ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 612 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 12221 - 12240 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12221 | ขอความร่วมมือในการมาตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง ขอความร่วมมือในการมาตอบกระทู้ถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12222 | พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2562 และแนวทางปฏิบัติกรณีมีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกรณีมีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย | พม | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติกรณีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว มีข้อความขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และกรณีมีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมายตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบในการประสานงานการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ ๑.๑ ในกรณีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับแจ้งจากประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา หรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ให้รีบนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ และมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน หากเสร็จแล้วให้รีบจัดส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเตรียมการไว้ล่วงหน้าสำหรับประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่หน่วยงานนั้น ๆ ไม่ต้องส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ๑.๒ ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความเห็นเพื่อประกอบการวินิจฉัย ให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้ ๑.๒.๑ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรี ๑.๒.๑.๑ กรณีขอให้แสดงความเห็นเป็นหนังสือหรือเอกสาร หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้จัดทำความเห็นส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน เมื่อได้รับความเห็นแล้วให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำสรุปความเห็นของทุกหน่วยงานเป็นความเห็นเดียว แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนแจ้งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ๑.๒.๑.๒ กรณีขอให้ส่งผู้แทนไปให้ถ้อยคำ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐนตรีรีบแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบโดยด่วน เพื่อมอบหมายให้ผู้แทนไปทำการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป และให้ประสานงานกับสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปร่วมชี้แจงด้วย ๑.๒.๒ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้แสดงความเห็นเป็นหนังสือหรือเอกสารหรือขอให้ส่งผู้แทนไปให้ถ้อยคำโดยส่งหนังสือให้หน่วยงานโดยตรง ให้หน่วยงานนั้นแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามข้อ ๑.๒.๑ โดยอนุโลม ๒. เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาแล้ว ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบทุกครั้ง และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ ให้รวมถึงกรณีที่ร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐมนตรีไม่ได้เสนอ และนายกรัฐมนตรีเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีข้อความขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ให้ถือปฏิบัติตามแนวทางในข้อ ๑ และข้อ ๒ โดยอนุโลมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12223 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละหกจุดสาม ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๖๔๖) พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ๖๖๙) พ.ศ. ๒๕๖๑ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ได้มีการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มคราวละหนึ่งปีมาโดยตลอด ดังนั้น ในอนาคตเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อการตราพระราชกฤษฎีกา หากรัฐบาลยังคงมีนโยบายในการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไป ก็สมควรตราเป็นพระราชกฤษฎีกาโดยไม่ต้องกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดในการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว และหากต่อมามีนโยบายที่จะจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามอัตราที่กำหนดในประมวลรัษฎากร ก็สามารถตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวได้ โดยควรคำนึงถึงภาระงบประมาณของประเทศในภาพรวมต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป รวมถึงให้ความสำคัญกับการขยายฐานการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความครอบคลุมมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12224 | ร่างตราสารขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช | กษ | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามตราสารขยายระยะเวลาการใช้บันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Instrument of Extension of the Memorandum of Understanding between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the Government of the People’s Republic of China on Strengthening Sanitary and Phytosanitary Cooperation : IOE) เพื่อขยายระยะเวลาบังคับใช้บันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปอีก ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๔ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในเอกสารตราสารฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานจากความร่วมมือดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12225 | มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมวิธีการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงรายละเอียดของมาตรการฯ อย่างถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึง รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบและติดตามเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายตามมาตรการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และมีการติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการฯ และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12226 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2562 | นร11 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๒ เกี่ยวกับกรอบแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการลงทุนเพื่อชักจูงและรองรับการลงทุนจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมาประเทศไทย (Thailand Plus Package) และการแก้ไขปัญหาโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝายเศรษฐกิจเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๑.๑ กรณีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากกรอบแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางการลงทุนเพื่อชักจูงและรองรับการลงทุนจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมาประเทศไทย (Thailand Plus Package) เห็นควรที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสม และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงแหล่งเงินนอกงบประมาณและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ความประหยัดและความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับ รวมถึงการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ๑.