ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 169 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 3361 - 3380 จากข้อมูลทั้งหมด 9647 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3361 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2553 | กค | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (ราย
โครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 40,942 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 8,388 โครงการ วงเงิน 76,675.11 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 32,554 โครงการ วงเงิน 268,530.57 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 18,653 โครงการ วงเงิน 57,170.33 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 6,782 โครงการ วงเงิน 14,004.79 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 11,871 โครงการ วงเงิน 43,165.54 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 13,901 โครงการ วงเงิน 211,360.25 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 13,901 โครงการ วงเงิน 207,307.57 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 3,175 โครงการ วงเงิน 20,141.84 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 10,059 โครงการ วงเงิน 88,258.06 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 667 โครงการ วงเงิน 19,340.03 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 10,726 โครงการ วงเงิน 107,598.09 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3362 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยขยาย เวลาการขอรับจัดสรรเงินของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เป็น 45 วันทำการหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในครั้งนี้ รวมทั้งรับทราบการอนุมัติโครงการที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติแก้ไขการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นลักษณะการแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อน 2. รับทราบแนวทางการพิจารณาโครงการที่ขอโอนเปลี่ยนแปลงข้ามโครงการ ของกรมทรัพยากรน้ำ กรม ทางหลวง และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยนำโครงการที่อยู่ระหว่างขอโอนเปลี่ยนแปลงโครง การมาพิจารณาอีกครั้ง โดยให้เสนอกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อ ฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอรัฐสภาเพื่อทราบตามนัยมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 3. อนุมัติการขอจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดปัตตานี ของสำนักงานศาลยุติธรรม วงเงิน 16 ล้านบาท 4. อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับโครง การภายใต้แผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสนอขอใช้เงินเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรีวงเงินทั้งสิ้น 2,170.04 ล้านบาท และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินกู้สำรองจ่ายสำหรับ โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงบประมาณ 5. อนุมัติเป็นหลักการให้โครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการส่ง ข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 6. อนุมัติการขยายระยะเวลาให้หน่วยงานที่ได้รับอนุมัติการจัดสรรเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 จากสำนักงบประมาณแล้ว ให้ลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
3363 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม 2553 | กค | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 40,877 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 10,907 โครงการ วงเงิน 82,406.01 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 29,970 โครงการ วงเงิน 263,058.92 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 17,072 โครงการ วงเงิน 57,336.67 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 5,083 โครงการ วงเงิน 18,152.03 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 11,989 โครงการ วงเงิน 39,184.64 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 12,898 โครงการ วงเงิน 205,722.25 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 12,898 โครงการ วงเงิน 204,053.37 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 2,907 โครงการ วงเงิน 19,081.08 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 9,325 โครงการ วงเงิน 83,659.77 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 666 โครงการ วงเงิน 19,339.88 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 9,991 โครงการ วงเงิน 102,999.65 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3364 | การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | กค | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (คณะกรรมการ ธ.ก.ส.) ครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้ 1.1 ให้ใช้เงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่ เกษตรกรตามสัญญาประกันรายได้เกษตรกรระหว่างที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาล โดย ธ.ก.ส. คิดต้นทุนเงินเพื่อขอเบิกชดเชยจากรัฐบาลในอัตราร้อยละ 1.98 ต่อปี 1.2 ให้เบิกจ่ายเงินจากโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โครงการประกันรายได้ เกษตรกร วงเงิน 40,000 ล้าบาท เพื่อชำระคืน ธ.ก.ส. หากวงเงินดังกล่าวคงเหลือไม่เพียงพอ ให้ ธ.ก.ส. ขอจัด สรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 2. ให้ ธ.ก.ส. เร่งรัดเสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 (เรื่อง การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย เพื่อขอขยายเวลาการ ขอรับจัดสรรเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรเนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นภาระที่รัฐบาลต้องใช้จ่ายต่อไป และให้ดำเนินการ ดังนี้ 2.1 ให้ ธ.ก.ส. เร่งดำเนินการขอจัดสรรงบประมาณตามโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 โดยทันทีเมื่อ ธ.ก.ส ได้สำรองจ่ายในแต่ละครั้ง เพื่อลดภาระค่าดอกเบี้ยของรัฐบาล 2.2 ให้ ธ.ก.ส. คงคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.98 ต่อปี (สำหรับเงินที่ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายชดเชยส่วน ต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่เกษตรกรแทนรัฐบาลไปก่อน) ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
