ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 24 จากทั้งหมด 6236 หน้า แสดงรายการที่ 461 - 480 จากข้อมูลทั้งหมด 124708 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 461 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการขายสินค้า
การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม
(ฉบับที่ ๖๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๐
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๗๙๐) พ.ศ. ๒๕๖๗
ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ โดยยังคงจัดเก็บ ในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น)
หรือร้อยละ ๗ (รวมภาษีท้องถิ่น) ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๙ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี
๒๕๖๘ ยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากภาระหนี้สินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ย
รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา
ตลอดจนยังมีความผันผวนของระบบเศรษฐกิจการค้าโลก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณากำหนดแผนการทยอยการปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความชัดเจน
โดยอาจเริ่มจากการปรับเพิ่มแบบเฉพาะรายกลุ่มสินค้าในช่วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
ควบคู่ไปกับการกำหนดแนวทางการเพิ่มศักยภาพทางการคลัง (fiscal consolidation) อย่างเป็นรูปธรรม
โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
เพื่อลดข้อจำกัดทางการคลังและเตรียมพื้นที่ทางการคลังไว้สำหรับรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเงินโลก
การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและการเปลี่ยนแปลงของของสภาพภูมิอากาศที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 462 | ผลสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการของหน่วยงานของรัฐ ปี 2567 | นร.12 | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 463 | การลงนามในปฏิญญาเพื่อก่อตั้งที่ประชุมอัยการสูงสุดอาเซียน | อส. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาเพื่อก่อตั้งที่ประชุมอัยการสูงสุดอาเซียน (ASEAN Prosecutors/Attorney General Meeting : APAGM) และร่างข้อกำหนดอำนาจหน้าที่แนบท้ายร่างปฏิญญาฯ
และมอบหมายอัยการสูงสุดหรือผู้แทนลงนามในร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการประกาศจัดตั้งที่ประชุม
APAGM ให้เป็นองค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียนเฉพาะสาขา
และมีข้อกำหนดอำนาจหน้าที่แนบท้ายร่างปฏิญญาฯ เช่น สนับสนุนความร่วมมือด้านการดำเนินคดีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
อำนวยความสะดวกในการประสานงานด้านคดีหากกฎหมายภายในของประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถกระทำได้
ซึ่งสมาชิกที่ประชุม APAGM ประกอบด้วยอัยการสูงสุดของภาคีสมาชิกอาเซียนทั้ง
๑๐ ประเทศ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 464 | รายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี | อส. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดี
ที่สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำขึ้น มีสาระสำคัญเป็นการรายงานผลการพิจารณาชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง และการดำเนินคดีในรอบ ๖ เดือน (ตั้งแต่เดือนกันยายน
๒๕๖๗ ถึงเดือนเมษายน ๒๕๖๘) รวม ๖๓ เรื่อง ตามที่คณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 465 | การทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 | กค. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมติการประชุมคณะกรรมการฯ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ประกอบด้วย ๑)
สัดส่วนหนี้สาธารณะ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๗
อยู่ที่ร้อยละ ๖๓.๓๒
ยังอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๗๐ ๒) สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาล
ต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นต้นมา ตามการกู้เงินของรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ๓) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด
ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๗ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๐๕ ยังอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ และ ๔) สัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศ
ต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๗ อยู่ที่ร้อยละ ๐.๐๕
ยังอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๕ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับแนวทางการดำเนินมาตรการต่าง
ๆ เพื่อรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้
เพื่อให้การบริหารหนี้สาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศในระยะยาว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการปรับกรอบสัดส่วนดังกล่าวควรเป็นการปรับกรอบเป็นการชั่วคราว
โดยภาครัฐควรมีเป้าหมายและแนวทางการเร่งรัดการเพิ่มศักยภาพทางการคลัง
โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อการลดขนาดการขาดดุลงบประมาณ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
ตลอดจนการจัดสรรงบชำระหนี้ของรัฐบาลให้สอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีงบประมาณ
โดยเฉพาะการจัดสรรงบชำระคืนต้นเงินกู้ของรัฐบาลให้เพิ่มขึ้นเพื่อลดภาระหนี้ของรัฐบาลในระยะต่อไปที่ชัดเจน
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินการด้านวินัยการเงินการคลังของรัฐและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในภาพรวมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 466 | รายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 | กค. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ วันที่ ๓๑
มีนาคม ๒๕๖๘ ซึ่งสัดส่วนหนี้สาธารณะยังคงอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด
โดยมีรายละเอียด ดังนี้ (๑) สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
(คณะกรรมการนโยบายการเงินฯ กำหนดไม่เกินร้อยละ ๗๐) สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง
ร้อยละ ๖๔.๕๙ (๒) สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ (คณะกรรมการนโยบายการเงินฯ
กำหนดไม่เกินร้อยละ ๕๐) สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง ร้อยละ ๔๒.๔๗ (๓) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด
(คณะกรรมการนโยบายการเงินฯ กำหนดไม่เกินร้อยละ ๑๐) สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง
ร้อยละ ๐.๘๙ และ (๔)
สัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ
(คณะกรรมการนโยบายการเงินฯ กำหนดไม่เกินร้อยละ ๕) สัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริง
ร้อยละ ๐.๐๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 467 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2567 สภาองค์กรของผู้บริโภค | สอบ. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี
๒๕๖๗ สภาองค์กรของผู้บริโภค สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผลการดำเนินงานตามขอบเขตอำนาจและแผนงาน ได้แก่ ๑) การสนับสนุน คุ้มครอง
และพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค ๒) การพัฒนานโยบายและมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค ๓)
การสนับสนุนสมาชิก หน่วยงานประจำจังหวัด หน่วยงานเขตพื้นที่ และองค์กรผู้บริโภค ๔)
การสื่อสารเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค และ ๕) การบริหารจัดการสำนักงานและพัฒนาศักยภาพองค์กรของผู้บริโภค
(๒) ปัญหาอุปสรรค และความท้าทาย เช่น การแก้ไขปัญหาหรือยุติเรื่องร้องเรียนมีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น
เนื่องจากมีข้อจำกัดตามขั้นตอนหรือกระบวนการตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับความท้าทายของงานคุ้มครองผู้บริโภค
ปี ๒๕๖๗ สภาองค์กรของผู้บริโภค จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรับเรื่องร้องเรียน
รวมถึงขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค (๓)
ผลการดำเนินงานที่เป็นกรณีเด่น รวม ๓ มาตรการ ได้แก่ ๑) มาตรการเปิดก่อนจ่าย ๒)
มาตรการหน่วงเงินก่อนโอน และ ๓) มาตรการรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย และ (๔) รายงานการเงินของสภาองค์กรของผู้บริโภคสำหรับปีสิ้นสุด
ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน
โดยบริษัท สำนักงานสามสิบสี่ ออดิต จำกัด เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบบัญชีแล้วเห็นว่า
งบการเงินที่แสดงฐานะการเงินของสภาองค์กรของผู้บริโภค
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สภาองค์กรของผู้บริโภคเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 468 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2568 | กค. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐในคราวประชุม
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘
เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและรัฐวิสาหกิจดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเป็นไปตามเป้าหมาย
และเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยรายงานผลการดำเนินการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ตามมติ คณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เป็นการรายงานผลการดำเนินการต่าง ๆ
ของฝ่ายเลขานุการร่วม ประกอบด้วย กรมบัญชีกลาง
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งได้จัดทำหนังสือแจ้งเวียนเพื่อให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณต่าง ๆ ตลอดจนการติดตามและรายงานผลการเบิกจ่ายเงินลงทุน
และรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ มีสาระสำคัญ
ดังนี้ ๑) ภาพรวมการเบิกจ่ายเงิน ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๘
วงเงินรวม ๔,๒๔๙,๓๑๐.๔๒ ล้านาท มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒,๔๙๐,๖๕๑.๖๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๘.๖๑ ๒) ผลการเบิกจ่ายงบลงทุน จากทั้งหมด ๒,๙๗๒ หน่วยงาน มีหน่วยงานเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ณ เดือน เมษายน ๒๕๖๘
จำนวน ๘๕๒ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๖๗ ๓)
การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีบัญชี ๒๕๖๘ กรอบงบลงทุน ๒๕๘,๓๗๑.๙๑ ล้านบาท จนถึงสิ้นเดือน มีนาคม ๒๕๖๘ มีผลการเบิกจ่าย ๗๙,๑๗๒.๗๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๐๖.๒๒ ของแผนการเบิกจ่าย และ ๔)
การเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐที่ใช้เงินกู้ ๑๐๖ โครงการ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๘
มีผลการเบิกจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ อยู่ที่ ๖๓,๔๔๐.๓๗
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๑๗ ของแผน พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑๑๙,๓๒๕.๔๒
ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 469 | แนวทางแก้ไขปัญหานมกล่องค้างสต๊อกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม | สภช. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหานมกล่องค้างสต๊อกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม
ของสภาเกษตรกรแห่งชาติ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรต้องพิจารณาในรายละเอียดตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
และควรพิจารณาการดำเนินการให้ครอบคลุมสต๊อกนมกล่องคงค้างขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ประสบปัญหาในเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกันด้วย
นอกจากนี้ การแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดอาจต้องมีการทบทวนโครงสร้างและกลไกการกำกับดูแลให้เหมาะสมกับบริบทการแข่งขันในอุตสาหกรรมปัจจุบันและควรมีมาตรการในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงานของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 470 | รายงานการเดินทางเยือนราชอาณาจักรสเปนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางเยือนราชอาณาจักรสเปนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๕ เมษายน ๒๕๖๘ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ สรุปได้ ดังนี้ ๑) การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงศึกษาธิการไทยกับกระทรวงศึกษาธิการอาชีวศึกษาและการกีฬาสเปนว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการเรียนการสอนภาษาและวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ
๒) การประชุมหารือทวิภาคีเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ
ระหว่างเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและการกีฬาสเปน
และ ๓) การศึกษาดูงานสถานศึกษาและหน่วยงานด้านการศึกษาโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ศึกษาดูงานโรงเรียนมัธยมศึกษา
Instituto de Educacion Secundaria (IES) Avenida de los Toreros ที่มีจัดการเรียนการสอนโปรแกรมการเรียนสองภาษา
(ภาษาอังกฤษและภาษาสเปน) และมีการนำเทคโนโลยีและ AI มาใช้ในชั้นเรียน
รวมทั้งได้ประชุมหาหรือกับผู้แทนกรมการศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพแห่งแคว้นกาตาลุญญาเกี่ยวกับระบบการศึกษาและนโยบายการบริหารจัดการการศึกษาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 471 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี 2568 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๘ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ จังหวัดเชจู สาธารณรัฐเกาหลี
โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ๑) วาระการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประกอบด้วย
วาระนวัตกรรมเพื่อการอำนวยความสะดวกทางการค้า
เพื่อผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ วาระการสร้างความเชื่อมโยงผ่านระบบการค้าพหุภาคี
ซึ่งที่ประชุมหารือถึงการผลักดันการปฏิรูป WTO ให้รองรับความท้าทายในปัจจุบัน
และวาระการสร้างความมั่งคั่งผ่านความยั่งยืนทางการค้า ซึ่งที่ประชุมหารือถึงการพัฒนานโยบายเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานเพื่อความยั่งยืนของเศรษฐกิจการค้า
๒) ที่ประชุมมีฉันทามติรับรองแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (2025 APEC Ministers Responsible for Joint Statement) และ ๓)
การประชุมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของสมาชิกอาเซียนที่เป็นสมาชิกเอเปค
การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นและการหารือทวิภาคีกับบริษัท
Google ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 472 | ยกเลิกการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 | นร. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๘ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี ๒๕๖๘)
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน ๗,๔๐๔.๓๔ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี ๒๕๖๘ จำนวน ๒,๗๔๘
รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ นั้น
เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและปัจจุบันระยะเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว
จึงอาจทำให้สภาพพื้นที่ของโครงการและเหตุผลความจำเป็นในการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้เสนอขออนุมัติไว้
ประกอบกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จะสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ อันจะทำให้งบประมาณของโครงการดังกล่าวพับไปตามผลของกฎหมาย
ดังนั้น จึงเห็นควรยกเลิกการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๖๘ ดังกล่าวข้างต้น เพื่อนำงบประมาณไปใช้จ่ายสำหรับโครงการอื่นที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน
รวมทั้งให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาทบทวนเหตุผลความจำเป็นของการดำเนินโครงการดังกล่าว
และหากยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการ
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประสานหน่วยรับงบประมาณเจ้าของโครงการพิจารณาทบทวนรายละเอียดรายการและค่าใช้จ่าย
และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 473 | ผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 25 | พณ. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่
๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายพิชัย นริพทะพันธุ์) ในขณะนั้น ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯทั้งนี้
ที่ประชุมฯ ได้รับรองเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๔ ฉบับ โดยรับรองและเห็นชอบเอกสาร
จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ รายงานของคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๒๕
ต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๔๖ และกรอบความร่วมมือโครงการพื้นฐาน ด้านอุตสาหกรรมอาเซียน
และเห็นชอบเอกสาร ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างแผนยุทธศาสตร์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ค.ศ ๒๐๒๖
- ๒๐๓๐ ภายใต้วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน พ.ศ. ๒๐๔๕ และร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 474 | ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณและการคลังของคณะรัฐมนตรีในการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้ Digital Wallet | ตผ. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณและการคลังของคณะรัฐมนตรีในการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้
Digital Wallet ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า
ในภาพรวมการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้ Digital Wallet ไม่ปรากฎการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายอื่น ๆ เช่น พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยมีข้อเสนอแนะต่อการดำเนินนโยบายดังกล่าวในระยะต่อไป เช่น ๑)
ประเด็นความสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภาระทางการคลังในระยะยาว
เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่สร้างภาระงบประมาณเพิ่มเติมในอนาคต และ
๒) ประเด็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินนโยบายควรมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
เช่น แอปพลิเคชันทางรัฐ รวมถึงระบบต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการใช้งบประมาณที่สูญเปล่า
ตามที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 475 | รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ลากิจ ในวันที่ 4 กันยายน 2568 และวันที่ 8 กันยายน 2568 | นร.05 | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันพฤหัสบดีที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๘
ตั้งแต่เวลา ๑๓.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. และวันจันทร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา
๑๓.๐๐ - ๑๖.๓๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีและแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 476 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2567 และรายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2565 | ทส. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 477 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) | กค. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒
แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นว่าควรแก้ไขข้อความในข้อ ๓
ของร่างประกาศดังกล่าวให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมเฉพาะการนำเข้าเพื่อการศึกษาและวิจัยอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 478 | ผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | สกพอ. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสอบบัญชีของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
เห็นว่างบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 479 | รายงานงบการเงินของกองทุนพัฒนายางพารา สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบการเงินของกองทุนพัฒนายางพารา
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ของการยางแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่ารายงานงบการเงินฯ
ดังกล่าวถูกต้องตามที่สมควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานรายงานทางการเงินและมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 480 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นเงินอุดหนุนค่าจัดการเรียนการสอน | ศธ. | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๑,๗๕๓,๐๖๕,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าจัดการเรียนการสอน
โครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๐/๘๔๕๑
ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๘) ที่เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนดำเนินการตรวจสอบข้อมูลจำนวนนักเรียนที่มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนรายการดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วน
และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน คำนึงถึงความประหยัด
ความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