๒ สำหรับการแก้ไขปัญหาโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง เห็นควรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องตรวจสอบพื้นที่และจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับผลกระทบให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงภารกิจของหน่วยงาน ความพร้อม ศักยภาพและความสามารถ วิธีการดำเนินการที่โปร่งใส ส่วนแหล่งเงินและอัตราค่าใช้จ่าย เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณใสโอกาสแรกก่อน พร้อมปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้วแต่กรณี และขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12227 | ขออนุมัติงบกลางปี 2562 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเนื่องจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ | นร | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๖๑,๕๓๓,๒๐๐ บาท สำหรับใช้เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเนื่องจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) และกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ดำเนินการโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการแก้ไขป้องกันอุทกภัยอย่างยั่งยืน ความคุ้มค่าในการดำเนินงานและประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน และสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๒ และเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินโครงการต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในโอกาสแรก เพื่อรายงานถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอเรื่องต่อรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเห็นชอบสั่งการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๐ (๓) ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเฉพาะโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเสียหายของสิ่งก่อสร้างภาครัฐจากอุทกภัย ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและทางราชการ ได้แก่ การปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๓. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่ได้รับอิทธิพลจากพายุและการดูแลช่วยเหลือประชาชน) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการระบายน้ำและกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและสามารถเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้ง โดยให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมเป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินการก่อน นั้น ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดพื้นที่ของประชาชนที่เป็นบริเวณท่วมซ้ำซากที่เหมาะสมเป็นพื้นที่รับน้ำ (แก้มลิง) และกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝนเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งให้เหมาะสมและชัดเจนโดยเร็ว โดยหากมีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่ของประชาชน ก็ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น การจ่ายเงินชดเชย การเช่าใช้พื้นที่ เป็นต้น รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแหล่งเงินและอัตราค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12228 | การทดลองขยายเวลาทำการด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม เป็น 24 ชั่วโมง (เพิ่มเติมอีก 9 เดือน) | นร08 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพิจารณาการทดลองขยายเวลาด่านศุลกากรสะเดา ๒๔ ชั่วโมง จากระยะทดลองเดิม ๓ เดือน (ระหว่างวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๒-๑๖ กันยายน ๒๕๖๒) เพิ่มเติมอีก ๙ เดือน (ระหว่างวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๒-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓) ซึ่งครบกำหนด ๑ ปี โดยให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ ให้จังหวัดสงขลาร่วมกับกรมศุลกากร ขนส่งจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ เรื่องการเปิดทดลองขยายเวลาด่านฯ เพิ่มเติมอีก ๙ เดือน ให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมทราบ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามเรื่องช่องทางเข้า-ออกด่านศุลกากร ทั้งในด้านที่เชื่อมโยงกับมาเลเซียและด้านที่เชื่อมโยงภายในไทยให้มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับกำหนดการก่อสร้างด่านสะเดาแห่งใหม่แล้วเสร็จ เพื่อให้มีการเปิดให้บริการได้จริงต่อไป รวมทั้งควรแจ้งถึงช่วงเวลาที่จะทดลองผ่านด่าน ณ จุดเดิม และประมาณการณ์ช่วงเวลาที่จะเปิดทำการผ่านด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12229 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2562) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562 )] | นร | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) เป็นผู้ชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทุกสามเดือน ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและประธานกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านที่มีอยู่หรือผู้แทนเข้าร่วมชี้แจงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12230 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562)] | นร04 | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมรับฟังการแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงตามญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๕๒ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพุธที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๒ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณสนับสนุนข้อมูลประกอบการแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12231 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปิยกร อภิบาลศรี และร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส) (นายปิยกร อภิบาลศรี) | กค | 10/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายปิยกร อภิบาลศรี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ๒. ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง (นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12232 | รัฐบาลสาธารณรัฐมัลดีฟส์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทย (นายมุฮัมมัด จินาห์) | กต | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมุฮัมมัด จินาห์ (Mr. Mohamed Jinah) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมัลดีฟส์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายมุฮัมมัด นะขีด (Mr. Mohamed Nasheed) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12233 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต (นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด) | กต | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ๒. การแต่งตั้ง นายอรรถนพ พันธุกำเนิด ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12234 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 รวม 4 ฉบับ | กค | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา และใช้ที่ราชพัสดุ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ จัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และแบบเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุนอกราชอาณาจักร ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้ยกเว้นการประมูลสำหรับกรณีการให้เช่าที่ราชพัสดุตามนโยบายหรือโครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนั้น เป็นการกำหนดเงื่อนไขไว้ค่อนข้างกว้าง อาจจะทำให้รัฐบาลเสียโอกาสในการใช้ประโยชน์ในที่ดินราชพัสดุ จึงเห็นควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดเฉพาะกรณีที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบให้ใช้ที่ราชพัสดุในการดำเนินโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12235 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กช | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12236 | การร่วมลงนาม รับรอง และให้ความเห็นชอบเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 51 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวม 12 ฉบับ | พณ | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Type Approval for Automotive Products) เป็นการอำนวยความสะดวกในการยอมรับรายงานผลการทดสอบผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียนซึ่งกันและกัน รวมถึงการยกระดับการค้าของอาเซียน ขจัดอุปสรรคที่ไม่จำเป็นต่อการค้าอันเนื่องมาจากกฎระเบียบทางเทคนิค และเพื่อกระชับและขยายความร่วมมือโดยเฉพาะการรับรองแบบยานยนต์ เพื่อสนับสนุนให้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้นจริง และร่างพิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (ASEAN Protocol on Enhanced Dispute Settlement Mechanism) เป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร และเมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อตกลงฯ และพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้ร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ มีผลผูกพัน เมื่อรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ แล้ว ๖. เห็นชอบร่างเอกสาร รวม ๑๐ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างแผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๘ (ASEAN Digital Integration Framework Action Plan 2019-2025) (๒) ร่างแนวทางการพัฒนาแรงงานมีทักษะ/ผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรับมือกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๔ (Guideline on Skilled Labor/Professional Services Development in Response to the Fourth Industrial Revolution) (๓) ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม ๔.