ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 111 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2201 - 2220 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2201 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. .... | นร.07 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2202 | ร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet
ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามนัยข้อ ๓.๗
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะลงนามในร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา
๑๑ (๖) และ (๙) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีการแก้ไข ดังนี้ ๑. แก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายฯ
ให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน เช่น จากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (รองประธานกรรมการคนที่
๒) เป็น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการคลัง (รองประธานกรรมการคนที่
๒) ๒. ยกเลิกความในข้อ ๒.๒ ของคำสั่ง นร. ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ระบุว่า
“กำกับ ดูแล ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินโครงการ ให้เป็นไปตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบ”
เป็น “กำกับ ดูแล ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินโครงการในภาพรวม
รวมทั้งการกระทำที่เข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้เป็นไปตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบ” ๓. ยกเลิกความในวรรคท้ายของคำสั่ง นร. ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ ที่ระบุว่า
“สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการนโยบายฯ
ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ หรือตามระเบียบทางราชการ
แล้วแต่กรณี โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ส่วนการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของคณะอนุกรรมการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ หรือตามระเบียบทางราชการแล้วแต่กรณี
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง” ๔. เพิ่มความข้อ ๓ ของคำสั่ง นร. ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายฯ “๓.
สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของกรรมการนโยบายฯ และคณะอนุกรรมการ
ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
หรือตามระเบียบทางราชการ แล้วแต่กรณี ดังนี้ ๓.๑ คณะกรรมการ
ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ๓.๒
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital wallet และคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ๓.๓ คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2203 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีในการขนส่ง พ.ศ. .... | อว. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีในการขนส่ง
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
เงื่อนไขเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี
ในการขนส่งวัสดุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี
เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2204 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ | กห. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
ระหว่างวันที่ ๔ - ๖ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยผลสำเร็จของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ทั้งนี้ เอกสารมีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากฉบับที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่
๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ รวมทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย
ในประเด็นเกี่ยวกับความร่วมมือทางการทหาร และ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ
สปป.ลาว
ในประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคงของภูมิภาคที่ส่งผลกระทบและจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน
เช่น ปัญหาหมอกควัน ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2205 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. .... | นร.07 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ พ.ศ. .... จำนวน ๓๒ คน
เพื่อให้การร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
พ.ศ. .... แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด โดยกำหนดสัดส่วนของคณะกรรมาธิการฯ
ที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๘ ท่าน และคณะกรรมาธิการฯ ในสัดส่วนพรรคการเมือง
จำนวน ๒๔ ท่าน แบ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๑๖ ท่าน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน
จำนวน ๘ ท่าน ซึ่งจะมีการคัดเลือกตามกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)
ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานในรายละเอียดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2206 | การปรับเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายการเงินอุดหนุนรายบุคคล ในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู | ศธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับเพิ่มเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รายการเงินอุดหนุนรายบุคคล ในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู
สำหรับนักเรียนโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับการอุดหนุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็ก
กรณีโรงเรียนเอกชนที่มีนักเรียนไม่เกิน ๒๐๐ คน เป็นเวลา ๔ ปี (เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๗
ถึงเดือนกันยายน ๒๕๗๐) เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการศึกษาจากการที่เคยได้รับความช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๐ ว่ามีการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบก่อนเสนอมาตรการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวอีกครั้ง
นอกจากนี้การกำหนดขนาดโรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก
ควรใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้การจัดกลุ่มขนาดโรงเรียนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าการขอปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รายการเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู
จะต้องเป็นไปตามแนวทางการปรับอัตราเงินเดือนที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ สำนักงาน กพ. เห็นควรพิจารณาให้สอดคล้องกับทิศทางการบริหารจัดการด้านการศึกษาของประเทศในภาพรวม
เพื่อให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นว่าอัตราเงินเดือนที่ใช้สำหรับคำนวณเงินอุดหนุนรายบุคคล
ในส่วนของเงินสมทบเงินเดือนครูใช้ฐานเงินเดือนอัตราแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือนสามัญ
(๑๖,๕๐๐ บาท และ ๑๘,๑๕๐ บาท ตามลำดับ) ซึ่งต่ำกว่าฐานเงินเดือนอัตราแรกบรรจุของข้าราชการครู
(๑๖,๕๖๐ บาท และ ๑๘,๒๒๐ บาท ตามลำดับ)
และเนื่องจากจำนวนนักเรียนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง กระทรวงศึกษาธิการจึงอาจพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนขนาดเล็ก
โดยคำนึงถึงคุณภาพ ศักยภาพ
ร่วมกับความจำเป็นหรือความสอดคล้องตามแผนที่การบริหารจัดการโรงเรียน (School
Mapping) |
||||||||||||||||||||||||||||||
2207 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนรัช จงสุทธานามณี) | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธนรัช
จงสุทธานามณี เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2208 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 | นร. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นางสาวสาวิตรี
ชำนาญกิจ) ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่
๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น. เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2209 | ร่างกฎกระทรวงการโอนใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ สถานประกอบการทางนิวเคลียร์ และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... | อว. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการโอนใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี
วัสดุนิวเคลียร์ สถานประกอบการทางนิวเคลียร์
และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการโอนใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี
วัสดุนิวเคลียร์ สถานประกอบการทางนิวเคลียร์
และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าการโอนใบอนุญาตควรปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ
อย่างเคร่งครัด หากร่างกฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้
ซึ่งจะทำให้ผู้รับโอนใบอนุญาตเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการดำเนินการและเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉิน
และจะสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงานและประชาชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2210 | การต่ออายุความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Bilateral Swap Agreement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการต่ออายุความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา
(Bilateral Swap
Agreement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น มีสาระสำคัญเพื่อขยายอายุความตกลงปัจจุบันออกไปอีก
๓ ปี ถึงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๗๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2211 | การถอนข้อสงวน ข้อ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก | พม. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยถอนข้อสงวน ข้อ
๒๒ ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการถอนข้อสงวน
ข้อ ๒๒ ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ต่อองค์การสหประชาชาติต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการถอนข้อสงวนดังกล่าวในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชนใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
แล้วแต่กรณี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
2212 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง กรณีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการชันสูตรพลิกศพ | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง
กรณีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการชันสูตรพลิกศพ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป ซึ่งมีผลการพิจารณาสรุปในภาพรวมได้
ดังนี้ ๑. มาตรการระยะสั้น ๑.๑ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการตรวจพิสูจน์ซ้ำ
ให้ยืดถือตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาประกอบกับประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี
ลักษณะ ๑๐ การชันสูตรพลิกศพ บทที่ ๑ อำนาจและหน้าที่ในการชันสูตรพลิกศพ ข้อ ๖
และประกาศราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย (ที่ประชุมเสนอให้แพทยสภาออกประกาศเป็นข้อบังคับแพทยสภา)
เพื่อใช้บังคับให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ๑.๒
การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการขนส่งศพ เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ให้แต่งตั้งคณะทำงาน
เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้านงบประมาณของงานนิติเวชร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. มาตรการระยะยาว เป็นการแก้ไขปัญหาด้านบุคลากรและอัตราค่าตอบแทนของแพทย์นิติเวช
ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาทบทวนปรับอัตราค่าตอบแทนตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน
หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พัก ของแพทย์และเจ้าหนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ
ตามประมาลาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๐ พ.ศ.๒๕๖๑ ให้กระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะทำงาน
เพื่อการขับเคลื่อนด้านบุคลากร งบประมาณ การจัดทำ MOU
ร่วมกับสถาบันทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการบูรณาการปฏิบัติงานของแพทย์นิติเวชประจำครอบคลุมทุกพื้นที่
โดยให้มีการส่งต่อเครือข่ายบริการให้คำปรึกษาและส่งต่องานนิติเวชทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข ๓. การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ให้ปรับปรุงเฉพาะในส่วนของประมวลกฎหมายตามวิธีพิจารณาความอาญาในอำนาจการชี้ขาดการส่งศพเพื่อชันสูตร
ควรเป็นของแพทย์ไม่ใช่พนักงานสอบสวน ประเด็นการเก็บรักษาศพ การทำลายศพอาจออกเป็นระเบียบ
และในประเด็นอื่น ๆ มีกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันครอบคลุมแล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||
