ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1458 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 29141 - 29160 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29141 | ขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีวงเงินกู้ระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D) กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด วงเงิน ๔,๕๐๐ ล้านบาท อายุ ๑ ปี ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เพื่อเสริมสภาพคล่องในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ประมาณการเงินสดปี พ.ศ. ๒๕๕๖ กฟภ. มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนประมาณ ๘๘๐ ล้านบาท ๑.๒ กฟภ. มีลูกหนี้ค่าไฟฟ้าค้างชำระสะสมของส่วนราชการเพียงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นเงินประมาณ ๓,๔๗๐ ล้านบาท เนื่องจากส่วนราชการมีงบประมาณค่าสาธารณูปโภคไม่เพียงพอกับการใช้ไฟฟ้าจริง ๑.๓ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ [เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑๓๙)] เห็นชอบอัตราค่าบริการจากมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย ซึ่งติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าขนาด ๕ (๑๕) แอมแปร์ และใช้ไฟฟ้าไม่เกิน ๕๐ หน่วยต่อเดือน ให้มีผลบังคับใช้สำหรับการเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้าตั้งแต่รอบเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีที่ กฟภ. มีลูกหนี้ค่าไฟฟ้าค้างชำระที่เป็นส่วนราชการ หากส่วนราชการดังกล่าวมีงบประมาณเหลือจ่ายหรือมีงบประมาณเพียงพอที่จะโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ก็เห็นสมควรให้โอนไปชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคเป็นลำดับแรกอย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินระยะสั้นประเภทกู้เบิกเงินเกินบัญชี (O/D)] ในการพิจารณาหาแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระของส่วนราชการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบต่อฐานะการเงินของ กฟภ. ในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29142 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับงานที่ทำเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินในประเทศเพื่อเป็นแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการต่าง ๆ จำนวน ๒๐ โครงการ ที่มีความต้องการกู้เงินในประเทศระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติรายการและกรอบวงเงินกู้ของ กฟภ. ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และการปรับปรุงในระหว่างปี (กรอบวงเงินในเบื้องต้นประมาณ ๑๖,๘๖๙.๕๖๒ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และไม่เกินกรอบวงเงินกู้ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ โดยกระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกันเงินกู้ ทั้งนี้ กฟภ. ต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ กำหนดให้การกู้เงินในประเทศดังกล่าวในแต่ละปี กฟภ. จะต้องเสนอความต้องการกู้เงินให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อบรรจุโครงการเงินกู้ไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปี โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
29143 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา เรื่อง การบริหารจัดการและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกของไทย | สว | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา เรื่อง การบริหารจัดการและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกของไทย พร้อมข้อเสนอแนะกับผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะตามรายงานดังกล่าวที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยคณะกรรมาธิการ ฯ มีข้อเสนอแนะในประเด็นเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการประชาสัมพันธ์และปฏิบัติการมวลชนเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องของสาธารณชนเกี่ยวกับมรดกไทยมรดกโลก การติดตั้งระบบการสื่อสารบริเวณเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา การบริหารจัดการ อนุรักษ์ และพัฒนาพื้นที่แหล่งมรดกโลก และการเสริมสร้างให้เยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกของไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
