ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 116 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2301 - 2320 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2301 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 | พณ. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า
(Joint Trade
Committee : JTC) ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ ๓ ในวันที่ ๓ - ๔ กรกฎาคม
๒๕๖๗ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้าและอุตสาหกรรมมาเลเซีย เป็นประธานร่วม โดยท่าทีไทยฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของไทยเกี่ยวกับการส่งเสริมการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
โดยยังไม่มีการทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างสองประเทศ จึงไม่มีประเด็นที่
ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และหากในการประชุมดังกล่าวมีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น
ๆ นอกเหนือจากที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอันเป็นผลประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ให้ผู้แทนไทยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนมาก ที่ นร ๑๔๐๗/๑๗๒ ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน
๒๕๖๗) เห็นว่าในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการ ขอให้เสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องมีหนังสือขอความเห็นมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ซึ่งในกรณีนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะมีหนังสือขอความเห็นมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเองโดยตรง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2302 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแจ้งข้อมูลผ่านการสื่อสารโทรคมนาคม พ.ศ. .... | ดศ. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการแจ้งข้อมูลผ่านการสื่อสารโทรคมนาคม
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการจัดระบบการแจ้งข้อมูลผ่านการสื่อสารโทรคมนาคม
สำหรับรับข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการแจ้งเตือนประชาชนตามกฎหมาย
และส่งต่อข้อมูลนั้นไปยังอุปกรณ์สื่อสารของประชาชนผ่านระบบของผู้ให้บริการการสื่อสารโทรคมนาคม
รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแจ้งข้อมูลผ่านการสื่อสารโทรคมนาคม
และกำหนดหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการแจ้งเตือนประชาชนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
แจ้งข้อมูลโดยใช้ระบบการแจ้งเตือนข้อมูลผ่านการสื่อสารโทรคมนาคม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเละสังคมรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติก่อน
แล้วให้ส่งร่างระเบียบฯ ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามข้อยุติแล้ว
รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีความเห็นว่า ร่างระเบียบในเรื่องนี้ได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการแจ้งเตือนประชาชนแจ้งข้อมูลโดยใช้ระบบการแจ้งข้อมูลผ่านการสื่อสารโทรคมนาคม
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติให้ทำหน้าที่หลักในการใช้ระบบแจ้งเตือนภัยผ่านสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่
โดยระบบจะทำการแจ้งเตือนสาธารณภัยต่าง ๆ เช่น อุทกภัย แผ่นดินไหว สึนามิ
ซึ่งเป็นภารกิจในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่แล้ว ดังนั้น
การดำเนินภารกิจของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการแจ้งเตือนภัยประชาชนตามร่างระเบียบดังกล่าว
จึงอาจซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรมีแนวทาง ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการดำเนินการที่ชัดเจนซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกัน
รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
โดยควรตระหนักและให้ความสำคัญของข้อมูลที่จะทำการเผยแพร่
ซึ่งต้องมีความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy) เชื่อถือได้ (Reliable) และทันต่อเวลา (Timely) สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน
และพิจารณาการขอรับจัดสรรจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคม ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
หากไม่เพียงพอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2303 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) | ยธ. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมตาราง ๕
ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยลดภาระในการจ่ายค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีบางประการที่ไม่จำเป็น
เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการไม่สามารถชำระหนี้ได้
และยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่เห็นว่าการชำระค่าธรรมเนียมตามกฎหมายเป็นมาตรการอย่างหนึ่งเพื่อให้ผู้ใช้สิทธิได้พิจารณาเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบก่อนที่จะใช้สิทธิบังคับตามกฎหมาย
และป้องกันมิให้มีการใช้สิทธิโดยไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสม เช่น
ค่าธรรมเนียมถอนการยึดอันเกิดจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำยึดทรัพย์โดยผิดหลง
ดังนั้น หากมีการลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี
อาจส่งผลให้เกิดปัญหาการยึดหรืออายัดทรัพย์สินในลักษณะดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2304 | การพัฒนาโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ (คุ้งบางกะเจ้า) อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ | นร. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ (คุ้งบางกะเจ้า) อำเภอพระประแดง
จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ตามพระราชดำริให้สงวนพื้นที่คุ้งบางกะเจ้าไว้เป็นพื้นที่สีเขียวและคงความเป็นปอดของคนเมือง
เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จึงขอให้หน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดให้พื้นที่คุ้งบางกะเจ้าเป็นพื้นที่นำร่อง (Sandbox) ในการประกาศหลักเกณฑ์คุ้มครองพื้นที่ป่าและพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และให้ได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ตลอดจนให้พิจารณาเพิ่มชนิดพืชที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ในบัญชีแนบท้าย ก
ของประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๖
ให้เหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2305 | การดำเนินการการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula E | นร. | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์
Formula E ในประเทศไทย) มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยศึกษาความหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์
Formula E ในประเทศไทย นั้น ขอให้หน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานส่งสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยเร่งเจรจารายละเอียดการจัดงานกับ
Formula E ให้เสร็จสิ้นและชัดเจน
ภายใต้กรอบวงเงินการจัดงานตามผลการศึกษาที่การกีฬาแห่งประเทศไทยได้เคยศึกษาไว้
โดยให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) รับผิดชอบการเจรจาค่าลิขสิทธิ์และการกีฬาแห่งประเทศไทยรับผิดชอบเจรจาค่าบริหารจัดงานทั้งหมด
