ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1669 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33361 - 33380 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33361 | รายงานความคืบหน้าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ | อื่นๆ | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานในช่วง ๖ เดือน (๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ - ๑๖ มกราคม ๒๕๕๔) และข้อเสนอแนะของ คอป. ตามที่ประธาน คอป. เสนอ โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ การค้นหาความจริงในช่วง ๖ เดือนแรก มีกรอบแนวคิดที่สำคัญ เช่น การยึดหลักมนุษยชน การให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหาและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและชี้แจงหรือให้ข้อมูล การชั่งน้ำหนักพยานจากทุกฝ่ายและพยานหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ การกำหนดประเด็นเชิงลึก การรักษาความลับ การใช้ทฤษฎีก้างปลา การตรวจสอบการกระทำของบุคคลไปสู่องค์กร และการตรวจสอบเหตุการณ์เฉพาะเพื่อเข้าใจภาพรวม ๑.๒ การเยียวยา ได้ดำเนินการรวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล สังคม องค์กร และสถาบันที่ได้รับผลกระทบในระยะสั้นและระยะยาว ประสานหน่วยงานของรัฐเพื่อสรุปผู้ที่ได้รับผลกระทบและได้รับการเยียวยาอย่างเป็นระบบ และนำเสนอต่อสาธารณะชนผ่านการสัมภาษณ์ออกสื่อโดยมุ่งสนับสนุน ส่งเสริมการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมสนับสนุนมาตรการ แนวทาง กิจกรรมเพื่อป้องกันการขัดแย้งและลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ๑.๓ การวิจัยสาเหตุของปัญหาเพื่อศึกษาวิเคราะห์ วิจัยสาเหตุของปัญหาความขัดแย้ง โดยมีกรอบวิจัย ๔ มิติ คือ มิติด้านกฎหมายและกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย มิติด้านประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม มิติด้านการเมือง และมิติด้านสื่อสารมวลชน ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจำแนกข้อเสนอแนะของ คอป. ว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด แล้วแจ้งให้หน่วยงานนั้นรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ คอป. ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อเท็จจริงต่อ คอป. ๔. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ข้อยุติกรณีที่ คอป. รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตอย่างน้อย ๑๓ ราย น่าจะเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ซี่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการเพื่อให้ศาลได้ทำการไต่สวนการตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ วรรคสาม สี่ และห้า ต่อไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินการ ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลต่อการดำเนินคดีต่อไปได้ แล้วประสาน คอป. ทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
33362 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (จำนวน 22 ราย 1. นายเข็มชัย ชุติวงศ์ ฯลฯ) | วท | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวน ๒๒ คน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายเข็มชัย ชุติวงศ์ นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ นายสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐนายอำพน กิตติอำพน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล นายนนทิกร กาญจนะจิตรา นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี นายวุฒิชัย กปิลกาญจน์ นายศักรินทร์ ภูมิรัตน นายสวัสดิ์ ตันตระรัตน์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ๒. ผู้ทรงคุณวฺฒิที่มิใช่ข้าราชการ ประกอบด้วย นายกอปร กฤตยากีรณ นายเขมทัต สุคนธสิงห์ นายอาชว์ เตาลานนท์ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส นายวิษณุ เครืองาม และนายสุเมธ ตันติเวชกุล
|
||||||||||||||||||||||||
33363 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 | ศธ | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติถอนร่างกฎกระทรวง จำนวน ๕ ฉบับ ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการรวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการของสถาบันการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบัน กรรมการสภาสถาบัน หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกหรือสรรหากรรมการสภาสถาบัน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงเข้าร่วมเป็นเครือข่ายของสถานอาชีวศึกษาของเอกชนกับสถาบันการอาชีวศึกษา พ.ศ. .... และ ๕. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการขอจัดการอาชีวศึกษา และการฝึกอบรมวิชาชีพของสถานประกอบการ พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
