ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 27 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 521 - 540 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
521 | (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกด้วยศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน | สภช. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง
รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกด้วยศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน โดยให้รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุนสร้าง
“ศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน” และให้รัฐบาลมีการบริหารจัดการให้กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพเพียงพอสามารถเป็นผู้รับการสนับสนุนประเภทสินทรัพย์การเกษตร
ครุภัณฑ์ เครื่องจักรกล เทคโนโลยีและนวัตกรรม อาคาร และสิ่งปลูกสร้างโดยตรงภายใต้การควบคุม
กำกับ ดูแลของหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือเป็นการอุดหนุน เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานของศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน
และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว)
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่าการจัดตั้งศูนย์ข้าวเปลือกชุมชนเป็นแนวทางที่มีประโยชน์
แต่ต้องมีการวางแผนและกำกับดูแลอย่างรอบคอบเพื่อลดความเสี่ยงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งสร้างความมั่นใจได้ว่าโครงการจะสามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
522 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2567 | นร.11 สศช | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปี ๒๕๖๗ สรุปได้ ดังนี้ ๑) การประเมินยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖
มิติ พบว่า ในภาพรวมมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในหลายมิติ เช่น
มิติด้านความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย มิติด้านขีดความสามารถในการแข่งขัน
การพัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ แต่ยังคงมีบางมิติที่ปรับตัวลงเล็กน้อย ได้แก่
มิติด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของดัชนีย่อย ๕ ด้าน ได้แก่
ด้านชีวิตครอบครัวและชุมชน ด้านการศึกษา ด้านการมีส่วนร่วม ด้านสุขภาพ
ด้านที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อม ๒) การประเมินยุทธศาสตร์ชาติทั้ง ๖ ด้าน พบว่า สถานการณ์ในภาพรวมดีขึ้นในหลายด้าน
เช่น ด้านความมั่นคง ความสามารถในการแข่งขัน และการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
แต่ยังคงมีบางด้านที่ปรับตัวลดลง ได้แก่
ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
และด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสถานการณ์ภาพรวมปรับตัวลดลง
และ ๓) การประเมินสถานการณ์บรรลุเป้าหมายแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๓ ประเด็น
ผ่านข้อมูลสถิติ สถานการณ์ งานวิจัย
และดัชนีชี้วัดที่จัดทำขึ้นจากหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ
รวมถึงการดำเนินงาน/โครงการของหน่วยงานของรัฐที่ถูกนำเข้าระบบ eMENSCR ณ สิ้นเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒๒๓,๐๐๕ โครงการ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
523 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ พ.ศ. ๒๕๓๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขชื่อหน่วยงานดูแลรับผิดชอบและหน่วยงานดูแลรับผิดชอบหลักให้เป็นปัจจุบัน
และเพิ่มให้มีศึกษาธิการจังหวัดร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการบริหารและสนับสนุนสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ในจังหวัดเพื่อให้ครอบคลุมผู้แทนที่ดูแลรับผิดชอบทุกฝ่ายในจังหวัด
รวมทั้งเพิ่มเติมหน้าที่ผู้ดูแลรับผิดชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
และให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่ากรณีที่ประสงค์จะให้กรรมการในสัดส่วนของบุคคลอื่นซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งตามข้อ
๖ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดูแลรักษาสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ พ.ศ.
๒๕๓๑ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการต่อไปได้จนครบวาระ ควรเพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับกรณีนี้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
524 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานในประเทศและการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ พ.ศ. .... | รง. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานในประเทศและการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานในประเทศและเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
เช่น ค่าธรรมเนียมคำขอใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานทำงานในประเทศ
ค่าธรรมเนียมคำขอใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ
ค่าธรรมเนียมคำขอใบแทนใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมคำขอรับรองสำเนาเอกสาร และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอเกี่ยวกับการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ
เช่น ค่าธรรมเนียมคำขอใบอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ
ค่าธรรมเนียมคำขอการต่ออายุใบอนุญาตจัดหางาน ค่าธรรมเนียมคำขอการแปลใบอนุญาตจัดหางานเป็นภาษาต่างประเทศ
จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่ากระทรวงแรงงานควรประชาสัมพันธ์
สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึงเพื่อให้การออกกฎกระทรวงทั้ง
๒ ฉบับดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
525 | การรับรองร่างแถลงการณ์โคลัมโบ การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 24 | กต. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
526 | ขออนุมัติหลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง K (Price Adjustment) เพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 เป็นกรณีพิเศษเฉพาะสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต เฉพาะในส่วนของงานโยธาของสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 | คค. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง
K (Price Adjustment) เพื่อยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง)
ช่วงบางซื่อ - รังสิต เฉพาะในส่วนของงานโยธาของสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง
K (Price Adjustment) เพื่อยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ เป็นกรณีเฉพาะโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต เฉพาะในส่วนงานโยธาของสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒
ดังนี้ ๑.๑
การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K) ที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้
ให้ใช้หลักเกณฑ์การคำนวณเงินชดเชยค่างานก่อสร้าง (ค่า K) ตามที่ระบุไว้ในสัญญา
โดยใช้ดัชนีราคาฐาน ๒๘ วัน ก่อนยื่นซองประกวดราคา สำหรับสัญญาที่ ๑ และสัญญาที่ ๒
เป็นฐานในการคำนวณ สำหรับประเภทงานก่อสร้าง
สูตรและวิธีคำนวณให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ ๑.๒
การขอเงินเพิ่มค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ให้เป็นหน้าที่ของผู้รับจ้างที่จะต้องเรียกร้องภายใน
๙๐ วัน โดยนับจากวันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย ๒.