29144 | องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียขอความเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. การแก้ไขเพิ่มเติมร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia-Thailand Joint Authority : MTJA) และบริษัทผู้ประกอบการ คือ บริษัท PC JDA Limited และบริษัท PTTEP International Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซ กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทเปโตรนาส ในฐานะกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการองค์กรร่วมในการประชุมครั้งที่ ๙๙ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๕ โดยสาระสำคัญของถ้อยคำที่เพิ่มในร่างสัญญาฯ ได้แก่ ๑.๑ กลุ่มผู้ซื้อจะต้องชดใช้ค่าเสียหายและคุ้มครองกลุ่มผู้ขาย ตัวแทนของกลุ่มผู้ขาย หรือบุคคลภายนอก สำหรับความสูญเสียหรือความเสียหายทั้งปวงที่เกิดขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์ในการผลิตที่กลุ่มผู้ซื้อติดตั้งเพิ่ม ในกรณีที่ความสูญเสียหรือเสียหายนั้นเกิดขึ้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการกระทำ การละเว้น การกระทำ การผิดนัดโดยเจตนาทุจริตหรือโดยความประมาทเลินเล่อของกลุ่มผู้ซื้อ ตัวแทนของกลุ่มผู้ซื้อ หรือผู้รับจ้างทำสัญญาช่วงของกลุ่มผู้ซื้อ ๑.๒ ภายในช่วง ๒๗ วัน นับจากวันที่การติดตั้งอุปกรณ์ใหม่แล้วเสร็จ หากมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ หรือการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงใด ๆ ที่แท่นหลุมผลิตมูด้า เอ (MDA) อันเป็นเหตุให้กลุ่มผู้ขายไม่สามารถส่งก๊าซไปยังจุดส่งก๊าซที่ ๒ ได้ (ช่วงระยะเวลาที่ไม่สามารถส่งก๊าซจากแท่นหลุมผลิตมูต้า เอ ได้เรียกว่า MDA Shutdown Period) ให้ถือว่าปริมาณเรียกรับก๊าซที่จุดส่งก๊าซที่ ๒ เท่ากับ ๐ ล้านลูกบาศก์ฟุต ตลอดระยะเวลานั้น ซึ่งเท่ากับว่าปริมาณก๊าซที่เรียกรับในช่วง MDA Shutdown Period จะเท่ากับปริมาณเรียกรับก๊าซที่จุดส่งก๊าซที่ ๑ ๑.๓ หากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ก๊าซรั่วไหลระหว่างจุดส่งก๊าซที่ ๒ บนแท่นผลิตกลางมูด้า (MDPP) และแท่นส่งก๊าซของเปโตรนาส (MPP) ทำให้กลุ่มผู้ขายต้องทำการปิดวาล์วเพื่อป้องกันการเกิดก๊าซรั่วไหลมากขึ้น ในการนี้กลุ่มผู้ซื้อจะต้องจ่ายเงินสำหรับก๊าซในปริมาณที่ได้ผ่านจุดส่งก๊าซที่ ๒ ไปแล้วตามที่จะตกลงกันระหว่างคู่สัญญา ๒. ให้ MTJA ลงนามในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ สัญญาซื้อขายก๊าซธรมชาติดังกล่าวกับกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ เมื่อร่างสัญญาฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ๓. การยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่กำหนดให้การทำสัญญาไม่ควรระบุในสัญญา ให้มอบข้อพิพาทให้คณะอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด เนื่องจากร่างสัญญาฉบับนี้จำเป็นที่จะต้องกำหนดวิธีการระงับข้อพิพาท โดยให้คณะอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดเพื่อให้สอดคล้องกับร่างสัญญาซื้อขายกับก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๘ (เรื่อง องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียขอความเห็นชอบในร่างสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และ B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียและร่างเอกสาร Indemnity Letter) |
|||||||||||||||||||||||||||
29145 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบล ร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลลำปำ ตำบลควนมะพร้าว ตำบลตำนาน ตำบลท่าแค ตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง ตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ และตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29146 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๗๙๒-๒๕๕๔ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๓๘๐ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์วิเทรียสไชนา : โถส้วมนั่งราบ และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์เซรามิก : โถส้วมนั่งราบ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (ร่างมาตรา ๓) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29147 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ 2 | ศธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ ๒ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๕ ๑.๑.๑ ผลการคัดเลือกผู้รับทุนเข้าร่วมโครงการฯ สามารถคัดเลือกได้ จำนวน ๑,๑๘๙ คน จากเป้าหมาย ๑,๖๐๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๗๔.