ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 414 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8261 - 8280 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8261 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน
และส่งเสริมการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของเล่นภายในประเทศให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8262 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ
สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ
สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางเทคนิคยานยนต์ของสหประชาชาติ (UN
Regulation No.109) และส่งเสริมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8263 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2564 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๑ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑) เศรษฐกิจโลก
มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาประกอบกับการส่งออกเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้นเป็นสำคัญ
และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากการกระจายวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ที่เร่งตัวมากขึ้นในหลายประเทศ
และการมีแรงสนับสนุนจากมาตรการการคลังที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลาย
(๒) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทยในปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ต่ำลงจากการประเมินครั้งก่อนเนื่องจากได้รับผลกระทบของโควิด-๑๙
ระลอกใหม่ ส่วนเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๗
โดยประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๒ และ ๑.๐
ตามลำดับ สำหรับเสถียรภาพระบบการเงินไทย ยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า
และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8264 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน
พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยแผนพัฒนาฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเงิน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านผู้ใช้บริการทางการเงิน
ด้านผู้ให้บริการทางการเงิน และด้านโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ประกอบด้วย ๗๘
โครงการ ซึ่ง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ได้ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดแล้วรวม
๕๔ โครงการ (เป็นการดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ รวม ๓๕
โครงการ) โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๙ โครงการ แบ่งเป็น
(๑) โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๓ จำนวน ๑๖ โครงการ
พบว่า มีโครงการที่ดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัด จำนวน ๑๕ โครงการ และ (๒)
โครงการที่ตั้งเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๔
แต่สามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมายตัวชี้วัดในปี ๒๕๖๓ แล้ว จำนวน ๔ โครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8265 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 | พน. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ประจำปี ๒๕๖๓ ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีแล้ว ประกอบด้วย (๑)
งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีสินทรัพย์รวม ๘๗๗,๐๒๑ ล้านบาท
หนี้สินรวม ๔๖๘,๒๒๖ ล้านบาท ส่วนของเจ้าของ ๔๐๘,๗๙๕ ล้านบาท และ (๒)
งบแสดงกำไรขาดทุน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ มีรายได้จากการขายไฟฟ้า ๕๐๔,๔๘๘
ล้านบาท รายได้จากการขายสินค้าและบริการ ๓,๘๕๘ ล้านบาท โดยมีต้นทุนจากการขายไฟฟ้า
๔๓๘,๘๕๕ ล้านบาท ต้นทุนจากการขายสินค้าและบริการ ๒,๔๑๘ ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวม
๔๑,๕๙๓ ล้านบาท และมีกำไรสำหรับปี ๒๕,๔๘๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8266 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง (Asia and Pacific High-Level Conference on Belt and Road Cooperation) | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
และร่างเอกสารข้อริเริ่มเรื่องความเป็นหุ้นส่วนสายแถบและเส้นทางว่าด้วยการพัฒนาสีเขียวของการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
ที่จะมีการรับรองการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
(Asia and Pacific High-Level Conference on
Belt and Road Cooperation) ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมระดับสูงภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
และร่วมให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในการประชุมดังกล่าว โดยร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ มีสาระสำคัญ (๑) เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัคซีนโควิด-๑๙
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การประสานงานระหว่างกันด้านนโยบายกฎระเบียบวัคซีน
การสนับสนุนให้รัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตวัคซีนให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่ประเทศกำลังพัฒนาโดยการบริจาคหรือการส่งออกในราคาที่สามารถเข้าถึงได้
การส่งเสริมการวิจัยด้านวัคซีนร่วมกันและการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี
การพัฒนาความเชื่อมโยงเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายวัคซีนข้ามพรมแดน เป็นต้น และ (๒)
เป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาสีเขียวเพื่อนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและมีบูรณาการ การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ
รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงปารีส
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมพลังงานสีเขียวและพลังงานสะอาด
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8267 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.01 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
และการประมวลผลและการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น ไตรมาสที่ ๑
ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ (๒)
แนวทางการบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และการประสานขอความร่วมมือส่วนราชการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการในระยะต่อไป
และ (๓) การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลเรื่องสำคัญเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน
โดยเฉพาะประเด็นการแจ้งข้อมูลและเบาะแสการกระทำผิดกฎหมาย
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบควรต้องลงโทษผู้กระทำความผิด
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกำหนดมาตรการที่เข้มงวด
รวมถึงบทลงโทษแก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8268 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางและขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8269 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 8/2564 | นร.04 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 (๒) คำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เรื่อง
แนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๓)
แผนการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๔)
แนวทางการดำเนินการของสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนด ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔
(๕) ข้อกำหนดการปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ (๖)
มาตรการผ่อนคลายสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ (๗)
การปรับวิธีการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร
กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งต้องเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร
ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางอากาศ เฉพาะที่มีฐานปฏิบัติการในประเทศไทย (๘)
หลักการการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) และ (๙)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8270 | สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยสถาบัน IMD ปี 2564 | นร.11 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งของประเทศของสถาบันการจัดการนานาชาติ
