ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 49 จากทั้งหมด 513 หน้า แสดงรายการที่ 961 - 980 จากข้อมูลทั้งหมด 10242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
961 | การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2560 | มท | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนรวบรวมปัญหา และข้อเท็จจริงเป็นฐานข้อมูลกลางให้ส่วนราชการใช้ร่วมกันเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติ และให้อำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอ/ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่น พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ และแบ่งมอบหน้าที่การปฏิบัติอย่างชัดเจนและเป็นระบบ ๒. ให้จังหวัดประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งของจังหวัด โดยให้พิจารณาประกาศพื้นที่ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแยกเป็นรายตำบลเฉพาะหมู่บ้านที่มีสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น รวมทั้งรายงานข้อมูลจำนวนราษฎรและครัวเรือนที่ประสบภัยแล้งตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และให้ประสานข้อมูลพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายแล้วและที่คาดว่าจะเสียหายกับสำนักงานเกษตรจังหวัด โดยใช้ข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดเป็นหลัก ๓. ให้สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและการให้ความช่วยเหลือที่ได้ดำเนินการแล้วในด้านต่าง ๆ และจัดส่งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกวันจันทร์ โดยเริ่มรายงานครั้งแรกในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะเข้าสู่สภาวะปกติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
962 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | มท | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๑๕ เชียงราย และวิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย วิทยาเขตเชียงราย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อได้มีการถอนสภาพที่ดิน และอนุญาตให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวแล้ว เนื่องจากยังคงมีที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติคงเหลืออยู่ ๑๐๔ ไร่ ๑๕.๒ ตารางวา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนท้องถิ่นควรร่วมกันพิจารณานำที่ดินที่เหลืออยู่มาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างเหมาะสมตามศักยภาพของที่ดิน และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ได้สงวนรักษาไว้เพื่อให้พลเมืองใช้ร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
963 | การออกกฎกระทรวง และประกาศกระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2560 เรื่อง การผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทางเพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2560 | มท | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีก ตามมาตรา ๓๙ วรรคสอง สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งเข้ามาเพื่อทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรกลับประเทศต้นทางเพื่อไปร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
964 | ขออนุมัติการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา | มท | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธาน ๑.๒ อนุมัติให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบฯ ตามเงื่อนไขคือ (๑) จ่ายเงินช่วยเหลือในการรื้อถอน ขนย้าย โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ก่อสร้างอาคารหรือสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และ (๒) จ่ายค่าเสียหายจากการขาดรายได้จากการประกอบการค้าขาย หรือการงานอันชอบด้วยกฎหมาย อันเนื่องจากการก่อสร้างโครงการฯ ให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการคิดเงินค่าทดแทนการรื้อถอน ขนย้ายโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้าง และค่าทดแทนความเสียหายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาเป็นแนวทางในการกำหนดเงินช่วยเหลือ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐที่เห็นควรหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรอบคอบ ถูกต้องตามขั้นตอนภายในกรอบกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ ควรมีความชัดเจนและรัดกุมเพื่อให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริงและป้องกันการทุจริตจากการสวมสิทธิขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล นอกจากนี้ ควรเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในเรื่องการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นธรรมและผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในด้านความปลอดภัย ความเป็นระเบียบ สิ่งแวดล้อม ภูมิทัศน์ที่สวยงาม รวมถึงการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในระยะยาว สำหรับกรณีผู้ได้รับผลกระทบฯ ที่มีเอกสารสิทธิในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายต่อมาที่ดินแปลงนั้นถูกน้ำกัดเซาะแต่เจ้าของที่ดินยังคงหวงกันที่ไว้โดยการปักเสาแสดงอาณาเขตและเข้าครอบครองทำประโยชน์มิได้ปล่อยให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ กรณีดังกล่าวเจ้าของยังคงมีสิทธิในที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นควรจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบฯ เป็นกรณีพิเศษ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของงบประมาณในการจ่ายเงินค่าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้แล้ว จำนวน ๒๔๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท หากไม่เพียงพอ ให้กรุงเทพมหานครจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้คณะกรรมการพิจารณากำหนดค่าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาพิจารณาการจ่ายเงินค่าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ โดยไม่ควรกำหนดอัตราให้สูงกว่าหรือได้รับประโยชน์มากกว่าการจ่ายเงินค่าทดแทนกรณีเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขไม่ให้มีการใช้สิทธิเรียกร้องอื่นเพิ่มเติมในภายหลังด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