๓๑ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย โดยทุนระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง คัดเลือกได้ จำนวน ๗๗๔ คน จากเป้าหมาย ๘๐๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๗๕ และทุนระดับปริญญาโท-เอก ต่อเนื่อง และปริญญาเอก คัดเลือกได้ จำนวน ๔๑๕ คน จากเป้าหมาย ๘๐๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๑.๘๗ ๑.๑.๒ จำนวนผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากโครงการฯ มีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก จำนวน ๖ คน แบ่งเป็น สาขาวิชาฟิสิกส์ จำนวน ๕ คน และสาขาคณิตศาสตร์ จำนวน ๑ คน ๑.๑.๓ จำนวนนักศึกษาทุนโครงการฯ ที่ได้รับทุนการศึกษา/ทุนวิจัยเพื่อไปทำวิจัยระยะสั้นในต่างประเทศ รวมจำนวน ๑๐ คน แบ่งเป็น ทุนวิจัยระดับปริญญาตรี จำนวน ๔ คน ทุนวิจัยระดับปริญญาเอก จำนวน ๖ คน ๑.๑.๔ จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อพัฒนานิสิต/นักศึกษาทุนโครงการฯ ให้เป็นอาจารย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ที่ดีและมีคุณภาพมาตรฐานได้ในอนาคต ได้แก่ การจัดค่ายวิทยาศาสตร์ และโครงการพัฒนาศักยภาพวิจัยสำหรับนิสิต/นักศึกษา โครงการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ (SAST Research Development Project) ๑.๒ อนุมัติขยายระยะเวลาการรับนักเรียน นิสิต/นักศึกษาโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ (ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย) ระยะที่ ๒ ประเภททุนระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง เพิ่มอีก ๒ รุ่น ๆ ละ ๒๐๐ ทุน (รุ่นปีการศึกษา ๒๕๕๖-๒๕๕๗) รวมจำนวน ๔๐๐ ทุน ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการสร้างกลไกเชิงรุกในการเฟ้นหาผู้รับทุน การส่งเสริมให้นิสิตนักศึกษาทุนโดยเฉพาะระดับปริญญาโทและเอกได้มีโอกาสไปทำวิจัยกับนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญในสถาบันวิจัยภาครัฐหรือสถาบันอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่อง การพิจารณาถึงประเด็นความเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันอุดมศึกษา และระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันวิจัยของรัฐ การเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน ตลอดจนการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์การวิจัยและพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมให้กับนักเรียนทุนเพิ่มเติม การจัดสรรทุนทั้งในด้านสาขาวิชาและจำนวนทุน ควรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ การจัดทำกลไกและเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพให้แก่ผู้รับทุนให้เกิดความชัดเจน เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้รับทุนปัจจุบันดำเนินการศึกษาอย่างต่อเนื่องและผู้รับทุนใหม่ที่จะเข้าร่วมโครงการฯ การกำหนดแนวทาง/มาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่สนใจทางด้านวิทยาศาสตร์เข้าร่วมโครงการมากขึ้น รวมถึงการบูรณาการโครงการฯ ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างแหล่งทุนอื่น ๆ ที่มีสาขาวิชาตามยุทธศาสตร์สอดคล้องกัน เพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนด้านสาขาวิชา และเพื่อให้การบริหารจัดการเตรียมกำลังคนภาครัฐมีการบูรณาการในภาพรวมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การศึกษาและสำรวจจำนวนนักเรียนที่กำลังศึกษาและมีความสนใจในการสมัครขอรับทุนฯ เพื่อสามารถกำหนดแผนในการประชาสัมพันธ์ รับสมัคร และคัดเลือกได้อย่างเหมาะสม การให้ความสำคัญในประเด็นของความสามารถในการแข่งขันของทุนฯ โดยอาจพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ คุณสมบัติผู้สมัครและเงื่อนไขในการรับทุน การทำการศึกษาและประเมินผลการดำเนินการทุนฯ ในระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๖๖) ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ผลสำเร็จของการดำเนินการทุนศึกษาในระดับปริญญาตรี-โท-เอก ต่อเนื่อง และปริญญาโท-เอก ต่อเนื่อง ในมิติของการคัดเลือกและผลการศึกษา การติดตามการใช้ประโยชน์สำหรับนักเรียนทุนฯ ที่สำเร็จการศึกษาและกลับเข้าปฏิบัติราชการแล้ว เพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินการโครงการฯ ให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการกำลังคนที่กำหนดไว้ เป็นต้น รวมทั้งการกำหนดสาขาวิชาของทุนการศึกษา โดยกำหนดให้มีความสัมพันธ์กับหลักสูตรและสาขาวิชาที่ส่งเสริมศักยภาพของกำลังคนเพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29148 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
