ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 112 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2221 - 2240 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2221 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง กรณีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการชันสูตรพลิกศพ | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
รวมทั้งข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง
กรณีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอันเกี่ยวเนื่องกับกระบวนการชันสูตรพลิกศพ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป ซึ่งมีผลการพิจารณาสรุปในภาพรวมได้
ดังนี้ ๑. มาตรการระยะสั้น ๑.๑ การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการตรวจพิสูจน์ซ้ำ
ให้ยืดถือตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาประกอบกับประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี
ลักษณะ ๑๐ การชันสูตรพลิกศพ บทที่ ๑ อำนาจและหน้าที่ในการชันสูตรพลิกศพ ข้อ ๖
และประกาศราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย (ที่ประชุมเสนอให้แพทยสภาออกประกาศเป็นข้อบังคับแพทยสภา)
เพื่อใช้บังคับให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ๑.๒
การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการขนส่งศพ เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ให้แต่งตั้งคณะทำงาน
เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้านงบประมาณของงานนิติเวชร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. มาตรการระยะยาว เป็นการแก้ไขปัญหาด้านบุคลากรและอัตราค่าตอบแทนของแพทย์นิติเวช
ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาทบทวนปรับอัตราค่าตอบแทนตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทน
หรือค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พัก ของแพทย์และเจ้าหนักงานผู้ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ
ตามประมาลาลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๐ พ.ศ.๒๕๖๑ ให้กระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะทำงาน
เพื่อการขับเคลื่อนด้านบุคลากร งบประมาณ การจัดทำ MOU
ร่วมกับสถาบันทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการบูรณาการปฏิบัติงานของแพทย์นิติเวชประจำครอบคลุมทุกพื้นที่
โดยให้มีการส่งต่อเครือข่ายบริการให้คำปรึกษาและส่งต่องานนิติเวชทั้งหน่วยงานภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข ๓. การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ให้ปรับปรุงเฉพาะในส่วนของประมวลกฎหมายตามวิธีพิจารณาความอาญาในอำนาจการชี้ขาดการส่งศพเพื่อชันสูตร
ควรเป็นของแพทย์ไม่ใช่พนักงานสอบสวน ประเด็นการเก็บรักษาศพ การทำลายศพอาจออกเป็นระเบียบ
และในประเด็นอื่น ๆ มีกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันครอบคลุมแล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||
2222 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ 7 ชั้น 96 ห้อง พื้นที่ใช้สอย 3,908 ตารางเมตร โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว จำนวน 2 หลัง | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
จังหวัดสระแก้ว ก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ ๗ ชั้น ๙๖ ห้อง พื้นที่ใช้สอย ๓,๙๐๘ ตารางเมตร โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
จังหวัดสระแก้ว จำนวน ๒ หลัง ในวงเงิน ๑๔๗,๕๕๐,๑๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าควรปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและดำเนินกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญสำคัญด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2223 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารจอดรถ 10 ชั้น พื้นที่อาคาร 16,603 ตารางเมตร โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน 1 หลัง | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลนครปฐม
จังหวัดนครปฐม ก่อสร้างอาคารจอดรถ ๑๐ ชั้น พื้นที่อาคาร ๑๖,๖๐๓ ตารางเมตร โรงพยาบาลนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน
๑ หลัง วงเงิน ๑๑๘,๑๔๑,๖๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||
2224 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายอดิศร เพียงเกษ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) | ปสส. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายอดิศร เพียงเกษ กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2225 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ 8 กรกฎาคม 2567 | ปสส. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กรกฎาคม
๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2226 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐวุฒิ บัวประทุม กับคณะ เป็นผู้เสนอ) | ปสส. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายณัฐวุฒิ บัวประทุม กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2227 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 3/2567 | นร.08 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง
อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา
ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๒.๑
เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒
รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ รวม
๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2228 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... | สธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
พ.ศ. ๒๕๓๕ และกำหนดส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ และสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการแจ้งและการออกใบรับรองและใบแทนใบรับรอง
รวมถึงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบรับรองและใบแทนใบรับรองและค่าใช้จ่ายที่ผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรศึกษาปริมาณการใช้ส่วนประกอบที่เหมาะสมไม่ให้เป็นกลิ่นหรือรสที่เด่นกว่าธรรมชาติของยาสูบ
(Characterizing Flavor) เพื่อลดการจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ควรมีการหารือกับผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ และชาวไร่ผู้ปลูกยาสูบ
เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาในการบังคับได้อย่างเหมาะสม
เนื่องจากต้องมีระยะเวลาในการปรับตัว เช่น กรณีศึกษาของสหภาพยุโรปที่ใช้ระยะเวลา ๖
ปี หลังการบังคับใช้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรมีการศึกษาผลกระทบและรับฟังความเห็นจากแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง
(Stakeholder) อย่างรอบด้าน
เพื่อให้การกำหนดมาตรการต่าง ๆ ตามกฎหมายสอดคล้องกับแนวทางและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการพิจารณาเกี่ยวกับการยกเว้นเมนทอลขอให้พิจารณาในส่วนที่เกี่ยวกับสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติและหรือกลิ่นของเมนทอลและชะเอมด้วย
นอกจากนี้ ถ้อยคำที่ว่า “... หรือสารอื่นใดที่ทำให้เกิดรสชาติหรือกลิ่นอันอาจจูงใจหรือดึงดูดให้บริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบหรืออาจทำให้การบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบง่ายขึ้น
....”
