ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1662 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 33221 - 33240 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 33221 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองตำลึง อำเภอพานทอง และตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองตำลึง อำเภอพานทอง และตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลหนองตำลึง อำเภอพานทอง และตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อประโยชน์สาธารณะในการสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ชบ. ๓๐๒๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 33222 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) | กค | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ในสังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายนิพิฐ อริยวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ ๒. นางสาวจารุวรรณ จันทิมาพงษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และ ทรัพย์สินมีค่า (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ ๓. นายวัฒนา เชาวสกู ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์ นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
| 33223 | ขอความเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค | คค | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีขนส่งเอเปค ครั้งที่ ๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นแถลงการณ์สำหรับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการขนส่งของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค ๒๑ เขตเศรษฐกิจ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไนดารุสซาลาม แคนาดา ชิลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ สหพันธรัฐรัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป ประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม โดยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะสนับสนุนนโยบายของผู้นำเอเปคในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่
๑. การส่งเสริมการเติบโตสีเขียวและนวัตกรรมการขนส่งที่มุ่งเน้นด้านการขนส่งที่ปลอดภัย มั่นคง ไร้รอยต่อ และยั่งยืน โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในระบบขนส่งเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซและให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้พลังงานในการขนส่งอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. สนับสนุนความร่วมมือด้านกฎระเบียบ เพื่อลดอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุน และให้ความสำคัญกับบทบาทองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่กำหนดมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ประเทศสมาชิกถือปฏิบัติ ๓. สร้างความเข้มแข็งเพื่อบูรณาการด้านเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเปิดเสรีในทุกสาขาการขนส่ง และลดอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีต่อการค้าและการลงทุน
|
||||||||||||||||||||||||
| 33224 | (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ส่ง (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ความเห็นเพื่อให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่บัญญัติว่า ให้กรณีที่คณะรัฐมนตรีจะดำเนินการประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้คณะรัฐมนตรีเสนอร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ความเห็นก่อนการประกาศใช้ และเมื่อสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดส่งความเห็นมาให้คณะรัฐมนตรีแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีนำความเห็นดังกล่าวประกอบการพิจารณาในการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อให้เหมาะสมกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 33225 | รัฐบาลสาธารณรัฐอินเดียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอนิล วาธวา (Mr. Anil Wadhwa) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายปินาก รัญชัน จักรวรรติ (Mr. Pinak Ranjan Chakravarty) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 33226 | รัฐบาลสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัยเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเคราร์โด ปราโต (Mr. Gerardo Prato) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัยประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทน นายปาโบล ซาเดร์ เอร์นันเดช (Mr. Pabio Sader Hernandez) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 33227 | รัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลเอก สุวันทะ แหนนะทิเค ศานตะ โกฏเฏโกทะ [General (Retd.) Suwanda Hennadige Shantha Kottegoda] ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน ศาสตราจารย์ชัยรัตนะ พันทะ ทิสานายกะ (Prof. Jayaratna Banda Disanayaka) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 33228 | รัฐบาลสาธารณรัฐมาลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอุสมาเนอ ต็องดียา (Mr. Ousmane Tandia) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมาลีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทน นางกีเซ มาอีมูนา ดีอาล (Mrs. Guisse Maimouna Dial) ซึ่งมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 33229 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งนักการข่าว ระดับทรงคุณวุฒิ | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ในสังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรพล แสงหัตถวัฒนา ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและ อาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) ตำแหน่งเลขที่ ๕ กลุ่มงานที่ปรึกษา ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ๒. นายกัมพุช วุฒิวงศ์ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าว ทรงคุณวุฒิ) ตำแหน่งเลขที่ ๖ กลุ่มงานที่ปรึกษา ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
