ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 221 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 4401 - 4420 จากข้อมูลทั้งหมด 124166 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4401 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวกมลลักษณ์ อ้นอารี และนางอรวรรณ คงธนขันติธร) | นร.10 | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานก.พ. เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๒) แล้ว ดังนี้ ๑. นางสาวกมลลักษณ์ อ้นอารี ที่ปรึกษาระบบราชการ
(นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๖ ๒. นางอรวรรณ คงธนขันติธร ที่ปรึกษาระบบราชการ
(นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๖
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4402 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (นายสมหมาย ลักขณานุรักษ์) | ทส. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสมหมาย
ลักขณานุรักษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4403 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อน
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๖๓ (ตามมาตรฐาน เลขที่ มอก. ๕๐-๒๕๖๑) และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้าทรงแบนรีดเย็นเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนขึ้นใหม่
และเพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีการทำและการใช้งานภายในประเทศอย่างทั่วถึง
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4404 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของหน่วยงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | นร.09 | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ๒
ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4405 | แจ้งผลการพิจารณา กรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง | นร 05 | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
กรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๐๐,๖๐๑,๐๔๓.๔๕
บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจงของกลุ่มธนาคารโลก
ปี ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๑๖๙ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4406 | ร่างแถลงการณ์ปักกิ่งสำหรับการประชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน ครั้งที่ 1 | กต. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ปักกิ่งสำหรับการประชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ครั้งที่ ๑ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงปักกิ่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน
และให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ดังกล่าว
ในห้วงการประชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ครั้งที่ ๑ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการจัดการกับความท้าทายด้านการพัฒนาเพื่อเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
รวมทั้งเป็นการสนับสนุนบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศด้านการดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและแสดงความมุ่งมั่นของไทยในการเป็นหุ้นส่วนกับประเทศคู่ร่วมมือและองค์การระหว่างประเทศต่าง
ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อความยั่งยืน มั่นคง
มั่งคั่งของอนุภูมิภาค ภูมิภาค และประชาคมโลก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ปักกิ่งสำหรับการระชุมระดับสูงว่าด้วยการปฏิบัติการระดับโลกเพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ครั้งที่ ๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลง เงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4407 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. 2566 | กค. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. ๒๕๖๖ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับหน้าที่ของผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินที่เป็นสถาบันการเงินในประเทศไทย
ซึ่งต้องดำเนินการตามพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. ๒๕๖๖ เช่น ๑) กำหนดลักษณะการให้บริการหรือการทำธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน
๒) กำหนดผู้มีหน้าที่รายงานที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องมีหน้าที่รายงาน ๓) กำหนดบัญชีทางการเงิน
ที่ต้องถูกรายงานและบัญชีทางการเงินที่ได้รับยกเว้น ๔)
กำหนดลักษณะผู้ที่ไม่ต้องถูกรายงาน ๕)
หลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบบัญชีทางการเงิน และ ๖)
ระยะเวลาในการส่งข้อมูลเพื่อให้ผู้มีหน้าที่รายงานที่เป็นสถาบันการเงินในประเทศไทยสามารถเริ่มตรวจสอบข้อมูลลูกค้าและนำส่งข้อมูลผู้ที่ต้องถูกรายงานได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังแจ้งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for Economic Cooperation and
Development : OECD)
เพื่อให้ความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ
(Multilateral Competent Authority Agreement on Automatic Exchange of
Financial Account Information : MCAA CRS) มีผลผูกพันเมื่อร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. ๒๕๖๖ และกฎหมายลำดับรองฉบับอื่น ๆ
ของพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. ๒๕๖๖ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4408 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่