2213 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ 7 ชั้น 96 ห้อง พื้นที่ใช้สอย 3,908 ตารางเมตร โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว จำนวน 2 หลัง | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
จังหวัดสระแก้ว ก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ ๗ ชั้น ๙๖ ห้อง พื้นที่ใช้สอย ๓,๙๐๘ ตารางเมตร โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
จังหวัดสระแก้ว จำนวน ๒ หลัง ในวงเงิน ๑๔๗,๕๕๐,๑๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าควรปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและดำเนินกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญสำคัญด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2214 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารจอดรถ 10 ชั้น พื้นที่อาคาร 16,603 ตารางเมตร โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน 1 หลัง | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลนครปฐม
จังหวัดนครปฐม ก่อสร้างอาคารจอดรถ ๑๐ ชั้น พื้นที่อาคาร ๑๖,๖๐๓ ตารางเมตร โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน
๑ หลัง วงเงิน ๑๑๘,๑๔๑,๖๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||
2215 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายอดิศร เพียงเกษ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) | ปสส. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายอดิศร เพียงเกษ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2216 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ 8 กรกฎาคม 2567 | ปสส. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กรกฎาคม
๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2217 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐวุฒิ บัวประทุม กับคณะ เป็นผู้เสนอ) | ปสส. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐวุฒิ บัวประทุม กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2218 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 3/2567 | นร.08 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง
อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา
ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ รวม
๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2219 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ และสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและใบแทนใบรับรอง
รวมถึงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบรับรองและใบแทนใบรับรองและค่าใช้จ่ายที่ผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรศึกษาปริมาณการใช้ส่วนประกอบที่เหมาะสมไม่ให้เป็นกลิ่นหรือรสที่เด่นกว่าธรรมชาติของยาสูบ
(Characterizing Flavor) เพื่อลดการจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ควรมีการหารือกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ และชาวไร่ผู้ปลูกยาสูบ
เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาในการบังคับได้อย่างเหมาะสม
เนื่องจากต้องมีระยะเวลาในการปรับตัว เช่น กรณีศึกษาของสหภาพยุโรปที่ใช้ระยะเวลา ๖
ปี หลังการบังคับใช้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรมีการศึกษาผลกระทบและรับฟังความเห็นจากแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง
(Stakeholder) อย่างรอบด้าน
เพื่อให้การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ตามกฎหมายสอดคล้องกับแนวทางและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการพิจารณาเกี่ยวกับการยกเว้นเมนทอลขอให้พิจารณาในส่วนที่เกี่ยวกับสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติและหรือกลิ่นของเมนทอลและชะเอมด้วย
นอกจากนี้ ถ้อยคำที่ว่า “... หรือสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติหรือกลิ่นอันอาจจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบหรืออาจทำให้การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบง่ายขึ้น
....”
อาจทำให้เกิดปัญหาในการตีความและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2220 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามแนวทางการประเมิน Business Ready (B-READY) ของธนาคารโลก | นร.12 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามแนวทางการประเมิน Business Ready (B - READY) ของธนาคารโลก
และการมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้านเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน
B - READY ของธนาคารโลก โดย ๑) ได้ประกาศแนวทางการประเมิน
เพื่อใช้ทดแทนการประเมินเพื่อจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing
Business) เดิม ๒)
แนวทางการดำเนินการของภาครัฐเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน B-READY ทั้งในภาพรวมและการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร. และ ๓)
ประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปรายด้านเพื่อปรับปรุงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจและการลงทุนให้พร้อมสำหรับการประเมิน
B-READY รวมทั้งการมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้าน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานป้องกันและปราบปราบปรามการฟอกเงิน
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรมีการบูรณาการความร่วมมือด้านการเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน
B-Ready ของธนาคารโลก
ตลอดจนการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อรับทราบประเด็นปัญหา
และสนับสนุนกระบวนการขจัดอุปสรรคของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและสนับสนุนแนวทางการประเมินดังกล่าวเป็นระยะต่อไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นว่าประเด็นบริการด้านสาธารณูปโภคที่มีการกำหนดในเรื่องของการทบทวนการกำหนดอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ต
ควรเพิ่มเติมหรือประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลในเรื่องของกำหนดโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมและโครงสร้างอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ตให้เป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านบริการสาธารณูปโภค
(Utility Service) เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อให้ข้อมูลมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น |