ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 164 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3261 - 3280 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3261 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2553 | กค | 16/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 42,138 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 3,991 โครงการ วงเงิน 31,824.47 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 37,894 โครงการ วงเงิน 311,283.01 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 5,438 โครงการ วงเงิน 18,417.32 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 361 โครงการ วงเงิน 7,041.95 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 5,077 โครงการ วงเงิน 11,375.37 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 32,709 โครงการ วงเงิน 292,865.69 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 32,709 โครงการ วงเงิน 278,312.85 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,039 โครงการ วงเงิน 70,795.50 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 29,345 โครงการ วงเงิน 180,752.58 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,325 โครงการ วงเงิน 26,764.77 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 30,670 โครงการ วงเงิน 207,517.35 ล้านบาท
|
|||||||||||||||
3262 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 16/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแก้ไขข้อมูลในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0907/15088 ลงวัน
ที่ 10 สิงหาคม 2553 ในหน้าที่ 5 ข้อ 2.2 ขยายไหล่ทางพร้อมปรับปรุงถนนเชิงลาดคอสะพาน ถนนสาย สค 4011 แยกทางหลวงหมายเลข 3097-บ้านกระทุ่มแบน อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร หน่วยงาน/กระทรวง จาก "กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม" เป็น "กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม" ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||
3263 | รายงานผลการประชุมหารือกับผู้แทนประเทศสาธารณรัฐอินเดียเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย - อินเดีย | กค | 16/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมหารือกับผู้แทนประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-อินเดีย ซึ่งผล การหารือ ทั้งสองฝ่ายเห็นพร้อมร่วมกันที่จะให้สินค้าภายใต้กรอบความตกลง FTA ไทย-อินเดีย ฉบับที่ใช้อยู่ใน ปัจจุบัน (Early Harvest Scheme) สามารถซื้อขายผ่านประเทศที่สามได้ (Third Party Invoicing) โดยจะได้มีการ แก้ไขเพิ่มเติมข้อบทดังกล่าวไว้ในความตกลงฯ ฉบับปัจจุบัน และจะไม่มีผลย้อนหลังแต่อย่างใด นอกจากนี้ ทั้งสอง ฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการขอทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อบทที่ว่าด้วยการให้สิทธิประโยชน์แก่สินค้าประเภทตู้เย็น รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียโดยการเชื่อมโยงช่องทางคมนาคมทั้งทางบกและทาง อากาศผ่านทางประเทศพม่าเพื่อนำไปสู่การพัฒนาทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการสร้างความ สัมพันธ์ที่ดีในระหว่างประชาชนในกลุ่มภูมิภาคเอเชียใต้กับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป 2. ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำกรอบการเจรจาแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อขอความเห็นชอบ จากรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ต่อไป
|
|||||||||||||||
3264 | มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ประสบภัยจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ปี 2552 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบในหลักการตามมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ประสบภัยจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ปี 2552 ตามที่ ธ.ก.ส. เสนอ 1.2 อนุมัติเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ของเกษตรกรให้แก่ ธ.ก.ส. ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว วงเงินประมาณ 1,458.60 ล้านบาท โดยให้มีการชดเชยแก่ ธ.ก.ส. เป็นปี ๆ ไป ตามข้อเท็จจริงภายใน 2 ปี 1.3 ในปีบัญชี 2552 หากปรากฏว่าเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ประสบภัยจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลเพิ่มขึ้นทั้งในเขตพื้นที่เดิมและในพื้นที่อื่น ๆ อีก ให้ ธ.ก.ส. ใช้มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าดังกล่าวเช่นเดียวกัน 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ ธ.ก.ส. พิจารณาตรวจสอบรายชื่อผู้ซึ่งได้รับความเสียหายจากฐานข้อมูลของทางจังหวัดประกอบการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการ นั้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||