965 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา พ.ศ. 2555) | มท | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา พ.ศ. ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรม อาทิ การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวมหรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษของพื้นที่ รวมทั้งควรเพิ่มประเภทโรงงาน จำนวน ๓ ประเภท ได้แก่ โรงงานประเภท ๕๐(๔) การผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมเข้าด้วยกันหรือการผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมกับวัสดุอื่น ประเภท ๙๑(๒) การบรรจุก๊าซ และประเภท ๙๒ ห้องเย็น ในร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยควรคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ และควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแล การอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินและการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะพื้นที่เว้นว่างริมฝั่งแม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
966 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. 2556) | มท | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทชุมชน และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และยกเลิกบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวม หรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ และการกำหนดคำนิยามของคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม” ที่ระบุไว้ในการใช้ที่ดินแต่ละประเภทให้ชัดเจน รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ควบคุม บังคับและอนุญาตการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาอย่างยิ่งในพื้นที่เว้นว่างและพื้นที่กันชน เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมชุมชนให้เหมาะสมเป็นไปตามผังเมืองรวม และสามารถเอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยของประชาชนอย่างมีคุณภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
967 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลดอกไม้ และตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน เช่น โรงงานประเภท ๑๐๑ ปรับคุณภาพของเสียรวม โรงงานประเภท ๑๐๕ โรงงานคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูล โรงงานประเภท ๑๐๖ โรงงานนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม ในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ และในการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวม หรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย นอกจากนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรมและพื้นที่ริมฝั่งลำคลองหรือแหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของชุมชนให้มีคุณภาพดีอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
968 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. .... | มท | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยให้แตกต่างกันโดยคำนึงถึงปริมาณสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ระยะเวลา การจัดเก็บ ลักษณะการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย รวมทั้งต้นทุนและความคุ้มค่าในการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย เพื่อให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และให้ราชการส่วนท้องถิ่นสามารถนำไปเป็นหลักเกณฑ์ในการออกข้อกำหนดของท้องถิ่น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ถือว่าเนื่องจากระยะเวลาการดำเนินการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเป็นระยะเวลาเร่งรัด และการออกกฎกระทรวงนี้มีผลกระทบต่อประชาชนซึ่งสมควรสร้างความรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ตามมาตรา ๗๗ ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงให้ดำเนินการดังกล่าว และให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอิสระที่จะพิจารณากำหนดอัตราการเพิ่มค่าธรรมเนียมและการลดค่าธรรมเนียมการเก็บ และขนมูลฝอย และกำจัดมูลฝอยได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ อปท. ออกข้อกำหนดของท้องถิ่นที่เกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยเป็นแนวทางเดียวกันทั้งประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ พร้อมกับสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชนในการลดและคัดแยกขยะที่ถูกต้อง ต้นทุนในการบริหารจัดการขยะ และผลกระทบที่เกิดขึ้นหากมีการจัดการขยะอย่างไม่ถูกต้อง ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนได้รับทราบถึงเหตุผลและความจำเป็นในการปรับอัตราค่าธรรมเนียมสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยใหม่ และมีมาตรการรองรับในกรณีที่ประชาชนบางกลุ่มอาจลักลอบนำขยะมูลฝอยไปทิ้งในพื้นที่สาธารณะ พื้นที่รกร้างว่างเปล่า กลายเป็นปัญหาขยะสะสมในหลาย ๆ พื้นที่จนก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมตามมาได้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
