ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 418 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8341 - 8360 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8341 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ) | นร.04 | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวณัฐธ์ภัสส์
ยงใจยุทธ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8342 | การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต | นร.09 | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการพิจารณาข้อหารือ
เรื่อง การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต
เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลข้าราชการประเภทต่าง
ๆ
ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบสวนทางวินัยการพิจารณาอุทธรณ์
หรือการร้องทุกข์ไว้ด้วย ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เรื่อง การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้มีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลข้าราชการประเภทต่าง
ๆ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบสวนทางวินัย
การพิจารณาอุทธรณ์ หรือการร้องทุกข์ ตามที่คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8343 | การขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาสมัยพิเศษของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 8 | กห. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาสมัยพิเศษของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Defence Ministers’ Meeting :
15th ADDM) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๘ (8th ASEAN Defence
Ministers’ Meeting Plus : 8th ADDM-Plus) (ร่างปฏิญญาสมัยพิเศษฯ) จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างปฏิญญาฯ ADDM และร่างปฏิญญาฯ ADDM-Plus และให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
หรือผู้แทนเป็นผู้รับรองร่างปฏิญญาสมัยพิเศษฯ (มีกำหนดการรับรองร่างปฏิญญาสมัยพิเศษฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ในช่วงการเข้าร่วมการประชุม ADDM ครั้งที่ ๑๕ และการประชุม ADDM-Plus ครั้งที่ ๘ ผ่านระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างวันที่
๑๕-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๑๒๐๓/๓๙๑ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาสมัยพิเศษของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๘ จำนวน ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8344 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาเมืองและการขนส่ง : ความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพ และความยั่งยืน | คค. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาเมืองและการขนส่ง
: ความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพ และความยั่งยืน ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งที่ยั่งยืนและคุณภาพชีวิตของประชาชน
การแก้ไขปัญหาการใช้เครื่องยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น
การพัฒนาระบบการขนส่งสาธารณะที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ปัญหาการจราจรหนาแน่น เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ด่วนที่สุด ที่ กต ๑๐๐๓/๘๐๘ ลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม
๒๕๖๔) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
“เมืองและการขนส่ง : ความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพ และความยั่งยืน”
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8345 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (วัคซีน) | ดศ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ (วัคซีน) เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการติดตาม
ประเมินผลและวางแผนบริหารจัดการวัคซีนให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
ครอบคลุมทุกพื้นที่ และสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
และลดความสับสนของข้อมูลข่าวสารการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
รวมทั้งการกำหนดนโยบาย/มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติไปสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปี ขึ้นไป ครัวเรือนละ
๑ คน จำนวน ๔๖,๖๐๐ คน ระหว่างวันที่
๑๗-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑) ประชาชนร้อยละ ๗๕.๒
ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ขณะที่ร้อยละ ๑๙.๓ ไม่ต้องการฉีดวัคซีน ๒)
ประชาชนร้อยละ ๔๕.๓ มีความเชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
ขณะที่ร้อยละ ๕๔.๗ ไม่เชื่อมั่น ๓) ประชาชนร้อยละ ๕๖.๖ ระบุว่าการที่รัฐให้เงินชดเชยเป็นหลักประกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ มีผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ๔) ประชาชนร้อยละ ๘๐.๙
เห็นว่าควรเพิ่มสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ๕)
รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙
และลดความสับสนของข่าวสารการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ ให้แก่ประชาชน ๖)
หากรัฐจะจัดเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด
๑๙ พบว่า ประชาชนร้อยละ ๔๕.๓ ระบุว่าต้องการ และร้อยละ ๕๔.๗ ระบุว่าไม่ต้องการ ๗)
ประชาชนร้อยละ ๙๐.๕ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ และ ๘)
เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
ได้แก่ ค่าครองชีพ ลดภาระค่าสาธารณูปโภค จ่ายเงินชดเชย/เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
การพักชำระหนี้/ลดอัตราดอกเบี้ย และจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ๒.
ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของสำนักงานสถิติแห่งชาติและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เช่น
ควรประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคุณภาพของวัคซีนและผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน
ควรตรวจสอบและสกัดกั้นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือบิดเบือนจากความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว
ควรมีหน่วยงานเพียงหน่วยงานเดียวเป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสาร
และชี้แจงถึงขั้นตอนการเข้าถึงวัคซีนที่ชัดเจน ควรกำหนดมาตรฐานของวัคซีนทางเลือกเพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชนเกินควร
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8346 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนด ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ สำหรับโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงาน
หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาเพื่อติดตามประเมินผลแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๕ ภายในกรอบวงเงิน ๓๗,๙๖๖,๙๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นกรณีเฉพาะราย
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗,๕๙๓,๔๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว ส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๐,๓๗๓,๕๐๐ บาท
ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณในชั้นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ รองรับไว้แล้ว และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
คำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย
และให้กระทรวงการคลัง
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการหน่วยงานที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ที่เห็นว่าควรกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการจ้างที่ปรึกษาดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงหน่วยงานรับผิดชอบโครงการสามารถนำข้อมูลจากรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครางการไปประกอบการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้แก่ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก
และให้คณะรัฐมนตรีกำชับให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ รายงานผลการดำเนินโครงการในระบบ eMENSCR และให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นประจำทุกเดือนโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8347 | รายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ระดับชาติ โดยสมัครใจของไทย พุทธศักราช 2564 | กต. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ ระดับชาติ โดยสมัครใจของไทย พุทธศักราช ๒๕๖๔ (Thailand’s Voluntary National
Review on the Implementation of the 2030 Agenda for
Sustainable Development 2021-VNR) และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดส่งรายงานให้
UN DESA
ภายในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ โดยอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศปรับปรุงแก้ไขรายงานฯ
ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญของรายงานฯ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรายงานการทบทวนการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ ระดับชาติ โดยสมัครใจของไทย พุทธศักราช ๒๕๖๔
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8348 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อรายงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะมาตรการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยไม่มีเหตุผลอันควร กรณีการควบคุมแกนนำคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย | สม. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อรายงานเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะมาตรการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยไม่มีเหตุผลอันควร
กรณีการควบคุมแกนนำคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่อำเภอเทพา
จังหวัดสงขลา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปได้ว่า
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาพิจารณาหามาตรการเยียวยาความเสียหายแก่กลุ่มผู้ต้องหา
จำนวน ๑๖ คน ซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายประชาชนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8349 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... | พณ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่ปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๙
เนื่องจากปัจจุบันเครื่องพิมพ์สามมิติเป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพระราชบัญญัติควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง
พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า
หากหน่วยงานผู้ดูแลควบคุมสินค้าดังกล่าว พบว่าเกิดปัญหากระทบต่อความมั่นคงอันเกิดจากการนำเข้าเครื่องพิมพ์สามมิติ
ก็สามารถออกประกาศควบคุมการนำเข้าในภายหลังได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8350 | หลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม | อื่นๆ | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเสนอ ทั้งนี้
ในการกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของรองผู้อำนวยการดังกล่าว
เห็นควรที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมพิจารณาเทียบเคียงกับองค์การมหาชนในกลุ่มเดียวกันในตำแหน่งดังกล่าวอย่างเหมาะสมและคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมใช้จ่ายจากงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ หรือหากไม่เพียงพอขอให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการ
หรือพิจารณาจากแหล่งเงินอื่นมาสมทบก่อนเป็นอันดับแรก
พร้อมทั้งขอให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8351 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 | กษ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ โดยมีมติที่สำคัญ เช่น (๑)
มาตรการรองรับเพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินและรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ
(๒) แนวทางการดำเนินการด้านน้ำมันปาล์มของกรมป่าไม้ (๓)
มาตรการและแนวทางขับเคลื่อนการเพิ่มมูลค่าปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม (๔)
การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี
๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8352 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์ | ยธ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์
ซึ่งได้มีการปรับแก้จากฉบับเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม
๒๕๖๓ ดังนี้ (๑) เพิ่มเติมถ้อยคำในข้อ ๒ และข้อ ๓
ซึ่งเป็นการปรับแก้ภาษาและเพิ่มเติมถ้อยคำเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญโดยรวม (๒) เพิ่มข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑
ตามข้อเสนอแนะของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อความเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ทั้งนี้ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้จัดพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ในรูปแบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา
๕ ปี และจะได้รับการต่อออายุอีก ๕ ปี
เมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอมร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8353 | พิธีสารแก้ไขข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Protocol to Amend the ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals) [(สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564)] | ปสส. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๗
มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอพิธีสารแก้ไขข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรด้านการท่องเที่ยวอาเซียน
(Protocol to Amend the
ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8354 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน พ.ศ. …. | อส. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดถอนร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน
พ.ศ. …. ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ๒. อนุมัติหลักการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ในส่วนที่เกี่ยวกับการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน
เพื่อให้สอดคล้องหรืออนุวัติการเพื่อรองรับพิธีสารเพื่อต่อต้านการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานทางบก ทางทะเล
และทางอากาศ
เพิ่มเติมอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร
ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๒) โดยไม่ต้องทำเป็นกฎหมายขึ้นมาใหม่
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
โดยใหรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วย
และให้เชิญผู้แทนกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมชี้แจงในการพิจารณา รวมทั้งเมื่อดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมเสร็จแล้ว
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการตามมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. มอบให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเร่งดำเนินการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๒
ในส่วนของการกำหนดความผิดมูลฐานฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8355 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาวต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....) | อก. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาวต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาว
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์
และปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ขาว ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับการใช้งานในปัจจุบัน
และเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคในการใช้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8356 | ความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน (ASEAN Food Safety Regulatory Framework Agreement ; AFSRF Agreement) | กษ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน
(ASEAN Food Safety Regulatory Framework Agreement;
AFSRF Agreement) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ครอบคลุมและมีการบูรณาการเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคและอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของอาหารปลอดภัยในอาเซียน
โดยมีการกำหนดหน้าที่ให้รัฐสมาชิกต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับการทำให้อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าอาหารภายในอาเซียนเหลือน้อยที่สุด
และลดความแตกต่างของระบบการควบคุมของประเทศสมาชิกอาเซียน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว
และเมื่อลงนามแล้วให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งความตกลงฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญา ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของชาติ
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันของความตกลงดังกล่าวให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบัน
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงดังกล่าวแล้ว ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างความตกลงฯ เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามและดำเนินการให้มีผลผูกพัน
มุ่งเน้นการขจัดอุปสรรคทางการค้าในรูปแบบที่ไม่ใช่ภาษี อันเป็นลักษณะการค้าเสรี
และหากในอนาคตมีการจัดทำพิธีสารของร่างความตกลงฯ ควรพิจารณาส่งร่างพิธีสารฯ
ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งพิจารณาการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอาหารไทย
เพื่อรักษาเอกลักษณ์และภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8357 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. .... | อว. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
โดยเปลี่ยนสถานะของมหาวิทยาลัยจากเดิมเป็นส่วนราชการ
เป็นมหาวิทยาลัยที่มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
(สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ) ที่ไม่เป็นส่วนราชการ
เพื่อปรับปรุงการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม
และเป็นไปตามแนวทางการปฏิรูปมหาวิทยาลัยและนโยบายของรัฐ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าควรยุบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีที่มีสถานะเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลด้วย
ควรเพิ่มความในหมวด ๔ การบัญชีและการตรวจสอบ “มาตรา ... ให้สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
และต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด” กรณีค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสถานภาพของข้าราชการ
และลูกจ้างประจำเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
หรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยในระยะแรกของการเปลี่ยนผ่าน ควรกำหนดบทเฉพาะกาลให้ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนเวลาและภาระของงบประมาณที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นลำดับแรก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเร่งเสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
พ.ศ. .... ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับข้อคิดเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในประเด็นการเปิดสอนสาขาวิชาหรือหลักสูตรต่าง
ๆ ที่จำเป็นของสถาบันอุดมศึกษา ควรพิจารณาถึงความต้องการของตลาดแรงงาน
การพัฒนาองค์ความรู้ การส่งเสริมจริยธรรม เพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงาน
และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน
ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
กรณีค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสถานภาพของข้าราชการ
และลูกจ้างประจำเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย
หรือลูกจ้างของมหาวิทยาลัยในระยะแรกของการเปลี่ยนผ่าน ควรกำหนดบทเฉพาะกาลให้ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนเวลาและภาระของงบประมาณที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยเป็นลำดับแรก ควรพิจารณากำหนดข้อบังคับ
ระเบียบ
หรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของบุคลากรแต่ละประเภทให้มีความชัดเจน
และสอดคล้องกับรูปแบบการจัดการโครงสร้างองค์กร ให้ความสำคัญการสร้างหลักประกันในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมและควรมีการนำผลการประเมินมหาวิทยาลัยไปประกอบการการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา
และการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพตามแนวคิดการเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8358 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่เสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8359 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงเรคยาวิก สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงเรคยาวิก สาธารณรัฐไอซ์แลนด์เป็นการชั่วคราว (นางอันนา มาร์กริเอท พูริทูร์ โอลาฟสโดททีร์) | กต. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะร คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงเรคยาวิก สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ ของ นางอันนา มาร์กริเอท พูริทูร์ โอลาฟสโดททีร์ (Anna
Margrjet puriour Olafsdottir) เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๒. การปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงเรคยาวิก สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงเรคยาวิก
สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ คนใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8360 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงการคลังได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ว่าปัจจุบันการดำเนินการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจออนไลน์และการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ
เช่น
มาตรการเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการเสียภาษีโดยได้พัฒนาการให้บริการในรูปแบบดิจิทัล
มีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากรและโซเซียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง
และได้ดำเนินมาตรการที่เน้นการสร้าง Digital Infrastructure แล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|