3265 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2553 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (ประธาน กนร.) เสนอผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 โดยที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้ 1.1 รับทราบความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และการทบทวนบทบาท ภารกิจ และความจำเป็นในการมีอยู่ของรัฐวิสาหกิจ โดยในส่วนของการทบทวนบทบาท ภารกิจฯ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. จัดประชุมรัฐวิสาหกิจที่ต้องจัดทำแผนปรับบทบาทหรือแผนพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ องค์การสะพานปลา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย องค์การตลาด การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด และองค์การคลังสินค้า และให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่ง รายงานความคืบหน้าในการประชุม กนร. ต่อไป รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 13 แห่ง โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. เร่งกำกับการจัดทำแผนพลิกฟื้นของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การเคหะแห่งชาติ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อรายงานในการประชุม กนร. ต่อไป 1.2 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการ กนร. ดังนี้ 1.2.1 ตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนในการดำเนินการตามกฎหมายของโครงการท่าเทียบเรือ จำนวน 10 โครงการ หากพบว่าโครงการใดมีมูลค่าโครงการเกินกว่า 1,000.00 ล้านบาท ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ต่อไป 1.2.2 พิจารณาถึงลักษณะการผูกขาดของสัญญาของบริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาของบริษัทฯ ตลอดจนความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ 1.2.3 ทบทวนความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนโครงการท่าเทียบเรือ A (ท่าเทียบเรือชายฝั่ง) ในกรณีการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดกับการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน |
|||||||||||||||
3266 | ขออนุมัติรายละเอียดและเงื่อนไขการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 สำหรับไตรมาสที่ 4/2553 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรายละอียดและเงื่อนไขการกู้เงินสำหรับไตรมาสที่ 4/2553 ด้วยวิธีการทำสัญญา
กู้เงิน (Term loan) วงเงิน 60,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้ อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการจัดสรรเงินกู้คงเหลือประมาณ 37,000 ล้านบาท และให้มีการ ผูกพันในสัญญาโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
3267 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2553 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (ประธาน กนร.) เสนอผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 โดยที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้ 1.1 รับทราบความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ และการทบทวนบทบาท ภารกิจ และความจำเป็นในการมีอยู่ของรัฐวิสาหกิจ โดยในส่วนของการทบทวนบทบาท ภารกิจฯ มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. จัดประชุมรัฐวิสาหกิจที่ต้องจัดทำแผนปรับบทบาทหรือแผนพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ องค์การสะพานปลา องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย องค์การตลาด การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด และองค์การคลังสินค้า และให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 7 แห่ง รายงานความคืบหน้าในการประชุม กนร. ต่อไป รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 13 แห่ง โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. เร่งกำกับการจัดทำแผนพลิกฟื้นของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การเคหะแห่งชาติ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพื่อรายงานในการประชุม กนร. ต่อไป 1.2 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือแห่งประเทศไทยดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการ กนร. ดังนี้ 1.2.1 ตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนในการดำเนินการตามกฎหมายของโครงการท่าเทียบเรือ จำนวน 10 โครงการ หากพบว่าโครงการใดมีมูลค่าโครงการเกินกว่า 1,000.00 ล้านบาท ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ต่อไป 1.2.2 พิจารณาถึงลักษณะการผูกขาดของสัญญาของบริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาของบริษัทฯ ตลอดจนความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ 1.2.3 ทบทวนความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนโครงการท่าเทียบเรือ A (ท่าเทียบเรือชายฝั่ง) ในกรณีการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนทั้งหมดกับการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน
|
|||||||||||||||
3268 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงิน
เดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ข้าราชการผู้ดำรง ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการที่ดำรงตำแหน่งในระดับชำนาญการพิเศษ หลังวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ได้รับค่าตอบแทนรายเดือนอัตราเดือนละ 3,500 บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