อาจทำให้เกิดปัญหาในการตีความและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2229 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามแนวทางการประเมิน Business Ready (B-READY) ของธนาคารโลก | นร.12 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามแนวทางการประเมิน Business Ready (B - READY) ของธนาคารโลก
และการมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้านเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน
B - READY ของธนาคารโลก โดย ๑) ได้ประกาศแนวทางการประเมิน
เพื่อใช้ทดแทนการประเมินเพื่อจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing
Business) เดิม ๒)
แนวทางการดำเนินการของภาครัฐเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน B-READY ทั้งในภาพรวมและการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร. และ ๓)
ประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปรายด้านเพื่อปรับปรุงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจและการลงทุนให้พร้อมสำหรับการประเมิน
B-READY รวมทั้งการมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้าน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานป้องกันและปราบปราบปรามการฟอกเงิน
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรมีการบูรณาการความร่วมมือด้านการเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน
B-Ready ของธนาคารโลก
ตลอดจนการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อรับทราบประเด็นปัญหา
และสนับสนุนกระบวนการขจัดอุปสรรคของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและสนับสนุนแนวทางการประเมินดังกล่าวเป็นระยะต่อไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นว่าประเด็นบริการด้านสาธารณูปโภคที่มีการกำหนดในเรื่องของการทบทวนการกำหนดอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ต
ควรเพิ่มเติมหรือประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลในเรื่องของกำหนดโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมและโครงสร้างอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ตให้เป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านบริการสาธารณูปโภค
(Utility Service) เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อให้ข้อมูลมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
2230 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 | มท. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ใช้จ่ายงบประมาณในวงเงิน ๑,๙๓๙,๗๕๐,๐๐๐บาท โดยใช้แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับค่าไฟฟ้าเดือนมกราคมถึงเมษายน
๒๕๖๗
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยเป็นกรอบวงเงินของการไฟฟ้านครหลวง
จำนวน ๓๕๖,๓๐๐,๐๐๐ บาท และเป็นกรอบวงเงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
จำนวน ๑,๕๘๓,๔๕๐,๐๐๐
บาท
โดยให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเบิกจ่ายเงินจากสำนักงบประมาณต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2231 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ (พ.ศ. 2567-2570) | นร.12 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ
(พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาระบบราชการของไทย
โดยมุ่งเน้นการเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่มีความทันสมัย
พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานภาครัฐ และยกระดับการให้บริการประชาชน
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑) วิสัยทัศน์ “ภาครัฐที่ทันสมัย น่าเชื่อถือ
มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน” และมีเป้าหมายสู่การเป็น “รัฐที่ล้ำหน้าและรัฐที่เปิดกว้าง”
๒) ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ จำนวน ๓ ยุทธศาสตร์
ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์การยกระดับบริการภาครัฐโดยยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง
(๒) ยุทธศาสตร์การลดบทบาทภาครัฐและเปิดการมีส่วนร่วมกับภาคส่วนอื่น และ (๓)
ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนผลิตภาพภาครัฐด้วยนวัตกรรมและดิจิทัล ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการาชการเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรับความเห็น ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงาน ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) ไปพิจารณาประกอบการปรับปรุงแก้ไข (ร่าง)
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น
ก่อนให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินภารกิจของหน่วยงานต่อไป
เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นควรมีการวางระบบติดตามและประเมินผล เพื่อเป็นเครื่องมือในการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานตามกลยุทธ์และแผนยุทธศาสตร์อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะ (Skill) และการปรับกระบวนการทางความคิด (Mindset) ของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานให้มีความพร้อม
สามารถรองรับกระบวนการทำงานในรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการทบทวนและปรับปรุงกฎหมาย
กฎ และระเบียบ ให้มีความทันสมัย
และไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานและการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล กระทรวงพลังงาน เห็นควรมีการกำหนดบทบาทและขอบเขตการดำเนินงานของแต่ละหน่วยงานที่ชัดเจน
เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินงาน
เกิดการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ
อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
2232 | การผลิตบุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล และการสาธารณสุขให้เพียงพอ | นร. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในระยะที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้มีการก่อสร้างและขยายสถานพยาบาลของรัฐเพิ่มขึ้นหลายแห่งเพื่อยกระดับและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้มีความทันสมัยตามหลักสากลและขยายเตียงการให้บริการและรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันสถานการณ์กำลังคนด้านสาธารณสุขยังเป็นปัญหาสำคัญของระบบสุขภาพของประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจำนวนไม่เพียงพอ นอกจากนี้
บุคลากรในด้านนี้บางส่วนยังเลือกเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งหากสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมและรวดเร็วเพียงพอจะทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาและขีดจำกัดในการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล
และการสาธารณสุขเพิ่มเติมให้มีจำนวนเพียงพอ เหมาะสม
สอดรับกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขและสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอแนวทางการดำเนินการ
ตลอดจนบัญหาอุปสรรคในการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2233 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2570 | อว. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐ จำนวน ๑๓๐ อัตรา
สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าว ให้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังพิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจหลักอย่างประหยัดและคุ้มค่า
และคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่าย โดยเฉพาะรายได้หรือเงินนอกงบประมาณอื่นใดที่สถาบันมีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้เป็นลำดับแรก
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน ก.พ. และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงาน ก.พ. เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลังตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
กำหนดไว้ในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐)
ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ ด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรกำหนดแนวทางการสรรหาผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับการจัดบริการดังกล่าวที่เป็นรูปธรรม
เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
2234 | โครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม ปีงบประมาณ พุทธศักราช 2568 - 2570 | กห. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหมปีงบประมาณ พุทธศักราช ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ โดยผู้ลาออกได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่โครงการกำหนด
รวมทั้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการโครงการดังกล่าว
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ยกเว้นในส่วนของการขอให้ข้าราชการทหารผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับสิทธิประโยชน์โดยไม่ต้องชดใช้เงินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ได้รับตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย
พ.ศ. ๒๕๓๕ กับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปกติคืนให้แก่ทางราชการ
ซึ่งไม่สามารถกระทำได้ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จะจ่ายให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ
ในปีงบประมาณพ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรดำเนินงานตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ
ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดและครบถ้วน รวมทั้งให้ความสำคัญในขั้นตอนการพิจารณาคุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อให้ได้ผู้เข้าร่วมโครงการที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดไว้
โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินภารกิจสำคัญของหน่วยงาน และควรกำหนดแนวทางในการพัฒนาศักยภาพกำลังพลให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพิ่มขึ้น
เพื่อคงขีดความสามารถของกองทัพ ให้เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ
ได้อย่างสอดคล้องกับบทบาทและภารกิจของประเทศในอนาคต สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรมีแนวทางหรือมาตรการควบคู่กับโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดฯ
เพื่อปรับลดกำลังพลลงให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนปฏิรูปการบริหารจัดการกำลังพลของกระทรวงกลาโหม
ที่มุ่งสู่การเป็นกองทัพที่กะทัดรัด ทันสมัย และมีการบริหารจัดการกำลังพลที่มีประสิทธิภาพ และควรมีแผนการเตรียมความพร้อมหรือแผนการรองรับผลกระทบกรณีกำลังพลคุณภาพเข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด
โดยอาจมีแนวทางการรวบรวมองค์ความรู้หรือความเชี่ยวชาญที่อาจกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลมาพัฒนาให้เป็นระบบเพื่อให้กำลังพลที่อยู่ในหน่วยงานสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||
2235 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร.01 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ คณะ ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องและเงินยังชีพรายเดือนแก่บุตรเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง
การรักษาความสงบเรียบร้อย และการปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ
ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีหน้าที่และอำนาจตามเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ และให้ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ ๒. ผู้แทนกระทรวงกลาโหม กรรมการ ๓. ผู้แทนกระทรวงการคลัง กรรมการ ๔. ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคม กรรมการ และความมั่นคงของมนุษย์ ๕. ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๖. ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ ๗. ผู้แทนสำนักงบประมาณ กรรมการ ๘. ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย กรรมการ ๙. ผู้แทนกองทัพบก กรรมการ ๑๐. ผู้แทนกองทัพเรือ กรรมการ ๑๑. ผู้แทนกองทัพอากาศ กรรมการ ๑๒. ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรรมการ ๑๓. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน กรรมการ และปราบปรามยาเสพติด ๑๔. ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคง กรรมการ ภายในราชอาณาจักร ๑๕. ผู้แทนกรมบัญชีกลาง กรรมการ ๑๖. ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ กรรมการและเลขานุการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑๗. เจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2236 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์) | กค. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2237 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา) | วธ. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง) สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิชาการละครและดนตรี (โขน ละคร และดนตรี)
(นักวิชาการละครและดนตรีทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2238 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด (นางสาวณัฐนิชา จงรักษ์ และนายธนันท์วรุฒน์ ลิ้มทรงพรต) | มท. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การตลาดมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
ตามมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติมและแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
จำนวน ๑ คน และแต่งตั้งเพิ่มเติม จำนวน ๑ คน รวม ๒ คน
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้ง ราย นางสาวณัฐนิชา จงรักษ์ อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวณัฐนิชา จงรักษ์ แทน
รองศาสตราจารย์ชัยวัฒน์ อุตตมากร ๒. นายธนันท์วรุตม์ ลิ้มทรงพรต
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2239 | การแต่งตั้งสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก (นายวิทิต มันตาภรณ์) | กต. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทิต มันตาภรณ์
เป็นสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก สืบต่อไปอีกวาระหนึ่ง
โดยมีวาระดำรงตำแหน่ง ๖ ปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2240 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวรุจิกร แสงจันทร์) | กต. | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวรุจิกร แสงจันทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|