969 | ร่างพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๙ ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมสถานบริการ รวมทั้งการแสดงเพื่อความบันเทิงในสถานบริการนั้น ๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ศีลธรรม วัฒนธรรม และประเพณีอันดีของชาติ โดยยกเว้นไม่ใช้บังคับกับสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล และสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
970 | ขอความเห็นชอบยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2537 เรื่อง พื้นที่ที่ควรกำหนดให้ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) เป็นระบบใต้ดินโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี - สำนักงานเขตคลองสาน - ประชาธิปก) | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๗ [เรื่อง พื้นที่ที่ควรกำหนดให้ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) เป็นระบบใต้ดิน] ในการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน-ประชาธิปก) เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์ในการรองรับการเดินทางในบริเวณพื้นที่ฝั่งธนบุรี แก้ไขปัญหาการจราจร ประชาชนเดินทางสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ กทม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่เห็นควรให้ กทม. ดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๙ [เรื่อง ขอความเห็นชอบดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน-ประชาธิปก)] ให้ครบถ้วน และสำหรับการจัดหาแหล่งเงินทุนของโครงการฯ ให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมทั้งควรกำกับดูแลให้โครงสร้างของโครงการฯ มีผลกระทบต่อทัศนียภาพของเมืองให้น้อยที่สุด โดยจะต้องไม่กระทบหรือกีดขวางการเข้าถึงของบริการสาธารณะอื่น ๆ เช่น รถดับเพลิง และระบบสาธารณูปโภค เป็นต้น และประสานงานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มีความสมบูรณ์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน รวมถึงให้เร่งรัดจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ที่ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดข้อมูลตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางบกและอากาศ เพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา นอกจากนี้ เห็นควรให้ กทม. พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการแบ่งระยะการพัฒนาออกเป็นช่วง ๆ ของโครงการฯ โดยเร่งแผนการก่อสร้างและเปิดให้บริการโครงการฯ ให้สามารถเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ โดยเร็ว และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเร่งพิจารณาศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารของระบบขนส่งมวลชนทางรางทั้งขนาดใหญ่และขนาดรองที่เหมาะสมทั้งระบบ เพื่อให้สามารถใช้โครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมกันได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการดำเนินโครงการของกรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามแผนการลงทุนที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
971 | การจัดระเบียบการบริหารจัดการหมู่บ้านโดยกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เพื่อให้เกิดเอกภาพและบูรณาการตามแนวทางประชารัฐ | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอถอนข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนที่สุดที่ มท ๐๓๑๐.๓/๒๓๓๒๘ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ว่า “ห้ามมิให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งอาสาสมัคร มวลชน เครือข่าย หรือมวลชนที่เรียกชื่ออื่นใดในพื้นที่ซึ่งมีคณะกรรมการหมู่บ้านปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว หากมีภารกิจที่จะต้องดำเนินการในหมู่บ้านให้มอบหมายให้คณะกรรมการหมู่บ้านดำเนินการแทนหรือร่วมดำเนินการ” ออกไป ๒. เห็นชอบแนวทางการจัดระเบียบการบริหารจัดการหมู่บ้านโดยกลไกคณะกรรมการหมู่บ้านเพื่อให้เกิดเอกภาพและบูรณาการตามแนวทางประชารัฐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยหารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการเพื่อความรอบคอบและลดผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และควรพิจารณาถึงเจตนาในการจัดตั้งอาสาสมัคร มวลชน เครือข่ายของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการเป็นเครือข่ายการทำงานช่วยเหลือปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการหมู่บ้านควรพิจารณาไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งควรจัดระเบียบมวลชน/อาสาสมัคร ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ และควรมีการสร้างกลไกที่จะควบคุมได้มาในการคัดเลือกคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือคณะทำงานฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
972 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลดู่ใต้ ตำบลกองควาย อำเภอเมืองน่าน และตำบลท่าน้าว ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พ.ศ. 2556 พ.ศ. .... | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลดู่ใต้ ตำบลกองควาย อำเภอเมืองน่าน และตำบลท่าน้าว ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พ.ศ. ๒๕๕๖ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลดู่ใต้ ตำบลกองควาย อำเภอเมืองน่าน และตำบลท่าน้าว ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน พ.ศ. ๒๕๕๖ เนื่องจากในปัจจุบันพื้นที่ตามกฎกระทรวงดังกล่าวได้มีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดน่าน พ.ศ. ๒๕๕๖ และกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองน่าน พ.ศ. ๒๕๕๘ ใช้บังคับอยู่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการกำกับ ดูแล อนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการก่อสร้างอาคารอย่างเข้มงวด เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและป้องกันผลกระทบต่อโบราณสถานและศิลปกรรมสำคัญ รวมทั้งคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