3365 | มาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านยาของสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ | กค | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการมาตรการควบคุมการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้มีการตรวจสอบและควบคุมการเบิกจ่ายค่ายาบางกลุ่ม หรือรายการ เป็นไปตามหลักบัญชียา แห่งชาติ หรือตามเงื่อนไขและข้อบ่งชี้ที่องค์กรวิชาชีพกำหนด โดยแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อมูลและความคิดเห็น รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เกี่ยวกับระบบ สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ 1.2 ให้กรมบัญชีกลางร่วมกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการประยุกต์ ใช้ระบบการออมเพื่อสุขภาพ (Medisave) สำหรับข้าราชการบรรจุใหม่และแนวทางการอภิบาลระบบเพื่อปฏิรูปองค์ กรบริหารจัดการระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ 1.3 ให้กรมบัญชีกลางร่วมกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้องศึกษากำหนดอัตราอัตราจ่ายล่วงหน้าราย กลุ่มโรคสำหรับการรักษาประเภทผู้ป่วยภายนอกโดยกรมบัญชีกลางตกลงราคาเหมาจ่ายรายโรคแก่สถานพยาบาล 2. สำหรับงบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าววงเงิน 11,000,000 บาท นั้น ให้กระทรวงการคลังขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการศึกษาความเป็น ไปได้ในเรื่องการประยุกต์ใช้ระบบ Medisave สำหรับข้าราชการบรรจุใหม่ ควรครอบคลุมข้าราชการปัจจุบันด้วยโดย เสนอเป็นทางเลือกในการลงทุนด้านสุขภาพรูปแบบต่าง ๆ ที่ควบคู่กับการสร้างมาตรการจูงใจในการส่งเสริมการดู แลสุขภาพ (Health consciousness) ของตนเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลในระยะยาว รวมทั้งศึกษากลไก ในการกำกับดูแลสถานพยาบาลไม่ให้มีการให้บริการ หรือเรียกเก็บเงินจากการรักษาพยาบาลเกินความจำเป็นควบ คู่กับการหาแนวทางการร่วมจ่าย (Co-payment) ในกรณีของโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง และความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นด้วยกับการให้กรมบัญชีการศึกษาการใช้ระบบ Medisave ที่เป็นระบบการให้หักเงินเดือนเพื่อเป็นเงินออมด้าน สุขภาพสำหรับข้าราชการใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นภาระสำหรับข้าราชการที่ได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าภาค เอกชน จึงจำเป็นต้องศึกษาผลกระทบของระบบดังกล่าวด้วยความรอบคอบ ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
3366 | การปรับปรุงวันหยุดพักผ่อนประจำปีของพนักงานบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด | กค | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ปรับปรุงวันหยุดพักผ่อนประจำปี
ของพนักงาน ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ ดังนี้ 1. กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันมาแล้วครบ 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี มี สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 8 วันทำงาน 2. อายุงาน 3 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 10 วันทำงาน 3. อายุงาน 5 ปีขึ้นไป มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 15 วันทำงาน และให้มีการสะสมหรือเลื่อน ไปหยุดในปีถัดไปได้ ทั้งนี้ สะสมได้ไม่เกิน 2 ปีติดต่อกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
3367 | การชำระค่าหุ้นสำหรับการเพิ่มทุนสามัญทั่วไป ครั้งที่ 5 ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) | กค | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรูปแบบและวงเงินการชำระค่าหุ้นสำหับการเพิ่มทุนสามัญทั่วไป ครั้งที่ 5
ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญทั่วไปเพิ่มขึ้น จำนวน 96,348 หุ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. การชำระค่าหุ้น ฯ ครั้งที่ 1 ของประเทศไทย คือ วันที่ 1 เมษายน 2553 โดยมูลค่าหุ้นที่ประเทศ ไทยต้องชำระ คือ 3,584 หุ้น x 12,063.50 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อหุ้น เท่ากับมูลค่าประมาณ 46.5 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ฯ แบ่งชำระเป็น 2 รูปแบบ ในระยะเวลาเบิกจ่ายแบ่งออกเป็น 5 ปี ดังนี้ 1.1 เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ฯ รูปแบบของเงินสดในอัตราร้อยละ 40 ของส่วน Paid-in จะเท่ากับ มูลค่าประมาณ 18.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ (มูลค่า 46.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ x ร้อยละ 40 ของส่วน Paid- in) แบ่งการชำระออกเป็น 5 ปี เท่ากับมูลค่าประมาณ 3.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อปี หรือประมาณ 123.88 ล้านบาทต่อปี (อัตราแลกเปลี่ยน 33.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ฯ ณ วันที่ 29 มกราคม 2553) 1.2 เงินบาทในรูปแบบของตั๋วสัญญาใช้เงินคลังเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ยร้อยละ 60 ของส่วน Paid-in จะเท่ากับมูลค่าประมาณ 27.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ (มูลค่า 46.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ x ร้อยละ 60 ของส่วน Paid-in) โดยแบ่งตั๋วสัญญา ฯ ออกเป็น 5 ฉบับ ในระยะเวลา 5 ปี เท่ากับมูลค่าประมาณ 5.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อปี หรือประมาณ 185.81 ล้านบาทต่อปี (อัตราแลกเปลี่ยน 33.30 บาท ต่อดอลลาร์ สหรัฐ ฯ ณ วันที่ 29 มกราคม 2553)
