ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 167 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3321 - 3340 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3321 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการส่งออก | กค | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการส่งออก ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ 2. อนุมัติหลักการร่างกฎหมายจำนวน 6 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (8 มิถุนายน 2553) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่อง ด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ มีสาระสำคัญคือ 2.1.1 ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ หนึ่งของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าก่อสร้างสถานที่จัดแสดง ค่าระวาง ค่าประกันภัย ค่า ขนส่งสินค้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่ได้รับ การรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องว่าได้เข้าร่วมงานจริง 2.2.2 ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับรายจ่ายที่ได้ จ่ายไปเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าใช้จ่ายเพื่อการจัดการ การขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรม สัมมนาภายในประเทศที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ นำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของกิจ การของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น เป็นเวลาสองรอบระยะเวลาบัญชีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มใน หรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 2.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อม ราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ มีสาระสำคัญคือ 2.2.1 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของ ทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ ไม่รวมถึงทรัพย์ สินประเภทที่เป็นยานพาหนะ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตามกฎ หมายว่าด้วยการท่องเที่ยวซื้อหรือได้รับโอนกรรมสิทธิ์เพื่อมีไว้ในการประกอบกิจการของตนเอง สำหรับทรัพย์สิน ที่ได้มาและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 2.2.2 ปรับปรุงการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่งหรือรถยนต์ โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตามกฎหมายพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับธุรกิจให้เช่ารถยนต์ 2.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงรายจ่ายที่ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการ คำนวณกำไรสุทธิ กรณีรายจ่ายค่าเช่าทรัพย์สินประเภทรถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกินสิบคนตาม กฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับธุรกิจให้เช่ารถยนต์ 2.4 ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้ที่ผู้มีเงินได้จ่ายเป็นค่าบริการนำเที่ยวเป็นการเหมาภายในประเทศให้แก่ผู้ ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 เป็นจำนวนไม่เกิน 15,000 บาท เป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2553 3. เห็นชอบในหลักการให้บริษัทประกันภัยที่จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้เอาประกันภัยที่กรมธรรม์ประกัน ภัยไม่ได้ครอบคลุม บริษัทประกันภัยสามารถนำไปลงบัญชีเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงิน ได้นิติบุคคล และให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยไม่ต้องนำเงินที่ได้ รับการช่วยเหลือมาคำนวณเป็นรายได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการยกร่างกฎหมายในเรื่องนี้ แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3322 | การให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม 2554 ถึง 31 ธันวาคม 2556 ในวงเงิน 25,000 ล้านบาท แทน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยทางการชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับอัตราผลตอบแทนที่ธนาคารออม สินได้รับจากการปล่อยสินเชื่อตามโครงการนี้ในอัตราดอกเบี้ยลอยตัว โดยคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน สำหรับผู้ฝากทั่วไปสูงสุดของธนาคารออมสิน บวกร้อยละ 0.98 ต่อปี และหักอัตราผลตอบแทนจากการให้ สถาบันการเงินกู้ร้อยละ 0.01 ต่อปี ตามข้อเสนอของธนาคารออมสิน โดยใช้งบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง 1.2 ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ ในวงเงินที่ยังคงค้างจากการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของ ธปท. ในโครงการนี้ประมาณ 3,000 ล้านบาท (ซึ่งเป็นวงเงินภายในกรอบ 25,000 ล้านบาท) โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2553 เพื่อสนับ สนุนความต้องการของผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสนอศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยทางการจะชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับอัตราผลตอบแทนที่ธนาคารออมสินได้รับจาก การปล่อยสินเชื่อ ตามโครงการนี้ให้แก่ธนาคารออมสินในหลักการเดียวกันกับข้อ 1.1 หรือคิดเป็นวงเงินงบประมาณ 69.48 ล้านบาท (ชดเชยให้ในช่วงวันที่ 1 มิถนายน-31 ธันวาคม 2553) โดยใช้งบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง 2. ส่วนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเพื่อการคำนวณวงเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างทุนกับอัตราผลตอบแทนที่ ธนาคารออมสินได้รับจากการปล่อยสินเชื่อตามโครงการนี้ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณ อีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้มีกรอบวงเงินชดเชยรวมไม่เกิน 3,046.98 ล้านบาท (2,977.50+69.48 ล้านบาท) |
|||||||||||||||||||||||||||
3323 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางดนุชา ยินดีพิธ) | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางดนุชา ยินดีพิธ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลัง
ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติ ครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3324 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 1 ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตร
รัฐบาลกรณีพิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 1 ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 จำนวน 10,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ 5 ปี จำนวน 10,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงิน 2 แห่ง ประกอบด้วยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารแห่ง โตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด สาขากรุงเทพฯ แห่งละ 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราต่ำสุดของ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง (FDR) เฉลี่ย ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นฐานในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บวกด้วยส่วนต่าง (Spread) ร้อย ละ 0.89 ต่อปี โดยปรับอัตราดอกเบี้ย ทุกงวด 6 เดือน หากอัตรา FDR มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้เบิกเงินกู้จากตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว จำนวน 10,000 ล้านบาท ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 เพื่อนำมาชำระ คืนต้นเงินกู้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษฯ ที่ครบกำหนดเรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
3325 | การขายที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 3102 โฉนดเลขที่ 121502 | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้โอนกรรมสิทธิ์ขายที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 3102 โฉนด
เลขที่ 121502 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร ตามเนื้อที่ที่ระบุในโฉนดพร้อมอาคารราชพัสดุเลขที่ 4477 ให้กับนายพินิจ ตั้งศิริวัฒนกุล ในราคาที่เสนอขอซื้อเป็นจำนวนเงิน 3,688,000 บาท โดยนายพินิจ ตั้งศิริวัฒนกุล ต้องเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุดังกล่าวตลอดจนอากร แสตมป์ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดแทนกระทรวงการคลังทั้งสิ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3326 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม) | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคาร
สงเคราะห์ แทนนายนริศ ชัยสูตร ที่ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (2 มิถุนายน 2553) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3327 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,165 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,618 โครงการ วงเงิน 46,212.91 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 36,547 โครงการ วงเงิน 297,827.57 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 14,387 โครงการ วงเงิน 43,841.61 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 752 โครงการ วงเงิน 11,963.86 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 13,635 โครงการ วงเงิน 31,877.75 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 22,111 โครงการ วงเงิน 253,985.96 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 22,111 โครงการ วงเงิน 229,483.75 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 3,480 โครงการ วงเงิน 19,096.05 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 17,310 โครงการ วงเงิน 121,751.11 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,321 โครงการ วงเงิน 26,755.80 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 18,631 โครงการ วงเงิน 148,506.91 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3328 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค โดยการให้สิทธิประโยชน์ ทางภาษีอากรแก่สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค คนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคดังกล่าว และ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุน ของบริษัทต่างประเทศในรูปแบบการจัดตั้งเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคในประเทศไทย 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่า ด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 405) พ.ศ. 2545 ให้ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่สำนักงาน ปฏิบัติการภูมิภาค คนต่างด้าวที่ปฏิบัติงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคดังกล่าว และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3329 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 02/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบผลการทบทวนโครงการลงทุนของกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงวงเงิน 178.6200 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินโครง การลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม 2553 2. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ของกระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 9,845.9073 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอ จัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 3. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่จะใช้วงเงินเหลือจากการทบทวน จำนวนเงิน 1,484.1405 ล้านบาท โดยให้กระทรวงสาธารณสุขขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอ จัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 25 พฤษภาคม 2553 4. รับทราบตามที่กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ขอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 2554 และ 2555 โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่สิ่งก่อสร้าง แหล่งน้ำ วงเงิน 829.8 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง 2555 เห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน เพื่อให้สอดคล้องกับความ สามารถในการเบิกจ่ายเงินอันเป็นผลมาจากการพิจารณาความเหมาะสมของงวดงานภายใต้วงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก คณะรัฐมนตรี จึงเห็นสมควรอนุมัติการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3330 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2553 | กค | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,058 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,836 โครงการ วงเงิน 48,397.09 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 36,222 โครงการ วงเงิน 295,652.90 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 16,199 โครงการ วงเงิน 47,900.17 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 1,119 โครงการ วงเงิน 11,943.06 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 15,080 โครงการ วงเงิน 35,957.11 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 20,023 โครงการ วงเงิน 247,752.73 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 20,023 โครงการ วงเงิน 226,532.80 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 3,153 โครงการ วงเงิน 19,280.85 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 16,070 โครงการ วงเงิน 121,163.76 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 800 โครงการ วงเงิน 19,428.98 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 16,870 โครงการ วงเงิน 140,592.74 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3331 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 | กค | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบัน การเงิน ระยะที่ 2 รวมทั้งอนุมัติหลักการและเห็นชอบในหลักการร่างกฎหมาย รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นรัษฎากร ดังต่อไปนี้ 1.1.1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้แก่ผู้ถือหุ้นของสถาบันการเงินสำหรับ ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่สถาบันการเงินควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบัน การเงินระยะที่ 2 1.1.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่สถาบันการเงินสำหรับเงิน ได้พึงประเมิน รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการที่สถาบันการเงินควบเข้ากันหรือโอนกิจ การทั้งหมดให้แก่กัน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 1.1.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่สถาบันการเงิน สำหรับมูลค่าของ ฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการที่สถาบันการเงินโอนกิจการบางส่วนให้แก่ กัน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 1.2 เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการควบคุมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามหลัก เกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 1.3 เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการ เงินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 2. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3332 | ขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ | กค | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการการขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์ และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎ หมายที่ดิน และตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดเหลือร้อยละ 0.01 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ออกไป เป็นสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยดำเนินการออกกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3333 | การปรับปรุงแก้ไขหลักการของมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง | กค | 25/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีดังนี้
1. เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขหลักการมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายกลุ่มเป้าหมาย จากที่จำกัดเฉพาะย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นยึดตามกรอบพื้นที่ที่ คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมกำหนดไว้ สำหรับพื้นที่อื่นที่ได้รับ ผลกระทบ แต่ไม่ได้อยู่ในความครอบคลุมของคณะกรรมการฯ ให้พิจารณาจากเขตพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติและต้องได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินและมีเอกสารการแจ้งความ 1.2 ขยายระยจะเวลาการกู้ยืมสูงสุดจากไม่เกิน 5 ปี เป็นไม่เกิน 6 ปี และระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace Period) จาก 1 ปี เป็น 2 ปี 1.3 ลดอัตราดอกเบี้ย จากเดิมที่กำหนดที่ MLR ลบ 3 ต่อปี เป็นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดระยะเวลาการกู้ยืม โดยให้ กระทรวงอุตสาหกรรมชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธพว. ผ่านสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดอายุโครงการ 1.4 ให้ ธพว. สามารถให้กู้แบบไม่มีหลักประกัน (Clean loan) โดยมีวงเงินกู้ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 1 ล้าน บาท และคิดอัตราดอกเบี้ยจากลูกค้าร้อยละ 3 ต่อปี โดย สสว. ชดเชยให้ ธพว. ร้อยละ 2 เช่นกัน 2. ให้ ธพว. ยึดหลักเกณฑ์ ดังนี้ 2.1 เป็นการให้กู้ที่ไม่ต้องใช้หลักประกันและการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง 2.2 ให้ ธพว. ปล่อยสินเชื่อโดยเร็ว ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับเอกสารครบถ้วน 2.3 การคิดอัตราดอกเบี้ย 2.3.1 กรณีเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบฯ และกิจการถูกไฟไหม้ วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 1,000,000 บาท โดยวงเงิน 300,000 บาทแรก - ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 โดยปลอดชำระคืนเงินต้น - ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 โดยปลอดชำระคืนเงินต้น - ปีที่ 3 - ปีที่ 6 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 + ชำระคืนเงินต้น สำหรับวงเงินส่วนที่เกินจาก 300,000 บาท ให้คิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราเดียวกับกรณีตามข้อ 2.3 2.3.2 กรณีเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบฯ แต่กิจการไม่ถูกไฟไหม้ วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 1,000,000 บาท - ปีที่ 1 - ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 โดยปลอดชำระคืนเงินต้น - ปีที่ 3 - ปีที่ 6 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 + ชำระคืนเงินต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3334 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 18/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของ
รัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2538 และมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2543 เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการตรวจสอบ ในรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2543 2. หมวด 1 กำหนดคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และกำหนดให้ระเบียบนี้ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจ ทุกแห่ง รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะ รัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไป 3. หมวด 2 กำหนดเรื่องคณะกรรมการตรวจสอบ เป็น 6 ส่วน คือ 3.1 ส่วนที่ 1 องค์ประกอบ การแต่งตั้ง และค่าตอบแทน 3.2 ส่วนที่ 2 คุณสมบัติของกรรมการตรวจสอบ 3.3 ส่วนที่ 3 การประชุม 3.4 ส่วนที่ 4 หน้าที่ความรับผิดชอบ 3.5 ส่วนที่ 5 การรายงานผลการดำเนินงาน 3.6 ส่วนที่ 6 การรักษาคุณภาพงาน 4. หมวด 3 กำหนดเรื่อง หน่วยงานตรวจสอบภายใน เป็น 6 ส่วน คือ 4.1 ส่วนที่ 1 คุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายใน 4.2 ส่วนที่ 2 โครงสร้างหน่วยตรวจสอบภายใน 4.3 ส่วนที่ 3 ความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร 4.4 ส่วนที่ 4 หน้าที่ความรับผิดชอบ 4.5 ส่วนที่ 5 การปฏิบัติงานและการรายงาน 4.6 ส่วนที่ 6 การรักษาคุณภาพงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
3335 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2553 | กค | 18/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 14 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,058 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,843 โครงการ วงเงิน 48,586.03 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 36,215 โครงการ วงเงิน 295,505.12 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 17,927 โครงการ วงเงิน 52,886.93 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 1,169 โครงการ วงเงิน 11,908.53 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 16,758 โครงการ วงเงิน 40,978.40 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 18,288 โครงการ วงเงิน 242,618.19 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 18,288 โครงการ วงเงิน 226,269.26 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,984 โครงการ วงเงิน 18,878.09 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 14,504 โครงการ วงเงิน 115,303.43 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 800 โครงการ วงเงิน 19,428.98 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 15,304 โครงการ วงเงิน 134,732.41 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3336 | การเชื่อมโยงข้อมูลระบบ e-LAAS เข้าสู่ระบบ GFMIS | กค | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลการเบิกจ่ายเงินขององค์การบริหารส่วนตำบล
(อปท.) จากระบบ e-LAAS เข้าสู่ระบบ GFMIS (Government Fiscal Management Information System) โดยใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้ดำเนินโครงการนำร่องในจังหวัดที่มีความพร้อมเพื่อทดลองการเชื่อมโยงข้อมูล และ ให้การเชื่อมโยงข้อมูลครอบคลุมทั่วประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
3337 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2553 | กค | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,055 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,896 โครงการ วงเงิน 49,508.29 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 36,159 โครงการ วงเงิน 294,621.32 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 18,922 โครงการ วงเงิน 55,551.88 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 1,474 โครงการ วงเงิน 13,165.80 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 17,448 โครงการ วงเงิน 42,386.08 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 17,237 โครงการ วงเงิน 239,069.44 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 17,237 โครงการ วงเงิน 223,323.33 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 3,155 โครงการ วงเงิน 19,854.21 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 13,282 โครงการ วงเงิน 111,218.75 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 800 โครงการ วงเงิน 19,428.98 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 14,082 โครงการ วงเงิน 130,647.73 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3338 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากรูปเดิมซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมาย เป็นบริษัทมหาชนจำกัดซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจภาคเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ และจัดตั้งกองทุนส่ง เสริมการพัฒนาตลาดทุนซึ่งมีทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ได้รับมาตามโครงการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อ ทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดทุนในระยะเยาว ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ และเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) เสนอเพิ่มเติม ให้เพิ่มบทบัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจในการให้ความเห็นชอบในหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับ กรรมการตลาดหลักทรัพย์ตามร่างมาตรา 161 เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์มีกรรมการที่มีความเหมาะสม มีความรู้ และ ความสามารถทำหน้าที่ได้ตามหลักธรรมาภิบาลและสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็น แนวทางหนึ่งสำหรับการสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กรและผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไทย รวมทั้งรับข้อสังเกตของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรมีบทบัญญัติห้ามผู้ที่ ไม่ได้ประกอบธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ใช้ชื่อหรือคำแสดงชื่อในธุรกิจว่า "ตลาดหลักทรัพย์" หรือ "ตลาดทุน" หรือคำ อื่นใดที่มีความหมายเช่นเดียวกัน และตามที่พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 30 ได้กำหนด ให้บริษัทมหาชนจำกัดต้องมีข้อบังคับกำหนดในเรื่องเกี่ยวกับบริษัท เช่น การออกและโอนหุ้น การประชุมผู้ถือหุ้น จำนวนและวิธีเลือกตั้งกรรมการ เป็นต้น ซึ่งตามพระราชบัญญัติที่กระทรวงการคลังเสนอก็ได้กำหนดคำว่าข้อบังคับ ของตลาดหลักทรัพย์ไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งดูตามเจตนารมณ์น่าจะเป็นข้อบังคับที่กำหนดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์ที่มิใช่ความหมายของคำว่าข้อบังคับตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัดฯ ดังนั้น เมื่อใช้ถ้อย คำเดียวกันอาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติได้ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติ บัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดหน่วยงานที่จะต้องรับผิดชอบดำเนินงานด้านการส่งเสริมการ เปิดเสรีในธุรกิจตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้การปฏิรูปตลาดทุนเป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชบัญญัติฯ รวมทั้ง ให้กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนจัดทำแผนการบริหารเงินลงทุนของกองทุนฯ ประกอบไปกับแผนการดำเนิน งานและงบประมาณรายจ่ายที่ต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประจำทุกปี เพื่อให้กองทุนฯ สามารถ ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ ตรงตามวัตถุประสงค์และไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3339 | การชำระค่าหุ้นสำหรับการเพิ่มทุนสามัญทั่วไป ครั้งที่ 5 ของ ADB งวดที่ 1 ปี 2553 | กค | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรอง
จ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการชำระเงินค่าหุ้นสำหรับการเพิ่มทุนสามัญทั่วไป ครั้งที่ 5 ของธนาคารพัฒนา เอเชีย (ADB) งวดที่ 1 ปี 2553 มูลค่าประมาณ 9.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 302.06 ล้านบาท (อัตราแลก เปลี่ยน 32.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 24 มีนาคม 2553) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
3340 | การขออนุมัติแนวทางการอนุมัติโครงการ การอนุมัติจัดสรรวงเงินคงเหลือและการอนุมัติวงเงินสำรองจ่ายภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตาม แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ในส่วนของการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ อนุมัติโครงการ กรอบวงเงิน แผนการดำเนินงาน และแผนระดมทุนของโครงการตามข้อ 15 ของระเบียบฯ รวมทั้ง อนุมัติวงเงินกู้สำรองจ่ายสำหรับบริหารโครงการตามข้อ 16 ของระเบียบฯ แทนคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็น เรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. เห็นชอบการแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ในส่วนของการขอรับจัดสรรเงินสำรองจ่ายฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเจ้าสังกัดของหน่วยงานที่ดำเนินโครงการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วจึงส่งให้ สำนักงบประมาณเพื่อรวบรวม ทั้งนี้ ต้องก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2553 แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและ บริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พิจารณา และนำเสนอคณะรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งคณะรัฐมนตรี มอบหมายอนุมัติต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาอนุมัติตามร่างระเบียบฯ และหลักเกณฑ์ฯ ที่แก้ไข 4. เห็นชอบการกำหนดกรอบระยะเวลาการส่งคำขอรับการจัดสรรเงินจากพระราชกำหนดฯ สำหรับโครง การภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 หาก ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้นำวงเงินที่ยังไม่ได้ขอรับจัดสรรรวมเป็นวงเงินคงเหลือเพื่อนำ ไปจัดสรรให้แก่โครงการอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีความพร้อมในการดำเนินโครงการต่อไป 5. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอขอแก้ไขถ้อยคำในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วน ที่สุด ที่ กค 0907/8203 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 ดังนี้ 5.1 หน้า 1 ข้อ 1.2 จาก "กระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2552 ..." เป็น "กระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 ..." 5.2 หน้า 3 ข้อ 2.3 จาก "คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2555 ..." เป็น "คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 ..." 5.3 หน้า 5 บรรทัดที่ 10 จาก "... ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ..." เป็น "... ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ..." 5.4 หน้า 6 บรรทัดที่ 4 จาก "... ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ..." เป็น "... ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ..."
|
.....