(International Institute for Management Development :
IMD)
ซึ่งได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขังของประเทศปี ๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับดีขึ้น ๑ อันดับ
มาอยู่ในอันดับที่ ๒๘ (จากอันดับที่ ๒๙ ในปี ๒๕๖๓) แม้ว่าจะมีคะแนนรวมลดลงเป็น
๗๒.๕๑๙ คะแนน จาก ๗๕.๓๘๗ คะแนน โดยยังคงรักษาระดับอยู่ในอันดับ ๓ ของกลุ่มอาเซียน
๕ ประเทศ โดยอันดับที่ ๑-๕ ในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประเทศมาเลเซีย
ประเทศไทย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันฯ
ของสถาบัน IMD ดังกล่าว ไปศึกษารายละเอียดของประเด็นปัญหาต่าง ๆ
ที่ยังเป็นจุดอ่อนหรือเป็นปัจจัยที่มีผลทำให้ประเทศไทยมีอันดับลดลง
และให้พิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการต่าง ๆ
เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น
การพัฒนาฐานข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระบบ ถูกต้อง ทันสมัย และการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนที่ถูกต้องและทั่วถึง
เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8271 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 20/2564 | นร.11 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการรถ Mobile
พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ของกรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติการปรับกรอบวงเงินโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จากเดิม
๑,๕๗๕.๔๙๕๐ ล้านบาท เป็น ๑,๕๗๕.๔๕๙๐ ล้านบาท และอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการของกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครปฐม จังหวัดพิจิตร
จังหวัดตรัง จังหวัดลำปาง จังหวัดอุดรธานี รวมจำนวน ๙ โครงการ
รวมทั้งรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๔ (๑ กุมภาพันธ์-๓๐ เมษายน ๒๕๖๔)
และรายงานผลการดำเนินการโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (๑ ตำบล
๑ มหาวิทยาลัย) ระยะ ๓ เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๔)
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาการดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8272 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และวิชาการ (Joint Commission–JC) ไทย–สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ 2 | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
การค้า และวิชาการ (Joint Commission-JC) ไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ครั้งที่ ๒ และอนุมัติให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการลงนามในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
การค้า และวิชาการ (Joint Commission–JC) ไทย–สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ครั้งที่ ๒ ในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล มีสาระสำคัญเป็นการบันทึกผลการประชุม ซึ่งกำหนดแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในด้านต่าง
ๆ อาทิ การค้าการลงทุน พลังงาน สาธารณสุข การเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว
การศึกษา วัฒนธรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8273 | การกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562 | กค. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ
และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.)
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังนี้ (๑) กำหนดให้คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนมาตรฐานทางจริยธรรมและคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการกำกับ ติดตาม
และประเมินผลตามมาตรฐานทางจริยธรรม ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนในอัตราประธานอนุกรรมการไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน
และอนุกรรมการไม่เกิน ๔,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการ
จะมีสิทธิ์ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมให้งดจ่าย (๒) เห็นชอบในหลักการการกำหนดเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง โดยให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตร
๑๕ แห่งพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอนุโลม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.
และคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าควรให้สำนักงาน ก.พ.
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวแล้ว
แต่หากไม่เพียงพอเห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการที่ ก.ม.จ. แต่งตั้ง
ขอให้ยึดหลักความคุ้มค่าและเป็นไปเพื่อประโยชน์ราชการเป็นสำคัญ
กรณีคณะอนุกรรมการที่อาจแต่งตั้งเพิ่มได้ในภายหลังนั้นควรพิจารณาตามความจำเป็นในการสนับสนุนการดำเนินการตามภารกิจของ
ก.ม.จ. เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและไม่เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
รวมทั้งควรมีการทบทวนคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8274 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 (ครั้งที่ 153) | พน. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ (ครั้งที่ ๑๕๓) เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่
(๑) แนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซ (ก๊าซฯ) ระยะที่ ๒ (๒)
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก๊าซฯ
เพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ [Power Development Plan 2018 (Revision
1) : PDP 2018 (Rev.1)] (๓) หลักเกณฑ์การส่งออกเที่ยวเรือก๊าซฯ เหลว (Liquefied Natural
Gas : LNG) (Reloading) สำหรับสัญญาระยะยาวของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) (๔) นโยบายการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และ (๕) การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนบูรณาการการลงทุนและการดำเนินงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการจัดหาพลังงานไฟฟ้า
พลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) และพลังงานสำรอง (ระบบกักเก็บพลังงาน)
เพื่อใช้ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การพิจารณาความเหมาะสมในภาพรวมทั้งระบบ
เพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านความมั่นคงทางพลังงาน ด้านการแข่งขัน
และระดับราคาที่เป็นธรรม และการพิจารณาตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงพลังงานและคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแนวทาง แผนงาน
และโครงการที่กำหนดไว้ให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
รวมทั้งให้ดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างครอบคลุมและครบถ้วนด้วย ๒.๒ เร่งดำเนินการขับเคลื่อนประเด็นตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยเฉพาะมิติด้านการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนทั้งในหน่วยงานภาครัฐ
เอกชน และครัวเรือน เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้เร่งดำเนินการศึกษากำหนดแนวทาง
หลักเกณฑ์ และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากอุตสาหกรรมและกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่
เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) รถไฟความเร็วสูง
ตลอดจนการสนับสนุนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ (Prosumers) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว ๒.๓ ในการเสนอเรื่องเกี่ยวกับมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ
ๆ ไป ให้ดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8275 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
พ.ศ. ๒๕๔๒ จำนวน ๕๑ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ
ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔
มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8276 | ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดและร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | ยธ. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอว่า
โดยที่ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ....
ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีเสนอต่อรัฐสภา
เป็นการรวบรวมและปรับปรุงบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม
และควบคุมยาเสพติด รวมทั้งการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
ซึ่งกระจายอยู่ในกฎหมายหลายฉบับมารวมอยู่ในฉบับเดียวกันอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอันเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว
จึงเสนอให้แก้ไขวันมีผลใช้บังคับของร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด
พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด
พ.ศ. .... และร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด พิจารณาเสร็จแล้ว จาก
“ประมวลกฎหมายยาเสพติดท้ายพระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป”
เป็น “... เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับเป็นต้นไป” ๒.
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8277 | การแก้ไขภาคผนวก 2 (เรื่องกฎเฉพาะผลิตภัณฑ์) ของความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (JTEPA) | กต. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเพื่อดำเนินการแก้ไขภาคผนวก
๒ (เรื่องกฎเฉพาะผลิตภัณฑ์)
ของความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement : JTEPA) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎเฉพาะผลิตภัณฑ์จากพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ค.ศ.
๒๐๐๒ เป็นพิกัดระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ค.ศ.
๒๐๑๗ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลล่าสุดขององค์การศุลกากรโลก และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยข้างต้น
(ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตให้แล้วเสร็จภายในวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากรมศุลกากรควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบและปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง
เพื่อให้พิกัดระบบฮาร์โมไนซ์มีความเป็นปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8278 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ในระดับรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์ พ.ศ. .... | ดศ. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ
เรื่อง
หลักเกณฑ์ในระดับรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์
กรณีมีผู้ประสงค์จะใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการประกอบกิจการซึ่งให้บริการดาวเทียมสื่อสารแก่บุคคลอื่น
รวมถึงกรณีผู้ประกอบกิจการดาวเทียมต่างชาติที่ประสงค์จะประกอบกิจการดาวเทียมสื่อสารในประเทศไทย
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ
เรื่อง
หลักเกณฑ์ในระดับรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์
พ.ศ. .... มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทย
รวมทั้งสามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ
และข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ตลอดจนไม่ขัดข้องต่อพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้ WTO ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางการกำกับดูแลกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศให้มีคุณภาพและระดับการให้บริการที่ได้มาตรฐานสากลและสามารถสนับสนุนให้เกิดการพัฒนากิจการที่เกี่ยวเนื่องภายในประเทศได้อย่างเหมาะสมในแต่ละช่วง
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว จะต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๐ ที่กำหนดว่า
รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ
เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8279 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร.10 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติร่างกฎ.ก.พ.
รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎ ก.พ.
ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเป็นตำแหน่งประเภทบริหาร
ระดับสูง ๑.๒ ร่างกฎ ก.พ.
ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา
๒๐,๐๐๐ บาท
และตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตรา
๑๔,๕๐๐ บาท ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากการจัดประเภทตำแหน่ง
และการกำหนดให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งดังกล่าว จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8280 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สว. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหา
ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา โดยกระทรวงการคลังได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ว่าปัจจุบันการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการแก้ไขปัญหาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว เช่น
การจัดทำแผนป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 การเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณ
รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและลดขั้นตอน อย่างไรก็ดี
กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติม
ในเรื่องการขยายอายุกองทุนประกันสังคม การให้ความสำคัญภาคการผลิตและภาคบริการ
การพัฒนาทักษะผู้ว่างงาน รวมทั้งการใช้ระบบการทำงานแบบดิจิทัล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|