33364 | การเช่าพื้นที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด และการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดระหว่างดำเนินการออกกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดของคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด | พณ | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ใช้พื้นที่ป่าไม้ถาวร จำนวน ๕,๖๐๓ ไร่ ๕๖ ตารางวา ระหว่างตำบลแม่ปะ - ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดในระหว่างดำเนินการออกกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดของคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด โดยให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ต้องมีการพิจารณาและดำเนินการด้านต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องในองค์รวมไปพร้อมกันโดยเฉพาะพื้นที่ในบริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนที่มีความละเอียดอ่อนเนื่องจากปัญหาเขตแดนและปัญหาข้ามพรมแดนอื่น ๆ ต้องมีการวางมาตรการในการรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านด้วยความรอบคอบ และควรพิจารณาในประเด็นสำคัญที่ว่า พื้นที่ฝั่งตรงข้ามของพม่าที่ไทยจะเพิ่มมูลค่าการค้าขายและลงทุนระหว่างกันมีพัฒนาการด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและเปิดกว้างสำหรับไทยหรือไม่ พร้อมทั้งมีมาตรการรองรับการลักลอบหลบหนีเข้ามาหางานทำของแรงงานต่างด้าวพม่า นอกจากนี้ เงื่อนไขระยะเวลาการเช่าพื้นที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดจะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดิน รวมทั้งการดำเนินการเปลี่ยนคู่สัญญาจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นองค์การบริหารเขตเศรษฐกิจแม่สอดภายหลังจากมีการออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารเขตเศรษฐกิจแม่สอดเรียบร้อยแล้ว ต้องคำนึงถึงข้อตกลงและเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงคู่สัญญาที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้การเปลี่ยนคู่สัญญาเป็นไปอย่างเรียบร้อย เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
33365 | การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ | รง | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ลงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญคือ กำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จำนวน ๑๑ สาขาอาชีพ ได้แก่ กลุ่มสาขาอาชีพช่างไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์ จำนวน ๕ สาขาอาชีพ (ช่างซ่อมไมโครคอมพิวเตอร์ ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม ช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก และช่างอิเล็กทรอนิกส์ (โทรทัศน์) กลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล จำนวน ๓ สาขาอาชีพ (ช่างสีรถยนต์ ช่างเคาะตัวถังรถยนต์ และช่างซ่อมรถยนต์) และกลุ่มสาขาอาชีพภาคบริการ จำนวน ๓ สาขาอาชีพ (พนักงานนวดแผนไทย นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมสปาตะวันตก (หัตถบำบัด) และผู้ประกอบอาหารไทย) ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๙๐ วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้กระทรวงแรงงานส่งประกาศฯ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดสร้างความร่วมมือกับทุกฝ่ายให้มีส่วนร่วมในการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยให้มีสถาบันที่ทำหน้าที่จัดทดสอบและรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานที่เพียงพอ มีคุณภาพและได้มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และในระยะต่อไป ให้การกำหนดค่าจ้างเป็นไปตามกลไกตลาดเมื่อสามารถยกระดับการพัฒนาฝีมือแรงงานได้ทั้งระบบ นอกจากนี้ ในการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานควรให้เชื่อมโยงและบูรณาการกับการจัดทำกรอบมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพในแต่ละสาขาอาชีพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
33366 | มาตรการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ | รง | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ลักลอบทำงานอยู่ในประเทศไทย ดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งมีผู้ประสงค์จะจ้างงาน รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรอายุไม่เกิน ๑๕ ปี โดยใช้มาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๕๒ ผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรอการส่งกลับไม่เกิน ๑ ปี และไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และใช้มาตรา ๕ และมาตรา ๘/๒ แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ จัดทำทะเบียนประวัติราษฎรคนต่างด้าว รวมทั้งใช้มาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ อนุญาตให้ทำงานชั่วคราวในระหว่างรอการส่งกลับ ๑.