3269 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบำ
เหน็จตกทอด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่ เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. กำหนดหนังสือแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด (แบบ 1) ขึ้นใหม่ และกำหนดหนังสือแสดง เจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด (แบบ 2) กรณีข้าราชการหรือผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลง ตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงตัวผู้รับบำเหน็จตกทอดในภายหลัง 2. กำหนดจำนวนผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จตกทอดได้ไม่จำกัดจำนวน 3. กำหนดให้บุคคลอื่นสามารถยื่นหนังสือแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอด ตามแบบ 1 หรือ แบบ 2 ได้ ตามแบบใบมอบฉันทะที่กำหนด 4. กำหนดให้หนังสือแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับบำเหน็จตกทอดที่ได้ทำไว้ตามประกาศกระทรวงการคลังที่ ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน และได้ทำถูกต้องตามประกาศกระทรวงการคลังฉบับใหม่มีผลใช้บังคับต่อไป
|
|||||||||||||||
3270 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. .... | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงิน
สมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งได้ปรับ ปรุงแก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ โดยเพิ่มข้อความเกี่ยวกับสิทธิของพนักงานมหาวิทยาลัยที่เปลี่ยนสถานภาพไปเป็นมหา วิทยาลัยในกำกับของรัฐ และมีการแก้ไขอัตราเงินเดือนแนบท้ายร่างกฎกระทรวง เพื่อให้สอดคล้องกับบัญชีอัตราเงิน เดือนของข้าราชการ ตามพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550 ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||
3271 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้ตรวจพิสูจน์ยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้ตรวจ
พิสูจน์ยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎ หมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ยกเลิกความในข้อ 6 ของระเบียบฯ และกำหนดเป็น "การขอรับเงินค่าตอบแทนตามข้อ 5 ให้ผู้ตรวจ พิสูจน์ในสังกัดของสำนักงาน ป.ป.ส. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นแบบขอรับเงินค่า ตอบแทนตามแบบท้ายระเบียบพร้อมแนบหนังสือการนำส่งของกลางมาตรวจพิสูจน์จากหน่วยงานนำส่งตรวจพิสูจน์ และสำเนารายงานผลการตรวจคุณภาพวิเคราะห์และหรือปริมาณวิเคราะห์แล้วแต่กรณี โดยให้ยื่นต่อหัวหน้าส่วนราช การเจ้าของงบประมาณหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับแบบขอรับเงินค่าตอบแทนและอนุมัติการเบิกจ่าย" 2. ยกเลิกความในข้อ 7 ของระเบียบฯ และกำหนดเป็น "ให้ส่วนราชการผู้เบิกส่งคำขอเบิกเงินซึ่งตรวจสอบ ถูกต้องแล้ว โดยให้บันทึกรหัสงบประมาณแหล่งของเงินและกิจกรรมหลักมายังกรมบัญชีกลาง สำนักงานคลังจังหวัด สำหรับแบบขอรับเงินค่าตอบแทนให้เก็บไว้ที่ส่วนราชการเพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ"
|
|||||||||||||||
3272 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศและผลการ
ดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 สรุปได้ ดังนี้ 1. สถานะหนี้สาธารณะของประเทศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีหนี้สาธารณะคงค้างจำนวนทั้งสิ้น 4,001,942.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45.55 ของ GDP ประกอบด้วยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,586,513.18 ล้าน บาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,108,580.32 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน ซึ่งรัฐบาลค้ำประกัน 208,702.02 ล้านบาท และหนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 98,146.48 ล้านบาท 2. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ช่วง 6 เดือนหลังของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สามารถดำเนินงานตามแผนฯ ได้ทั้งสิ้น 681,167.40 ล้านบาท ประกอบด้วยการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาลเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณและเมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ 225,530.52 ล้านบาท การบริหารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ของรัฐบาล 266,621.69 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Roll-over ตั๋วเงินคงคลัง รวมทั้งการบริหารหนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความ เสียหายให้ FIDF การกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จำนวน 80,000.00 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นการบริหารหนี้และการก่อหนี้ใหม่ของรัฐ วิสาหกิจ จำนวน 109,015.19 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถลดยอดหนี้คงค้างลง จำนวน 40,101.43 ล้านบาท และสามารถประหยัดดอกเบี้ยได้ 1,206.68 ล้านบา ท นอกจากนี้ ยังมีการกู้เงินและบริหารหนี้ของรัฐ วิสาหกิจที่ไม่อยู่ภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะอีก จำนวน 59,750 ล้ านบาท โดยเป็นการกู้เงินและ บริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 48,700 ล้านบาท การกู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริม สภาพคล่องในรูป Credit Line จำนวน 11,050 ล้านบาท