|
||||||||||||||||||||||||
| 33230 | ขอแก้ไขข้อคลาดเคลื่อนของแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2555 - 2558 | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการแก้ไขข้อความคลาดเคลื่อนของแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินเสนอ ดังนี้
๑. ปรับแก้ไขในหน้าที่ ๓ หัวข้อที่ ๓. รายการค่าใช้จ่ายดำเนินการภาครัฐ รวมของปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ในตางราง แถวที่ ๒ สดมภ์ที่ ๖ โดยปรับจาก ๓,๘๗๘,๓๙๐ ล้านบาท เป็น ๓,๙๐๒,๕๙๐ ล้านบาท ๒. ปรับแก้ไขในหน้า ๓ หัวข้อที่ ๔. รวมความต้องการใช้เงินทั้งสิ้น (๒ + ๓) รวมของปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ในตาราง แถวที่ ๓ สดมภ์ที่ ๖ โดยปรับจาก ๑๕,๑๗๗,๗๖๗ ล้านบาท เป็น ๑๕,๒๐๑,๙๖๗ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
| 33231 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมของรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนอาเซียน+3 และเอเชียตะวันออกกับร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างอาเซียนกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) | พน | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมของรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน อาเซียน+๓ และเอเชียตะวันออก รวมทั้งร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างอาเซียนกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency : IEA) ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถบังเกิดผลเป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือด้านพลังงานในกรอบอาเซียน อาเซียน + ๓ และเอเชียตะวันออก ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๔ ณ กรุงดาร์เสรีเบกาวัน รัฐบรูไนดารุสซาลาม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมของรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๒๙ (Joint Ministerial Statement of the 29th AMEM) ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีอาเซียน + ๓ ด้านพลังงาน ครั้งที่ ๘ (Joint Ministerial Statement of 8th Amem+3) และร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีเอเชียตะวันออกด้านพลังงาน ครั้งที่ ๕ (Joint Ministerial Staterment of the 5th EAS EMM) โดยร่างแถลงการณ์ทั้ง ๓ ฉบับ จะเป็นแถลงการณ์สรุปผลการประชุมของรัฐมนตรีพลังงานทั้ง ๓ คณะ ประกอบด้วยสาระหลัก คือ การผลักดันประเทศสมาชิกไปสู่เป้าหมายในการลดอัตราการใช้พลังงานในภูมิภาค และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้า การเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันผ่านการเชื่อมโยงโครงข่ายด้านพลังงานในภูมิภาค การดำเนินงานร่วมกันเพื่อยกระดับการใช้พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงานใหม่ การสนับสนุนให้มีการแบ่งปันและปรับปรุงข้อมูลการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน การตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานและการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และแสดงความมุ่งมั่นที่จะทำกิจกรรมช่วยลดภาวะโลกร้อน การให้ความสำคัญต่อความหลากหลายของแหล่งพลังงาน การเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศสมาชิก ตลอดจนการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจการเติบโตแบบคาร์บอนต่ำ (low - carbon growth economy) ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมทั้ง ๓ ฉบับ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน อาเซียน+๓ และเอเชียตะวันออก ๓. เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศสามารถพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำในร่างแถลงการณ์ร่วมทั้ง ๓ ฉบับ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญของแถลงการณ์ร่วมได้ตามความเหมาะสมก่อนที่จะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าวในที่ประชุมได้ ๔. เห็นชอบในหลักการร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างอาเซียนกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (Memorandum of Understanding on Energy Co - Operation between the Association of Southeast Asian Nations and the International Energy Agency) ระหว่างเลขาธิการอาเซียนกับผู้บริหารทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือทางด้านวิชาการและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องทางด้านพลังงาน รวมถึงนโยบายทางด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ฉุกเฉินทางด้านพลังงาน |
||||||||||||||||||||||||
