ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1451 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 29001 - 29020 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29001 | ขออนุมัติเช่ารถประจำตำแหน่ง | กษ | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปลัดกระทวงเกษตรและสหกรณ์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงเกษตรและสหกรณ์ เพิ่มขึ้นอีก ๑ คัน ในวงเงิน ๔,๕๙๐,๐๐๐ บาท โดยให้ก่อหนี้ผูกพันตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับงบประมาณในการเช่ารถประจำตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาเป็นค่าใช้จ่ายตามระยะเวลาการเช่า และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ.๒๕๖๑ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
29002 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 12 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ (12th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 12th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๘ (8th Meeting of the Conference of the Parties to the ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution : COP-8) การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๑ (11th ASEAN Plus Three Environmental Ministers Meeting) และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๓ (3rd East Asia Summit Environment Ministers Meeting) ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ ณ กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยในส่วนของผลการประชุม 12th AMME สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมให้การรับรองข้อมติกรุงเทพฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียนเพื่อยืนยันข้อตกลงของอาเซียน และสร้างความเข้มแข็งให้ความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของอาเซียนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค รวมถึงส่งเสริมความตระหนักในการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ตลอดจนสร้างความสมดุลระหว่างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ๒. ที่ประชุมให้การรับรองแผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งดำเนินการตามแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนเพื่อสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ให้การรับรอง ณ ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๖ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๓ ณ เมืองฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการผลักดันให้เกิดการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม ๓. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนต่อการประชุมประเทศภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ ๑๑ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ที่เน้นการผลักดันให้ประเทศภาคีอนุสัญญาฯ ดำเนินการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน แบ่งปันผลประโยชน์อย่างยุติธรรมและเท่าเทียม ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของอนุสัญญาฯ และกระตุ้นให้มีการสนับสนุนทางการเงินและการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม ภายใต้หลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกัน รวมทั้งการดำเนินการเชิงรุกในการสร้างความตระหนักของสาธารณชนให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ โดยในส่วนของประเทศไทยจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนและจะแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการอาเซียนดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ราชอาณาจักรกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้เป็นผู้กล่าวแถลงการณ์ต่อที่ประชุมประเทศภาคีอนุสัญญาฯ ๔. ที่ประชุมให้การรับรองอุทยานแห่งชาติ U Minh Thoung National Park ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และอุทยานแห่งชาติ Nat Ma Taung National Park ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียนแห่งที่ ๓๑ และ ๓๒
|
||||||||||||||||||||||||
29003 | ขออนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 2 (The 2nd Asia - Pacific Water Summit: 2nd APWS) และแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติของไทยเพื่อเตรียมการจัดการประชุม 2nd APWS ที่ประเทศไทย | ทส | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ (The 2nd Asia-Pacific Water Summit : 2nd APWS) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยมีหัวข้อหลัก (Theme) ของการประชุมในเรื่อง Water Security : Leadership and Commitment, with special focus on Water Disaster Challenges ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยในสารัตถะของการประชุมฯ ให้ความสำคัญในหัวข้อเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอแนะและความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มหัวข้อ “Climate Change with adaptation of Community Water Resource Management” ด้วย เพื่อแสดงตัวอย่างความสำเร็จของการจัดการน้ำชุมชน รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาการจัดการประชุมฯ ซึ่งตรงกับช่วงเปิดภาคเรียน และเป็นช่วงเวลาที่กรุงเทพมหานครมีปัญหาการจราจรติดขัดมาก จึงควรหามาตรการรองรับเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ส่วนงบประมาณเพื่อใช้จ่ายในการประชุมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ ที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๕๓,๔๐๘,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้ขอทำความตกลงการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกรมบัญชีกลางแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติของไทยเพื่อเตรียมการจัดการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เป็นประธานกรรมการ และให้รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ ร่วมเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
29004 | ขออนุมัติขยายขอบเขตการใช้จ่ายงบประมาณตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 | นร | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) หารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเกี่ยวกับการช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง หรือความขัดแย้งทางการเมืองต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29005 | รายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | กค | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญากู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระยะเวลาการกู้เงิน ๔ ปี ระยะเวลาในการเบิกจ่ายเงินกู้ ๖ เดือน นับจากวันที่ลงนามในสัญญาเงินกู้ ซึ่งเป็นการกู้ในรูปแบบ Term Loan อัตราดอกเบี้ยร้อยละ Bibor+๐.๔๐ และ Bibor+๐.๔๓ คิดเป็นอัตราเฉลี่ย ร้อยละ ๓.๖๓ และ ๓.๖๖ ต่อปี ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับดำเนินโครงการตามพระราชกำหนดดังกล่าวเป็นวงเงินรวม ๑,๘๐๐ ล้านบาท ๒. หน่วยงานเจ้าของโครงการได้นำวงเงินกู้ดังกล่าวไปดำเนินการตามแผนงานการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่า และระบบนิเวศ ซึ่งเป็นโครงการอนุรักษ์ป่าและดิน การทำฝาย เพื่อทำหน้าที่ปรับอัตราการไหลของน้ำหลากสูงสุด (peak discharge) อีกทั้งการดำเนินการในแผนงานฟื้นฟูและปรับปรุงประสิทธิภาพสิ่งก่อสร้าง ซึ่งแบ่งออกเป็นการป้องกันปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนในพื้นที่ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา และการป้องกันปัญหาอุทกภัยในระยะยาว ทั้งในส่วนของโครงการก่อสร้างและพัฒนาประสิทธิภาพประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำ และโครงการปรับปรุงระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันหรือลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่แหล่งชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงการดำเนินการตามแผนงานที่มีการกำหนดพื้นที่รับน้ำนองและมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่ในการรับน้ำ โดย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ โครงการดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จและอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ ทั้งนี้ ผลที่ได้รับจากการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดนี้ ทำให้รัฐบาลสามารถดำเนินการตามความจำเป็นเร่งด่วนในการบูรณะและฟื้นฟูประเทศ ตลอดจนเยียวยาความเสียหายให้แก่ประชาชน รวมทั้งดำเนินการวางระบบการบริหารจัดการน้ำ โดยคาดว่าจะสามารถป้องกันการเกิดภัยพิบัติในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบอาชีพของประชาชนและผู้ลงทุน เพื่อการพัฒนา และรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29006 | ขออนุมัติเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง และขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | อก | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๑ คัน ระยะเวลา ๕ ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๖๐ ในวงเงิน ๔,๔๓๗,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๗๖๕,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๓,๖๗๒,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
29007 | รายงานการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ครั้งที่ 1 | กค | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ โดยวิธีการตกลงราคา จำนวนรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท อายุ ๖ เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี แบ่งเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกให้กับธนาคารออมสิน จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวครบกำหนดชำระคืนต้นเงินในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕ แต่เนื่องจากเงินงบประมาณเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ดังกล่าวไม่เพียงพอ จึงต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้ขอบเขตพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ที่ครบกำหนดชำระคืนต้นเงินเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕ โดยใช้งบชำระหนี้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท สมทบกับการกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ อีกจำนวน ๓๒,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็นตั๋วสัญญาที่ออกให้บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาท บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน ๓,๐๐๐ ล้านบาท บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอลชัวรันส์ จำกัด จำนวน ๒๒,๕๐๐ ล้านบาท บริษัท ไอเอ็นจี ประกันชีวิต จำกัด จำนวน ๘๐๐ ล้านบาท และสำนักงานประกันสังคม จำนวน ๒,๒๐๐ ล้านบาท ๓. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ที่ออกให้กับบริษัทประกันชีวิต และสำนักงานประกันสังคม มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ แบ่งเป็น รุ่นอายุ ๑๘ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๓.๘๓๔ ต่อปี รุ่นอายุ ๒๕ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๓.๙๕๕ ต่อปี และรุ่นอายุ ๓๕ ปี อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ ๔.๒๗๑ ต่อปี ซึ่งกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๑๕๒ ง ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
29008 | สรุปรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2555 | นร11 | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ้างงาน และรายได้ ๑.๑ การจ้างงานยังเพิ่มขึ้นและการว่างงานลดลง ไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๕ อัตราการว่างงานเฉลี่ยร้อยละ ๐.๕๘ โดยมีจำนวน ๒๓๒,๔๐๐ คน ลดลงจากอัตราร้อยละ ๐.๖๕ ในไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๔ การจ้างงานรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๖ เป็นการจ้างงานในสาขาการก่อสร้างเพิ่มมากสุดร้อยละ ๗.๐ เนื่องจากมีการจ้างงานจากโครงการลงทุนของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์จากวิกฤติการณ์น้ำท่วมปลายปีที่แล้ว ๑.๒ ภาวะตลาดแรงงานตึงตัวต่อเนื่อง สัดส่วนผู้สมัครงานต่อตำแหน่งว่างงาน เท่ากับ ๐.๘๕ เท่า เทียบกับ ๑.๕ เท่าไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๔ และ ๑.๒ เท่าในไตรมาสสอง ปี ๒๕๕๕ โดยเฉพาะแรงงานระดับ ปวช.-ปวส. ยังมีสภาพตึงตัวสูงต่อเนื่อง โดยมีการขาดแคลนมากในกลุ่มแรงงานทักษะและกึ่งทักษะ รายได้ของแรงงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๓ ขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๓.๐ ทำให้ค่าจ้างแท้จริงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๑๐.๐ การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ จะทำให้ค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยของประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒.๔ และค่าจ้างเฉลี่ยของ ๗๐ จังหวัดที่มีการปรับค่าจ้างเป็น ๓๐๐ บาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๒๕.๒ ๒. ด้านการศึกษา การทบทวนการผลิตและพัฒนากำลังคนระดับกลาง อัตราการเรียนต่อสายอาชีพในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมามีสัดส่วนค่อย ๆ ลดลง ในปี ๒๕๕๔ ลดลงเหลือร้อยละ ๓๖.๕๕ จึงต้องมีมาตรการในเชิงปริมาณจูงใจให้นักเรียนสนใจเรียนสายวิชาชีพเพิ่มขึ้น โดยผลักดันให้ภาคเอกชนจัดทำมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพอย่างเต็มรูปแบบ และให้โอกาสเด็กที่ไม่ได้เรียนต่อประมาณร้อยละ ๑๐-๑๕ ได้เรียนต่อสายอาชีพ เช่น การสนับสนุนทุนการศึกษาอาชีวศึกษา และให้เด็กเข้าทำงานในโรงงานมีโอกาสศึกษาควบคู่ไปด้วย ขณะเดียวกันควรขยายการดำเนินโครงการสหกิจศึกษาให้กว้างขวางยิ่งขึ้นโดยใช้มาตรการจูงใจด้านภาษี ๓. ด้านสุขภาพ ประชากรร้อยละ ๒ ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และภาระการรักษาสุขภาพแรงงานข้ามชาติมีแนวโน้มมากขึ้น โดยในปี ๒๕๕๕ พบคนไทยอายุ ๑๕ ปีขึ้นไป ๑.๕ ล้านคน หรือร้อยละ ๒ ของประชากรทั้งหมดป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ขณะที่ความสุขมวลรวมของไทยลดลงต่อเนื่องอยู่ ๕.๗๙ ในเดือนกันยายน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความสุขมวลรวมลดลงคือ ปัญหาเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนที่ค่าครองชีพสูงขึ้น ๔. ด้านพฤติกรรมและความเป็นอยู่ของคนในสังคมไทย มีประเด็นเฝ้าระวังหลายด้าน ได้แก่ ๔.๑ เด็กและเยาวชนยังเข้าถึงการซื้อบุหรี่ได้ง่ายขึ้น และมีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มมากสุดเทียบเท่าผู้สูงอายุ รวมทั้งพฤติกรรมการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชากรในปี ๒๕๕๔ พบว่า มีปริมาณการสูบเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มเยาวชน วัยทำงาน และผู้สูงอายุ มีปริมาณการสูบเพิ่มขึ้นเป็น ๙.๑ ๑๑.๒ และ ๑๐.๗ มวนต่อวัน ตามลำดับ ๔.๒ ครัวเรือนมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้น โดยยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลมีมูลค่า ๒,๗๔๘,๙๓๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐.๔ จากไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๔ ส่วนหนึ่งเป็นการใช้สิทธิตามโครงการบ้านหลังแรก และรถคันแรก ขณะที่ความสามารถในการชำระคืนลดลง เห็นได้จากการผิดนัดชำระหนี้เกิน ๓ เดือนของสินเชื่อภายใต้การกำกับ และสินเชื่อบัตรเครดิต นอกจากนี้ สัดส่วน NPLs ของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคต่อ NPLs รวม เท่ากับร้อยละ ๒๑.๔ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ ๕ ๕. ด้านความมั่นคงทางสังคม มีประเด็นเฝ้าระวัง ได้แก่ ๕.