|
|||||||||||||||
3273 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2553 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,885 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 3,991 โครงการ วงเงิน 32,089.67 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 37,894 โครงการ วงเงิน 311,267.11 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 5,592 โครงการ วงเงิน 22,841.63 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 168 โครงการ วงเงิน 9,056.52 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 5,424 โครงการ วงเงิน 13,785.11 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 32,302 โครงการ วงเงิน 288,425.48 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 32,302 โครงการ วงเงิน 272,568.98 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,080 โครงการ วงเงิน 67,993.57 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 28,897 โครงการ วงเงิน 177,810.64 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,325 โครงการ วงเงิน 26,764.77 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 30,222 โครงการ วงเงิน 204,575.41 ล้านบาท
|
|||||||||||||||
3274 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัท บริหารสินทรัพย์ไทย (จำนวน 6 คน 1. คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ฯลฯ) | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหาร
สินทรัพย์ไทย จำนวน 6 คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นได้ดำรงตำแหน่งครบกำหนดวาระแล้ว ตาม ที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1. คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม เป็นประธานกรรมการต่ออีกหนึ่งวาระ 2. นางธาริษ วัฒนเกส เป็นกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง 3. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง 4. นายบรรยง วิเศษมงคลชัย เป็นกรรมการแทน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล 5. นายชาติศิริ โสภณพนิช เป็นกรรมการผู้แทนสมาคมธนาคารไทยแทน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ 6. นายชัยวัธ มะระพฤกษ์วรรณ เป็นกรรมการผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยต่ออีก วาระหนึ่งตามที่สมาคมหอการค้าแห่งประเทศไทยเสนอ
|
|||||||||||||||
3275 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 10/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 1.2 เห็นชอบแนวทางการพิจารณาโครงการที่จะใช้วงเงินเหลือจ่ายจากพระราชกำหนดฯ 1.3 อนุมัติการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ ให้แก่โครงการที่ คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขา เศรษฐกิจ และกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระราชกำหนดฯ วงเงิน 4,907.49 ล้าน บาท 1.4 เห็นชอบแนวทางดำเนินการสำหรับการขอยกเลิกโครงการที่ได้รับอนุมัติการจัดสรรเงินกู้ตาม พระราชกำหนดฯ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้นำวงเงินโครงการที่ยกเลิก มารวมเป็นวงเงินเหลือจ่าย และให้หน่วยงานดังกล่าวเสนอโครงการใหม่ตามขั้นตอนการพิจารณาวงเงินเหลือจ่าย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 1.5 เห็นชอบการกำหนดกรอบระยะเวลาการเสนอโครงการเพิ่มเติม เพื่อขอใช้วงเงินเหลือจ่ายตาม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2553 โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเสนอโครง การพร้อมวงเงินต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ภาย ในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 และสำหรับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้จากคณะรัฐมนตรี หรือได้รับการจัดสรรเงินกู้จากสำนักงบประมาณแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้หรือประสงค์ที่จะขอยกเลิก โครงการ กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการแจ้งคณะกรรมการฯ เพื่อขอยกเลิกโครงการและคืนวง เงินรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 ด้วย 1.6 อนุมัติขยายเวลาขอรับการจัดสรรเงินกู้ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวง ศึกษาธิการ ที่ยังไม่อาจขอรับการจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จากสำนักงบประมาณ วง เงิน 1,543,324,500 ล้านบาท เป็นภายใน 30 กันยายน 2553 และเนื่องจากเป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์จึงเห็นควร เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายน 2554 หากสำนักงานฯ ไม่สามารถขอรับจัดสรรได้ ภายใน 30 กันยายน 2553 เห็นควรให้ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป 1.7 อนุมัติขยายเวลาการลงนามในสัญญาของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ โครง การในสาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ได้รับการจัดสรรวงเงินจากสำนักงบประมาณ วงเงิน 705 ล้านบาท เป็นภาย ในวันที่ 30 กันยายน 2553 และขยายเวลาดำเนินโครงการเป็นภายใน 1 ปี