| 33232 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คงคณะกรรมการ ๒ คณะ เพื่อปฏิบัติงานต่อไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการพิจารณาปัญหาเขตแดนของประเทศไทย โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จาก “ผู้อำนวยการสำนักความมั่นคงกิจการชายแดนและการป้องกันประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ” เป็น “ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ” ๒. คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ดังนี้ ๒.๑ เพิ่ม รองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายความมั่นคง) เป็นรองประธานกรรมการ ๒.๒ ปรับปรุงจาก “ผู้อำนวยการสำนักความมั่นคงกิจการภายนอกประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (๒)” เป็น “ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (๒)”
|
||||||||||||||||||||||||
| 33233 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงบประมาณ) | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานระหว่างหน่วยราชการทางการเงินขึ้นใหม่ ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธานกรรมการ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ตามที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมอบหมาย) รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมอบหมาย) รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง (ตามที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย) และผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการ โดยมีผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบ สำนักงบประมาณ เป็นเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเงินและการงบประมาณแผ่นดิน กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเงินและการงบประมาณแผ่นดิน รวมทั้งเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการเงินและการงบประมาณแก่หน่วยงานเจ้าของเรื่องหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 33234 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ในวงเงินไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ อายุ ๑๐ ปี จำหน่ายให้กับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลไม่จำกัดประเภท เมื่อวันที่ ๑๑ - ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ โดยจดทะเบียนในวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ สามารถจำหน่ายได้ครบทั้งจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ๒. กระทรวงการคลังได้นำเงินที่ได้จากการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวไปปรับโครงสร้างหนี้สัญญาเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ประกอบด้วย ๒.๑ สัญญาเงินกู้สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๓ วงเงินที่ ๑ จำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท สัญญาลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๓ (ยอดเงินกู้คงค้างจำนวน ๓๗,๑๖๙,๗๑๐,๐๐๐ บาท) ชำระคืนต้นเงินกู้จำนวน ๓๗,๑๖๙,๗๑๐,๐๐๐ บาท คงเหลือเงินกู้คงค้างจำนวน ๐.๐๐ บาท ๒.๒ สัญญาเงินกู้สำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ครั้งที่ ๓ วงเงินที่ ๒ จำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท สัญญาลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ ชำระคืนต้นเงินกู้จำนวน ๒,๘๓๐,๒๙๐,๐๐๐ บาท คงเหลือเงินกู้คงค้างจำนวน ๓๗,๑๖๙,๗๑๐,๐๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
| 33235 | ขออนุมัติค่าธรรมเนียมสมาชิกสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย | กต | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายเงินค่าธรรมเนียมสมาชิกสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association for Regional Cooperation : IOR - ARC) จำนวน ๑๖,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ งบเงินอุดหนุน ของกระทรวงการต่างประเทศ ๒. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศตั้งงบประมาณรองรับเพื่อชำระค่าธรรมเนียมสมาชิกสมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียในปีต่อ ๆ ไปทุกปี ตามอัตราที่สมาคมความร่วมมือแห่งภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
| 33236 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | กต | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน ๕๒ คณะ ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีชุดเดิมมีมติแต่งตั้งไว้แล้ว ๒. ยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน ๔ คณะได้แก่ ๒.๑ คณะกรรมการให้ความเห็นชอบการให้ความคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ ๒.๒ คณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย - แปซิฟิก (เอเปค) ๒.๓ คณะกรรมการนโยบายของไทยต่อองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ๒.๔ คณะกรรมการเตรียมการประชุม WIPO Intergovernmental Committee on Intellectual Property and Genetic Resources, Traditional Knowledge and Folklore (IGC) ๓. ปรับรายละเอียดองค์ประกอบคณะกรรมการ จำนวน ๖ คณะ คือ ๓.๑ คณะกรรมการกฎหมายทะเลเขตทางทะเลของประเทศไทย ๓.๒ คณะกรรมการความร่วมมือไทย - ประชาคมยุโรป ๓.๓ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ๓.๔ คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย - กัมพูชา (ฝ่ายไทย) ๓.๕ คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ๓.๖ คณะกรรมการจัดทำหลักเขตแดนร่วมระหว่างไทย - มาเลเซีย ๔. โอนคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทยของสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ให้จัดขึ้นตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ให้อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