|
|||||||||||||||||||||||||||
3368 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 19 มีนาคม 2553 | กค | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 19 มีนาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 40,706 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 13,776 โครงการ วงเงิน 90,772.23 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 26,930 โครงการ วงเงิน 254,997.33 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 14,857 โครงการ วงเงิน 55,320.81 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 2,478 โครงการ วงเงิน 11,853.17 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 12,379 โครงการ วงเงิน 43,467.64 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 12,073 โครงการ วงเงิน 199,676.51 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 12,073 โครงการ วงเงิน 197,941.45 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,570 โครงการ วงเงิน 17,721.45 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 8,837 โครงการ วงเงิน 77,262.97 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 666 โครงการ วงเงิน 19,338.08 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 9,503 โครงการ วงเงิน 96,601.05 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3369 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 23/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ดังนี้ 1.1 จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย 1.1.1 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสระ แก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัด ตาก จังหวัดน่าน จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี - ขอปรับกิจกรรมและงบประมาณของโครงการเพื่อความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพต่อ การดำเนินงาน - ขอแก้ไขรายการซ้ำซ้อนกับรายการที่หน่วยงานอื่นได้รับจัดสรรแล้ว โดยโครงการจังหวัด และกลุ่มจังหวัดซึ่งมีรายการซ้ำซ้อน ให้นำโครงการลำดับที่ 2 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่ม จังหวัดปี 2553 มาดำเนินการแทน - ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในการบันทึกข้อมูลให้ถูกต้อง รวมทั้งปรับปรุงรายละเอียดงบ ประมาณรายจ่ายให้ถูกต้องตามหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย - ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการให้สอดคล้องกับการดำเนินการจริง - ขอเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนใน วงเงินเดิม - ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินการให้ตรงกับข้อเท็จจริงตามทะเบียนภูมิศาสตร์ 1.1.2 จังหวัดนนทบุรี ขอปรับลดเป้าหมายการดำเนินการจากการขุดลอกคลอง อำเภอเมือง 15 สาย เป็น 10 สาย และขอเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในการขุดคลองอำเภอบางกรวย จาก 3 สาย เป็น 45 สาย 1.1.3 จังหวัดตราด (รายการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล) ขอเพิ่มพื้นที่เป้าหมายในการดำเนิน การภายใต้วงเงินเดิม และขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดข้อมูลให้ถูกต้องตามหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย 1.1.4 จังหวัดสุราษฎร์ธานี (รายการส่งเสริมพัฒนาหมู่บ้านท่องเที่ยว OVC เมืองคนดี) ขอเปลี่ยน แปลงรายละเอียดข้อมูลให้ถูกต้องตามหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย 1.2 กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการครุภัณฑ์ เพื่อให้ตรงกับคุณ ลักษณะเฉพาะที่กองทัพบกกำหนด และให้ตรงกับความต้องการของหน่วยงานที่จะใช้งาน 1.3 กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง ขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่การดำเนินการ เนื่องจากรายการเดิม เป็นการก่อสร้างที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 1.4 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ขอเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการให้ เป็นไปตามสภาพปัญหาในพื้นที่ความมั่นคงปลอดภัยทางวิศวกรรมและความต้องการของท้องถิ่น 1.5 กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอแก้ไขจำนวนอัตราที่จัด สรรให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง 2. รับทราบการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานดำเนินโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือเกาะสีชัง 2 แห่ง พร้อมเรือขน ถ่ายนักท่องเที่ยว ของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ เป็น ไปตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
3370 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตาม
ที่กระทรวงการคลังเสนอ โดย 1. ให้ขยายเวลาให้หน่วยงานที่ได้รับอนุมัติการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ทุกรายการ เสนอขอรับการจัดสรรเงินตามโครงการ ฯ จากสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 โดย ส่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณประกอบการพิจารณารับการจัดสรรเงินด้วย 2. ให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 8,500 ล้านบาท) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงบประมาณกำหนด โดยความเห็น ชอบของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555
|
|||||||||||||||||||||||||||
3371 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย โดยให้ มีการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่ผู้โอนอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่มูลนิธิ ฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูล นิธิ ฯ ในการให้การสงเคราะห์แก่เด็กและผู้เยาว์ที่ถูกทอดทิ้งหรือได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์สำหรับรายรับหรือการกระทำตราสารอันเนื่อง มาจากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก ของสภากาชาดไทย 2.2 ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองใน อสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทนให้แก่มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของสภากาชาดไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||
3372 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามชนิด ประเภท และ ขนาดของรถ พ.ศ. .... (ออกตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535) | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามชนิด ประเภท และ
ขนาดของรถ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยตามชนิด ประเภท และขนาดของรถ พ.ศ. 2547 2. เพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อราย กรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ ถาวรจาก 100,000 บาท เป็น 200,000 บาท และเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อ ราย กรณีเสียชีวิตจาก 100,000 บาท เป็น 200,000 บาท 3. เพิ่มความคุ้มครองเงินชดเชยรายวัน กรณีพักรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลที่นอก เหนือจากค่าอนามัย จำนวนเงินวันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วันต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
3373 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการค้ำประกันการชำระหนี้ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ พ.ศ. .... | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ 1.1 ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐ กิจและสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้ กำหนดหลักเกณฑ์ในการกู้เงินเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กรอบวงเงิน ในการกู้เงิน รวมทั้งวิธีการและเงื่อนไขในการกู้เงิน 1.2 ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการค้ำประกันการชำระหนี้ ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ในการ ค้ำประกันการชำระหนี้ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ กำหนดกรณีที่ห้ามกระทรวง การคลังค้ำประกัน กรอบวงเงินในการค้ำประกัน รวมทั้งวิธีการและเงื่อนไขในการค้ำประกัน 2. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าร่างประกาศตามข้อ 1.1 ควรมีการกำหนดนิยามศัพท์ ขอบเขต และเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น เกณฑ์ ความมั่นคงทางการเงินของประเทศพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อ ไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
3374 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 5 มีนาคม 2553 | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 5 มีนาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 40,706 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 15,965 โครงการ วงเงิน 101,057.40 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 24,741 โครงการ วงเงิน 245,109.11 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 13,803 โครงการ วงเงิน 55,438.32 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 8,765 โครงการ วงเงิน 31,125.74 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 5,038 โครงการ วงเงิน 24,312.58 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 10,938 โครงการ วงเงิน 189,670.79 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 10,938 โครงการ วงเงิน 189,129.02 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,529 โครงการ วงเงิน 16,774.60 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 7,743 โครงการ วงเงิน 69,489.61 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 666 โครงการ วงเงิน 19,338.08 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 8,409 โครงการ วงเงิน 88,827.59 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
3375 | การออกสลากการกุศลงวดพิเศษ | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการออกสลากการกุศลงวดพิเศษ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 การออกสลากการกุศลเพื่อการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาค เนย์ จำนวนเงิน 5,000 ล้านบาท 1.2 การออกสลากการกุศลของมูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ จำนวน 1,075.20 ล้านบาท 1.3 การออกสลากการกุศลของมูลนิธิรามาธิบดีในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวนเงิน 1,056 ล้านบาท 2. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2541 (เรื่อง การออกสลากการกุศลงวด พิเศษ) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
3376 | ปัญหาการขอใช้สิทธิลดอัตราอากรตามกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย | กค | 09/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบปัญหาการขอใช้สิทธิลดอัตราอากรตามกรอบความตกลงว่าด้วยการจัดตั้ง
เขตการค้าเสรีระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินเดีย กรณีบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ซื้อขายผ่านประเทศนายหน้าหรือประเทศที่สาม จึงไม่มีสิทธิยกเว้นอากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาในแนวทางเดียวกับการดำเนินการเรื่อง ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐ กิจไทย-ญี่ปุ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
3377 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ตามข้อเสนอของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.2 ขยายระยะเวลาการเก็บเงินและการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่คงเหลือ จำนวน 197.59 ล้านบาท ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.3 การจัดสรรค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารขององค์การ คลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 1.4 มอบหมายการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ให้คณะกรรมการนโยบาย ข้าวแห่งชาติ (กขช.) กำกับดูแลต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสต๊อก (Stock) ข้าวของโครงการ ฯ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน ก่อนส่งมอบ กขช. ด้วย 2. กรณีโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรที่คณะรัฐมนตรีหรือ กขช. หรือคณะกรรมการนโยบายและ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการ และหากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วแต่ยัง มีภาระหนี้กับ ธ.ก.ส. ให้ ธ.ก.ส. ขอเบิกชดเชยค่าใช้จ่ายได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยให้เสนอขออนุมัติต่อ คณะรัฐมนตรีเป็นรายโครงการ เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้รับทราบผลการดำเนินงานของแต่ละโครงการอย่างต่อเนื่อง เช่นที่เคยปฏิบัติมา 3. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการระบายข้าวสารภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 เพื่อลดภาระดอก เบี้ยและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาคุณภาพข้าว ซึ่งจะเป็นภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนทุกปี ไปพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
3378 | การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทย | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการประชุมหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่อง การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศและกิจการของคนไทย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2553 โดยที่ ประชุมได้พิจารณาในส่วนของข้อ 16 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของข้อ 16 เป็นการ กำหนดหลักเกณฑ์การให้สิทธิพิเศษทางด้านราคาสำหรับสินค้าไทย โดยกำหนดสิทธิพิเศษลดหลั่นกันตามมาตรฐาน ที่ได้รับเพื่อส่งเสริมมาตรฐานสินค้าและโรงงานผู้ผลิตโดยมีรายละเอียดครอบคลุมทั้งมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การรับรองระบบคุณภาพ (ISO) ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการจดทะเบียน รวมถึงสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยอย่างครบถ้วน แล้ว ทั้งนี้ ยกเว้นเมื่อประเทศไทยได้เข้าเป็นสมาชิกของความตกลงว่าด้วยการจัดซื้อโดยรัฐ (Government Procurement Agreement-GPA) ขององค์การการค้าโลก ซึ่งได้กำหนดหลักการเกี่ยวกับการห้ามเลือกปฏิบัติ (Non-discrimination) ก็จำเป็นต้องแก้ไขระเบียบดังกล่าวให้สอดคล้องกับความตกลงต่อไป 2. เพื่อให้รัฐวิสาหกิจนำหลักเกณฑ์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ ไขเพิ่มเติม ข้อ 16 มาเป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบของทางราชการ เห็นควรให้หน่วยงานรัฐวิสาห กิจหรือหน่วยงานที่รัฐบาลถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 51 ให้ความร่วมมือในการนำหลักเกณฑ์ของระเบียบดังกล่าวและมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 มาปรับใช้ ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐวิสาหกิจ โดยคำนึงถึงประสิทธิ ภาพการประกอบการและประโยชน์ของหน่วยงานเป็นสำคัญ 3. เห็นควรจัดตั้งคณะทำงานเพื่อรวบรวมข้อมูลปัญหาอุปสรรครวมทั้งรับฟังความเห็นจากรัฐวิสาหกิจเกี่ยว กับหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 16 ซึ่ง ประกอบด้วยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ กรมบัญชีกลาง และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 4. เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ปรับปรุงระบบฐาน ข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ผลิตสินค้าในประเทศและกิจการของคนไทยให้ทันสมัยและสะดวกกับการสืบค้น ปรับปรุงมาตรฐาน ต่าง ๆ ให้เท่าเทียมกับสากล รวมถึงตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไว้ แล้วไม่ให้มีมาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และกำหนดระยะเวลาการให้มาตรฐานเพื่อให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและ โรงงานผู้ผลิตของภาคเอกชนมีความทันสมัยเป็นปัจจุบัน |
|||||||||||||||||||||||||||
3379 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 2 ราย นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ และนายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์) | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ ดังนี้ 1. นายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2552 2. นายอัษฎางค์ ศรีศุภรพันธ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่ม ธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและ แผนทรงคุณวุฒิ ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
3380 | การเพิ่มทุนคงค้างในสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กระทรวงการคลังดำเนินการชำระเงินเพิ่มทุนคงค้างของสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ จำนวน 519,131 บาท โดยให้ชำระเงินในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินคลังประเภทจ่ายเงินเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ย (Promissory Note) 1.2 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามใน Instrument of Commitment แจ้งยืนยันการ ชำระเงินเพิ่มทุนคงค้างดังกล่าวและลงนามเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1.2.1 Request for Substitution of Notes for IDA Replenishment 1.2.2 Forms of Notes for IDA Subscriptions 1.2.3 Confirmation Receipt of Deposit 1.3 อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการชำระเงินเพิ่มทุนคงค้างดังกล่าว โดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเบิก จ่ายเพื่อชำระเงินต่อไป 2. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังใช้จ่ายจากเงินงบประมาณประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2553 ไปก่อนเป็นลำดับแรก แต่หากไม่สามารถดำเนินการเจียดจ่ายได้ ให้ขอรับการจัดสรรงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....