๑ แนวโน้มของผู้กระทำผิดคดียาเสพติดที่ถูกจับกุม ๓ ใน ๔ เป็นรายใหม่ และเป็นกลุ่มเยาวชนมากขึ้น คดียาเสพติดเพิ่มขึ้นจากไตรมาสสาม ปี ๒๕๕๔ ร้อยละ ๙.๘ โดยในปี ๒๕๕๕ พบว่า ปริมาณการลำเลียงขนยาเสพติดในแต่ละครั้งมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น มีการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชนที่มีเด็กและเยาวชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น แนวโน้มของผู้กระทำความผิดยาเสพติดที่ถูกจับกุม ๓ ใน ๔ เป็นรายใหม่ และเป็นกลุ่มที่เป็นเยาวชนเพิ่มขึ้น ๕.๒ การขจัดพฤติกรรมเด็กแว้นเพื่อลดความเดือดร้อนให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ความถี่ของปัญหาการแข่งรถของเด็กแว้นเพิ่มขึ้น โดยพื้นที่กรุงเทพฯ มีประชาชนร้องเรียนผ่านหมายเลข ๑๙๑ เฉลี่ยเดือนละ ๓๐๐ ครั้ง และจากการสำรวจความปลอดภัยในการเดินทางทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๓ พบว่า รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุ ๑๘-๒๔ ปี และจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ระบุว่า กลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา เป็นกลุ่มเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดและมีจำนวนมากขึ้นทุกปี ๕.๓ การเฝ้าระวังเพื่อลดอุบัติเหตุรถยนต์โดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่จะมาถึง จะมีการใช้มาตรการส่งเสริมความปลอดภัยของผู้ใช้รถตู้โดยสารสาธารณะ นำระบบเทคโนโลยี RFID เพื่อติดตามและตรวจจับความเร็ว รวมทั้งเข้มงวดกวดขันการควบคุมตรวจสอบความเร็วและลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง ๖. เรื่องเด่นประจำฉบับ "แรงงานข้ามชาติ...ความจำเป็นในการจัดระเบียบ" ควรเร่งรัดจัดระเบียบและการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติให้เป็นระบบ ทั้งการจัดระเบียบแรงงานไร้ฝีมือ การดึงดูดแรงงานที่มีความรู้และทักษะสูงเข้ามาทำงานในประเทศ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลของแรงงานข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพและนำไปใช้ในการบริหารจัดการแรงงานได้อย่างเป็นรูปธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
29009 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ. .... | นร09 | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้บังคับอีกต่อไป จำนวน ๙ ฉบับ ดังนี้
๑. พระราชบัญญัติควบคุมและจัดการกิจการหรือทรัพย์สินของคนต่างด้าวบางจำพวกในภาวะคับขัน พุทธศักราช ๒๔๘๔ ๒. พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. ๒๕๐๔ ๓. พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๙ ๔. พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๑๑ ๕. พระราชบัญญัติสถานสินเชื่อท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๑๘ ๖. พระราชบัญญัติการประกอบอาชีพงานก่อสร้าง พ.ศ. ๒๕๒๒ ๗. พระราชบัญญัติการประกอบอาชีพงานก่อสร้าง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๔ ๘. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๔๕ ๙. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๕๓ |
||||||||||||||||||||||||
29010 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | ลต | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี เขตเลือกตั้งที่ - แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยกำหนดให้วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๖ เป็นวันเลือกตั้ง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29011 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิควบคุมดูแลเด็ก พ.ศ. .... | สผ | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิควบคุมดูแลเด็ก พ.ศ. .... โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เห็นสมควรให้แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติ โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมชื่อภาษาอังกฤษในร่างพระราชบัญญัตินี้ให้ตรงตามอนุสัญญาว่าด้วยลักษณะทางแพ่งในการลักพาเด็กข้ามชาติ ค.ศ. ๑๙๘๐ และให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยแล้ว เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29012 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีปฏิบัติในการเปิดเผยราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ | กค | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการปรับปรุงหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีปฏิบัติในการเปิดเผยราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ตามมติคณะกรรมการกำกับหลักเกณฑ์และตรวจสอบราคากลางงานก่อสร้าง ในการประชุมเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ และการกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดราคากลางงานก่อสร้างในเอกสารสอบราคา เอกสารประกวดราคา หรือเอกสารประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมติคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีปฏิบัติในการเปิดเผยราคากลางก่อสร้างของทางราชการ ให้นำรายละเอียดการคำนวณราคากลางตาม BOQ. (Bill of Quantities) ซึ่งเป็นรายงานการคำนวณราคากลางที่ผู้มีหน้าที่คำนวณราคากลางได้จัดทำขึ้นตามข้อกำหนดตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างและที่หัวหน้าส่วนราชการได้ให้ความเห็นชอบแล้วไปประกาศเปิดเผย โดยปรับปรุงแนวทางและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ในส่วนของการเปิดเผยราคากลาง (ข้อ ๒๐) จากที่กำหนดไว้เดิมเป็น “๒๐. ในการจ้างก่อสร้างทุกครั้ง ให้หน่วยงานที่จะมีการจ้างก่อสร้างประกาศเปิดเผยข้อมูลราคากลาง ทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน และเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง (www.gprocurement.go.th) โดยแนบรายละเอียดการคำนวณราคากลางตาม BOQ. (Bill of Quantities) ซึ่งผู้มีหน้าที่คำนวณราคากลางได้จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างและหัวหน้าส่วนราชการได้ให้ความเห็นชอบแล้วเป็นเอกสารหรือเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ (CD-ROM) เพื่อให้ผู้สนใจสามารถตรวจดูและหรือดาวน์โหลดไปตรวจดูได้พร้อมกับการประกาศสอบราคา ประกาศประกวดราคา หรือตามที่กำหนดสำหรับการจัดจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการจัดจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการอื่น ทั้งนี้ รายละเอียดการคำนวณราคากลางตาม BOQ. (Bill of Quantities) ที่ต้องประกาศเปิดเผยดังกล่าว ให้หมายถึงรายละเอียดการคำนวณราคากลางตามแบบฟอร์ม ได้แก่ กรณีงานก่อสร้างอาคาร หมายถึง แบบฟอร์ม ปร. ๔, ปร. ๔ (พ), ปร. ๕ (ก). ปร. ๕ (ข) และ ปร. ๖ กรณีงานก่อสร้างทาง สะพาน และท่อเหลี่ยม หมายถึง แบบฟอร์มสรุปราคากลางงานก่อสร้างทาง สะพาน และท่อเหลี่ยม และกรณีงานก่อสร้างชลประทาน หมายถึง แบบฟอร์มสรุปราคากลางงานก่อสร้างชลประทาน” ๑.๒ การกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดราคากลางงานก่อสร้างในเอกสารสอบราคา เอกสารประกวดราคา หรือเอกสารประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑.๒.๑ การจ้างก่อสร้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้นำรายละเอียดการคำนวณราคากลางตาม BOQ. (Bill of Quantities) ตามแบบฟอร์มข้างต้น กำหนดไว้ในตัวอย่างเอกสารประกวดราคาจ้างในส่วนของเอกสารแนบท้ายเอกสารประกวดราคา โดยกำหนดเพิ่มเติมเป็น “ข้อ ๑.๘ รายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างตาม BOQ. (Bill of Quantities) (รายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างเป็นการเปิดเผยเพื่อให้ผู้ประสงค์จะเสนอราคาได้รู้ข้อมูลได้เท่าเทียมกันและเพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้) ข้อ ๑.๙ ...” ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปกำหนดไว้ในเอกสารสอบราคาจ้างด้วย ๑.๒.๒ การจ้างก่อสร้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้นำรายละเอียดการคำนวณราคากลางตาม BOQ. (Bill of Quantities) ตามแบบฟอร์มข้างต้นกำหนดไว้ในตัวอย่างเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนของเอกสารแนบท้ายเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยกำหนดเพิ่มเติมเป็น “ข้อ ๑.๑๐ รายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างตาม BOQ. (Bill of Quantities) (รายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างเป็นการเปิดเผยเพื่อให้ผู้ประสงค์จะเสนอราคาได้รู้ข้อมูลได้เท่าเทียมกัน และเพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้) ข้อ ๑.๑๑ ...ฯลฯ...” โดยให้กำหนดรายละเอียดการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างดังกล่าวในขั้นตอนของการจัดทำเอกสารประกาศเชิญชวน ๑.๒.๓ สำหรับการเปิดเผยข้อมูลราคากลางงานก่อสร้างที่เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (www.gprocurement.go.th) ให้ปฏิบัติตามคู่มือการเปิดเผยข้อมูลราคากลางงานก่อสร้างในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ www.gprocurement.go.th หัวข้อข่าวจัดซื้อจัดจ้างและหัวข้อดาวน์โหลดแนะนำ ๒. รับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีปฏิบัติในการเปิดเผยราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ ตามที่ปลัดกระทรวงการคลัง และรองปลัดกระทรวงการคลัง (นางสาวสุภา ปิยะจิตติ) รายงาน ๓. คณะรัฐมนตรียืนยันการดำเนินนโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจังเพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการและให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (เรื่อง การให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำข้อมูลรายละเอียดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะราคากลางและการคำนวณราคากลางไว้ในระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้และการกำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม)] และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) พร้อมด้วยปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเข้าหารือกับประธานกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น และพิจารณาแนวทางที่จะร่วมกันดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และให้รายงานผลการหารือต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน |
||||||||||||||||||||||||
29013 | แถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 18 | นร11 | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ ดังนี้