..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. ๒๕๖๑
กรณีสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือข่ายของหน่วยงายของรัฐเดียวกัน
จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของทุนทั้งหมด เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕
ของทุนทั้งหมด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นควรกำหนดประเภทหรือรายชื่อของรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลที่เข้าข่ายเป็นรัฐวิสาหกิจและนิติบุคคลตามร่างกฎหมายฉบับนี้ไว้แนบท้ายกฎกระทรวงให้ชัดเจน
และควรกำหนดข้อยกเว้นหรือดุลยพินิจของหน่วยงานของรัฐให้จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปหรือโดยวิธีคัดเลือกก่อนที่จะใช้วิธีเฉพาะเจาะจง
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม เห็นควรให้มีกลไกอื่นในการสนับสนุนการดำเนินกิจการของนิติบุคคลที่หน่วยงานของรัฐถือหุ้นร้อยละยี่สิบห้าขึ้นไปให้สามารถพัฒนาอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4409 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย | รง. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการบริหารจัดการคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖
โดยต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบ
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๓. ให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ควรร่วมกันดำเนินการเพื่อให้ประกาศทั้ง
๒ ฉบับ มีผลใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้ทันต่อความจำเป็นและสามารถแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติได้จริงตรงตามวัตถุประสงค์ของการออกประกาศในครั้งนี้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาวิเคราะห์ความต้องการคนต่างด้าวในภาคการผลิตและบริการรายสาขา
และจัดทำแผนบริหารจัดการคนต่างด้าวเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องการอยู่และการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4410 | การจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร กรณีสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | นร.12 | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เป็นองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4411 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไป (เพิ่มเติม) | ลต. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เป็นการเลือกตั้งทั่วไป (เพิ่มเติม) สำหรับหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ
จำนวน ๒ หน่วยงาน ในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑๙,๙๖๒,๐๙๒.๑๐ บาท ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในกรอบวงเงิน ๑๐,๕๐๔,๓๓๐ บาท และบริษัท
โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในกรอบวงเงิน ๙,๔๕๗,๗๖๒.๑๐ บาท ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประสานกับหน่วยงานดังกล่าวข้างต้น
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่จะต้องดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้เงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4412 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐของสำนักงาน กสม. | สม. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีอนุมัติหลักการการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๗,๓๘๑,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรของสำนักงาน กสม. ตามนัยข้อ ๘ และข้อ ๙ (๒) ของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการแล้ว ทั้งนี้ ให้สำนักงาน กสม. ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4413 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว | มท. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๖ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับกฤษฎีกา เล่มที่ ๑๔๐ ตอนที่ ๒๒ ก วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖
การขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร
จึงไม่สามารถเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการได้
เนื่องจากจะมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร
และจะนำเสนอรายงานความคืบหน้าของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร)
และหน่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้กรุงเทพมหานครหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมในประเด็นของระบบตั๋วร่วม การกำหนดอัตราค่าโดยสาร
และรายละเอียดอื่น ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ให้กรุงเทพมหานครร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลประมาณการวงเงินภาระหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดจนจบสัญญาสัมปทาน
(ปี ๒๖๗๒) เปรียบเทียบกับประมาณการรายได้/สถานะทางการเงินของกรุงเทพมหานคร
และจัดทำข้อเสนอแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นรายปี
ตลอดจนประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในโอกาสแรกด้วย
เร่งพิจารณาแนวทางที่จะทำให้กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ส่วนต่อขยาย ระยะที่ ๒ ที่ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่เมื่อปี ๒๕๖๓
เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่กรุงเทพมหานครซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้สินที่เกิดขึ้นตามเงื่อนไขของ