๐ (ASEAN Declaration on Industrial Transformation to Industry 4.0) (๔) ร่างแนวทางในการส่งเสริมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอาเซียน (Policy Guideline on Digitalization of ASEAN Micro Enterprises) (๕) ร่างการปรับปรุงข้อบทว่าด้วยระเบียบวิธีปฏิบัติด้านหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อรองรับระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน (Amended ATIGA Operational Certification Procedure to allow for ASEAN-wide Self-Certification Scheme) (๖) ร่างการปรับปรุงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน (Amended CO Form D) (๗) ร่างขอบเขตการดำเนินงานของการทบทวนความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (TOR : General Review of the ASEAN Trade in Goods Agreement) (๘) ร่างแผนความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Programme of Cooperation between the Eurasian Economic Commission and the Association of Southeast Asian Nations for 2019-2020) (๙) ร่างแผนงานเพื่อยกระดับการเจรจาความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA FJC Work Plan for the Upgrade Negotiations) และ (๑๐) ร่างแถลงการณ์ของรัฐมนตรีในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (Ministerial Statement on the 10th Year Anniversary of the AANZFTA) จะเป็นผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (AEM) ในครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้องค์กรรายสาขาด้านเศรษฐกิจของอาเซียนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคู่เจรจาของอาเซียนไปดำเนินงานตามแผนงานได้ และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับอาเซียนในการรับมือและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทต่อการประกอบธุรกิจการค้าและระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้าให้มีความทันสมัย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและชั้นตอนการดำเนินงานและช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังเป็นการประสานความร่วมมือกับประเทศนอกภูมิภาคซึ่งจะเป็นการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๗. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ร่วมรับรองร่างเอกสารตาม (๑)-(๔) และให้ความเห็นชอบร่างเอกสารตาม (๕)-(๑๐) ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (AEM) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำในร่างเอกสารดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๘. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างข้อตกลงฯ และร่างพิธีสารฯ เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่จะกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จะต้องเป็นผู้พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาหรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๙. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดและกำกับติดตามโครงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ระยะที่ ๒ ให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ เพื่อรองรับการบังคับใช้ตามร่างข้อตกลงฯ รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานยานยนต์ในอาเซียนในอนาคต เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ภายในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12237 | (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2562 - 2565) | นร08 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ปรับห้วงเวลาของ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติฯ จากเดิม พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ เป็น พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับห้วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งสาระสำคัญของ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบไว้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานการจัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนด้านความมั่นคงเฉพาะเรื่อง (แผนระดับที่ ๓ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐) หรือจัดทำแผนงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12238 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม 2562 | นร11 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการตระหนักรู้ ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของภาคีต่าง ๆ ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12239 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้ นายคณนาถ หมื่นหนู เป็นโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แทนนางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ ทั้งนี้ ตามคำสั่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ ๖๕๑/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สั่ง ณ วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12240 | ผลการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม - มีนาคม 2562) ต่อที่ประชุมวุฒิสภา | นร11 | 03/09/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๖๒) ต่อที่ประชุมวุฒิสภา ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะกรรมการและเลขานุการที่ประชุมร่วมประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นอภิปราย สาระสำคัญที่ควรพิจารณาปรับปรุงเพิ่มเติมในการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ได้แก่ ควรมีค่าเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อให้ทราบเป้าหมายและใช้ในการเร่งรัดติดตามและประเมินผลในแต่ละรอบไตรมาสได้ ควรปรับรูปแบบการรายงาน โดยแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในรายประเด็นการปฏิรูปให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นง่ายต่อการทำความเข้าใจ และเพิ่มการรายงานความคืบหน้าแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และแผนการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) รวมทั้งควรปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศ โดยพิจารณาเฉพาะโครงการและกิจกรรมที่เป็นปัญหาเร่งด่วน มีความจำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปอย่างแท้จริง ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ๑.๒ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ในทุกภาคส่วนผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ และเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคประชาสังคมในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ๑.๓ ในการรายงานครั้งต่อไป ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายรัฐมนตรี ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อที่ประชุมรัฐสภา และรับฟังความเห็นของวุฒิสภาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการปฏิรูปประเทศด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่เกี่ยวข้องนำประเด็นการอภิปราย ไปประกอบการเตรียมการปรับแผนการปฏิรูปประเทศ ตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป
|
.....