โดยให้อยู่ภายใต้กรอบวงเงินดังกล่าว และให้นำผลการเจรจาทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้สำนักงานส่งสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) และการกีฬาแห่งประเทศไทยเร่งประสานสำนักงบประมาณเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อการดำเนินการตามข้อ
๑. โดยด่วน ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย
(ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษารูปแบบการปรับพื้นที่
และภูมิทัศน์ให้เหมาะสมกับการจัดการแข่งขัน (Civil
Work) เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของ Formula E ๔.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการชำระค่า Track Material ตามกรอบระยะเวลาที่ Formula
E กำหนด เพื่อดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2306 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2567 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2567/2568 | นร.14 | 25/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน
๗,๖๐๖.๔๙๗๒ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๗ และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ จำนวน ๒,๖๖๘
รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และการมีมาตรการกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าว
โดยเฉพาะโครงการประเภทการซ่อมแซม/ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ และการขุดลอกคูคลองในช่วงฤดูน้ำหลาก
ให้มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุดด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยให้เร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2307 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) | อว. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๓ คณะ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ท่าน ได้แก่
๑.๑ คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๑.๒ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒.
คณะกรรมการบริหารโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัย
ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ท่าน ได้แก่
๒.๑ คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๒.๒ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓.
คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลสถาบันไทยโคเซ็น ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๗
ท่าน ได้แก่
๓.๑ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่ปรึกษา
๓.๒ ศาสตราจารย์ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๓.๓ รองศาสตราจารย์พินิติ รตะนานุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๓.๔ รองศาสตราจารย์กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๓.๕ รองศาสตราจารย์รัตติกร วรากูลศิริพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
๓.๖ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2308 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ว่าที่ร้อยตรี พีรพล มั่นจิตต์) | สคทช | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ว่าที่ร้อยตรี พีรพล มั่นจิตต์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2309 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | คค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ
ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบทถนนสาย
ก ๗ ถนนสาย ง ๘ และถนนสาย จ ตามโครงการผังเมืองรวมอุดรธานี และถนนต่อเชื่อม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เห็นควรจะเร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
หากยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จและยังประสงค์จะทำการสำรวจต่อไปก็ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2310 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเหนือเมือง และตำบลดงลาน อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | คค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลเหนือเมือง และตำบลดงลาน อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลเหนือเมือง และตำบลดงลาน
อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๓ บ้านไผ่ -
อุบลราชธานี ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๓๒ ถนนวงแหวนรอบเมืองร้อยเอ็ด
(ทางแยกบ้านโนนเมือง) ทั้งนี้
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
โดยมีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการภายในระยะเวลา ๕ ปี
และดำเนินกระบวนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตลอดทั้งโครงการ ทั้งนี้
เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้สามารถเข้าดำเนินการสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๓ บ้านไผ่ -
อุบลราชธานีตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๓๒ ถนนวงแหวนรอบเมืองร้อยเอ็ด
(ทางแยกบ้านโนนเมือง) ซึ่งมีระยะทางประมาณ ๐.๔๔๗ กิโลเมตร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นว่าหากการดำเนินการไม่แล้วเสร็จและมิได้มีการเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นใหม่ภายในกำหนดเวลา
ถ้าเกิดความเสียหายแก่รัฐเป็นจำนวนเท่าใด
ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ กรณีนี้กระทรวงคมนาคมควรตระหนักและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎหมายในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาในครั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2311 | รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2565 | นร.10 | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการประจำปี ๒๕๖๕ เพื่อเสนอผลการพัฒนาระบบราชการในภาพรวมของหน่วยงานภาครัฐ
ทั้งส่วนราชการจังหวัด และองค์การมหาชน
รวมทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคมที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ
พร้อมทั้งมีข้อเสนอการดำเนินการต่อไปเพื่อยกระดับและขับเคลื่อนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
รองรับต่อการพัฒนาระบบราชการในระยะต่อไป ตามที่ ก.พ.ร. เสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2312 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... | มท. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนอู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลหนองโอ่ง ตำบลอู่ทอง ตำบลกระจัน ตำบลเจดีย์ ตำบลจรเข้สามพัน
และตำบลยุ้งทะลาย อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม
โดยส่งเสริมอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าควรคำนึงถึง
กฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นด้วย กระทรวงสาธารณสุข
เห็นว่าการพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2313 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ที่ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน จำนวนรวม ๘๙๕,๑๓๐.๘๕
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒ ของวงเงินที่ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2314 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | อว. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง กฎหมายด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา
โดยรวบรวมผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่า