๒ มาตรการป้องกันสกัดกั้น และการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เน้นดำเนินการในการสกัดกั้นและป้องกันการเข้าใหม่อย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องทั้งก่อนการจดทะเบียน ระหว่างการจดทะเบียน และหลังสิ้นสุดการจดทะเบียนและเน้นการปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีที่ไม่มาเข้าระบบ รวมทั้งเน้นดำเนินการมิให้มีการลักลอบกลับเข้ามาใหม่อีก ๑.๓ มาตรการนำเข้าแรงงานต่างด้าวรายใหม่อย่างถูกกฎหมายดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ โดยเร่งรัดดำเนินการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายจากประเทศพม่า ลาว และกัมพูชาให้สามารถตอบสนองความต้องการของนายจ้างผู้ประกอบการได้อย่างทันท่วงที ๑.๔ มาตรการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (กบร.) โดยปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๔๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๖ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้ครอบคลุมการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งระบบ รวมทั้งการปรับโครงสร้าง กบร. ให้มีคณะอนุกรรมการทั้งในส่วนกลาง และในระดับจังหวัด ๑.๕ มาตรการยกระดับหน่วยงานเลขานุการ กบร. เพื่อให้สามารถดำเนินการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้งระบบ โดยการยกระดับสถานะสำนักบริหารแรงงานต่างด้าวขึ้นเป็นหน่วยงานระดับกรม สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้มีหน่วยงานทั้งในส่วนกลาง และระดับจังหวัด ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการเปิดจดทะเบียนแรงงานรอบใหม่ ควรสำรวจความต้องการแรงงานของผู้ประกอบการในภาคต่าง ๆ เพื่อเป็นฐานข้อมูลความต้องการแรงงาน อย่างไรก็ตาม การเปิดจดทะเบียนแรงงานที่ผ่านมายังไม่สามารถนำแรงงานเข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้องและยังคงมีการลักลอบจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง จึงควรให้ความสำคัญกับการสกัดกั้นและป้องกันการอพยพเข้ามาใหม่ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นภายหลังการจดทะเบียน เพื่อมิให้เป็นปัจจัยดึงดูดให้มีการอพยพเข้ามาใหม่มากขึ้น โดยการจดทะเบียนต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินมาตรการพิสูจน์สัญชาติและการนำเข้าแรงงานอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ เห็นควรให้มีการศึกษาวิจัยความต้องการแรงงานต่างด้าวในแต่ละประเภทให้เกิดความชัดเจน เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการในระยะต่อไปให้เกิดความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
33367 | การเคลื่อนย้ายแรงงานกลับคืนสู่ภาคเกษตรและการออมของเกษตรกร | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงการเพิ่มขึ้นของการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับคืนสู่ภาคเกษตรและการออมของภาคเกษตร สรุปได้ ดังนี้
๑. การเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคการผลิตอื่นเข้ามาทำงานในภาคเกษตรกรรมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ มีแรงงานจากภาคการผลิตอื่นเคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานในภาคเกษตรกรรม เป็นจำนวน ๔๙๑,๗๗๔ คน และในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๑๖๘,๒๕๖ คน รวมทั้งยังมีแรงงานที่ไม่มีงานทำ แต่ย้ายถิ่นมาได้งานทำในภาคเกษตรกรรม ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ กว่า ๓๐๐,๐๐๐ ราย โดยการย้ายกลับคืนถิ่นเพื่อทำการเกษตรเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ภาวะค่าครองชีพในเมืองที่สูงขึ้น การถูกเลิกจ้างจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ และการโยกย้ายตามฤดูกาลผลิต รวมทั้งการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรและราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นปัจจัยในการตัดสินใจย้ายถิ่นมาทำอาชีพเกษตรกร ๒. เกษตรกรมีการออมเงินและมีการลงทุนทางการเกษตรเพิ่มขึ้น โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำให้ยอดเงินฝากของเกษตรกรกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มสูงกว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ค่อนข้างมาก โดยมียอดเงินฝากระหว่างปี เพิ่มขึ้นเป็น ๗๑,๒๔๐ ล้านบาท และสามารถชำระหนี้คืนระหว่างปี เพิ่มขึ้นเป็น ๒๘๔,๖๐๕ ล้านบาท แม้ว่าราคาสินค้าเกษตรในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ที่ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๑ กว่าร้อยละ ๕ ได้ทำให้ยอดเงินฝากระหว่างปีลดลง แต่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ และเกษตรกรยังสามารถชำระหนี้ได้เพิ่มขึ้น และตัดสินใจลงทุนเพิ่มขึ้นในการผลิตทางการเกษตร ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่ได้ชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกร ๓,๙๕๖,๑๗๗ ราย ในปีการผลิต ๒๕๕๒/๒๕๕๓ (รอบแรก) ในวงเงินรวม ๓๖,๔๙๘ ล้านบาท และราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||