มอบหมายให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาและวินิจฉัยการคำนวณเงินเพิ่มหรือลด
และจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ตามข้อผูกพันของสัญญาที่ได้ลงนามไปแล้ว
และหากการจ่ายเงินเพิ่มค่างานก่อสร้างดังกล่าว ทำให้เกินกรอบวงเงินที่ได้รับจากคณะรัฐมนตรีก็ถือว่าได้รับการอนุมัติขยายกรอบวงเงินโครงการจากคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ด้วย
ส่วนการจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมเพื่อเบิกจ่ายเงินชดเชยค่าก่อสร้าง K ให้แก่ผู้รับจ้าง
ขอให้สำนักงบประมาณเป็นผู้วินิจฉัย และขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งต่อไป ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองในอนาคตขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยนำเงื่อนไข
หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตร
และวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ของการประกวดราคานานาชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ มาใช้ อย่างเคร่งครัด โดยกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
527 | การสนับสนุนค่าบำรุงของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก | สธ. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการจ่ายเงินค่าบำรุงสมาชิกเพิ่มแบบขั้นบันได
ได้แก่ เพิ่มร้อยละ ๒๐ (จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๐
เพิ่มร้อยละ ๒๕ (จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๐) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ - ๒๕๗๒ และเพิ่มร้อยละ
๒๗ (จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๒) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๓ - ๒๕๗๔ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ (หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ
ด่วนที่สุด ที่ กต ๑๐๐๒/๙๖๖ ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘)
ไปพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสมและรอบคอบต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ กระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ในงบเงินอุดหนุน
เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนองค์การอนามัยโลก จำนวน ๗๔,๙๖๒,๒๐๐ บาท
ควรให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศแต่ละปีตามที่พันธกรณีได้กำหนดเป็นหลักเกณฑ์การคำนวณการจ่ายเงินบำรุงค่าสมาชิก
ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในแต่ละปี
เพื่อให้การกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณมีความเหมาะสม
และก่อให้เกิดผลตอบแทนด้านสุขภาพอย่างคุ้มค่าสูงสุดต่อประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
528 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารีขึ้นเป็นองค์การมหาชน
เพื่อดำเนินภารกิจในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมบนพื้นฐานทางธรรมชาติในรูปแบบไนท์ซาฟารีที่มีความหลากหลาย
และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการโอนเงินและทรัพย์สินของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร
(องค์การมหาชน) ไปเป็นทุนขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาประเมินรูปแบบองค์กรและการบริหารจัดการองค์กรที่เหมาะสมระหว่างองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) และองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ภายในระยะเวลา ๒ ปี ๓ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ ในส่วนที่เกี่ยวกับการประเมินรูปแบบองค์กรและการบริหารจัดการองค์กรที่เหมาะสมระหว่างองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) และองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่าในการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่องค์การบริหารไนท์ซาฟารีฯ
ควรมีการเตรียมความพร้อมการดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดในบทเฉพาะกาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๒ ฉบับ
มีผลใช้บังคับแล้วให้องค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การบริหารกิจการของรัฐเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ
รวมไปถึงควรกำหนดมาตรการ/แนวทางการประเมิน และการบริหารจัดการที่เหมาะสม
เพื่อให้การจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
บรรลุตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
529 | ปัญหาการลักลอบนำเข้าปูนและเหล็กไม่ได้มาตรฐาน (มอก.) | นร. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ได้รับข้อร้องเรียนจากภาคเอกชนว่า
ปัจจุบันมีความพยายามลักลอบนำเข้าสินค้าวัสดุก่อสร้างประเภทปูนและเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานตามบริเวณแนวชายแดนเป็นจำนวนมาก
โดยสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบหรือรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรม และอาจมีการปลอมแปลงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
(มอก.) ด้วย ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการตรวจสอบ
โดยให้ประสานงานกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด แล้วดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้เฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
530 | การแก้ไขปัญหาช้างป่ารุกล้ำพื้นที่เกษตรกรรม | นร. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากสถานการณ์ปัญหาประชากรช้างป่าที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันและรุกล้ำเข้ามาหากินในพื้นที่เกษตรกรรม
ส่งผลให้พื้นที่และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
รวมทั้งเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และบริเวณโดยรอบมากยิ่งขึ้น
เช่น พื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี จึงขอมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและดำเนินการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างจริงจังต่อเนื่อง
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้
ขอให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับจัดสรรไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
531 | มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2568 และส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในฤดูแล้ง ปี 2568/2569 | กนช. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี ๒๕๖๘
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘
และส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๘/๒๕๖๙ และมอบหมายหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
โดยรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
532 | มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นการปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า | สช. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นการปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า
และเห็นชอบมาตรการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ๕
มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการที่ ๑ พัฒนาและจัดการองค์ความรู้ มาตรการที่ ๒
สร้างการรับรู้ภยันตรายและการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็ก เยาวชน และสาธารณชน มาตรการที่
๓ เฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า มาตรการที่ ๔
พัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่าย เพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกัน ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า
และมาตรการที่ ๕ ยืนยันนโยบายและมาตรการป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้า
โดยที่คำนึงถึงพันธสัญญาที่ประเทศไทยได้ร่วมเป็นสมาชิกและต้องดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยองค์กรสหประชาชาติ
และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามภาระหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้หน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลในระบบออนไลน์ดำเนินการปิดกั้นหรือปิดระบบมิให้เกิดการโฆษณาหรือเป็นการปิดช่องทางการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าได้มากขึ้น
และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญกับบทบาทสถาบันครอบครัว
ซึ่งเป็นส่วนช่วยสนับสนุนพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนที่สำคัญที่สุดในการให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตัว
รวมทั้งในการเฝ้าระวังและกำหนดมาตรการเพื่อกำกับการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
มุ่งเน้นสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายและผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า
เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกันในตนเองและคำนึงถึงผลกระทบเชิงลบต่อผู้อื่น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
533 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | สธ. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง
- ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๗
ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดแนวทางการดำเนินโครงการความร่วมมือในการพัฒนาสุขอนามัย
เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อจากสัตว์สู่คน
และโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพของแม่และเด็กตามแนวชายแดนของไทย สปป. ลาว
และเวียดนาม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุขระมัดระวังและไม่ดำเนินการใดที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศจากการแลกเปลี่ยนการใช้การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีความอ่อนไหว
หรือเป็นองค์ความรู้หรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งควรเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทยเท่านั้น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงาน
รวมถึงกำกับและดูแลการประเมินผลโครงการทั้งด้านการวางแผนโครงการและการดำเนินงานโครงการ
รวมถึงกิจกรรมและการบริหารงบประมาณให้เป็นไปตามข้อกำหนด
รวมถึงสื่อสารผลการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงได้รับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
534 | แนวทางการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กำหนดจำนวนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๗๒ คน ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร เจริญศรี)
ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณประสานในรายละเอียดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
535 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒.
มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลและจัดทำประเด็นเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อประกอบการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
536 | การขอรับความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 การประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ครั้งที่ 2 และการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับกับสาธารณรัฐประชาชนจีน | กต. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
537 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร.01 | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว
ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทและบวชชีพรหมโพธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช ๒๕๖๘
โดยไม่ถือเป็นวันลา ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการเข้าร่วมบวชชีพรหมโพธิและบวชเนกขัมมะพรหมโพธิของสตรีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้
ให้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง
การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม) ด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการบรรพชาอุปสมบท ๙๙ รูป
และบวชชีพรหมโพธิ ๗๓ คน
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในส่วนของการขอยกเว้นการดำเนินการตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เรื่อง แนวทางและขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการให้ข้าราชการ
เจ้าหน้าที่
และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับรอง
ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ รวมถึงประกาศที่เกี่ยวข้อง นั้น
ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งประสานหารือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและดำเนินการให้ถูกต้องตามหน้าที่และอำนาจตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อโปโดยด่วน ๓.
ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเร่งรัดการพิจารณาปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับสำนักปฏิบัติธรรมที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน
เพื่อสามารถรองรับให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรมได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
538 | การประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 16 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | นร.11 สศช | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT - GT ที่จะมีการรับรองในการประชุมระดับผู้นำ
ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT - GT และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ได้ร่วมกับผู้นำประเทศแผนงาน IMT - GT ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ
ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ รวมทั้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) มอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT
- GT และเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๑๖ แผนงาน IMT-GT
ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้แผนงาน
IMT - GT ในด้านต่าง ๆ เช่น การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
539 | การเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด | นร. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความเดือดร้อนในสังคมและชุมชน รวมทั้งปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัวซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้ติดยาเสพติด
นับวันจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ก่อให้เกิดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด-สำนักงาน ป.ป.ส.) กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจตรา
ตรวจสอบ จับกุม และยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการ
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินการควบคุมตัวและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดด้วย โดยให้สำนักงาน
ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานประสานการดำเนินการและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงให้จัดทำแผนกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานต่าง ๆ ในภาพรวม ทั้งนี้
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดเป็นตัวชี้วัดผลงานที่สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
540 | การปราบปรามปัญหาการพนันออนไลน์ | นร. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลได้เร่งรัดการดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ไปแล้วเป็นจำนวนมาก
แต่ปัญหาการพนันออนไลน์ดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในสื่อสังคมอย่างแพร่หลายและส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง
มีประชาชนจำนวนมากมีปัญหาหนี้สินจากการเล่นพนันและปัญหาครอบครัวแตกแยก
รวมทั้งยังเป็นบ่อเกิดของปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการปราบปรามการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง
เข้มข้นและต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น และให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว แล้วให้ประชาสัมพันธ์ผลงานและการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในเรื่องนี้ให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันด้วย
|