973 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายทางยกระดับเชื่อมระหว่างอาคารอู่จอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับถนนวิภาวดีรังสิต พ.ศ. .... | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายทางยกระดับเชื่อมระหว่างอาคารอู่จอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับถนนวิภาวดีรังสิต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่นสายทางยกระดับเชื่อมระหว่างอาคารอู่จอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับถนนวิภาวดีรังสิต ในท้องที่แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาฯ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่มีพระราชกฤษฎีกาฯ ใช้บังคับใหม่ และให้กรุงเทพมหานครและกรมธนารักษ์ร่วมกันพิจารณารูปแบบและระยะเวลาการก่อสร้างถนนให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและปริมาณการจราจรของโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิต นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครควรให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และกำหนดมาตรการลดผลกระทบต่อประชาชนตามแนวสายทางที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
974 | สรุปผลการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ รอบ 1 ปี | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ รอบ ๑ ปี ซึ่งคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐมีการดำเนินการภายใต้กรอบแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีเป้าหมายคือ สร้างรายได้ให้ชุมชน ประชาชนมีความสุข ผ่านกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานจากการจัดตั้งบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี จำกัด ทั้งส่วนกลางและจังหวัดทั้ง ๗๖ จังหวัด เพื่อพัฒนากลุ่มเป้าหมาย ๓ กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มงานด้านการเกษตร กลุ่มงานด้านการแปรรูป และกลุ่มงานด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งมีกระบวนการพัฒนากลุ่มงานดังกล่าว ๕ กระบวนการ ประกอบด้วย การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถพัฒนากลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๑,๓๕๑ กลุ่มเป้าหมาย แยกเป็น ด้านการเกษตร จำนวน ๔๖๕ กลุ่ม ด้านการแปรรูป จำนวน ๕๔๕ กลุ่ม ด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน จำนวน ๓๔๑ กลุ่ม มีรายได้สะสม ณ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ รวมทั้งสิ้น ๒๖๘,๐๕๑,๔๑๗ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
975 | สรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และการช่วยเหลือ | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และการช่วยเหลือ โดยสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวม พื้นที่ประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ รวม ๑๒ จังหวัด ๑๒๙ อำเภอ ๘๓๕ ตำบล ๖,๓๐๗ หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ ๕๘๗,๕๔๔ ครัวเรือน ๑,๘๑๕,๖๑๘ คน ผู้เสียชีวิต ๙๙ ราย บ้านเรือนเสียหายรวมทั้งสิ้น ๑๑,๘๑๘ หลังคาเรือน ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายทั้ง ๑๒ จังหวัดแล้ว ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ทั้งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะเร่งด่วน การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ และการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนแก้ไขปัญหาอุทกภัยด้วยการจัดทำผังน้ำเพื่อแสดงทิศทางการไหลของน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ คือ กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง และวางระบบการระบายน้ำ แก้ไขปัญหาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ตามกรอบแนวทางใน ๓ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) ปรับปรุงแหล่งน้ำเดิมตามธรรมชาติ (๒) แก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น และ (๓) จัดทำระบบระบายน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ และจัดทำทางเบี่ยงน้ำ ป้องกันน้ำท่วมพื้นที่สำคัญ รวมถึงสร้างแหล่งกักเก็บน้ำแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
976 | ขอความเห็นชอบยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2537 เรื่อง พื้นที่ที่ควรกำหนดให้ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) เป็นระบบใต้ดินโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี - สำนักงานเขตคลองสาน - ประชาธิปก) | มท | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๗ [เรื่อง พื้นที่ที่ควรกำหนดให้ระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้า) เป็นระบบใต้ดิน] ในการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน-ประชาธิปก) เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์ในการรองรับการเดินทางในบริเวณพื้นที่ฝั่งธนบุรี แก้ไขปัญหาการจราจร ประชาชนเดินทางสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ กทม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐที่เห็นควรให้ กทม. ดำเนินการตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๙ [เรื่อง ขอความเห็นชอบดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน-ประชาธิปก)] ให้ครบถ้วน และสำหรับการจัดหาแหล่งเงินทุนของโครงการฯ ให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมทั้งควรกำกับดูแลให้โครงสร้างของโครงการฯ มีผลกระทบต่อทัศนียภาพของเมืองให้น้อยที่สุด