| 33237 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติราชการตามมาตรา ๑๖ โดยให้ถือว่าคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นแผนปฏิบัติราชการประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้นำไปประกอบการจัดทำเป็นแผนปฏิบัติราชการสี่ปีต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้ส่วนราชการนำเป้าหมายและตัวชี้วัดในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ไปประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี ช่วง พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๘ และแผนปฏิบัติราชการสี่ปีของส่วนราชการ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถบรรลุเป้าหมายนโยบายของรัฐบาลและแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 33238 | การขออนุมัติคณะรัฐมนตรีในการใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในสัญญา First Amendment to the Dispute Resolution Agreement ระหว่างบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มสายการบิน Star Alliance | คค | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในสัญญา First Amendment to the Dispute Resolution Agreement กับกลุ่มสายการบิน Star Alliance เพื่อแก้ไขสัญญาฉบับเดิม คือ Dispute Resolution Agreement ที่ บกท. เคยลงนามไปแล้วอันเป็นสัญญาเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทอันเนื่องมาจากข้อพิพาทตามสัญญาที่เกี่ยวกับ Star Alliance โดยมีการปรับปรุงเพิ่มเติมรายละเอียดสัญญาเดิมบางประการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องการใช้วิธีการระงับข้อพิพาทโดยการอนุญาโตตุลาการไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทาง/วิธีปฏิบัติของหน่วยงานฝ่ายไทยให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการขอตั้งอนุญาโตตุลาการ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 33239 | การแต่งตั้งผู้แทนรัฐบาลสำหรับการนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ | กต | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแต่งตั้งให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการนำเสนอรายงานทบทวนสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย ๑.๒ รับทราบเกี่ยวกับการเตรียมการนำเสนอรายงานทั้งในส่วนของถ้อยแถลงกล่าวนำการเสนอรายงาน UPR เกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย บริบททางการเมืองในปัจจุบันที่เกี่ยวโยงกับการส่งเสริมและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศ และประเด็นสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับรายงาน UPR ของไทย การจัดทำคำชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ที่คาดว่าจะถูกซักถามจากที่ประชุม การกำหนดท่าทีเบื้องต้นในการรับหรือไม่รับข้อเสนอแนะใด ๆ ที่เกิดจากการประชุม และการพิจารณาเบื้องต้นเกี่ยวกับการให้คำมั่นโดยสมัครใจในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยการเตรียมการดังกล่าวจะใช้บริบททางการเมืองและนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินการ โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศภายใต้กลไก UPR กลั่นกรอง และนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้ความเห็นชอบเพื่อคณะผู้แทนไทยดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาใช้ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมในสังคม ในการเตรียมการควบคู่ไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 33240 | มอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน | นร | 13/09/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่อง การมอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕๗/๒๕๕๔ เรื่อง มอบหมายรัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีรับผิดชอบเร่งรัด กำกับ ติดตามการกู้วิกฤตจากภัยธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วน โดยแบ่งเป็นพื้นที่รายจังหวัด ๒. ให้ผู้รับผิดชอบตามข้อ ๑ มีอำนาจหน้าที่ในการเร่งรัด กำกับ ติดตาม สนับสนุน ประสานงาน การให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร่งด่วนในเขตจังหวัดพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งการประสานงานกับภาคเอกชนและผู้แทนประชาชนในพื้นที่ เพื่อเสริมการทำงานของคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) และผู้ว่าราชการจังหวัด โดยให้ผู้รับผิดชอบรายงานนายกรัฐมนตรีทราบโดยตรง และหากมีเรื่องสำคัญหรือประเด็นที่คาบเกี่ยวหลายหน่วยงาน หรือส่วนราชการ หรือหลายจังหวัด ให้นำหารือรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการ ศอส. เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีวินิจฉัยสั่งการ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรีตามข้อ ๒ เป็นผู้มีอำนาจเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ภัยพิบัติจากธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป ๔. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการทำงานของรัฐมนตรีผู้ได้รับมอบหมาย เสนอข้อมูล ประสานงาน อำนวยความสะดวก และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานตามคำสั่งนี้ด้วย โดยในส่วนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พลตำรวจตรี ธวัช บุญเฟื่อง) เป็นผู้ประสานงาน ติดตามการรายงานต่อนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
.....