MOU
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4414 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารสุดท้าย (Draft Final Document) และร่างปฏิญญากรุงบากูของการประชุมคณะกรรมการประสานงานในระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Ministerial Meeting of the Coordinating Bureau of the Non-Aligned Movement: CoB-NAM) | กต. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติร่างเอกสารสุดท้าย (Draft
Final Document) และร่างปฏิญญากรุงบากูของการประชุมคณะกรรมการประสานงานในระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
(Ministerial Meeting of the Coordinating Bureau of the Non-Aligned
Movement : CoB-NAM) จะมีขึ้นระหว่างวันที่
๕-๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยร่างเอกสารสุดท้ายฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับท่าที พัฒนาการ
และการดำเนินการของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในเรื่องต่าง ๆ ในระดับโลกและภูมิภาค
อาทิ ปัญหาการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนและการพัฒนาที่ยั่งยืน
และการปฏิรูปสหประชาชาติ และร่างปฏิญญาบากูฯ มีสาระสำคัญย้ำหลักการต่าง ๆ ที่กลุ่ม
NAM ให้ความสำคัญ เช่น การเคารพในอำนาจอธิไตย
การระงับกรณีพิพาทโดยสันติ การงดเว้นจากการคุกคามและใช้กำลัง
การร่วมกันตอบสนองต่อข้อท้าทายของโลกปัจจุบัน และการธำรงไว้ซึ่งคุณค่าของระบอบพหุภาคีและความร่วมมือระหว่างประเทศ
โดยให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ซึ่งได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
และผู้แทนพิเศษ (Special Envoy)
ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว หากถ้อยคำในเรื่องทะเลจีนใต้ในเอกสารสุดท้ายฯ
ไม่สอดคล้องกับท่าทีร่วมของอาเซียนในเรื่องนี้
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามหนังสือแจ้งข้อสงวน (reservation) หรือหนังสืออื่น ๆ
ที่เป็นการแจ้งท่าทีของอาเซียนต่อถ้อยคำในเอกสารสุดท้ายเช่นเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอื่น
ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของรัฐมนตรีอาเซียนต่อเอกสารสุดท้ายของการประชุม
CoB-NAM ที่ผ่านมา
และหากปรากฎว่าเนื้อหาหรือถ้อยคำของเอกสารสุดท้ายฯ
และร่างปฏิญญาบากูที่ได้รับรองในที่ประชุม CoB-NAM
ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์และท่าทีไทยในสาระสำคัญ แสดงท่าทีเชิงลบ
หรือมีถ้อยคำรุนแรงประณามประเทศอื่นใด อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งข้อสงวน
(reservation)
หรือแสดงท่าทีที่อธิบายอย่างระมัดระวังถึงเหตุผลของไทยซึ่งทำให้ไม่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือถ้อยคำดังกล่าวได้
ทั้งนี้ การแจ้งข้อสงวนเป็นแนวทางที่ไทยปฏิบัติมาโดยตลอด ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารสุดท้ายและร่างปฏิญญากรุงบากูของการประชุมคณะกรรมการประสานงานในระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4415 | ร่างกฎกระทรวงสำมะโนหรือสำรวจตัวอย่างการเกษตร พ.ศ. .... | ดศ. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสำมะโนหรือสำรวจตัวอย่างการเกษตร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานสถิติแห่งชาติทำการสำรวจตัวอย่างการเกษตร
เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำการเกษตรจากผู้ถือครองทำการเกษตรทั่วประเทศ
เพื่อให้มีชุดข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรเพื่อใช้ประโยชน์อย่างเพียงพอ
สำหรับการวางแผน เฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินผลการพัฒนาประเทศด้านการเกษตร
พัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรในภาคการเกษตร และใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการกำหนดนโยบาย
มาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นควรปรับปรุงนิยาม “การเกษตร” และปรับถ้อยคำในร่างกฎกระทรวงฯ
บางประการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติสถิติ
พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้เหมาะสม ทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ด้วย เช่น การดำเนินการสำรวจข้อมูลต่าง ๆ
ควรนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้อง
ครบถ้วน รวดเร็ว
และสามารถประมวลผลข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายเรื่องต่าง ๆ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติควรเชื่อมโยงกับข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน)
เพื่อให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงกัน และเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ว่าควรประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับนำข้อมูลมาใช้ร่วมกับสำมะโนเกษตรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4416 | ขออนุมัติงบประมาณ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเบิกจ่ายโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม งวดที่ 3 และงวดสุดท้าย | พณ. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ งบกลาง
รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเบิกจ่ายงวดที่ ๓
ตามพื้นที่จำนวน ๑๓ พื้นที่ และงวดสุดท้าย โครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม
เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต๊อกน้ำมันปาล์ม เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐๗.๒๔