๑. ร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรี ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ได้ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้ความเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ โดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรี ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๘ ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของแผนงานการพัฒนาความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (Greater Mekong Subregion : GMS) ตลอด ๒๐ ปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าการจัดทำกรอบการลงทุนและโครงการลงทุนระดับภูมิภาค ผลการดำเนินงานที่สำคัญด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุนของอนุภูมิภาค รวมทั้งผลการดำเนินงานสำคัญของคณะทำงานรายสาขา และการดำเนินงานในระยะต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ ได้ในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ ในการหารือในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบอีก |
||||||||||||||||||||||||
29014 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (จำนวน 10 ราย 1. พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ฯลฯ) | คค | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย จำนวน ๑๐ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่ขอลาออกจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป เว้นแต่ นายกฤษฎา บุณยสมิต ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการเป็นต้นไป แต่ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ประธานกรรมการ ๒. นายกฤษฎา อุทยานิน กรรมการ ๓. นายจุฬา สุขมานพ กรรมการ ๔. นายกฤษฎา บุณยสมิต กรรมการ ๕. พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการ ๖. พลเรือเอก เกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์ กรรมการ ๗. พลตำรวจเอก ชลธาร จิราณรงค์ กรรมการ ๘. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ กรรมการ ๙. นายเรวัต พจนวิลาส กรรมการ ๑๐. เรือตรี วิโรจน์ จงชาณสิทโธ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
29015 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายปิยวัชร นิยมฤกษ์) | นร | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายปิยวัชร นิยมฤกษ์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29016 | การมอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม | คค | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในกรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และกรณีไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29017 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งแทนผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ (พลเอก สิทธิพร ทับเที่ยง) | กห | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก สิทธิพร ทับเที่ยง ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศหรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม แทนพลเรือเอก วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ ๒. นางสาวกริชผกา บุญเฟื่อง ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายแทนผู้ช่วยศาสตราจารย์เอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล ซึ่งลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
29018 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ) | นร04 | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29019 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 ราย 1. นายสุวัตร สิทธิหล่อ ฯลฯ) | กก | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยชุดเดิมให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกวาระหนึ่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายสุวัตร สิทธิหล่อ ๑.๒ นายสุพล ศรีพันธุ์ ๑.๓ นายธงชัย ศรีดามา ๑.๔ นายเรวัต วิศรุตเวช ๑.๕ นายนิพนธ์ ฮะกีมี ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปประสานงานกับกระทรวงการคลังเพื่อเสนอรายชื่อผู้แทนกระทรวงการคลัง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเพิ่มเติมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29020 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (จำนวน 10 ราย 1. นายวัฒนา รัตนวิจิตร ฯลฯ) | นร09 | 04/12/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ชุดใหม่ จำนวน ๑๐ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบสามปีตามวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ดังนี้
๑. นายวัฒนา รัตนวิจิตร ประธานกรรมการ ๒. นายกมลชัย รัตนสกาววงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายนันทวัฒน์ บรมานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายสมยศ เชื้อไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายเอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายนิพนธ์ ฮะกีมี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายยงยุทธ อนุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นายประสงค์ วินัยแพทย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นายวิชาญ ธรรมสุจริต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
.....