33368 | การปรับภารกิจและโครงสร้างของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการขอปรับและจัดสรรอัตรากำลังข้าราชการของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตามโครงสร้างใหม่ เพื่อส่งให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐพิจารณาต่อไป ตามที่ สมช. เสนอ โดยมีรายละเอียดของการปรับและจัดสรรอัตรากำลังข้าราชการของ สมช. ตามโครงสร้างใหม่ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดแบ่งกลุ่มภารกิจ แบ่งออกเป็น ๔ กลุ่มภารกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มภารกิจนโยบายและบริหารแผนงานความมั่นคง กลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และอำนวยการความมั่นคงเฉพาะด้าน กลุ่มภารกิจสนับสนุนทางวิชาการและเครือข่ายการมีส่วนร่วม และกลุ่มภารกิจสนับสนุนทางการบริหาร ๒. โครงสร้างและอัตรากำลัง ๒.๑ กลุ่มภารกิจนโยบายและบริหารแผนงานความมั่นคง ประกอบด้วย หน่วยงานระดับสำนัก ๒ สำนัก ได้แก่ สำนักนโยบายและแผนความมั่นคง และสำนักประเมินภัยคุกคาม ๒.๒ กลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และอำนวยความมั่นคงเฉพาะด้าน ประกอบด้วย หน่วยงานระดับสำนัก รวม ๖ สำนัก ได้แก่ สำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงภายในประเทศ สำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน สำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม สำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงระหว่างประเทศ สำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ และสำนักยุทธศาสตร์การเตรียมพร้อมและการป้องกันประเทศ ๒.๓ กลุ่มภารกิจสนับสนุนทางวิชาการและเครือข่ายการมีส่วนร่วม ประกอบด้วย กลุ่มงานพัฒนาองค์ความรู้ความมั่นคง และกลุ่มกิจการกฎหมายด้านความมั่นคง ๒.๔ กลุ่มภารกิจสนับสนุนทางการบริหาร ประกอบด้วย หน่วยงานระดับสำนักและกลุ่มงาน ได้แก่ สำนักเลขาธิการ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และตรวจสอบภายใน
|
||||||||||||||||||||||||
33369 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายสุวัตร สิทธิหล่อ) | กก | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุวัตร สิทธิหล่อ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง รองอธิบดีกรมพลศึกษา ให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
33370 | แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการทบทวนความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2553) | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) เสนอ ดังนี้
๑. ให้ ปคค. ไม่ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ให้ ปคค. พิจารณาผลการทบทวนความจำเป็นที่จะคงอยู่ของคณะกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรีของหน่วยงาน โดยวิเคราะห์และจัดทำบทสรุปในภาพรวมแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. ให้ ปคค. ส่งผลการทบทวนคณะกรรมการของหน่วยงานทั้งหมดให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามขั้นตอนปกติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
33371 | การจูงใจให้ประชาชนเข้าเป็นผู้ประกันตน | รง | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรเงินอุดหนุนให้สำนักงานประกันสังคม จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๔๖๙,๒๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือบรรเทาภาวะของประชาชนแรงงานนอกระบบที่จะเข้าระบบคุ้มครองประกันสังคม และให้สำนักงานประกันสังคมจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นรายเดือน เพื่อขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. รับทราบขั้นตอนปฏิบัติตามโครงการสนับสนุนจูงใจให้ประชาชนแรงงานนอกระบบได้รับการคุ้มครองประกันสังคม โดยจะมีการเบิกจ่ายภายในวันที่ ๑๐ ของเดือนถัดจากเดือนที่ประชาชนแรงงานนอกระบบได้จ่ายเงินสมทบแล้ว สำหรับขั้นตอนปฏิบัติตามโครงการฯ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอมี ดังนี้ ๒.๑ เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน “โครงการสนับสนุนจูงใจให้ประชาชนแรงงานนอกระบบได้รับการคุ้มครองประกันสังคม” สำนักงบประมาณจะแจ้งงวดเงินให้กระทรวงแรงงานโดยอาจจะแยกเป็น ๑ - ๓ งวด ๒.๒ กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม จะวางฎีกาเบิกจ่ายเงินตามโครงการฯ ภายในวันที่ ๑๐ ของเดือนถัดจากเดือนที่ประชาชนแรงงานนอกระบบได้จ่ายเงินสมทบแล้ว ๒.๓ งบประมาณที่วางฎีกาแล้วจะเบิกจ่ายเข้าบัญชีเงินกองทุนประกันสังคมตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เพื่อการจ่ายสิทธิประโยชน์ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
33372 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ แทนตำแหน่งที่ว่าง (นายสุรช ล่ำซำ และนายเพชร โอสถานุเคราะห์) | วท | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรช ล่ำซำ ตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
