ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1453 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 29041 - 29060 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29041 | การจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (วันที่ 20 - 21 มกราคม 2556) | นร | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การคัดเลือกโครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่จะนำเข้ามาพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันอาทิตย์ที่ ๒๐-วันจันทร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ นั้น ควรต้องยึดหลักว่าเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างแท้จริงที่จะต้องใช้จ่ายจากเงินงบกลาง และเป็นโครงการที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยรวมของจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณรับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
29042 | การขอยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 และการขออนุมัติลงนามสัญญาต่าง ๆ ที่ไม่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรี | นร05 | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขอยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ และการขออนุมัติลงนามสัญญาต่าง ๆ ของส่วนราชการ ดังนี้
๑. ในการขอยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ นั้น ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ดังกล่าว ได้กำหนดให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) และคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) มีอำนาจหน้าที่ในการตีความและวินิจฉัยปัญหา รวมทั้งพิจารณาอนุมัติยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ คณะรัฐมนตรีไม่มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ได้ ดังนั้น หากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดประสงค์จะขอยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ดังกล่าว ให้เสนอเรื่องไปยัง กวพ. หรือ กวพ.อ. แล้วแต่กรณี โดยไม่ต้องนำเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ๒. กรณีการทำสัญญาใด ๆ ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หากสัญญานั้นมิได้อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบหรือมติคณะรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่ต้องนำเสนอขอความเห็นชอบหรืออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
29043 | ร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย - สหภาพยุโรป | พณ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ที่จะใช้ในการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งครอบคลุมถึงความตกลงด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยกรอบการเจรจาจะครอบคลุม ๑๗ ประเด็น ได้แก่ การค้าสินค้า พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการปกป้องด้านดุลการชำระเงิน มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า การค้าบริการ การลงทุน การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ความโปร่งใส การแข่งขัน การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือ และอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในเรื่องการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ว่า ภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจมีความเห็นว่า การเจรจาต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังเพื่อให้การเจรจามีประโยชน์มากที่สุด จัดให้มีมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน และต้องเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และเป็นระบบ โดยประเด็นที่มีความห่วงกังวลมากที่สุด ได้แก่ การมีข้อผูกพันเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เกินไปกว่าที่ตกลงไว้แล้วในองค์การการค้าโลกที่จะก่อให้เกิดการผูกขาดการเกษตรอย่างครบวงจร กระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และวิถีชีวิตของชุมชนและเกษตรกรรายย่อย รวมถึงอุปสรรคต่อการใช้มาตรการสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาและการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน การเปิดเสรีเครื่องดื่มสินค้าแอลกอฮอล์ และบุหรี่จะทำให้มีการบริโภคมากขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการสูญเสียฐานทรัพยากรของประเทศ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ๓. ให้ประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นหัวหน้าคณะในการเจรจาตามกรอบการเจรจาในเรื่องนี้ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ และเงื่อนไขการลงทุนที่ชัดเจนเพื่อดึงดูดและรองรับการลงทุนจากสหภาพยุโรปและจากประเทศอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กับกระบวนการเจรจา การใช้ช่องทางการจัดทำความตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมในการผลักดันความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายโอนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของภาคเอกชนไทยและต่อยอดความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (Comparative advantage) เพื่อขยายโอกาสของไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การเตรียมความพร้อมในเรื่องมาตรการรองรับและปรับตัว ตลอดจนมาตรการเยียวยาต่อการค้าสินค้าและการค้าบริการ อาทิ มาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว มาตรการกำกับดูแลการลงทุนให้มีการแข่งขันอย่างเท่าเทียม การเสริมสร้างการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อยและผู้ประกอบการขนาดย่อมให้มีความเข้มแข็งและมีอำนาจต่อรอง การพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี การผลิต การตลาด ราคาสินค้า ข้อตกลงต่าง ๆ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่าง ๆ และคู่มือการปฏิบัติในการใช้สิทธิประโยชน์ความตกลงการค้าเสรีต่าง ๆ นอกจากนี้ เห็นควรพิจารณาเสนอความร่วมมือจากสหภาพยุโรปในสาขาต่าง ๆ ที่สหภาพยุโรปมีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นประโยชน์กับไทย อาทิ การพัฒนาระบบทดสอบมาตรฐานสินค้า รวมทั้งหารือกับภาคเอกชนในการกำหนดท่าทีของไทยต่อประเด็นต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน และการเปิดเสรีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์ ซึ่งสหภาพยุโรปมีศักยภาพในการส่งออก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินต่อไปด้วย ๕. ให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ติดตาม ศึกษา และวิเคราะห์การเจรจาในเรื่องดังกล่าว แล้วชี้แจงให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