ล้านาท ก่อนสำนักงบประมาณเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนอนุมัติจัดสรรงบประมาณดังกล่าวต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4417 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการระดับ ๑๐
หรือระดับ ๑๑ กรณีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4418 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | นร.11 สศช | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงเทพมหานคร
โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
เข้าร่วมการประชุมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานร่วมในการประชุมฯ
กับรัฐมนตรีว่าการสำนักงานด้านการพัฒนาและเศรษฐกิจแห่งชาติ
แห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
รายงานของที่ประชุมอาเซียนว่าด้วยเรื่อง SDGs โดยหน่วยงานด้านการวางแผนพัฒนาระดับประเทศ ครั้งที่ ๓
ได้เน้นย้ำความเพียงพอของข้อมูลและการรายงานข้อมูลเพื่อใช้ตรวจสอบความก้าวหน้าในการขับเคลื่อน
SDGs
ส่งเสริมความสอดคล้องระหว่างนโยบาย/โครงการและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับชาติ
ระดับภูมิภาค และระดับโลก เสนอให้มีความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เข้มแข็งเพื่อส่งเสริมการตระหนักถึงความสำคัญของ
SDGs และ (๒) ร่างขอบเขตการดำเนินงานของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุ
SDGs ครั้งที่ ๒
โดยมีการปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ยังคงไว้ซึ่งสาระสำคัญตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่
๔ เมษายน ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4419 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย - ตุรกี ครั้งที่ 4 และกิจกรรมคู่ขนาน | กต. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย-ตุรกี
ครั้งที่ ๔ และกิจกรรมคู่ขนาน ณ กรุงอังการา ตุรกี
โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีตุรกี (นายมุสตาฟา วารังก์)
เป็นประธานร่วม
และพิจารณามอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในโอกาสแรก
โดยมีผลการประชุมฯ เช่น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายเป้าหมายทางการค้าให้ได้ ๒,๐๐๐
ล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านการเร่งสรุปความตกลงการค้าเสรี (Joint Trade Committee
: JTC) ไทย-ตุรกี ครั้งที่ ๑ และ (๒)
ฝ่ายไทยได้เชิญชวนฝ่ายตุรกีมาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความของกระทรวงอุตสาหกรรม
โดยในส่วนที่เป็นคำแปลภาษาไทยขอเสนอปรับแก้ถ้อยคำแปลภาษาไทยให้มีความถูกต้องเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ได้แก่ คำว่า “ด้านการกำหนดมาตรฐาน” เป็น “ด้านการมาตรฐาน” และคำว่า
“การประเมินความสอดคล้อง” เป็น “การตรวจสอบรับรอง” ดังนี้
“ทบทวนบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกับสถาบันมาตรฐานตุรกี
เพื่อขยายความร่วมมือด้านการมาตรฐาน การตรวจสอบรับรอง ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
4420 | ผลการประชุม The 1st Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting | พน. | 05/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม
The 1st
Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting
เมื่อวันที่ ๓-๕ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
โดยที่ประชุมได้ร่วมรับรองแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมฯ ซึ่งประเทศพันธมิตรจะร่วมผลักดันความร่วมมือให้บรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงผ่านทางพลังงานของภูมิภาค
เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานหมุนเวียน ก๊าซธรรมชาติเหลว และเทคโนโลยีการดักจับ
การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน
โดยญี่ปุ่นได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนควบคู่กับการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
ไทย มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานไปพร้อมกับการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน
และพร้อมจะร่วมมือกับนานาประเทศในการขยายความเชื่อมโยงด้านพลังงานในภูมิภาคและสนับสนุนประเทศพันธมิตรในการบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานร่วมกัน
เป็นต้น และการหารือทวิภาคีระหว่างรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์
พันธ์มีเชาว์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
กับผู้บริหารระดับสูงของประเทศ/องค์กรที่เข้าร่วมการประชุม เช่น ไทย-ญี่ปุ่น
เห็นพ้องที่จะร่วมสร้างสรรค์ โดยร่วมกันจัดงาน “ASEAN-Japan Fast Track
Pitch Event” ณ กรุงเทพมหานคร ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม Start-up ไทย-ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียเสนอความร่วมมือในการถ่ายทอดองค์ความรู้
การเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกลและการสร้างตลาดซื้อขายพลังงานไทย-IEA
มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวทาง/มาตรการการรับมือกับวิกฤติพลังงานโลก
และความร่วมมือด้านการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
พร้อมทั้งได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือเกี่ยวกับเทคโนโลยีดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน
และร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสารความร่วมมือของบริษัทด้านพลังงานของไทยด้วย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|