ประเด็นการเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองที่ออกตามกฎหมายด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และการออกกฎหมายจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาอุดมศึกษา
ควรเร่งรัดการดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมถึงแจ้งความคืบหน้าหรือสถานะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ส่วนประเด็นการผลักดันการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ละฉบับให้มีความสอดคล้องซึ่งกันและกันนั้น
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในกำกับดูแลในด้านการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ฯ ได้กำกับดูแลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการออกกฎหมายลำดับรอง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ฯ ของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นควรเร่งรัดและผลักดันการออกกฎหมายลำดับรองและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน
และประเด็นการจัดทำประมวลจริยธรรม สถาบันอุดมศึกษาแต่ละแห่งจะต้องดำเนินการจัดทำประมวลจริยธรรมเกี่ยวกับบุคลากรและผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานตนเอง
ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานกลางตามที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากำหนด และให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับการดำเนินการในเรื่องร้องเรียน
สถาบันอุดมศึกษาควรพิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือพระราชบัญญัติการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการจัดการปัญหาเรื่องข้อร้องเรียนภายในสถาบันอุดมศึกษา และประกาศให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบด้วย ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2315 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนองครักษ์ จังหวัดนครนายก พ.ศ. .... | มท. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนองครักษ์ จังหวัดนครนายก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
ในท้องที่ตำบลบางปลากด ตำบลทรายมูล ตำบลคลองใหญ่ และตำบลองครักษ์ อำเภอองครักษ์
จังหวัดนครนายก เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินการคมนาคมและการขนส่ง
การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการเพื่อจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายคมนาคมขนส่งและบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ
สามารถรองรับและสอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ
โดยได้มีการกำหนดแผนผังและการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมจำแนกออกเป็น ๑๑
ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะกำหนดลักษณะกิจการที่ให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินแต่ละประเภทนั้น
ๆ รวมทั้งกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรเข้มงวดกับโรงงานให้ดำเนินการตามกฎหมายทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการก่อสร้างอาคารที่อาจทำให้เป็นการกีดขวางทางระบายน้ำ
ควรคำนึงถึงกฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และควรคำนึงถึงการแก้ไขผังการใช้ประโยชน์ในอนาคตจากที่ดินประเภทชนบท กระทรวงสาธารณสุข
เห็นว่าการดำเนินกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
โดยควรกำหนดระยะห่างระหว่างสถานประกอบกิจการกับที่ดินของผู้อื่นหรือไม่น้อยกว่าตามที่กฎหมายกำหนด
และควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
พ.ศ. ๒๕๖๐ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2316 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ในวันจันทร์ 17 มิถุนายน 2567 | นร. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน
๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑
(สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒ (สมัยวิสามัญ)
เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๗ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๓ (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มิถุนายน
๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๔
(สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2317 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยังคงหลักการเดิม
และปรับอัตราเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ควรเร่งกำหนดแนวทางและแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
และการขยายฐานภาษีให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม
ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายของรัฐบาล
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน
และการปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของส่วนราชการ
เพื่อให้การจ่ายค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นเกิดความคุ้มค่า
และสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการในระยะยาว
สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เห็นควรให้ส่วนราชการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ภายใต้แผนงานบุคลากรภาครัฐของแต่ละส่วนราชการเป็นลำดับแรก
หากไม่เพียงพอให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ
หรือรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แล้วแต่กรณี ตามลำดับ
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการพิจารณาจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อบรรจุไว้ในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายล่วงหน้าระยะปานกลางตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2318 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีถูกเลิกจ้าง) | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าชดเชยที่ลูกจ้างได้รับจากนายจ้างกรณีลูกเลิกจ้างให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยปรับเพิ่มเพดานของค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
จาก ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๓๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็น
ค่าชดเชยส่วนที่ไม่เกินค่าจ้างหรือเงินเดือนค่าจ้างของการทำงาน ๔๐๐ วันสุดท้าย
แต่ไม่เกิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับเงินค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างที่ได้รับตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้
กระทรวงแรงงาน เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวง ฯ
ครอบคลุมถึงกรณีการเกษียณอายุหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะทำให้ลูกจ้างกลุ่มนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย
ซึ่งจะส่งผลให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน นำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพแรงงาน
เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2319 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2567 และครั้งที่ 2/2567 และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๙
เมษายน ๒๕๖๗ และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและรัฐวิสาหกิจนำมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ไปเป็นแนวทางในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐต่อไป ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2320 | รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน | นร.07 | 18/06/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|