ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 113 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 2241 - 2260 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2241 | การจัดตั้งศูนย์บัญชาการระดับชาติเพื่อการป้องกัน แก้ไขปัญหาอุทกภัยและให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย | นร. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการระดับชาติเพื่อการป้องกัน
แก้ไขปัญหาอุทกภัยและให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยขึ้น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการศูนย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ร่วมเป็นองค์ประกอบของศูนย์บัญชาการดังกล่าวด้วย ๒.
ในส่วนของแหล่งเงินค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา
การช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจในการพิจารณา สั่งการ ประสานงาน
และบูรณาการการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของศูนย์บัญชาการตามข้อ ๑
ให้ศูนย์บัญชาการดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2242 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567) | ปสส. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รับร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เรืออากาศโท ธนเดช เพ็งสุข กับคณะ เป็นผู้เสนอ)
ไปพิจารณาก่อนรับหลักการภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2243 | แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติในระหว่างที่รอคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่ | นร. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาเห็นว่า เพื่อให้กระบวนการในการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการระหว่างรอคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้ารับหน้าที่
เป็นไปด้วยความถูกต้องเหมาะสม
จึงมีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในขั้นตอนต่าง
ๆ เป็น ๔ กระบวนการ ดังนี้ ๑.
ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติขอรับมาพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการ
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรประสานสภาผู้แทนราษฎรเลื่อนการบรรจุระเบียบวาระออกไปก่อนเพื่อรอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ๒. ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ และอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ให้รอเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ๓. ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อนวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว
ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไปได้ ๔.
ร่างพระราชบัญญัติที่กำลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการให้รอไว้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2244 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 600.35 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง | คค. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๖๐๐.๓๕
ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด |
||||||||||||||||||||||||||||||
2245 | ร่างกรอบความร่วมมือด้านการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT) | กค. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการจัดทำร่างกรอบความร่วมมือด้านการศุลกากร
การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย
อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ที่จะมีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมลงนามในร่างกรอบความร่วมมือฯ ในการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๓๐ ภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในดือนกันยายน
๒๕๖๗ ณ รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจทำให้เกิดการริเริ่มการดำเนินการด้านในระดับอนุภูมิภาคและการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน
เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลัง
จำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลประสิทธิภาพของการดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือด้านการศุลกากร
การตรวจคนเข้าเมือง และการกักกันดังกล่าว
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2246 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย | กก. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๔๔,๖๕๒,๘๘๗.๘๔ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาการจัดทำชุดสิทธิประโยชน์สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยให้เป็นที่ยุติ
และสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มการเติบโตของการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ
เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดและมีมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่แข่งขันได้กับประเทศอื่นทั่วโลก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2247 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กษ. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมประมงก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๙,๙๑๗,๙๘๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระค่าสาธารณูปโภคค้างเบิกข้ามปี
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2248 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567) | ปสส. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2249 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. นายสมคิด เชื้้อคง ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.04 | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมคิด เชื้อคง ๒. นางสาวธีราภา ไพโรหกุล ๓. นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2250 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย (นายณภัทร จงรัตนากุล) | กต. | 27/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่ของ นายประสงค์
จงรัตนากุล กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลัตเวียประจำประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ ๔
ตุลาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2251 | แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร.04 | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๘๕/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) โดยมีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ
เป็นประธานกรรมการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2252 | หนังสือสัญญาการรับทุนพัฒนางานด้านภูมิอากาศจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit: GIZ) | ดศ. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมถอนเรื่องนี้คืนไป
เพื่อพิจารณาทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2253 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 286/2567 | นร.04 | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๘๖/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2254 | ร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุม The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting | พน. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุม
The 2nd Asia Zero Emission Community (AZEC) Ministerial Meeting และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน)
เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ควบคู่กับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานร่วมกันบนพื้นฐานของแนวทางที่หลากหลายและความสามารถในการปฏิบัติได้จริงตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
โดยเน้นการหารือเชิงนโยบายในการผลักดันเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานร่วมกัน โดยมีแนวทาง
ประกอบด้วย ๑) ส่งเสริมไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ๒) ส่งเสริมตลาดเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน
และ ๓) สร้างอุตสาหกรรมยุคใหม่ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าหากมีประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ให้คำนึงถึงถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||
2255 | ขอความเห็นชอบการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง และปฏิญญาร่วมอาเซียน-ซีมีโอ | ศธ. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญของไทย เช่น ๑)
การพลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัลและการสนับสนุนให้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันและฟื้นฟูการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ในระดับภูมิภาค ๒)
การพลิกโฉมการศึกษาสู่ยุคดิจิทัลเพื่อส่งเสริมให้เด็กกลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงการศึกษาได้
และ ๓) ความร่วมมือด้านการศึกษา ๑๔ สาขา
ภายใต้แผนปฏิบัติการมะนิลาเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามปฏิญญากรุงพนมเปญว่าด้วยข้อริเริ่มด้านการพัฒนาภายใต้การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก
(พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕)
และปฏิญญาร่วมว่าด้วยพื้นที่ร่วมด้านอุดมศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวน ๑
ฉบับ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาระหว่างประเทศ สมาชิกอาเซียนและซีมีโอ
เพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกันของประเทศสมาชิกและคู่เจรจาในการกำหนดทิศทางการพัฒนาด้านการศึกษา
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนให้ความเห็นชอบและรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
จำนวน ๓ ฉบับ และปฏิญญาร่วมฯ จำนวน ๑ ฉบับ ในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรี
ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนให้ความเห็นชอบและรับรองปฏิญญาร่วมฯ
จำนวน ๑ ฉบับ ในการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค)
ครั้งที่ ๕๓ ที่จะจัดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารร่างถ้อยแถลงร่วมฯ และปฏิญญาร่วมฯ รวม
๔ ฉบับ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในเดือนกันยายน ๒๕๖๗
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
และปฏิญญาร่วมฯ รวม ๔ ฉบับ
ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๔๔
ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างเอกสารทั้ง ๔ ฉบับ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ หากร่างเอกสารทั้ง ๔ ฉบับ ยังไม่ใช่ร่างสุดท้าย
(Final agreed text) ในกรณีที่มีการปรับแก้
ขอให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาร่างสุดท้ายของเอกสารดังกล่าวให้มีความเหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทยสามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ระเบียบ และข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนเป็นไปตามพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เห็นว่ากิจกรรมแลกเปลี่ยนนักศึกษา ควรเน้นการเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการ (hard skills) ควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้ที่มีการปฏิบัติจริง
(hands-on) เพื่อให้ผู้เรียนได้เสริมสร้างสมรรถนะที่ต้องการและทักษะแห่งอนาคตที่จำเป็น
(soft skills) ซึ่งสามารถพัฒนาเยาวชนให้มีความพร้อมก่อนเข้าสู่โลกของการทำงานและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและภูมิภาคต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาอาเซียน
ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
และปฏิญญาร่วมว่าด้วยพื้นที่ร่วมด้านอุดมศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
2256 | การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ | นร. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอว่า
การลงทุนของภาครัฐเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้เม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็วซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
(GDP) ได้โดยตรง
ดังนั้น
จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินทั้งในส่วนของเงินงบประมาณรายจ่ายและเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ภายในกรอบระยะเวลาของปีงบประมาณ หรืออย่างช้าสุดภายในสิ้นปี ๒๕๖๗ เพื่อให้ทันรอบระยะเวลาของการคำนวณ
GDP ในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ส่วนราชการที่ได้รับการจัดสรรรายจ่ายลงทุนสูง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ทั้งนี้ ขอให้ความสำคัญกับรายจ่ายลงทุนที่มีผล/เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและการก่อสร้างเป็นลำดับแรกด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2257 | แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. 2567 - 2570 | กษ. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำและให้เป็นวาระแห่งชาติ
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
ดำเนินการตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ
ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อจำกัดขอบเขตการระบาดของปลาหมอคางดำให้ได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๗๐
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอในครั้งนี้ เป็นแผนที่มีระยะเวลาดำเนินการถึงปี พ.ศ.
๒๕๗๐ ดังนั้น ในชั้นนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
จึงเห็นควรพิจารณาจำกัดขนาดของแผนปฏิบัติการฯ
และระยะเวลาการดำเนินการให้สั้นลงเหลือเท่าที่จำเป็นเร่งด่วนก่อน
และเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) เสนอแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๑๔/๔๗๘๐
ลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาดในกิจกรรมที่
๑ การกำจัดในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วยเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องประสานความร่วมมือกับหน่วยงานผู้รับผิดชอบ เพื่อดำเนินการกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ในบริเวณพื้นที่คุ้มครอง
เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าชายเลนอนุรักษ์
อย่างมีประสิทธิภาพและทันเวลา
รวมทั้งพิจารณาถึงการป้องกันและควบคุมเส้นทางการแพร่ระบาดด้วย เป็นต้น การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำในกิจกรรมที่
๑
ควรพิจารณาดำเนินการประเมินความปลอดภัยทางชีวภาพหรือการประเมินผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนดำเนินการปล่อยปลาที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์สู่สิ่งแวดล้อม
และควรดำเนินการปล่อยปลาดังกล่าวในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม ควรเพิ่มการจัดทำเกณฑ์การประเมินมูลค่าความเสียหายต่อความหลากหลายทางชีวภาพในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อให้สามารถนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้โดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2258 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนเรื่องนี้คืนไป
เพื่อพิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2259 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 | นร. | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๖
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๗
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๗
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๗
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
2260 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) | นร.04 | 20/08/2567 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|