33373 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (รวมจำนวน 6 คน 1. พลตำรวจเอก อำนวย เพชรศิริ ฯลฯ) | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการชุดใหม่ จำนวน ๖ คน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก อำนวย เพชรศิริ ประธานกรรมการ ๒. นายอนุรักษ์ อินทรภูวศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการ ๓. พลตำรวจตรี ขรรค์ชัย อนันตสมบูรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการ ๔. นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้แทนสมาคมการประชุมนานาชาติ (ไทย) กรรมการ ๕. นายประวิชย์ ศรีบัณฑิตมงคล ผู้แทนสมาคมแสดงสินค้า (ไทย) กรรมการ ๖. นายสุรพงษ์ฅ เตชะหรูวิจิตร ผู้แทนสมาคมโรงแรมไทย กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
33374 | การปรับบัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือน และปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๔ ๑.๒ ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการตามแนวทางการปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรโดยเคร่งครัด เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อมิให้กระทบต่อฐานะการเงินของ ธ.ก.ส. ในระยะยาว รวมทั้งต้องมีการประเมินวัดผลงานรายบุคคลให้สอดคล้องกับการประเมินผลงานทั้งองค์กร และรายงานให้กระทรวงการคลังทราบความคืบหน้าของการดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังมีการพิจารณาปรับบัญชีโครงสร้างเงินเดือน และปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่อยู่ในการกำกับดูแลให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้เป็นไปตามที่ ธ.ก.ส. ได้ตั้งเป้าหมาย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาระบบสินเชื่อ นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ควรให้ความสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้มีรายได้น้อยและการลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
33375 | การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมันพืชปาล์มกรณีการผลิต 40,000 ตันต่อเดือน | พณ | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับแก้ไขมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ ตามข้อ ๑.๑(๖) จาก “รัฐชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มชนิดบรรจุขวด ๑ ลิตร (๔๗.๐๐ บาทต่อลิตร) กับต้นทุนการผลิตในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้กับโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ในจำนวน ๔๐,๐๐๐ ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน และให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในจำนวนที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ ตามเงื่อนไขข้อ ๑.๑(๔)” เป็น “รัฐชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มกับต้นทุนการผลิตในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาท ทั้งชนิดบรรจุขวด ถุง และปี๊บ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้กับโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ในจำนวน ๔๐,๐๐๐ ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน และให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในจำนวนที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบตามเงื่อนไข ข้อ ๑.๑(๔)” ๒. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้กรมการค้าภายใน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการจ่ายชดเชยส่วนต่างของราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์มกับต้นทุนการผลิตในอัตราลิตรละ ๑.๗๙ บาททั้งชนิดบรรจุขวด ถุง และปี๊บ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้กับโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม ในจำนวน ๔๐,๐๐๐ ตันน้ำมันปาล์มดิบต่อเดือน หรือคิดเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ประมาณ ๒๖ ล้านลิตรต่อเดือน วงเงินรวม ๑๓๙.๖๒ ล้านบาท (น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ๒๖ ล้านลิตรต่อเดือน x ๓ เดือน x ๑.๗๙ บาทต่อลิตร) โดยให้กระทรวงพาณิชย์ขอตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ เมื่อกระทรวงพาณิชย์ขอตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณแล้ว ให้ดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก
|
||||||||||||||||||||||||
