ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 45 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กต | 14/08/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ในกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีมติให้คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนพัฒนาร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนต่อไป โดยหารือกับทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถจัดทำร่างปฏิญญาฯ เสร็จสิ้นสำหรับให้ผู้นำอาเซียนรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๒. อาเซียนและประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ยังไม่สามารถลงนามในเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ เนื่องจากฝรั่งเศส รัสเซีย และสหราชอาณาจักรได้แจ้งข้อสงวนในเรื่องนี้แก่อาเซียนในระยะเวลาที่กระชั้นชิดก่อนการประชุม ซึ่งอาเซียนจำเป็นต้องพิจารณาข้อสงวนดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน ส่งผลให้มีการเลื่อนการลงนามเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาฯ ออกไป โดยคาดว่าจะลงนามได้ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๓. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้รับรองร่าง Terms of Reference ของสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ ซึ่งกำหนดขอบเขตหน้าที่เพื่อจัดตั้งสถาบันและส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคตามเป้าหมายของแผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน โดยจะประกาศการจัดตั้งสถาบันฯ อย่างเป็นทางการระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๔. สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรได้ลงนามในตราสารเพื่อเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลำดับที่ ๒๙ และ ๓๐ ตามลำดับ ๕. เวียดนามได้เสนอชื่อนาย Le Luong Minh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเป็นเลขาธิการอาเซียนคนต่อไปสำหรับวาระปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ และที่ประชุมสุดยอดอาเซียนจะพิจารณาแต่งตั้งนาย Le Luong Minh ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๖. ที่ประชุมเห็นพ้องว่า อาเซียนควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะด้านการค้ามนุษย์ และยาเสพติด ซึ่งไทยได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ระหว่างวันที่ ๓๐ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๕๕ ๗. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับวิกฤตยูโรโซน รวมทั้งผลกระทบที่อาจมีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเห็นว่าควรส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินให้ภูมิภาคพร้อมรับมือกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งยินดีกับการเพิ่มประสิทธิภาพของ Chiang Mai Initiative Multilateralization (CMIM) โดยการขยายวงเงินจาก ๑๒๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๒๔๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ หุ้นส่วนเขตการค้าเสรีกับอาเซียนได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วม Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP หรือ ASEAN++ FTA) อาทิ ออสเตรเลีย จีน และนิวซีแลนด์ ๘. ประเทศอาเซียนและคู่เจรจายังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรื่องความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยคู่เจรจาหลายประเทศ อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และอินเดีย ได้แสดงความพร้อมที่ให้การสนับสนุนอาเซียนในเรื่องนี้ โดยในส่วนของไทยได้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงในกรอบอาเซียน+๓ โดยประเทศอาเซียน+๓ ได้สนับสนุนข้อริเริ่มของไทย และเห็นชอบกับข้อเสนอของไทยที่จะให้มีการออกแถลงการณ์ผู้นำว่าด้วยหุ้นส่วนความเชื่อมโยงอาเซียน+๓ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๕ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งไทยจะเป็นผู้ยกร่าง ๙. ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และนิวซีแลนด์ ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนอาเซียนในการพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการพัฒนากลไกเพื่อรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ซึ่งไทยได้แจ้งที่ประชุม ARF ถึงความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อจัดการฝึก Disaster Relief Exercise (DiREx) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑๐. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องว่า อาเซียนได้พัฒนาความสัมพันธ์กับภายนอกภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในกรอบต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์กับอาเซียนทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนา โดยควรให้ทุกกรอบสามารถเกื้อกูลกันและส่งเสริมซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ อาเซียนจำเป็นต้องรักษาและส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมทั้งมีความเป็นผู้นำในการริเริ่มข้อเสนอในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อให้ความสัมพันธ์ภายนอกของอาเซียนเป็นประโยชน์กับอาเซียนอย่างแท้จริง ๑๑. ประเด็นภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ๑๑.๑ ฟิลิปปินส์และเวียดนามมีท่าทีที่แข็งกร้าวในประเด็นที่เกี่ยวกับทะเลจีนใต้ โดยยืนยันให้มีการระบุสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่เกี่ยวกับ Scarborough Shoal (สำหรับฟิลิปปินส์) และเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพาะ (Exclusive Economic Zone : EEZ) และไหล่ทวีป (Continental Shelf) (สำหรับเวียดนาม) ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค หลายประเทศจึงเห็นว่าอาเซียนควรมีท่าทีร่วมกันในเรื่องนี้ และควรมีประเด็นนี้บรรจุอยู่ในแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๕ ๑๑.๒ ในการประชุมอาเซียน-จีน อาเซียนได้แสดงความพร้อมที่จะเริ่มเจรจา Code of Conduct in the South China Sea (CoC) กับจีน โดยอาเซียนสามารถบรรลุท่าทีเกี่ยวกับองค์ประกอบที่สำคัญที่ควรบรรจุใน CoC แล้ว ๑๑.๓ ประเทศอาเซียนและคู่เจรจาต่างแสดงความยินดีต่อพัฒนาการทางการเมืองและการปฏิรูปในเมียนมาร์ และเห็นว่าควรยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ต่อเมียนมาร์ รวมทั้งให้การสนับสนุนเมียนมาร์เพื่อให้กระบวนการปฏิรูปต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน
|
.....