)
เฉพาะในส่วนของหลักเกณฑ์และมาตรการผ่อนผัน หรือยกเว้นการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์
(พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ) เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับความมั่นคงหรือเศรษฐกิจ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกกรณีที่
๒ พื้นที่ที่รัฐได้อนุญาตให้ประชาชนหรือเอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในกิจการเพื่อการสำรวจแร่หรือการทำเหมืองแร่
ที่กำหนดว่า “(๑)
พื้นที่ที่รัฐได้อนุญาตให้ประชาชนหรือเอกชนเข้าใช้ประโยชน์เพื่อกิจการสำรวจแร่
ประกอบด้วยอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ และอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ หรือเพื่อการทำเหมืองแร่
คือ ประทานบัตรเหมืองแร่ ไปแล้วก่อนวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘
และต่อมาพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ
เห็นควรอนุญาตให้ดำเนินการสำรวจแร่ หรือการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตต่อไปจนกระทั่งสิ้นสุดอายุการอนุญาตนั้น
ทั้งนี้ หากอายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติสิ้นสุดลง
แต่อายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่ยังคงเหลืออยู่
เห็นควรผ่อนผันให้ต่ออายุหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จนกระทั่งสิ้นสุดอายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่ โดยผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังจากการสำรวจแร่หรือการทำเหมืองแร่แล้ว
(Post Evaluation) เสนอต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมพิจารณาให้ความเห็น
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพิจารณาว่าอนุมัติหรือไม่อนุมัติ ผ่อนผันการขอต่ออายุหนังสืออนุญาตการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจากคณะรัฐมนตรีต่อไป ในกรณีที่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง
เนื่องจากการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาต
ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายที่รับผิดชอบอย่างเด็ดขาดโดยทันที” ๑.๒ ให้ปรับปรุงกรณีที่
๓ พื้นที่ที่รัฐมีข้อผูกพันกับประชาชนหรือเอกชนไว้แล้วในกิจการเพื่อการสำรวจแร่
หรือการทำเหมืองแร่ จากเดิม “(๒)
ในกรณีที่พื้นที่ซึ่งรัฐมีข้อผูกพันกับประชาชนหรือเอกชนไว้แล้วภายหลังวันที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ หากอายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติสิ้นสุดลงแต่อายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรการทำเหมืองแร่ยังคงเหลืออยู่
ให้ใช้หลักการพิจารณาเดียวกันกับในกรณีที่ ๒ ข้อ (๑)
ส่วนกรณีอายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่สิ้นสุดลง และผู้ประกอบการประสงค์จะขอต่ออายุการอนุญาตหรือการขออนุญาตดำเนินการดังกล่าว
ให้ใช้หลักการเดียวกันกับการขอต่ออายุการอนุญาตอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่
ในกรณีที่ ๒ ข้อ (๒)” เป็น “(๒)
ในกรณีที่พื้นที่ซึ่งรัฐมีข้อผูกพันกับประชาชนหรือเอกชนไว้แล้วภายหลังวันที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ กรณีอายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่สิ้นสุดลง
และผู้ประกอบการประสงค์จะขอต่ออายุการอนุญาตหรือการขออนุญาตดำเนินการดังกล่าว
ให้ใช้หลักการเดียวกันกับการขอต่ออายุการอนุญาตอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่
ในกรณีที่ ๒ ข้อ (๒)” ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ และการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในภาพรวมและให้นำมารวมกำหนดไว้ในฉบับเดียวเพื่อให้เกิดความชัดเจน
ลดความซ้ำซ้อน และสะดวกในการปฏิบัติ รวมทั้งความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการรองรับการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
อาทิ การควบคุมไม่ให้มีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และการกำหนดเขตพื้นที่ในการเข้าทำประโยชน์ให้ชัดเจน
โดยต้องดำเนินมาตรการดังกล่าวให้รัดกุมเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
445 | สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามขอเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ จังหวัดภูเก็ต และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ณ จังหวัดภูเก็ต (นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ) | กต. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง สตูล
สงขลา สุราษฎร์ธานี และตรัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
446 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายจักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์) | สธ. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
447 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงมหาดไทย) | มท. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงมหาดไทย
จำนวน ๗ คณะ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการพิจารณาตั้งกิ่งอำเภอและอำเภอ ๒. คณะกรรมการอำนวยการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเศรษฐกิจแบบพอเพียงเฉลิมพระเกียรติ ๓. คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทราย ๔. คณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด
อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ๕. คณะกรรมการพิจารณาให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ชนกลุ่มน้อย ๖. คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย
คณะที่ ๑ ๗. คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย
คณะที่ ๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||
448 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางเกษร กำเหนิดเพ็ชร) | วธ. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเกษร กำเหนิดเพ็ชร ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
449 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (1. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ ฯลฯ จำนวน 3 คน) | ยธ. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๓ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ ๒. พลตำรวจโท อภิชาติ เพชรประสิทธิ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
450 | รายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจำปี พ.ศ. 2567 (Corruption Perceptions Index: CPI 2024) และรายงานผลการขับเคลื่อนการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | ปปท. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗ (Corruption Perceptions Index : CPI 2024) และรายงานผลการขับเคลื่อนการยกระดับค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ซึ่งไทยได้คะแนน CPI ๓๔ คะแนน (จากคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน) อยู่ในอันดับที่ ๑๐๗ (จาก ๑๘๐ ประเทศ ที่ได้รับการประเมิน) และอยู่ในอันดับที่ ๕ ของอาเซียน (ลดลงจากปี ๒๕๖๖ ที่ได้ ๓๕ คะแนน อยู่ในอันดับที่ ๑๐๘) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