33376 | การขอเปลี่ยนแปลงการนำกำลังการผลิตไปตั้งที่ใหม่ การขอนำกำลังการผลิตไปตั้งที่ใหม่และการขอขยายกำลังการผลิต | อก | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. ให้บริษัท อุตสาหกรรมน้ำตาลสุพรรณบุรี จำกัด นำกำลังการผลิต ๓๑,๗๗๒ ตันอ้อยต่อวัน ตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว ไปตั้งใหม่ที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย หรือ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ๒. ให้บริษัท น้ำตาลไทยกาญจนบุรี จำกัด นำกำลังการผลิต ๒,๐๐๐ ตันอ้อยต่อวัน ไปตั้งใหม่ที่อำเภอพรเจริญ จังหวัดบึงกาฬ และขยายกำลังการผลิต เป็น ๒๐,๐๐๐ ตันอ้อยต่อวัน ๓. ให้บริษัท อุตสาหกรรมมิตรเกษตร จำกัด เปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งจากที่ได้รับอนุญาตให้นำเครื่องจักรที่มีกำลังการผลิต ๓,๐๐๐ ตันอ้อยต่อวัน ไปตั้งใหม่ที่อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี และขยายกำลังการผลิตเป็น ๒๕,๐๐๐ ตันอ้อยต่อวัน เปลี่ยนไปตั้งใหม่ที่อำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี และมีกำลังการผลิต ๒๕,๐๐๐ ตันอ้อยต่อวัน ตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว ๔. ให้บริษัท น้ำตาลเอราวัณ จำกัด ขยายกำลังการผลิต จาก ๒๐,๑๑๗ ตันอ้อยต่อวัน เป็น ๒๗,๐๐๐ ตันอ้อยต่อวัน |
||||||||||||||||||||||||
33377 | ขออนุมัติแบบรูปรายการและวงเงินค่าก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบพิเศษ 7 ชั้น โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต | ศธ | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต) เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จากรายการสิ่งก่อสร้างราคาต่อหน่วยต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท รายการก่อสร้างปรับปรุง ซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ และสิ่งก่อสร้างอื่นที่ชำรุดทรุดโทรมและที่ประสบอุบัติภัย จำนวน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปตั้งจ่าย รายการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบพิเศษ ๗ ชั้น จำนวน ๑ หลัง โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต จำนวนเงิน ๑๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ จำนวนเงิน ๗๑,๙๕๖,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๘๙,๙๕๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
33378 | ร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติบางประการภายในพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรงให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนี้
๑. กำหนดให้ผู้ขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรงต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด และต้องวางหลักประกันตามพระราชบัญญัตินี้ ๒. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงหรือผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบเมื่อมีการย้ายสำนักงาน ต้องส่งรายงานเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจต่อนายทะเบียน และให้มีหน้าที่จัดทำเอกสารการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ๓. กำหนดหลักเกณฑ์การโอนกิจการและการเลิกประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรง ๔. กำหนดเหตุเพิกถอนทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงหรือตลาดแบบตรงให้ชัดเจน ๕. ปรับปรุงบทกำหนดโทษ
|
||||||||||||||||||||||||
33379 | การลงนามกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหประชาชาติ ปี ค.ศ. 2012 - 2016 | กต | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนระหว่างไทยกับสหประชาชาติ ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ - ๒๐๑๖ (United Nations Partnership Framework : UNPAF 2012 - 2016) โดยสาระสำคัญของร่างกรอบ UNPAF 2012 - 2016 เป็นการกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างไทยกับสหประชาชาติในสาขาต่าง ๆ ในรูปแบบของ Joint Partnerships ซึ่งระบุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและสหประชาชาติ และงบประมาณดำเนินการเบื้องต้น ซึ่งมาจากองค์กรผู้ดำเนินโครงการของสหประชาชาติ โดยมุ่งเน้นการให้คำแนะนำด้านนโยบายที่มีประสิทธิภาพและการสนับสนุนแก่ประเทศไทย โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ ๒. เห็นชอบให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศลงนามร่าง UNPAF 2012 - 2016 ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
33380 | ร่างแผนแม่บทสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม พ.ศ. 2553 - 2557 และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... | สสส. | 26/04/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยได้ตัดความในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพออก และเพิ่มความเป็นข้อ ๑๓ ของร่างระเบียบฯ กำหนดให้คณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติอาจทำความตกลงกับหน่วยงานของรัฐซึ่งรวมถึงกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการได้ และเมื่อทำความตกลงกับกองทุนฯ แล้ว ก็สามารถจัดตั้งหน่วยงานภายในของกองทุนฯ เพื่อทำหน้าที่ตามที่คณะกรรมการมอบหมายต่อไปได้ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....