โดยจะต้องไม่กระทบหรือกีดขวางการเข้าถึงของบริการสาธารณะอื่น ๆ เช่น รถดับเพลิง และระบบสาธารณูปโภค เป็นต้น และประสานงานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มีความสมบูรณ์และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน รวมถึงให้เร่งรัดจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ที่ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดข้อมูลตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางบกและอากาศ เพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา นอกจากนี้ เห็นควรให้ กทม. พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการแบ่งระยะการพัฒนาออกเป็นช่วง ๆ ของโครงการฯ โดยเร่งแผนการก่อสร้างและเปิดให้บริการโครงการฯ ให้สามารถเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ โดยเร็ว และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเร่งพิจารณาศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารของระบบขนส่งมวลชนทางรางทั้งขนาดใหญ่และขนาดรองที่เหมาะสมทั้งระบบ เพื่อให้สามารถใช้โครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมกันได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการดำเนินโครงการของกรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามแผนการลงทุนที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
977 | ร่างพระราชบัญญัติถอนสภาพและโอนที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ให้แก่บริษัท ทัศนาชลบุรี จำกัด พ.ศ. .... | มท | 28/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติถอนสภาพและโอนที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ให้แก่บริษัท ทัศนาชลบุรี จำกัด พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
978 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 (ครั้งที่ 1/2560) | มท | 28/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปความก้าวหน้างานก่อสร้าง ๑.๑ ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๒๔ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๑๔ ๑.๒ การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งมอบพื้นที่ที่เหลือทั้งหมด (๑๒-๐-๔๒.๗ ไร่) ให้แก่ผู้รับจ้างแล้วเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยรวมส่งมอบพื้นที่เสร็จเรียบร้อยแล้วซึ่งมีจำนวนรวมทั้งหมด ๑๒๓-๑-๕ ๗/๑๐ ไร่ ๒. คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าโครงการฯ มีความเห็นว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ขยายระยะเวลาการก่อสร้าง ครั้งที่ ๒ ออกไปจำนวน ๔๒๑ วัน ยังไม่สามารถทำให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จได้ อีกทั้งยังมีเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปได้อีก คือ เหตุจากการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา รวมทั้งได้ใช้เวลาในการจัดจ้างผู้ออกแบบระบบ ICT มากกว่า ๗ เดือน แต่ยังไม่ได้ผู้ออกแบบ ทำให้กระทบกับระยะเวลาการทำงานของผู้รับจ้างหลัก [บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)] จึงเห็นควรแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรให้เร่งรัดการจัดจ้างผู้ออกแบบโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เป็นเหตุให้ผู้รับจ้างหลักขอสงวนสิทธิ์ในการขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
979 | แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 11 ปี 2555 - 2559 (ฉบับปรับปรุง) และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 12 ปี 2560 - 2564 ของการไฟฟ้านครหลวง | มท | 28/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการตามแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๑ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ (ฉบับปรับปรุง) วงเงินลงทุนรวม ๕๑,๓๐๕.๕ ล้านบาท และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๒ ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ วงเงินลงทุนรวม ๘๔,๖๙๔.๐ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ และให้การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดังกล่าว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และสำนักงบประมาณ อาทิ เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จตามแผนและควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน และจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการดำเนินการของการไฟฟ้านครหลวงให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้การไฟฟ้านครหลวงเร่งรัดการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยควบคุมต้นทุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงานและให้จัดทำแผนบริหารความเสี่ยงรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนงานด้วย โดยหากตรวจพบปัญหาที่เป็นอุปสรรคหรือการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ที่มีผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ให้การไฟฟ้านครหลวงพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินแผนงานโดยเร็ว ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการโครงการลงทุนให้เป็นไปตามแผนงานอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนของน้ำหนักตัวชี้วัดในระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) ในการวัดผลการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนงานและระยะเวลาที่กำหนดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
980 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม) | มท | 28/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการปกครอง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|