451 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ ไตรมาสที่ 2 | นร.07 | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ณ ไตรมาสที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่
๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
452 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 56 | กห. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย
ครั้งที่ ๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙
มกราคม ๒๕๖๘ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านความมั่นคงและการทหาร รวมถึงกระชับความสัมพันธ์
ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารในระดับทวิภาคีระหว่างกระทรวงกลาโหมไทย และกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย
โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น การบรรเทาสาธารณภัยด้านอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย
การผ่อนผันการเดินทางเข้า-ออกผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติ
การใช้ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ณ จุดผ่านแดนทางบก
และการอำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนไทยที่เดินทางข้ามแดนเพื่อไปศึกษา ณ มาเลเซีย ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
453 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2568 | นร.04 | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ ณ จังหวัดพิษณุโลก และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง
๑ (ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์) ระหว่างวันจันทร์ที่ ๒๓ -
วันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
454 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | สนง. กสม. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
455 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | ศย. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
456 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... | พม. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ทั้งฉบับที่ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน
และปรับปรุงเป็นฉบับใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานอัยการสูงสุด กรุงเทพมหานคร
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าเกี่ยวกับการแต่งตั้งพนักงานคุ้มครองเด็กที่กำหนดให้รัฐมนตรีและองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจแต่งตั้งพนักงานคุ้มครองเด็กได้
ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจแต่งตั้งผู้ช่วยพนักงานคุ้มครองเด็กตามมาตรา
๒๙ และ ๓๐ ซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรา ๑๘ (๔) ประกอบมาตรา ๓๑
ที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมให้มีพนักงานคุ้มครองเด็กในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและต้องจัดให้มีพนักงานคุ้มครองเด็กในจำนวนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติได้ กระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
มีหน้าที่และอำนาจในการตรวจค้น ยึด อายัดบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า
หรือยาเสพติดอื่นใดที่นักเรียนและนักศึกษานำมาหรือพกติดตัวไป
เพื่อนำส่งเจ้าพนักงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องไว้ในร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
พ.ศ. .... มาตรา ๘๕ และกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
เพื่อเป็นการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่พนักงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
ไว้ในร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... มาตรา ๘๕ วรรคสอง เป็นต้น ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๓.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และกรุงเทพมหานครไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำนักงาน ก.พ. เห็นว่าการกำหนดให้มีพนักงานคุ้มครองเด็กในจำนวนที่เหมาะสมตามที่ระบุในร่างมาตรา ๓๑ นั้น
หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลังตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
กำหนดไว้ในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๖๕๗๐)
ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าการจัดให้มีอาสาสมัครคอยช่วยเหลือดูแลเด็กในครอบครัวในพื้นที่
ควรบูรณาการเชื่อมโยงการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ องค์กรเอกชน และมูลนิธิต่าง
ๆ ที่มีอาสาสมัครประเภทต่าง ๆ ในพื้นที่อยู่แล้ว เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||
457 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
เข้าบัญชีสะสม เพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เพิ่มเติม จำนวน ๑๓,๘๒๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ
ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
458 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 | นร.05 | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันศุกร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๑.๓๐ - ๑๓.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
459 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุข | สธ. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุข
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุข
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายในสาขาสาธารณสุขที่สอดคล้องกับระเบียบและกฎหมายที่บังคับใช้ในประเทศ
และอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
460 | ขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | อว. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ (๑)
ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการดำเนินการร่วมภายใต้โครงการความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในสาขาการแพทย์แผนจีน ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีนโดยมีขอบเขตความร่วมมือ
เช่น ๑) การหาวิจัยร่วมด้านทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ๒)
การยกระดับความร่วมมือในการกำหนดมาตรฐานการแพทย์ดั้งเดิม ๓)
การจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีน และ (๒) ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการดำเนินการร่วมภายใต้โครงการพิเศษเพื่อความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมในสาขาที่เกี่ยวข้อง ๔ ด้าน ได้แก่ ๑)
เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ๒) นวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ ๓) การบรรเทาความยากจนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และ ๔) ข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้ ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงทั้ง
๒ ฉบับ จะมีผลภายหลังจากการลงนามเป็นระยะเวลา ๓ ปี โดยอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนง ทั้ง ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |