ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 113 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 2241 - 2260 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2241 | ข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. .... | นร.07 | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ พ.ศ. .... และเห็นชอบข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ พ.ศ.
เพื่อสำนักงบประมาณจะได้ดำเนินการจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ พ.ศ. .... และเอกสารประกอบงบประมาณเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้
ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสอดคล้องกับนัยมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างถูกต้องและอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง
และในระยะต่อไป ควรให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งและเสถียรภาพทางการคลังผ่านการลดการขาดดุลงบประมาณ
การจัดสรรงบประมาณชำระหนี้ให้สอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้และดอกเบี้ย
ตลอดจนการบริหารจัดการหนี้สาธารณะที่เหมาะสมเพื่อให้มีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอต่อการรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรพิจารณาจัดการกับความเสี่ยงทางการคลังที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าควบคู่ไปด้วย
อาทิ ควรให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้รัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2242 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวิเชียร สุขสร้อย) | วธ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิเชียร สุขสร้อย
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้น ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2243 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพลัฎฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ และ จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ) | พณ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายสุชาติ ชมกลิ่น)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2244 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2567 | นร.11 สศช | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอเพิ่มเติมว่า
เพื่อให้การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง
เพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสุขภาพสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน
จึงขอแก้ไขข้อเสนอเกี่ยวกับระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการดังกล่าว จากเดิม “สิ้นสุดเดือนเมษายน
๒๕๖๗” เป็น “สิ้นสุดเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗” ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติอนุมัติ
เห็นชอบ และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอและที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย กระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการในการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดเพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
มีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังภายใน ๓
เดือนนับจากวันที่สิ้นสุดการดำเนินโครงการพัฒนาวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง
ที่ได้รับอนุมัติให้ขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถรวบรวมข้อมูลและนำส่งเงินกู้เหลือจ่ายคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
รวมทั้งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2245 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 | นร.11 สศช | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑
และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ในส่วนของเรื่องการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำลำเชียงไกร (ตอนบน) จังหวัดนครราชสีมา เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก
เนื่องจากภูมิประเทศมีลักษณะเป็นที่ราบสูงลาดเอียงไปทางตอนเหนือของจังหวัดและไม่มีหุบเขาหรือพื้นที่รองรับน้ำ
ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ได้ แต่หากสร้างเป็นอาคารบังคับน้ำและมีระบบระบายน้ำเป็นช่วง
ๆ จากลุ่มน้ำลำเชียงไกร (ตอนบน) ไปจนถึงลุ่มน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง)
ก็จะทำให้กักเก็บน้ำได้ในฤดูแล้งและสามารถระบายน้ำได้ในฤดูน้ำหลาก ดังนั้น
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องนี้ไปประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งให้ครอบคลุมไปถึงกรณีอื่น
ๆ ที่มีอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีคลองส่งน้ำ/ระบบระบายน้ำที่เหมาะสมและเพียงพอด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2246 | แนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ดังนี้ ๑) แนวทางการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
ด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อขายสำหรับร้าน Duty
Free ขาเข้าของผู้ประกอบการ และ ๒)
ผลประโยชน์และผลกระทบของการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อขายสำหรับร้าน
Duty Free ขาเข้าที่กระทรวงการคลังได้ศึกษาไว้ในเบื้องต้น
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการติดตามและประเมินผลของการหยุดการดำเนินการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรด้านคลังสินค้าทัณฑ์บน
เพื่อขายสำหรับร้าน Duty Free ขาเข้าอย่างใกล้ชิดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2247 | การแก้ไขปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ | นร. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการลงพื้นที่ตรวจราชการในหลายจังหวัด
พบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการปศุสัตว์สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีศักยภาพในการผลิตเนื้อโคในหลายระดับราคา
แต่ยังขาดการสนับสนุนด้านการตลาดในการจำหน่ายสินค้าให้กว้างขวางและได้รับผลกำไรมากยิ่งขึ้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์)
เร่งดำเนินการยกระดับการผลิตเนื้อโคให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการพัฒนาสายพันธุ์ การพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน และการมีโรงฆ่าสัตว์ที่ถูกหลักอนามัยและมีจำนวนเพียงพอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ
รวมทั้งเร่งการเจรจาเปิดตลาดเนื้อโคกับต่างประเทศเพื่อให้สามารถส่งออกเนื้อโคไปยังประเทศต่าง
ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐประชาชนจีน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2248 | มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและความเห็นในภาพรวมของข้อเสนอแนะตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย
โดยมีสาระสำคัญครอบคลุม ๑๑ ประเด็น ตามข้อเสนอแนะตามมาตรการฯ แบ่งเป็น ๑)
ประเด็นที่หน่วยงานต้องดำเนินการต่อ ๕ ประเด็น เช่น การดำเนินนโยบายที่อาจมีอุปสรรค
หากในอนาคตประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกความตกลงการค้าระหว่างประเทศ
ปัญหานวัตกรรมไทยไม่มีความชัดเจน ๒) ไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณา ๕ ประเด็น เช่น คุณสมบัติของผู้ขายผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติของผู้เสนอราคากับหน่วยงานของรัฐ
ผู้ประกอบการไม่แสดงข้อมูลโครงสร้างราคาต้นทุนของผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทย และ
๓) ประเด็นที่ควรเน้นให้ดำเนินการ ๑ ประเด็น ได้แก่
การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2249 | ขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม | ทส. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่นว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ
มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างอำนวยความสะดวกและพัฒนาความร่วมมือซึ่งกันและกันในสาขาสิ่งแวดล้อมและบันทึกความร่วมมือฯ
ฉบับนี้ ไม่ใช่สนธิสัญญาและไม่ก่อให้เกิดสิทธิหรือข้อผูกมัดใด ๆ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรรรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2250 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2565 - 30 กันยายน 2566 | สกมช. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในห้วงวันที่
๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ได้แก่ ๑)
สถิติเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๘๐๘ เหตุการณ์
โดยมีการโจมตีด้วยการแฮ็กเว็บไซต์(Hacked Website) มากที่สุดถึง ๑,๐๕๖ เหตุการณ์ ๒) ประเภทของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
(ศปช.) รวม ๑,๘๐๘ เหตุการณ์ ได้แก่ หน่วยงานของรัฐ ๑,๓๐๙ เหตุการณ์ หน่วยงานเอกชน ๒๔๗ เหตุการณ์ หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ
๒๐๒ เหตุการณ์ และหน่วยงานควบคุมและกำกับดูแล ๕o เหตุการณ์ ๓)
ผลการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนหน่วยงานในการช่วยแก้ไขและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
เช่น การแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ๗๑ รายงาน การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารภัยคุกคามทางไซเบอร์
๔๔๗ รายงาน และการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ๓๘ ครั้ง
เป็นต้น ๔) ผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ เช่น กรณีข้อมูลประชาชนรั่วไหล ศปช.
ได้ตรวจพบการประกาศขายข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนในประเทศไทยที่หน้าเว็บไชต์สาธารณะจากเหตุการณ์ดังกล่าว
กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการสืบสวน
โดยร่วมกับ ศปช. จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิด ๕)
ข้อแนะนำการปฏิบัติเพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัย เช่น ติดตั้ง Flrewal ติดตั้งซอฟแวร์ป้องกันมัลแวร์
การใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัยฝึกอบรมให้ความรู้กับผู้ดูแลระบบเพื่อให้เข้าถึงภัยคุกคามต่าง
ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง และ ๖)
แนวโน้มสถานการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในปี ๒๕๖๗ ซึ่งมีแนวโน้มว่าการโจมตีแบบ Hacked
Website ยังคงเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีโอกาสพบเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากโปรแกรมจัดการเว็บไซต์รวมถึงคำสั่งและรหัสในโปรแกรมที่ใช้พัฒนาเว็บไซต์ที่ล้าสมัย
และผู้ดูแลหน้าเว็บไซต์ไม่ได้พัฒนาหรืออัปเดตในส่วนของระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัย
และสำหรับการโจมตีแบบมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย
ๆ และในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการโจมตีเป็นรูปแบบบริการเรียกว่า “Lock
Bit 3.0” ซึ่งเป็น Ransomware ที่ให้บริการในลักษณะ
Ransomware as a Service (RaaS) โดยนักพัฒนาจะปรับแต่ง Ransomware
ตามความต้องการของผู้โจมตีที่จะนำไปใช้ ตามที่คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2251 | ขออนุมัติดำเนินโครงการรายจ่ายลงทุนเพื่อใช้จ่ายเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (โครงการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินงานโครงการรายจ่ายลงทุนเพื่อใช้จ่ายเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
(โครงการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข)
ทั้ง ๕ โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี โรงพยาบาลมะการักษ์
จังหวัดกาญจนบุรี และโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
ภายใต้กรอบวงเงินรวม ๘,๕๑๐,๐๘๐,๙๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ตามแผนบริหารหนี้สาธารณะ โดยอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังทำความตกลงกับแหล่งเงินกู้
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๘/๘๗๓
ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการเบิกจ่ายเงินทั้งในส่วนของเงินกู้ต่างประเทศและเงินงบประมาณสมทบ
เงินกู้ในแต่ละปีส่งให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ เห็นว่าหากโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นต้องก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เห็นว่าควรมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดทำประมาณการผลกระทบงบประมาณในด้านการให้บริการสาธารณสุขที่จะเกิดขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2252 | โครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2572 | กษ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประมูลสิทธิ์จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๗๒ อนุมัติองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดนครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๗๒ ตามที่เสนอ และเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณารายละเอียดเอกสารสัญญา ให้มีความรอบคอบ รัดกุม
และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุน และผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการใด ๆ
ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2253 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 และวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2567 | นร.11 สศช | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๑.๑
รับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
๑ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๗
และวันจันทร์ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัด
จำนวน ๑๖ โครงการ กรอบวงเงิน ๒๔๙,๐๐๔,๖๐๐ บาท
โดยให้กลุ่มจังหวัดและจังหวัดขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดตามขั้นตอนต่อไป ๑.๓
เห็นชอบในหลักการของโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน (กรอ.กลุ่มจังหวัด) จำนวน ๘
โครงการ กรอบวงเงิน ๒๔๗,๑๕๓,๔๐๐ บาท
โดยให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำข้อเสนอโครงการ
โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบคอบ
รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดตามขั้นตอนต่อไป ๑.๔
มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน
(กรอ.กลุ่มจังหวัด) ในส่วนที่เหลือ จำนวน ๘๔ โครงการ
เพื่อบรรจุไว้ในแผนการปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๕ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติการประชุมหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
กับผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
๑ (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) เมื่อวันจันทร์ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ
ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ชั้น ๔ จังหวัดนครราชสีมา
ไปพิจารณาเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๑.๖
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อ ๑.๒-๑.๕
และรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้จังหวัด กลุ่มจังหวัด
และหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอให้จังหวัด
กลุ่มจังหวัด และหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องนำโครงการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด
หรือแผนการปฏิบัติราชการประจำปีแล้วแต่กรณี
และเร่งดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการและประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ในส่วนของข้อเสนอเกี่ยวกับการยกระดับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพ
(Wellness and Medical Hub) ของจังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
นั้น ขอมอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับไปประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2254 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 2 | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ครั้งที่ ๒
ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๗ โดยมีรายละเอียดของการปรับปรุงแผนฯ ในครั้งนี้
เช่น ๑) การปรับเพิ่มวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
(เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน) จำนวน ๒๖๙,๐๐๐ ล้านบาท ๒)
การปรับเพิ่มวงเงินปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘-๒๕๗๑ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และ ๓)
การปรับเพิ่มวงเงินแผนการชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
จำนวน ๒๙,๒๐๐ ล้านบาท เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ
ทั้งนี้ ในส่วนการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย
และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่รัฐบาลรับภาระ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง
ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๓
ซึ่งกำหนดให้สัดส่วนงบประมาณเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐซึ่งรัฐบาลรับภาระ
ต้องตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละสองจุดห้าแต่ไม่เกินร้อยละสี่ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
รวมทั้งพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน ประมาณการรายรับ ฐานะทางการคลังของประเทศ
และภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายในด้านต่าง ๆ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า
และเกิดประสิทธิผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2255 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ 1 กรกฎาคม 2567 | ปสส. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2256 | ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กับคณะ เป็นผู้เสนอ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ 1 กรกฎาคม 2567) | ปสส. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐
วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2257 | การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซาก | นร. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
หลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้มักประสบกับปัญหาน้ำท่วม
น้ำแล้งช้ำซาก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนเสียหายทั้งแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน ๗,๖๐๖.๔๙๗๒ ล้านบาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๗ และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้งปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ ไปแล้ว
จึงขอเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) เร่งรัดการดำเนินโครงการในความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากให้หมดไป
ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงสภาพปัญหา ความเร่งด่วน และสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ประกอบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2258 | การแก้ไขปัญหายาเสพติด | นร. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วนและสำคัญของรัฐบาล
เนื่องจากการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานถือเป็นปัญหาที่บ่อนทำลายกำลังสำคัญของชาติ
ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง
ๆ มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังได้รับทราบผลสำเร็จ
จุดเด่น และจุดด้อยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในหลายจังหวัด
จึงขอมอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบและบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินการกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด)
หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนในพื้นที่ ดังนี้ ๑. ดำเนินการลาดตระเวนตรวจตรา (X-ray) ทุกพื้นที่ในความรับผิดชอบและระดมกำลังตรวจปัสสาวะกลุ่มเสี่ยงเป็นผู้เสพยาเสพติดทุกคนที่มีอายุ
๑๖ ปีขึ้นไปในทุกหมู่บ้านให้ครบถ้วน ๒.
แยกผู้เสพยาเสพติดที่ตรวจพบเพื่อเข้ารับการบำบัดรักษา
โดยให้กระทรวงสาธารณสุขจัดกลุ่มผู้เสพยาเสพติดตามระดับความรุนแรง
เพื่อเข้ารับการบำบัดรักษา และส่งคืนชุมชนเมื่อมีความพร้อม ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาสถานที่บำบัดรักษาให้เพียงพอ
รวมทั้งให้มั่นใจว่าผู้รับการบำบัดดังกล่าวจะไม่กลับไปเสพยาเสพติดอีก ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายผลการจับกุมผู้จำหน่ายยาเสพติดและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
อันเป็นการตัดอุปทานยาเสพติดออกจากระบบ ๔. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการฝึกอาชีพและจัดหางานให้กับผู้รับการบำบัดที่กลับสู่ชุมชน
เพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและป้องกันไม่ให้ผู้รับการบำบัดกลับไปเสพยาเสพติดอีก
อันจะเป็นการตัดอุปสงค์ยาเสพติดออกจากระบบ ๕. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำมาตรการสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนเสพยาเสพติด
รวมทั้งให้สถานศึกษาร่วมกันปลูกฝังค่านิยมใหม่ “เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด”
เพื่อป้องกันการเกิดผู้เสพใหม่ ๖. ให้กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ (เสนาธิการ)
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ท้าทาย รวมทั้งกำหนดมาตรการที่เหมาะสมให้กับจังหวัด
ตลอดจนให้การสนับสนุน ประสานงาน และทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้การดำเนินงานของหน่วยงานต่าง
ๆ ดังกล่าวข้างต้นบรรลุผลเป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งนี้
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2259 | การเร่งรัดและผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล | นร. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การผลักดันการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนและการบริหารงานราชการให้ทันสมัยสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
ขอมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งกำหนดแนวทางการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน
รวมทั้งกำหนดเป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงาน (KPI) โดยดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับไปปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เช่น การบริการของหน่วยบริการสาธารณสุข การแจ้งจดทะเบียน การขออนุมัติ อนุญาตต่าง
ๆ ทั้งนี้ ให้ผลักดันให้มีการจัดฝึกอบรมและเพิ่มทักษะทางดิจิทัลให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับเพื่อให้สามารถเรียนรู้และใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2260 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ) | กค. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เนื่องจากประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|