ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... | ศธ | 28/02/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ง
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ มีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกำกับของรัฐและไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น ๑.๒ กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ๑.๓ กำหนดให้มหาวิทยาลัยแบ่งส่วนงานออกเป็น สำนักงานสภามหาวิทยาลัย ส่วนงานวิชาการ ส่วนงานอื่น ๆ และให้การจัดตั้ง การรวม การยุบเลิกส่วนงานจัดทำเป็นประกาศของมหาวิทยาลัยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่การแบ่งส่วนงานเป็นหน่วยงานภายในให้ทำเป็นข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ๑.๔ กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีรายได้ส่วนหนึ่งจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินกองทุนที่รัฐบาลหรือมหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้น และรายได้หรือผลประโยชน์จากกองทุนดังกล่าว รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ๑.๕ กำหนดให้บรรดาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการให้หรือซื้อด้วยเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยหรือแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัย ให้ทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยที่ใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษา วิจัยไม่อยู่ในข่ายแห่งการบังคับคดี ๑.๖ กำหนดให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วยนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการอื่น และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และให้สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๗ กำหนดให้มีสภาวิชาการ สภาคณาจารย์และพนักงาน และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย โดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด และให้องค์ประกอบ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาหรือการแต่งตั้ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนการประชุม เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ๑.๘ กำหนดให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และรับผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลัย กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม โดยให้อธิการบดีมีอำนาจและหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๙ กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาและการวิจัย ตลอดจนการประเมินการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ๑.๑๐ กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการการบัญชี และการตรวจสอบทางบัญชีและการเงินของมหาวิทยาลัย ๑.๑๑ กำหนดให้ตำแหน่งทางวิชาการ คณาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์พิเศษ รองศาสตราจารย์พิเศษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ อาจารย์พิเศษ ๑.๑๒ กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการให้ปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรตัดข้อความในมาตรา ๔ ตอนท้ายที่กำหนดว่า “...ยังคงได้รับจัดสรรงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ” ออก เนื่องจากมาตรา ๑๓ วรรคสอง ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าให้รัฐบาลจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่มหาวิทยาลัยโดยตรง และในการยกร่างพระราชบัญญัติฯ ควรยึดถือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๖ เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จะออกนอกระบบที่กำหนดหลักการกลางที่จะบัญญัติไว้ในร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกฉบับเป็นแนวทางในการยกร่าง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการให้มหาวิทยาลัยที่เป็นส่วนราชการของรัฐเปลี่ยนสภาพเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่เป็นส่วนราชการและอยู่ในกำกับของรัฐ จะทำให้มหาวิทยาลัยสามารถบริหารงานทางด้านการเงินและการบริหารจัดการทั่วไปได้อย่างคล่องตัวขึ้น แต่ไม่ควรเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาให้แก่ผู้ปกครองและนักศึกษาเกินสมควร และเห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบงบประมาณที่เอื้อต่อการวางแผนและการประเมินผลระบบต้นทุนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการศึกษาเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและประหยัดอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....