29149 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลโพนทอง ตำบลเชียงงา ตำบลบ้านกล้วย ตำบลบ้านหมี่ และตำบลสนามแจง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29150 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพะตง - พังลา จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพะตง - พังลา จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้ผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ และตำบลพังลา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29151 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดน่าน พ.ศ. .... | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดน่าน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดน่าน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29152 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิและการเลือกข้าราชการพลเรือนเพื่อเป็นอนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยกำหนดให้อนุกรรมการใน อ.ก.พ. สามัญที่ดำรงตำแหน่งครบวาระแล้วสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้จนกว่าจะได้แต่งตั้งอนุกรรมการใหม่ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. และข้อสังเกตของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) ที่เห็นควรให้กำหนดระยะเวลาการสรรหาและเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการแทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพื่อเร่งรัดให้การสรรหาและเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการแทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29153 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเชียงกลาง จังหวัดน่าน พ.ศ. .... | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเชียงกลาง จังหวัดน่าน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเปือ ตำบลพระธาตุ ตำบลเชียงกลาง ตำบลพระพุทธบาท ตำบลพญาแก้ว และตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29154 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... | สว | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... ของวุฒิสภา และผลการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขตามข้อสังเกตดังกล่าว และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ มีดังนี้
๑. เนื่องจากภูมิปัญญาความรู้ของแพทย์แผนไทยมีความแตกต่างหลากหลาย กรรมการที่มาจากการเลือกตั้งโดยสมาชิก จึงต้องคำนึงถึงสัดส่วนของวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยให้มีผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านเวชกรรมไทย ด้านเภสัชกรรมไทย ด้านผดุงครรภ์ไทย ด้านการนวดไทย และด้านการแพทย์พื้นบ้านไทย อย่างน้อยด้านละ ๑ คน รวมทั้งให้มีผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ อย่างน้อย ๑ คน ๒. ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใด ๆ เพื่อทำการตรวจค้นเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ควรให้ดำเนินการได้เฉพาะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตรวจค้นเท่านั้น ๓. กรณีการห้ามผู้ที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการแพทย์แผนไทยในชั้นสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ดำรงตำแหน่งนายกสภาการแพทย์แผนไทย และเลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย ภายในสองปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ นั้น กรรมาธิการวิสามัญ ฯ ที่มาจากสัดส่วนของประชาชนไม่เห็นด้วยเนื่องจากเห็นว่ากรณีดังกล่าวจะเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการเมือง ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