29044 | ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นและกรรมการของบริษัทเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจประกันภัย ๑.๒ กำหนดให้กองทุนชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยแทนบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์และการใช้จ่ายเงินของกองทุนให้เหมาะสมขึ้น ๑.๓ กำหนดให้กองทุนมีอำนาจในการกู้ยืมเงิน หรือออกตราสารทางการเงินอื่นตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนด และเป็นผู้ชำระบัญชีตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมที่มาของกองทุนให้เหมาะสมด้วย ๑.๔ เพิ่มบทกำหนดโทษคณะกรรมการบริษัทที่ไม่ส่งมอบบัญชีและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดของบริษัทให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในเจ็ดวัน ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๓ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๙ วรรคสาม) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างมาตรา ๓ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๐ วรรคสาม) แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จาก “... รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ...” เป็น “... รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ...” ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29045 | ขอความเห็นชอบปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการยกระดับมุมมองมิติหญิงชายและความร่วมมือระหว่างสตรีในอาเซียนเพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม | พม | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการยกระดับมุมมองมิติหญิงชายและความร่วมมือระหว่างสตรีในอาเซียนเพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (Vientiane Declaration on Enhancing Gender Perspectives and ASEAN Women’s Partnership in the Environment Sustainability) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับรองปฏิญญาดังกล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี (ASEAN Ministerial Meeting on Women : AMMW) ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการดำเนินงานต่อไป โดยสาระสำคัญของปฏิญญาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของสตรีในด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนของอาเซียนผ่านความร่วมมือในกรอบต่าง ๆ ของอาเซียน และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนนำหลักการไปปรับใช้โดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรแก้ไขคำกล่าวยืนยันพันธกรณีที่จะร่วมกันส่งเสริม โดยข้อ ๑ แก้ไขเป็น ทักษะความรู้ของสตรีในการจัดการสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และข้อ ๕ แก้ไขเป็น ส่งเสริมสตรีในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนภายใต้ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ นอกจากนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ควรประสานการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้สามารถดำเนินงานตามปฏิญญาฯ ที่ให้การรับรองไว้ รวมทั้งให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการประสานการดำเนินงานและติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้เป็นไปตามปฏิญญาฯ ทั้งในระดับประเทศและในระดับอาเซียนอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บรรลุตามปฏิญญาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29046 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์) | สธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่ง สาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29047 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ดังนี้
๑. เพิ่มเติมผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ ๒. เพิ่มเติมผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (๑ ท่าน) เป็นกรรมการ ๓. เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ "ให้มีอำนาจในการผลักดันการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามนโยบายและแผนที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งกำกับดูแลการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง" ทั้งนี้ สามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการฯ ทราบเป็นระยะๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29048 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสกนธ์ ชุมทัพ) | ศธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสกนธ์ ชุมทัพ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29049 | การกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปีงบประมาณ 2556 | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่ครบกำหนด โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน และการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ๒. ให้กระทรวงการคลัง และ ธอส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนงานและแนวทางในการบริหารจัดการความไม่สอดคล้องของระยะเวลาระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่องของธนาคาร ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เน้นการขยายระยะเวลาของหนี้สินจากระยะสั้นเป็นระยะกลางถึงยาวให้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้สามารถรองรับการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและตามภารกิจหลักของธนาคาร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29050 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 48 (1) แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551) | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดห้ามมิให้สถาบันการเงินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้สินเชื่อทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้ สินเชื่อ หรือประกันหนี้แก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว เว้นแต่เป็นการให้สินเชื่อในรูปของบัตรเครดิตตามอัตราขั้นสูงที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด หรือการให้สินเชื่อเพื่อเป็นสวัสดิการแก่บุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. ประกาศกำหนด เมื่อเห็นว่าการให้สินเชื่อนั้นไม่ได้เป็นการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกจากสถาบันการเงินโดยมิชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในประเด็นการขัดกันของผลประโยชน์ระหว่างกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินกับสถาบันการเงิน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาในรายละเอียดสาระสำคัญของกฎหมาย และหลักเกณฑ์ที่ ธปท. จะประกาศกำหนด รวมทั้งระเบียบปฏิบัติอื่นที่ใช้บังคับกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่จะได้รับผลกระทบภายหลังการแก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้ โดยรักษามาตรฐานการกำกับดูแลให้อยู่ในระดับสากล โดยเฉพาะการกำกับดูแลธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างสถาบันการเงินประเภทต่าง ๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันภัย เป็นต้น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงินและระบบการเงินโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29051 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้
๑. กำหนดให้กรรมการปฏิรูปกฎหมายที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลาซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาปฏิบัติงานเช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามมาตรา ๔ ๒. กำหนดให้กรรมการซึ่งได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอยู่แล้วในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาปฏิบัติงานย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่กรรมการผู้นั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
29052 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่น เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. .... | นร09 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่น เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้อุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดให้มีในอาคารหรือสถานที่อื่น ต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยในการใช้งาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการพิเศษของคนพิการแต่ละประเภท ๒. กำหนดให้นำบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารมาใช้บังคับโดยอนุโลมในการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการ ในอาคารหรือสถานที่ ๓. กำหนดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการพิเศษของคนพิการแต่ละประเภท ในอาคารที่มีผู้ปฏิบัติงานเป็นคนพิการร่วมอยู่ด้วย ๔. กำหนดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กำหนด ในอาคารหรือสถานที่ของหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน หรือองค์กรอื่นใด ๕. กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติดำเนินการตามที่กำหนด ในเรื่องการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคารหรือสถานที่เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29053 | รายงานประจำปี 2554 พร้อมรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ พร้อมรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การวิจัย พัฒนาและเผยแพร่หลักสูตร สื่อ อุปกรณ์และกระบวนการเรียนรู้ โดยดำเนินโครงการวิจัย พัฒนาหลักสูตร สื่อกระบวนการเรียนการสอนการวัดและประเมินผลให้ทันสมัยทัดเทียมนานาชาติ โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ดิจิทัล ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี และโครงการวิจัยติดตามประเมินผลเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งในประเทศและร่วมกับนานาชาติ ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการพัฒนาศักยภาพครู เพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และโครงการพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนพระราชดำริและโรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาร ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การประเมินมาตรฐานการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการพัฒนาและประเมินมาตรฐานครูบุคลากรทางการศึกษาและสถานศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี และโครงการพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินสัมฤทธิผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การสร้างความเข้าใจให้สาธารณชนตระหนักในความสำคัญของวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายและแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต และโครงการสร้างความตระหนักในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ๒. การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเต็มศักยภาพ ๒.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้ที่มีความรู้ความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ ๒, ๓ และ ๔ และโครงการจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒๓ ในปี ๒๕๕๔ ณ ประเทศไทย ๒.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ การพัฒนาและส่งเสริมครูที่มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ๓. การปรับปรุงกระบวนการจัดการบริหารภายในและความรู้สู่องค์กรคุณภาพสูง ๓.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๗ การพัฒนาขีดความสามารถองค์กรให้มีศักยภาพสูง กำหนดเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนด้วยความมั่นคง ต่อเนื่อง มีการประสานงานที่ดีตลอดเวลา รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้มีบุคลากรที่มีศักยภาพสูง มีระบบงาน กระบวนการ และทรัพยากรทางการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ทันสมัย และใช้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๘ การพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้ โดยดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ระบบงานและค่าตอบแทน โครงการเสริมสร้างบทบาทของ สสวท. ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขยายขีดความสามารถการดำเนินภารกิจ โครงการพัฒนาและบริหารจัดการความรู้ และโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ๔. ทิศทางและแผนการดำเนินงาน ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๔.๑ การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นการบูรณาการแผนงาน และทรัพยากรกับหน่วยงานอื่นเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔.๒ การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างเต็มตามศักยภาพ มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษอย่างต่อเนื่อง ๔.๓ การปรับปรุงกระบวนการจัดการบริหารภายในและความรู้สู่องค์กรคุณภาพสูง ปรับโครงสร้างองค์กรให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ปรับโครงสร้างเงินเดือนเพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถและรักษาบุคลากรที่มีไว้กับองค์กร รวมทั้งพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขยายขีดความสามารถในการดำเนินภารกิจที่จะส่งผลต่อกระบวนการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ ๕. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว โดยผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สสวท. ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญ ตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
29054 | ร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ในกรณีที่การผลิตอากาศยานมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ หรือมีเหตุอันควรในการส่งเสริมการประกอบกิจการดังกล่าว หรือเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศ อาจตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะของผู้ขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง (๒) และ (๔) โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาของการยกเว้นไว้ด้วยก็ได้ ๒. กำหนดให้ยกเลิกวรรคสามของมาตรา ๔๑/๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓. กำหนดให้ในกรณีที่การผลิตส่วนประกอบสำคัญของอากาศยานกรณีใดมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ หรือมีเหตุอันสมควรในการส่งเสริมการประกอบกิจการดังกล่าว หรือเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศ อาจตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะของผู้ขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๔๑/๒๓ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๔) โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาของการยกเว้นไว้ด้วยก็ได้ ๔. กำหนดให้ในกรณีที่การประกอบกิจการหน่วยซ่อมประเภทที่หนึ่งกรณีใดมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ หรือมีเหตุอันสมควรในการส่งเสริมการประกอบกิจการดังกล่าว หรือเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศ อาจตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะของผู้ขอรับใบรับรองตามมาตรา ๔๑/๒๓ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๔) โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาของการยกเว้นไว้ด้วยก็ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29055 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... | พม | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดความหมายของสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายและลักษณะการกระทำที่เป็นพฤติกรรมอันตราย ซึ่งรวมถึงการกระทำวิปริตทางเพศ การกระทำทารุณกรรมต่อเด็ก การฆ่าตัวตายของเด็กหรือเป็นหมู่คณะ การใช้ยาเสพติด การกระทำความผิดต่อชีวิตและความผิดต่อทรัพย์สิน และขยายความหมายของคำว่า “เด็ก” ให้ครอบคลุมถึงตัวแสดงที่ปรากฏอยู่ในสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายซึ่งมีลักษณะที่ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นเด็กด้วย ๒. กำหนดให้พระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่อื่นตามกฎหมายอื่นที่มีลักษณะหรือเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย และกำหนดให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยและการวางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการและการประสานงาน ๓. กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นรัฐมนตรีของกระทรวงที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย และให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตนเท่านั้น ๔. กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย ซึ่งประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๕. กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ ๖. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการเข้าไปตรวจค้นในสถานที่หรือเคหสถานของบุคคล ค้นบุคคลหรือยานพาหนะ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายหรือทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทำความผิดซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ยึดหรืออายัดสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมทั้งมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดในพัสดุภัณฑ์ จดหมาย ตู้ไปรษณียภัณฑ์ ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ฯลฯ เมื่อปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าจะได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ทั้งนี้ จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลและต้องรายงานผลการดำเนินการให้ศาลทราบด้วย และให้เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ๗. กำหนดความผิดและบทกำหนดโทษสำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย |
|||||||||||||||||||||||||||
29056 | การกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ปีงบประมาณ 2556 | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงินไม่เกิน ๑๑๓,๗๙๘ ล้านบาท เพื่อ Roll Over เงินกู้โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๑/๕๒ ที่จะครบกำหนดชำระคืน โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน รัฐบาลรับภาระชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากการกู้เงินและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินการ Roll Over ทั้งหมด ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนบริหารจัดการระบายผลผลิตทางการเกษตรและแผนการบริหารเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร เพื่อให้โครงการรับจำนำฯ มีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลดภาระงบประมาณในการชดใช้ดอกเบี้ยและภาระการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐบาล และให้กระทรวงการคลังบริหารจัดการการค้ำประกันเงินกู้ของภาครัฐ โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากภายใต้กรอบวงเงินค้ำประกันเงินกู้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ ๔๘๐,๐๐๐ ล้านบาท มีวงเงินคงเหลือที่รัฐบาลสามารถค้ำประกันเงินกู้ได้อีกเพียงจำนวน ๗๙,๑๓๐ ล้านบาท ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29057 | การเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในภารกิจของกรมคุมประพฤติ | ยธ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กรมคุมประพฤติเช่ารถยนต์ จำนวน ๔ ประเภท รวม ๑๓๔ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ได้ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามหลักเกณฑ์และอัตราค่าเช่ารถยนต์ที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒๕,๑๕๐,๔๐๐ บาท ประกอบด้วย รถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง จำนวน ๗ คัน อัตราค่าเช่า ๒๔,๗๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๑๐,๓๙๕,๐๐๐ บาท รถนั่งส่วนบุคคล จำนวน ๓ คัน อัตราค่าเช่า ๑๘,๔๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๓,๓๒๑,๐๐๐ บาท รถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๒ ล้อ แบบดับเบิลแคบ จำนวน ๑๐๔ คัน อัตราค่าเช่า ๑๕,๖๖๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๙๗,๗๑๘,๔๐๐ บาท และรถบรรทุก (ดีเซล) ขนาด ๑ ตัน ขับเคลื่อน ๒ ล้อ แบบธรรมดา จำนวน ๒๐ คัน อัตราค่าเช่า ๑๑,๔๓๐ บาทต่อคันต่อเดือน เป็นเงิน ๑๓,๗๑๖,๐๐๐ บาท ๑.๒ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากเงินดอกเบี้ยอันเกิดจากเงินกลางของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๒๕,๐๓๐,๐๘๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๐๐,๑๒๐,๓๒๐ บาท ให้กรมคุมประพฤติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (ระยะ ๔ ปี) ปีละ ๒๕,๐๓๐,๐๘๐ บาท รองรับตามขั้นตอนต่อไป ๒. กรณีการเช่ารถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง (แบบธรรมดา) จำนวน ๙๓ คัน วงเงินทั้งสิ้น ๑๓๘,๑๐๕,๐๐๐ บาท เพื่อทดแทนรถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง (แบบติดตั้งลูกกรง) (ปรับรูปแบบ) ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับไปพิจารณาทบทวนแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
29058 | การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการบริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทย จำกัด | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการให้บริษัท สินเชื่อไปรษณีย์ไทย จำกัด (สปณ.) อยู่ในรัฐวิสาหกิจกลุ่มที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การปรับปรุงอัตราเบี้ยกรรมการรัฐวิสาหกิจ) โดยให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมในอัตราไม่เกินคนละ ๖,๐๐๐ บาทต่อเดือน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง ขอยกเลิกโครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจตามภารกิจใหม่ได้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29059 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ กำหนดหลักเกณฑ์การนำของเข้าเพื่อการผ่านแดนการถ่ายลำออกนอกราชอาณาจักร และอำนาจของพนักงานศุลกากรในการตรวจสอบ ตรวจค้นของผ่านแดนหรือของถ่ายลำ ๑.๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการร้องขอให้อธิบดีกรมศุลกากรพิจารณากำหนดราคาของของนำเข้า กำหนดถิ่นกำเนิดของของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักร และตีความพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อจำแนกของของในพิกัดอัตราศุลกากรเป็นการล่วงหน้า ๑.๑.๓ กำหนดอำนาจของอธิบดีกรมศุลกากรในการจำกัดการใช้อำนาจทางศุลกากรเพื่อตรวจของและป้องกันการลักลอบหนีศุลกากร ๑.๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์การใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในการศุลกากร ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๒.๑ กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดอัตราอากรตามราคาหรือตามสภาพ เพื่อปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ ๑.๒.๒ กำหนดอำนาจของอธิบดีกรมศุลกากรในการพิจารณากำหนดถิ่นกำเนิดของของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศเป็นการล่วงหน้า ก่อนการนำของเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๒.๓ กำหนดอำนาจของอธิบดีกรมศุลกากรในการพิจารณาตีความพิกัดอัตราศุลกากรเพื่อจำแนกประเภทของของที่จะนำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการล่วงหน้า ก่อนการนำของเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๒.๔ กำหนดประเภทของของที่ได้รับยกเว้นอากรเพิ่มขึ้น ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายศุลกากรในประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน เช่น กำหนดบทลงโทษทางศุลกากรให้เหมาะสม โดยแยกฐานความผิดตามเจตนาการหลีกเลี่ยงภาษีอากร รวมถึงการทบทวนมาตรการการให้เงินสินบนและรางวัลนำจับ เป็นต้น รวมทั้งควรประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ให้กับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วถึง เพื่อให้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29060 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... ของวุฒิสภา โดยแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข ซึ่งวุฒิสภาเห็นชอบแล้ว เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษา และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
.....