นับจากวันลงนามในสัญญา หาก หน่วยงานไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ภายใน 30 กันยายน 2553 เห็นควรยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการ และนำมารวมเป็นวงเงินสำรองจ่ายต่อไป 1.8 อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดย ให้หน่วยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน รวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้ จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครง การ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะ ต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ 1.9 อนุมัติในหลักการให้กระทรวงสาธารณสุขใช้เงินบำรุงสมทบสำหรับรายการจัดซื้อจัดจ้างที่สูง กว่าวงเงินที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับอนุมัติ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณา รายละเอียดและความเหมาะสมของวงเงินประกอบการขอรับจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 2. เห็นชอบให้แก้ไขชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการพร้อมอุปกรณ์ที่ทัน สมัย ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาชายฝั่ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ในหนังสือกระทรวงการคลังด่วนที่สุด ที่ กค 0907/ 15088 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2553 หน้า 5) ให้ถูกต้อง จากเดิม"กรมชลประทาน" เป็น "กรมประมง" ตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||
3276 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2553 | กค | 03/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,867 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,021 โครงการ วงเงิน 32,560.88 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 37,846 โครงการ วงเงิน 310,832.34 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 6,260 โครงการ วงเงิน 26,959.31 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 226 โครงการ วงเงิน 10,237.87 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 6,034 โครงการ วงเงิน 16,721.44 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 31,586 โครงการ วงเงิน 283,873.03 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 31,586 โครงการ วงเงิน 261,834.74 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,119 โครงการ วงเงิน 14,726.69 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 28,142 โครงการ วงเงิน 172,921.40 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,325 โครงการ วงเงิน 26,764.77 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 29,467 โครงการ วงเงิน 199,686.17 ล้านบาท
|
|||||||||||||||
3277 | มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม | กค | 03/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้การจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษี ท้องถิ่น) ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี จนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่า เพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่าง พระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 2.1 ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 6.3 เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลา คม 2553 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 2.2 ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็น ต้นไป
|
|||||||||||||||
3278 | การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในสัญญาการให้สินเชื่อโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Hongsa Mine-Mouth Power Project กับ Hongsa Power Co., Ltd | กค | 03/08/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบการดำเนินการของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสินตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2553 เกี่ยวกับการใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในสัญญาการให้สินเชื่อ โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Hongsa Mine-Mouth Power Project ระหว่างธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน กับ Hongsa Power Company Limited โดยให้กระทรวงการคลังรับความเห็น ของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่ากรณีจำเป็นจะต้องใช้วิธีกระบวนการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท ดังกล่า วธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสินควรเจรจากับธนาคารผู้ให้สินเชื่อรายอื่นเพื่อ ยอมรับเงื่อนไขในการกำหนดสถานที่ดำเนินกระบวนการพิจารณาเป็นประเทศไทยโดยใช้อนุญาโตตุลาการตาม ข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรมโดยใช้ภาษาไทยในกระบวนวิธีพิจารณา ซึ่งจะทำ ให้เกิดความสะดวก และลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการระงับข้อพิพาทของคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมากกว่า ไป ดำเนินการต่อไปด้วย 2. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2553 เรื่องดังกล่าวเฉพาะในส่วนที่ให้กระทรวง การคลังรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไปดำเนินการ
|
|||||||||||||||
3279 | การทบทวน ปรับปรุง หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่างๆ | กค | 28/07/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 4/2551 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551 ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2552 ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2552 ดังนี้ 1.1.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของหน่วยงานสร้างอาวุธ ของกระทรวงกลาโหม 1.1.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปโดยปรับปรุงหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการได้รับสิทธิพิเศษ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงกลั่นน้ำมันฝาง กรมการพลังงานทหาร สิทธิพิเศษขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) สิทธิพิเศษของสภากาชาดไทย สิทธิพิเศษของโรงพิมพ์ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และโรงพิมพ์ที่อยู่ในความควบคุมของหน่วยงานดังกล่าว และสิทธิพิเศษของโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา 1.1.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงานต่างๆ จำนวน 2 หน่วยงาน ได้แก่ สิทธิพิเศษของโรงเรียนผู้ใหญ่รวมช่าง โรงเรียนผู้ใหญ่สายอาชีวศึกษา และโรงเรียนฝึกฝนอาชีพเคลื่อนที่ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2517 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ สร 0203/ว 118 ลงวันที่ 10 ตุลาคม 2517 และสิทธิพิเศษของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2531 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 190 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2531 1.2 มติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2551 ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ดังนี้ 1.2.1 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเดิม จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 1.2.2 ให้หน่วยงานคงได้รับสิทธิพิเศษต่อไป โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขการได้รับสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 4 หน่วยงาน ได้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา (โรงเรียนต่อเรือพระนครศรีอยุธยา เดิม) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กรมอาชีวศึกษา เดิม) บริษัท ไม้อัดไทย จำกัด และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ 1.2.3 ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่ให้สิทธิพิเศษแก่หน่วยงาน จำนวน 1 หน่วยงาน ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2541 แจ้งตามนัยหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว(ล) 12361 ลงวันที่ 23 กันยายน 2541 เนื่องจากไม่มีภารกิจในการผลิต รับจ้างทำ จำหน่าย ให้บริการหรือหมดความจำเป็นที่จะได้รับสิทธิพิเศษต่อไปและให้แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานอื่นของรัฐ ทราบต่อไป 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า กรณีสิทธิพิเศษของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ดำเนินการโดยวิธีกรณีพิเศษได้นั้น สมควรกำหนดให้มีการตรวจสอบราคาตลาดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ราคาอ้างอิงด้วย เพื่อให้การดำเนินการมีความโปร่งใสและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||
3280 | การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในสัญญาการให้สินเชื่อโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อน Hongsa Mine-Mouth Power Project กับ Hongsa Power Co.,Ltd | กค | 28/07/2553 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้มีการกำหนดในสัญญาสินเชื่อ สัญญาค้ำประกัน และสัญญาทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การให้สินเชื่อระยะยาว Syndicated Loan เพื่อใช้ในการลงทุนดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ในสาธารณรัฐประชา ธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.ธนาคารกรุงไทย) และธนาคาร ออมสินกับ Hongsa Power Company Limited (HPC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน สปป.ลาว โดยมอบข้อพิพาทให้ อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเป็นผู้ชี้ขาดตามที่ธนาคารทั้ง 2 แห่ง เสนอ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นว่าในกรณีที่จำเป็นต้องใช้วิธีกระบวน การอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาดังกล่าว บมจ.ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ควรเจรจา กับธนาคารผู้ให้สินเชื่อรายอื่น เพื่อยอมรับเงื่อนไขในการกำหนดให้สถานที่ดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นประเทศไทย โดยใช้อนุญาโตตุลาการตามข้อบังคับของสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม โดยใช้ภาษาไทยในการ ดำเนินกระบวนวิธีพิจารณา ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการระงับข้อพิพาทของคู่สัญญา ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมากกว่า ไปดำเนินการต่อไปด้วย |