29155 | รายงานประจำปี พ.ศ. 2554 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ สำนักงานกิจการยุติธรรม เสนอรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ส่วนที่ ๑ โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการที่ได้แต่งตั้งภายใต้คณะกรรมการฯ จำนวน ๘ คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการจัดทำ ประสาน ติดตาม และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ คณะอนุกรรรมการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากฎหมายและระบบงานในกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการด้านพัฒนาบุคลากรกระบวนการยุติธรรม คณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ คณะอนุกรรมการนโยบายและประสานงานกระบวนการยุติธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะอนุกรรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมทางเลือก และคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานการปฏิบัติงานด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ๒. ส่วนที่ ๒ ผลงานสำคัญของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการฯ จำแนกเป็น ๕ ด้าน ดังนี้ ๒.๑ การจัดทำแผนและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ได้แก่ แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๕ และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๕๕ ๒.๒ การส่งเสริมและประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ซึ่งมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการคืนคนดีสู่สังคม และโครงการศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม ๒.๓ การศึกษา วิจัยและพัฒนากฎหมายและระบบงานยุติธรรม ซึ่งมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการทบทวนและเตรียมความพร้อมเพื่อการสำรวจข้อมูลสถิติอาชญากรรมภาคประชาชน โครงการพัฒนารูปแบบการจัดเก็บข้อมูลสถิติกระบวนการยุติธรรมทางอาญา การพัฒนาระบบงานราชทัณฑ์ การพัฒนางานด้านนิติวิทยาศาสตร์ การส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ในคดีอื่นที่เรือนจำอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่น และการประชุมทางวิชาการระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรม ครั้งที่ ๙ เรื่อง "การขับเคลื่อนพลังสังคมสู่การพัฒนากระบวนการยุติธรรมที่ยั่งยืน" ๒.๔ การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้สู่สังคม ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ความสำเร็จโครงการ Enhancing Lives of Female Inmates (ELFI) ในพระดำริของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ส่งผลให้ประชาชนทั้งในประเทศไทยและสังคมโลกได้รับทราบถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการผลักดันให้เกิดมาตรฐานขั้นต่ำฉบับใหม่ในระบบสหประชาชาติที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ดีต่อผู้ต้องขังหญิง การจัดทำวารสารกระบวนการยุติธรรม และโครงการประกวดหนังสั้น ความยุติธรรม หัวข้อ "ร้อยเรื่องราวความยุติธรรม" ๒.๕ การพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมสู่สังคม โดยจัดฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารงานยุติธรรมระดับสูง (ยธส.) รุ่นที่ ๑ ซึ่งมีหัวข้อหลักคือ "การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม" ๓. ส่วนที่ ๓ รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับข้อมูลสถิติและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และสถิติประเภทเรื่องที่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการฯ โดยรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ด้านการจัดทำแผนและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารงานยุติธรรม ด้านการส่งเสริมประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาระบบการบริหารงานยุติธรรม ด้านการศึกษาวิจัยพัฒนากฎหมายและระบบยุติธรรม ด้านการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้กระบวนการยุติธรรมสู่สังคม ด้านการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม และภารกิจด้านงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ รวมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานจำนวน ๒๕,๒๕๖,๕๘๒.๒๔ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
29156 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนร้องกวาง จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนร้องกวาง จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลแม่ทราย บางส่วนของตำบลร้องกวาง บางส่วนของตำบลทุ่งศรี และบางส่วนของตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29157 | ขออนุมัติลงนามและให้สัตยาบันสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ) | กต | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสนธิสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูว่าด้วยการโอนตัวผู้กระทำผิดและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญา (สนธิสัญญาโอนตัวนักโทษ) โดยร่างสนธิสัญญาฯ มีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกับสนธิสัญญาในเรื่องเดียวกันที่ประเทศไทยจัดทำกับประเทศต่าง ๆ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๒๗ (แก้ไข พ.ศ. ๒๕๓๐) ทุกประการ โดยกำหนดเงื่อนไขและขั้นตอนในการขอโอนและการรับโอนตัวผู้กระทำผิดระหว่างภาคี ได้แก่ ๑.๑ ผู้กระทำผิดที่ถูกพิพากษาลงโทษในดินแดนของภาคีฝ่ายหนึ่งอาจถูกโอนตัวไปยังดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งได้เพื่อรับโทษที่เหลืออยู่ ๑.๒ ผู้กระทำผิดอาจถูกโอนตัวได้ถ้าถูกพิพากษาลงโทษจำคุก กักขัง หรือทำให้ปราศจากอิสรภาพในรูปแบบอื่นใด ๑.๓ การกระทำอันเป็นมูลเหตุของการมีคำพิพากษาให้ลงโทษเป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายของรัฐผู้รับ ๑.๔ ผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวต้องเป็นคนชาติของรัฐผู้รับและมิได้เป็นคนชาติของรัฐผู้โอน ๑.๕ รัฐผู้โอน รัฐผู้รับ และผู้กระทำผิดต่างเห็นพ้องให้มีการโอนตัวได้ ๑.๖ ผู้กระทำผิดซึ่งกระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในและภายนอกของรัฐ ต่อประมุขของรัฐ หรือสมาชิกในครอบครัวโดยตรงของประมุขของรัฐ หรือต่อกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสมบัติที่มีค่าทางศิลปะของชาติจะไม่ได้รับการโอนตัว ๑.๗ หากกฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำในการจำคุกผู้กระทำผิดที่อาจถูกโอนตัวจะต้องได้รับโทษในรัฐผู้โอนมาแล้วเป็นระยะเวลาขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ๑.๘ ผู้กระทำผิดยังคงเหลือระยะเวลาในการรับโทษตามที่กฎหมายของรัฐผู้โอนกำหนด ๑.๙ รัฐผู้โอนยังคงไว้ซึ่งเขตอำนาจแต่ผู้เดียวเกี่ยวกับคำพิพากษาของรัฐผู้โอน รวมทั้งโทษตามคำพิพากษาที่กำหนดโดยศาลของรัฐผู้โอนในการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกคำพิพากษาของศาลตน ๑.๑๐ การบังคับโทษตามคำพิพากษาต่อภายหลังการโอนตัวให้เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนของรัฐผู้รับ ๑.๑๑ สนธิสัญญาฉบับนี้จะเริ่มมีผลใช้บังคับในวันที่มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามสนธิสัญญาฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกับฝ่ายเปรูต่อไป ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างสนธิสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||
29158 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 | มท | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ โดยแผนบูรณาการฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ชื่อในการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ ใช้ชื่อว่า “ก้าวสู่ปีใหม่อย่างปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” ๒. ช่วงเวลาดำเนินการ ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕-๒ มกราคม ๒๕๕๖ ๓. เป้าหมายการดำเนินงาน ให้สามารถลดจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บให้ลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕ เทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๕ ๔. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ๖ มาตรการ ได้แก่ มาตรการด้านบริหารจัดการ มาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการด้านสังคม มาตรการด้านวิศวกรรมจราจร มาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ และมาตรการด้านบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย ๕. มาตรการเน้นหนัก ได้แก่ การควบคุมการใช้ความเร็ว การควบคุมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย และการควบคุมการเกิดอุบัติเหตุกับรถกระบะบรรทุกผู้โดยสารบนกระบะท้าย ๖. ช่วงเวลาดำเนินการ กำหนดเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงเตรียมความพร้อม ระหว่างวันที่ ๑-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ และช่วงปฏิบัติการเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕-๒ มกราคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
29159 | โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2556 - 2560 | ศธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการโครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตแพทย์เพิ่มให้เพียงพอต่อความต้องการด้านบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์และแก้ปัญหาการกระจายแพทย์ตามภูมิภาค โดยมีเป้าหมายในการรับนักศึกษาแพทย์ทั้งหมด จำนวน ๑๓,๘๑๙ คน ประกอบด้วย แผนการรับปกติ จำนวน ๔,๗๘๐ คน โครงการผลิตแพทย์เพิ่มแห่งประเทศไทย จำนวน ๙,๐๓๙ คน แบ่งเป็น โครงการผลิตแพทย์เพิ่มของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๔,๐๓๘ คน และโครงการผลิตแพทย์ชนบทเพิ่มภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๕,๐๐๑ คน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณสำหรับโครงการฯ เฉพาะงบดำเนินงานให้กระทรวงศึกษาธิการแล้ว จำนวน ๕๖๒ คน เป็นเงิน ๓๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนงบลงทุนนั้น ให้หน่วยงานขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามแผนเป้าหมายการผลิตแพทย์เพิ่มตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป สำหรับหน่วยงานที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มจำนวนอาจารย์แพทย์โดยการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ในรูปแบบของทุนต่างๆ และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เกษียณอายุแล้วเป็นอาจารย์พิเศษ รวมทั้งขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการสนับสนุนอาจารย์เพิ่ม ขยายการพัฒนาและยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นศูนย์ฝึกระดับคลินิกของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ ๔-๖ ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้คนในพื้นที่ในเขตชนบทมองเห็นความสำคัญในการให้การรักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย หรือการป้องกันและการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่คนในพื้นที่ สร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่แพทย์ผู้สมัครใจปฏิบัติงานในเขตชนบทในรูปที่ไม่ใช่ตัวเงิน ปรับปรุงระบบการคัดเลือกผู้เข้าศึกษาโดยการคัดเลือกนักเรียนที่เรียนดีตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และพัฒนานักเรียนดังกล่าวให้มีความสามารถในการเรียนแพทย์จนสำเร็จการศึกษา ส่งเสริมนักเรียนแพทย์ชนบทให้แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้มีความรู้ทางการแพทย์แผนไทยของชุมชนให้มากขึ้น และจัดระบบการบริหารจัดการแพทย์ตามโครงการฯ ให้กระจายไปสู่ชนบทและพื้นที่ห่างไกลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ซึ่งเป็นเจ้าภาพรวบรวมและศึกษาภาพรวมความต้องการอัตรากำลังของส่วนราชการทั้งระบบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง แนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจบริการด้านสุขภาพ) นำแผนการผลิตแพทย์เพิ่ม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ไปประกอบการบูรณาการให้ครบวงจร รวมถึงการคำนึงถึงกลไกการประสานงานระหว่างการวางแผนการผลิตของสถาบันฝ่ายผลิตแพทย์ ผู้ใช้แพทย์ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานตามที่แพทยสภากำหนด ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างนักศึกษาแพทย์ และอาจารย์แพทย์ และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการที่จะพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29160 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ 8 | ศธ | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ทุนเรียนดีมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย) ครั้งที่ ๘ (การดำเนินโครงการสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕) สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๑ การโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุน ในส่วนของทุนในประเทศ ได้ประสานสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นสถาบันฝ่ายผลิตให้จัดส่งรายละเอียดพร้อมหลักฐานของนักเรียนทุนทุกระดับเพื่อโอนเงินในภาคการศึกษาที่ ๒/๒๕๕๓ และภาคการศึกษาที่ ๑/๒๕๕๔ สำหรับทุนต่างประเทศ ได้ประสานสำนักงาน ก.พ. และโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนผูกพันปีการศึกษา ๒๕๕๓ ปีการศึกษา ๒๕๕๓-๒๕๕๔ และทุนใหม่ปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดยแบ่งเป็นนักเรียนทุนที่เดินทางไปศึกษาตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๔ จำนวน ๑๐๔ คน และที่เดินทางไปศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔) จำนวน ๕๖ คน ๑.๒ การนำงบประมาณที่เหลือจัดสรรทุนเป็นทุนปีการศึกษา ๒๕๕๔ จากการสอบแข่งขันเพื่อรับทุนโครงการฯ จำนวน ๓ ครั้ง มีผู้ผ่านการสอบแข่งขัน จำนวน ๑๗๘ คน และมีทุนเหลือจำนวนหนึ่งจากที่บางสาขาวิชาไม่มีผู้สอบผ่าน บางสาขาวิชาที่ขาดแคลนแต่ไม่มีผู้สมัคร คณะอนุกรรมการบริหารโครงการพัฒนากำลังคนด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จึงได้นำทุนที่เหลือดังกล่าวมายุบรวมเพื่อจัดสรรทุนใหม่ในปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดยใช้แนวการพัฒนาบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาและแสวงหานักเรียนทุนจากผู้ที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในการจัดลำดับที่ดีและไม่มีภาระทุนผูกพัน และดำเนินการพิจารณาคัดเลือกเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ มีผู้ผ่านการคัดเลือก จำนวน ๗๗ ทุน ทั้งนี้ สกอ. ได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้รับทุนและจัดปฐมนิเทศนักเรียนทุน เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๒. ผลการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒.๑ การโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุน ในส่วนของทุนในประเทศ ได้ประสานสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นสถาบันฝ่ายผลิตให้จัดส่งรายละเอียดพร้อมหลักฐานของนักเรียนทุนทุกระดับ เพื่อโอนเงินในภาคการศึกษาที่ ๒/๒๕๕๔ และภาคการศึกษาที่ ๑/๒๕๕๕ สำหรับทุนต่างประเทศ ได้ประสานสำนักงาน ก.พ. และโอนเงินค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนผูกพันปีการศึกษา ๒๕๕๓ ปีการศึกษา ๒๕๕๓-๒๕๕๔ และปีการศึกษา ๒๕๕๔ (ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔) และทุนใหม่ปีการศึกษา ๒๕๕๕ ที่เดินทางไปศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๕๕ จำนวน ๖๙ คน ๒.๒ การนำงบประมาณที่เหลือจัดสรรทุนเป็นทุนปีการศึกษา ๒๕๕๕ จากการที่ สกอ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณไม่เป็นไปตามแผนงานโครงการฯ คณะอนุกรรมการบริหารโครงการฯ จึงมีมติเห็นควรนำงบประมาณที่คาดว่าจะเหลือจากการโอนเงินเบิกจ่ายให้แก่นักเรียนทุนผูกพันของโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว มาจัดสรรเป็นทุนใหม่ปีการศึกษา ๒๕๕๕ และดำเนินการคัดเลือกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ๒๕๕๕ มีผู้ผ่านการคัดเลือก จำนวน ๑๐๐ ทุน จำแนกเป็นนักเรียนทุนลำดับสำรองปีการศึกษา ๒๕๕๓-๒๕๕๔ จำนวน ๑๙ ทุน ผู้ผ่านการพิจารณาในเบื้องต้นปีการศึกษา ๒๕๕๔ จำนวน ๘ ทุน และผู้ผ่านการคัดเลือกตามที่มหาวิทยาลัยและสถาบันขอรับการจัดสรรทุน จำนวน ๗๓ ทุน ทั้งนี้ สกอ. ได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้รับทุนและจัดปฐมนิเทศนักเรียนทุน เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ๓. ร้อยละของการดำเนินการตามเป้าหมาย ผลการดำเนินการคัดเลือกเพื่อรับทุนโครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นทุนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท-เอก และปริญญาเอก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน ๑๗๗ ทุน (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗๗ ทุน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๐๐ ทุน รวมนักเรียนทุนสะสม จำนวน ๓๕๘ ทุน จาก ๑,๑๖๐ ทุน) คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๘๖ ๔. จำนวนเงินงบประมาณที่ใช้จ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑๕๔,๔๓๓,๔๐๐ บาท แต่มีงบประมาณที่ได้อนุมัติขยายกันเงินเบิกเหลื่อมปี จำนวน ๖๐,๖๒๑,๗๕๑.๗๕ บาท (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๓๑๑,๐๒๕.๖๐ บาท และปี พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๖๐,๓๑๐,๗๒๖.๑๕ บาท) รวมเป็นเงิน ๒๑๕,๐๕๕,๑๕๑.๗๕ บาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๒๘๗,๔๐๐,๐๐๐ บาท รวมกับงบประมาณที่โอนมาพร้อมจำนวนทุนปี ๒๕๕๔ จำนวน ๑๔๓,๘๒๙,๖๘๒.๔๓ บาท รวมเป็นเงิน ๔๓๑,๒๒๙,๖๘๒.๔๓ บาท ๕. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ อาทิ ความหลากหลายของสาขาวิชาทำให้การพิจารณาจัดสรรทุนต้องใช้เวลาและจัดหาข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา การกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครสอบแข่งขันเพื่อรับทุนมีความแตกต่างกันตามสาขาวิชาที่หลากหลาย การกำหนดให้ผู้รับทุนในระดับปริญญาตรีต้องผูกพันชดใช้ทุนในสถาบันอุมดมศึกษาทำได้ยาก เนื่องจากสถาบันอุดมศึกษาจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรี อัตรากำลังรองรับที่จะบรรจุเข้าทำงานจึงต้องเป็นระดับปริญญาเอก และอาจมีบางสาขาที่จำเป็นต้องรับในระดับปริญญาโท รวมทั้งระยะเวลาการศึกษาของผู้รับทุนในบางสาขาวิชาไม่สามารถสำเร็จการศึกษาตามที่กำหนดไว้ในโครงการฯ เป็นต้น
|
.....