ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 617 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12321 - 12340 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12321 | ขออนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2561 | กษ | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี ๒๕๖๑ ของเกษตรกรกลุ่มที่ผ่านการประเมินระยะปรับเปลี่ยน (T2) และเกษตรกรกลุ่มที่ได้รับรองการผลิตข้าวอินทรีย์ (T3) วงเงินทั้งสิ้น ๕๓๖.๔๓๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับติดตามการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ให้เป็นไปอย่างโปร่งใสมีประสิทธิภาพและบรรลุตามวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินการควรมุ่งเน้นถึงผลสัมฤทธิ์ของโครงการและความคุ้มค่าของเงินงบประมาณ โดยไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว รวมทั้งควรมีมาตรการเสริมในการสนับสนุนเกษตรกรให้มีความพร้อมในการดำเนินงานในปีที่ ๒ และปีที่ ๓ เช่น การใช้เครือข่ายความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และศูนย์ปราชญ์ชาวบ้านที่มีองค์ความรู้ในการทำเกษตรอินทรีย์มาให้คำแนะนำและเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด รวมถึงสนับสนุนภาคเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนในการเชื่อมโยงผลผลิตสู่ตลาด เพื่อสร้างความมั่นใจในการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตเข้าสู่มาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ และลดปัญหาเกษตรกรไม่ผ่านการตรวจประเมิน ซึ่งจะมีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งบประมาณของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าวที่มีการปฏิบัติตามระบบการเกษตรที่ดี (GAP) ครบวงจร รวมทั้งสนับสนุนการซื้อข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๐ และวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาผลผลิตที่สอดคล้องกับราคาตลาดและคุณภาพของผลผลิต รวมถึงมีตลาดรองรับผลผลิตข้าวคุณภาพที่จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12322 | ปฏิญญาโดฮาและสรุปรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 16 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กต | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ ซึ่งการประชุมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีหารือระดับนโยบายระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียเพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และผลประโยชน์ร่วมกันจากศักยภาพที่หลากหลายของประเทศสมาชิก โดยที่ประชุมฯ มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์ ๑ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาโดฮา โดยปฏิญญาดังกล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของ “หุ้นส่วนที่กำลังก้าวหน้า” และการให้ความสำคัญด้านต่าง ๆ เช่น การต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ การส่งเสริมการค้าเสรี การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การส่งเสริมความปลอดภัยด้านน้ำและอาหาร การวิจัยด้านพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีการเกษตร เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือทวิภาคีกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ในประเด็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในภาพรวมเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและพลังงาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ปัจจุบันมูลค่าการค้าทวิภาคี โดยเฉพาะในสาขาพลังงาน (น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ) อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยฝ่ายไทยได้เชิญชวนให้กาตาร์เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และกาตาร์แสดงความสนใจการลงทุนในสาขาการท่องเที่ยวและโทรคมนาคมในไทย รวมทั้งได้หารือสามฝ่ายกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยทั้งสามฝ่ายเห็นว่ากรอบความร่วมมือ ACD ในภูมิภาคมีความสำคัญแต่ยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร จึงควรผลักดันให้มีพลวัตมากขึ้น และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลการประชุมฯ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การขับเคลื่อน ๖ เสาหลักความร่วมมือของ ACD [(๑) ความเชื่อมโยงระหว่างความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และพลังงาน (๒) ความเชื่อมโยงของประเทศสมาชิก (๓) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (๔) การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๕) วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และ (๖) การส่งเสริมแนวทางสู่การพัฒนาที่ทั่วถึงและยั่งยืน] การค้า การลงทุน การเงินและการธนาคาร ความมั่นคง พลังงาน สาธารณสุข กีฬา การท่องเที่ยว ความเชื่อมโยง และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น การมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องตามนัยตารางติดตามผลการประชุมฯ ในเรื่องที่ ๑ การขับเคลื่อนเสาความร่วมมือ ๖ เสา ของ ACD และเรื่องที่ ๑๑ การอนุวัติเป้าหมายเพื่อการพัฒนาข้อ ๖ (สร้างหลักประกันให้ประชาชนมีน้ำใช้ มีการบริหารจัดการน้ำ การสุขาภิบาลอย่างยั่งยืนสำหรับทุกคน) เห็นควรเพิ่มเติมสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานกำกับนโยบาย และติดตามการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ เป็นต้น ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12323 | ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และรายงานการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาคุณธรรม และความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ปช | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงว่า ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ พบว่า ในภาพรวมมีค่าคะแนนเฉลี่ย ๖๑.๑๑ คะแนน ซึ่งต่ำกว่าค่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๘๕ คะแนนขึ้นไป) ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีการเผยแพร่ผลการประเมินดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบ เพื่อเป็นการสะท้อนคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานและการบริหารจัดการของ อปท. รวมทั้งให้ผู้บริหารของ อปท. และผู้ที่เกี่ยวข้องปรับปรุงและพัฒนา อปท. ให้สามารถยกระดับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสให้สูงขึ้นต่อไป ๒. รับทราบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ อปท. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย และ อปท. เผยแพร่ผลการประเมินคุณธรรมฯ และรายงานการศึกษาเพื่อจัดทำแผนพัฒนาคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของ อปท. เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องในการสะท้อนปัญหาและผลกระทบจากการบริหารจัดการของ อปท. รวมทั้งเป็นการเฝ้าระวัง ตรวจสอบการบริหารจัดการของ อปท. ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย และ อปท. ประสานในรายละเอียดกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย และ อปท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เช่น (๑) การจัดเก็บภาษีเสริมและจัดสรรรายได้ให้แก่ อปท. ควรคำนึงถึงผลกระทบด้านฐานะการคลังและข้อจำกัดการใช้นโยบายภาษีอากรของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ประกอบกอบกับการจัดสรรภาษีเงินได้นิติบุคคลตามพื้นที่จัดตั้ง อาจจะมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งอาจส่งผลให้บางพื้นที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ (๒) ตัวชี้วัดเรื่องการใช้งบประมาณ ควรคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และความสามารถในการจัดเก็บรายได้ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จของการป้องกันการทุจริตในภาพรวม และการดำเนินงานอย่างโปร่งใส และ (๓) อปท. ควรมีข้อเสนอแนวทางการปรับพฤติกรรมการทำงาน รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสนับสนุนให้การยกระดับผลการประเมินฯ ของ อปท. บรรลุเป้าหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย แล้วให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการในภาพรวมต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12324 | แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว ปี 2562-2563 | รง | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาให้แรงงานต่างด้าว ๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตร ซึ่งแรงงานต่างด้าวดังกล่าวได้ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและได้รับเอกสารประจำตัวเรียบร้อยแล้ว และใบอนุญาตทำงานและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่หมดอายุ และมิใช่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ (MoU) อนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน ๒ ปี โดยประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ครั้งละไม่เกิน ๑ ปี และอนุญาตให้ทำงานไม่เกิน ๒ ปี โดยใบอนุญาตทำงานหมดอายุก่อนวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ให้อนุญาตทำงานได้ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ และใบอนุญาตทำงานหมดอายุตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ให้อนุญาตทำงานได้ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ๑.๒ การดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ หรือภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินการจนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งแรงงานต่างด้าวจะต้องมายื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยมีสถานที่ดำเนินการ ๒ รูปแบบ คือ ที่ตั้งสำนักงานของแต่ละหน่วยงาน และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ กรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมการจัดหางานกำหนด และจังหวัดให้เป็นไปตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนด ๒. ในส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจสุขภาพของแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๓. สำหรับระยะเวลาที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ให้เริ่มดำเนินการภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินการจนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ๔. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมาเข้ามาทำงานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวที่เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการทำงาน ให้ถือว่าเป็นคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ เป็นกรณีพิเศษ และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวที่นำเข้ามาทำงานกับนายจ้างในประเทศตามบันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศได้รับยกเว้นไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวที่ถือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหรือหนังสือรับรองสถานะบุคคลที่กระทรวงการต่างประเทศให้การรับรอง และได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ เป็นคนต่างประเทศซี่งผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานจะนำมาทำงานกับนายจ้างในประเทศหรือนายจ้างจะนำมาทำงานกับตนในประเทศ โดยได้รับยกเว้นให้ใช้เอกสารดังกล่าวแทนหนังสือเดินทางเพื่อขออนุญาตทำงานได้ และกำหนดให้ผู้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานหรือนายจ้าง แล้วแต่กรณี แจ้งเลขที่เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหรือเลขที่หนังสือรับรองสถานะบุคคลของคนต่างด้าว รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มความในคำปรารภของร่างประกาศกระทรวงแรงงานทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นซึ่งเป็นเงื่อนไขในการออกประกาศในเรื่องนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๔ แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๕. ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น (๑) ติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของแรงงานต่างด้าวอย่างใกล้ชิดและเคร่งครัดกับนายจ้างให้ส่งแรงงานที่ใบอนุญาตหมดอายุแล้วกลับประเทศต้นทาง หรือดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้กลายเป็นแรงงานผิดกฎหมายและอาจส่งผลกระทบด้านความมั่นคง (๒) ให้แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามทุกคน ต้องมีหลักฐานการประกันสุขภาพ และผลการตรวจสุขภาพที่ดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข หรือสำนักงานประกันสังคม โดยการคุ้มครองไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่อนุญาตให้ทำงานและพำนักชั่วคราวอยู่ในประเทศไทย ก่อนออกใบอนุญาตให้ทำงาน และ (๓) การนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมาเพื่อแก้ไขปัญหาการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองอย่างยั่งยืนต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๖. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการผลักดันและเร่งรัดการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้อยู่ภายใต้ระบบการนำเข้าภายใต้ข้อตกลง (MoU) หรือบันทึกความเข้าใจเป็นหลัก เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีเอกภาพ รวมทั้งควรมีระบบการติดตามและประเมินผล เพื่อให้แรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12325 | ขอความเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลนักเรียนอายุไม่เกิน 18 ปี ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 1 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงเทพมหานคร ในปี 2562 | กก | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลนักเรียนอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ ๑ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกรมพลศึกษา ระหว่างวันที่ ๒๕ สิงหาคม-๒ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกรมพลศึกษา จำนวน ๗,๘๖๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ประมาณการรายรับจากการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน ๔๓๑,๖๔๐ บาท จะส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาฟุตซอลในระดับนักเรียนให้สามารถต่อยอดไปสู่การเป็นนักกีฬาเพื่อความเป็นเลิศและนักกีฬาอาชีพในระยะยาว รวมถึงควรมีแนวทางการส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดการแข่งขัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12326 | การดำเนินการแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย | นร | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักรับเรื่อง การดำเนินการแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยแล้วและอุทกภัยไปบูรณาการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมมาตรการ แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาดังกล่าวในจังหวัดต่าง ๆ โดยให้หารือในรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12327 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๖/๒๕๖๒ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12328 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS - 2) รายการจัดหาระบบดาวเทียมสำรวจ ระบบภาคพื้นดิน และระบบแอพพลิเคชั่นภูมิสารสนเทศ | อว | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถังวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๖๖๓,๔๘๐,๐๐๐.๐๐ บาท เพื่อชำระเงินตามสัญญาจ้างโครงการจัดหาระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) รายการค่าจัดหาระบบดาวเทียมสำรวจ ระบบภาคพื้นดิน และระบบแอพพลิเคชันภูมิสารสนเทศ งวดงานที่ ๖ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงการอุมดศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12329 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2562 และแนวโน้มปี 2562 | นร11 | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ และแนวโน้มปี ๒๕๖๒ โดยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวร้อยละ ๒.๓ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๒ ขยายตัวจากไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๖ (QoQ_SA) รวมครึ่งแรกของปี ๒๕๖๒ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๖ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๒.๗-๓.๒ โดยมีแรงสนับสนุน ประกอบด้วย (๑) แนวโน้มการขยายตัวในเกณฑ์ดีของอุปสงค์ภายในประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนภาคเอกชน (๒) แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ของการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง ตามการปรับตัวของภาคการผลิตและส่งออกต่อมาตรการกีดกันทางการค้าที่คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น (๓) การดำเนินมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ และ (๔) ฐานการขยายตัวที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12330 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นายอนุกูล เจิมมงคล) | นร06 | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอนุกูล เจิมมงคล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12331 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายอาจิน จิรชีพพัฒนา) | ดศ | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอาจิน จิรชีพพัฒนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12332 | การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แทนตำแหน่งที่ว่างลง | ปง | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แทนตำแหน่งที่ว่างลง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12333 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางรัตนา จงสุทธานามณี และนายวารุจ ศิริวัฒน์) | กค | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางรัตนา จงสุทธานามณี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ๒. นายวารุจ ศิริวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12334 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา) | พน | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12335 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกุล) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12336 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน | พน | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้รวมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานด้วย และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอุตตม สาวนายน) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12337 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำเข้ามาในประเทศไทย พ.ศ. .... | พณ | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำเข้ามาในประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำเข้ามาในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๕ เนื่องจากได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำสำหรับคนต่างด้าวมาแล้วหลายครั้ง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือมีความผูกพันตามพันธกรณีได้ โดยการกำหนดทุนขั้นต่ำและระยะเวลาในการนำหรือส่งทุนขั้นต่ำสำหรับคนต่างด้าวเสียใหม่รวมไว้เป็นฉบับเดียวเพื่อให้เกิดความสะดวกในการใช้บังคับกฎหมาย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12338 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ และนายอภิวัฒน์ ขันทอง) | นร04 | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ๒. นายอภิวัฒน์ ขันทอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12339 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ( นายอำนวย คลังผา และคณะ) | นร04 | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน ๑๕ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายอำนวย คลังผา ๒. นายทวี สุระบาล ๓. นายทศพล เพ็งส้ม ๔. นายธีระทัศน์ เตียวเจริญโสภา ๕. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ๖. นายนิทัศน์ รายยวา ๗. นายสรสินธุ ไตรจักรภพ ๘. นายชาญกฤช เดชวีทักษ์ ๙. นายชื่นชอบ คงอุดม ๑๐. นายนราพัฒน์ แก้วทอง ๑๑. นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ๑๒. นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ๑๓. พลตำรวจโท ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ๑๔. นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ๑๕. นายธีระยุทธ วานิชชัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12340 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตำรวจเอก ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ) | นร04 | 20/08/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลตำรวจเอก ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
.....