ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 119 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2361 - 2380 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2361 | การขับเคลื่อนการดำเนินการสำคัญสืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 | นร.11 สศช | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๖
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ ดังนี้ ๑.
การทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ๒. โครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ๓.
การปรับเปลี่ยนหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ๔.
กลไกการดำเนินการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๕. แนวทางในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในห้วงที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) ๖.
แนวทางการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ๗.
การประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงาน
ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการคลัง
เห็นว่าในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎ
ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และให้คำนึงถึงความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณด้วย กระทรวงมหาดไทย
เห็นว่าโครงการที่ผ่านการจัดลำดับความสำคัญฯ ควรเป็นโครงการที่ควรได้รับงบประมาณเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ได้รับเพื่อให้ส่วนราชการมุ่งจัดทำโครงการที่สามารถขับเคลื่อนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||
2362 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 | ทส. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขงล้านช้าง
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ จัดทำขึ้นระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดสำหรับการดำเนินโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวิเคราะห์และประเมินผลจากการร่วมรับรองร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2363 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย–อินเดีย ครั้งที่ 10 | กต. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย
- อินเดีย ครั้งที่ ๑๐ (10th Joint Commission for Bilateral Cooperation between Thailand
- India) เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ณ กรุงนิวเดลี
สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในขณะนั้น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเป็นประธานร่วม และรับทราบการลงนามในเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ
ดังกล่าว รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยการประชุมฯ มีสาระสำคัญ เช่น ๑) การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (strategic partnership) และ ๒)
อินเดียขอให้ฝ่ายไทยช่วยผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน - อินเดีย (ASEAN
- India Trade In Goods Agreement : AITIGA)
ให้มีความคืบหน้า
ขณะที่ฝ่ายไทยขอให้รื้อฟื้นการเจรจาเพื่อเพิ่มสิทธิความจุการบินสำหรับสายการบินพาณิชย์ของไทย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||
2364 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2567 และแนวโน้มปี 2567 | นร.11 สศช | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗ และแนวโน้มปี ๒๕๖๗
สรุปได้ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๗ มูลค่า GDP ขยายตัวร้อยละ ๑.๕
ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๗ ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๖ และ ๒)
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๗ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๐ - ๓.๐
ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ จากการขยายตัวร้อยละ ๑.๙ ในปี ๒๕๖๖ ส่วนการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
ในปี ๒๕๖๗ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เช่น (๑)
การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว
(๒)
การขับเคลื่อนการส่งออกควบคู่ไปกับการเร่งรัดปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ
และ (๓) การติดตาม เฝ้าระวัง
และเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2365 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567 | ปสส. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกฝ่ายหนึ่งกับราชอาณาจักรไทยอีกฝ่ายหนึ่ง
ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2366 | ร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกฝ่ายหนึ่งกับราชอาณาจักรไทยอีกฝ่ายหนึ่ง (Framework Agreement on Comprehensive Partnership and Cooperation between the European Union and its Member States, of the one part, and the Kingdom of Thailand, of the other part) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน 2567) | ปสส. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านระหว่างสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกฝ่ายหนึ่งกับราชอาณาจักรไทยอีกฝ่ายหนึ่ง
(Framework Agreement on Comprehensive Partnership
and Cooperation between the European Union and its Member
States, of the one part, and the Kingdom of Thailand, of
the other part) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2367 | ร่างกฎกระทรวงการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก พ.ศ. .... | กค. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการสมทบเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลขสามหลัก พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินจากการจำหน่ายสลากตัวเลขสามหลัก
โดยกำหนดให้ในการออกรางวัลประเภทใดหากไม่มีผู้ถูกรางวัลในงวดนั้น
ให้นำเงินที่จัดสรรไว้สำหรับรางวัลประเภทนั้นสมทบไปเพื่อจ่ายเป็นเงินรางวัลสำหรับรางวัลประเภทเดียวกันในงวดถัดไป
แต่ไม่เกินหนึ่งงวด
และหากการออกรางวัลงวดถัดไปไม่มีผู้ถูกรางวัลในรางวัลประเภทนั้นอีก
ให้นำเงินรางวัลสมทบในประเภทนั้นนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรูปแบบของสลากฯ
ได้หลากหลายมากขึ้นตามราคา ที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งเป็นการช่วยให้การเสี่ยงโชคนอกระบบและผิดกฎหมาย (หวยใต้ดิน) ให้น้อยลงได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เห็นควรเน้นย้ำการเตรียมความพร้อม
และการสร้างความเข้าใจในวิธีการจัดสรรสลากฯ ตลอดจนวิธีการจำหน่าย การออกรางวัล การสมทบเงินรางวัล
และการจ่ายเงินรางวัลให้แก่ตัวแทนจำหน่ายสลากๆ โดยเฉพาะคนพิการและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส |
||||||||||||||||||||||||||||||
2368 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการถอนข้อสงวนข้อ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก | พม. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการถอนข้อสงวนข้อ ๒๒ ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รวบรวมความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งได้ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ
ซี่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมายจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙
มกราคม ๒๕๖๗
เป็นกรรมการเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรื่องดังกล่าวด้วยแล้ว
เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า เห็นชอบการถอนข้อสงวนข้อ
๒๒ ของอนุสัญญาฯ ของประเทศไทย ส่วนการกำหนดความหมายของ
“เด็กผู้ลี้ภัยและเด็กผู้แสวงหาที่พักพิง”
ในกรอบกฎหมายและนโยบายของประเทศไทยไม่ได้จำกัดสิทธิของเด็กกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในการได้รับความคุ้มครองตามข้อ
๒๒ ของอนุสัญญาฯ โดยได้มีมาตรการที่เหมาะสมในการรองรับเด็กแต่ละกลุ่ม
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2369 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม (ครั้งที่ 1) (พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ) | ยธ. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของพันตำรวจโท
พงษ์ธร ธัญญสิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม
กระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๗
ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๔ มิถุนายน
๒๕๖๘ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2370 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี รวม 3 ฉบับ (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 216/2567-218/2567) | นร.04 | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๖/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ ๒. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๗/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑๘/๒๕๖๗ เรื่อง
มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2371 | การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการร่วมงาน
“เปิดเมืองน่าเที่ยว” ทางภาคเหนือ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาลตามนโยบาย IGNITE
TOURISM THAILAND โดยการเชื่อมโยงกิจกรรมการท่องเที่ยวเป็นเครือข่ายร่วมกับจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นเมืองน่าเที่ยว
รวมถึงค้นหาและพลิกฟื้นโอกาสของจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย
เช่น จังหวัดลำพูน ที่เป็นเมืองเก่าในภาคเหนือ มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ซึ่งสามารถผลักดันให้ประชาชนและคนรุ่นใหม่ชาวจังหวัดลำพูนฟื้นคืนคุณค่าของจังหวัดที่มีอยู่แต่เดิม
เปลี่ยนจังหวัดลำพูนให้เป็นเมืองมรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) หรือเมืองสร้างสรรค์ (Creative City) ได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดจัดทำแผนบูรณาการการท่องเที่ยวของเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวทั้ง
๕๕ จังหวัด ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.
โดยที่ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองน่าเที่ยวทั้ง
๕๕ จังหวัด
รวมทั้งรับฟังปัญหาจากภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อนำมายกระดับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยด้วย
จึงขอให้ทุกส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องนำนโยบายหรือข้อสรุปที่จะได้จากการประชุมดังกล่าวไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน
(KPI) ในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไปภายใน ๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2372 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ไปแล้วนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็ว
อันจะส่งผลดีโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง
รวมทั้งมีส่วนทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มสูงขึ้นด้วย จึงขอให้ทุกส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณฯ ในความรับผิดชอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุนให้แล้วเสร็จโดยด่วน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้รอบคอบ
ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2373 | การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๖) มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ให้แล้วเสร็จครบถ้วนโดยเร็ว
เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณากำหนดแนวเขตที่ดินในพื้นที่ต่าง ๆ
ทั่วประเทศให้เป็นที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และประชาชนกลุ่มต่าง
ๆ สามารถเข้าใช้ประโยชน์และมีที่ดินทำกินอย่างถูกต้องนั้น เนื่องจากได้รับทราบจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติว่าปัจจุบันแผนที่อาณาเขตที่ดินของประเทศไทยในหลายพื้นที่ยังขาดความชัดเจน
ทำให้ไม่มีมาตรฐานในการนำไปใช้อ้างอิงและใช้ประโยชนในทางราชการต่าง ๆ
ได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการนำส่งข้อมูลต่าง
ๆ เกี่ยวกับที่ดินที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วนโดยด่วนเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการบูรณาการปรับปรุงแผนที่
One Map ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๘ นี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2374 | ผลการประชุม Bridging The Gap : Thailand's Path to Inclusive Prosperity | นร.14 | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Bridging The Gap : Thailand’s Path to Inclusive Prosperity เพื่อเผยแพร่รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
ปี ๒๕๖๕ รายงานการลดช่องว่าง : ความเหลื่อมล้ำและการจ้างงานในประเทศไทย และมุมมองปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
จากตัวแทนสถาบันการศึกษา ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานเกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่า ควรผลักดันข้อเสนอแนะเชิงนโยบายฯ
ทั้ง ๓ ระยะ (ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว) ไปสู่การปฏิบัติ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ทั้งภาครัฐ (ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น) ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นองค์รวมได้อย่างตรงจุด
กลุ่มเป้าหมายสามารถหลุดพ้นจากความยากจนที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างแท้จริง
และควรมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลประชาชน และการให้บริการของภาครัฐ
จากทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการใช้บริการจากภาครัฐ
เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น และคำนึงถึงการป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2375 | การเร่งรัดดำเนินการปรับผังเมืองและการกำหนดเขตท้องที่ (Zoning) | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาทบทวนการวางผังเมืองในจังหวัดต่าง
ๆ (รวมทั้งกรุงเทพมหานครให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการขยายตัวของเมือง
รวมถึงให้พิจารณาดำเนินการเพื่อยกระดับเมืองรองต่าง ๆ ให้มีความพร้อมรองรับการขยายตัวของเมืองและการลงทุนในพื้นที่ด้วย
นั้น เพื่อให้การวางผังเมืองและการกำหนดเขตท้องที่ (Zoning) ในจังหวัดต่าง ๆ
มีความสอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปและรองรับมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยส่งเสริมและดึงดูดให้เกิดการลงทุนทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จโดยด่วน
โดยให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญและความเป็นไปได้ในการปรับผังเมืองในจังหวัดหลักต่าง
ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เหมาะสม เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2376 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเคมีรั่วไหล | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลอยู่บ่อยครั้ง
เช่น เหตุการณ์ในจังหวัดระยองและพระนครศรีอยุธยา
ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างครบวงจรอีกทั้งยังขาดมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมสถานการณ์และผลกระทบต่าง
ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชนและสังคมโดยรวม
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดและกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีกให้ชัดเจน
เป็นระบบ และเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเช่น การจัดการ การทำลาย
และการเคลื่อนย้ายสารเคมีตามมาตรฐานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(Environmental Impact Assessment : EIA) เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการโรงงานหรือผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดและเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2377 | การเร่งรัดกำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง (Direct PPA) | นร.04 | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗)
มอบหมายให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง
(Direct Power Purchase
Agreement: Direct PPA ) ให้ชัดเจนก่อนสิ้นปี
๒๕๖๗ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป นั้น เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมรองรับและดึงดูดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลกที่รัฐบาลได้เชิญชวนไว้และสนใจเข้ามาลงทุนในด้าน
Data Center จึงขอให้กระทรวงพลังงานเร่งหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในเรื่องดังกล่าวให้เหมาะสมและชัดเจนโดยเร็ว
แล้วนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
ให้ทันการประชุมในคราวต่อไปที่ได้กำหนดไว้ในวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ ทั้งนี้
หากไม่สามารถพิจารณากำหนดมาตรการดังกล่าวทั้งระบบได้ทันตามกำหนดเวลาข้างต้น
ก็ให้พิจารณากำหนดเป็นมาตรการนำร่อง (Sandbox) แล้วนำเสนอ
กพช. พิจารณา เพื่อทดลองใช้ดำเนินการเป็นกรณี ๆ ไป ตามความจำเป็นเหมาะสมก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2378 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
เป็นจำนวน ไม่เกิน ๓,๗๕๒,๗๐๐ ล้านบาท
เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณได้มีกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2379 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๗๒ คน
(เท่ากับจำนวนที่มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๗)
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร
เจริญศรี) ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานในรายละเอียดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2380 | การผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลก | นร. | 11/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จังหวัดน่านเป็นจังหวัดในภาคเหนือที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง รวมถึงในอดีตถือเป็นเมืองคู่แฝดกับเมืองหลวงพระบาง
ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดังนั้น
หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดน่าน - หลวงพระบางให้เป็นเมืองคู่แฝดมรดกโลก
ก็จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นได้ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
กระทรวงวัฒนธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสนับสนุนและผลักดันให้จังหวัดน่านเป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจังหวัดน่านให้มีความสะดวก
ปลอดภัย และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการขยายสนามบินและขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการของสนามบินจังหวัดน่านให้สามารถให้บริการในช่วงเวลากลางคืนด้วย
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้นต่อไป
|