ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
421 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ ไตรมาสที่ 2 | นร.07 | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ณ ไตรมาสที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่
๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
422 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 56 | กห. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย
ครั้งที่ ๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙
มกราคม ๒๕๖๘ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นด้านความมั่นคงและการทหาร รวมถึงกระชับความสัมพันธ์
ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารในระดับทวิภาคีระหว่างกระทรวงกลาโหมไทย และกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย
โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น การบรรเทาสาธารณภัยด้านอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย
การผ่อนผันการเดินทางเข้า-ออกผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติ
การใช้ระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ ณ จุดผ่านแดนทางบก
และการอำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนไทยที่เดินทางข้ามแดนเพื่อไปศึกษา ณ มาเลเซีย ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
423 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2568 | นร.04 | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ ณ จังหวัดพิษณุโลก และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง
๑ (ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์) ระหว่างวันจันทร์ที่ ๒๓ -
วันอังคารที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
424 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | สนง. กสม. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
425 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 | ศย. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
426 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... | พม. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ทั้งฉบับที่ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน
และปรับปรุงเป็นฉบับใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานอัยการสูงสุด กรุงเทพมหานคร
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าเกี่ยวกับการแต่งตั้งพนักงานคุ้มครองเด็กที่กำหนดให้รัฐมนตรีและองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจแต่งตั้งพนักงานคุ้มครองเด็กได้
ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจแต่งตั้งผู้ช่วยพนักงานคุ้มครองเด็กตามมาตรา
๒๙ และ ๓๐ ซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรา ๑๘ (๔) ประกอบมาตรา ๓๑
ที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมให้มีพนักงานคุ้มครองเด็กในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและต้องจัดให้มีพนักงานคุ้มครองเด็กในจำนวนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติได้ กระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
มีหน้าที่และอำนาจในการตรวจค้น ยึด อายัดบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า
หรือยาเสพติดอื่นใดที่นักเรียนและนักศึกษานำมาหรือพกติดตัวไป
เพื่อนำส่งเจ้าพนักงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องไว้ในร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก
พ.ศ. .... มาตรา ๘๕ และกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
เพื่อเป็นการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่พนักงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา
ไว้ในร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... มาตรา ๘๕ วรรคสอง เป็นต้น ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๓.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และกรุงเทพมหานครไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำนักงาน ก.พ. เห็นว่าการกำหนดให้มีพนักงานคุ้มครองเด็กในจำนวนที่เหมาะสมตามที่ระบุในร่างมาตรา ๓๑ นั้น
หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลังตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
กำหนดไว้ในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๖๕๗๐)
ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าการจัดให้มีอาสาสมัครคอยช่วยเหลือดูแลเด็กในครอบครัวในพื้นที่
ควรบูรณาการเชื่อมโยงการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ องค์กรเอกชน และมูลนิธิต่าง
ๆ ที่มีอาสาสมัครประเภทต่าง ๆ ในพื้นที่อยู่แล้ว เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
427 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
เข้าบัญชีสะสม เพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เพิ่มเติม จำนวน ๑๓,๘๒๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ
ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
428 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 | นร.05 | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันศุกร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๑.๓๐ - ๑๓.๐๐ น. ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
429 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุข | สธ. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุข
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียว่าด้วยความร่วมมือในสาขาสาธารณสุข
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายในสาขาสาธารณสุขที่สอดคล้องกับระเบียบและกฎหมายที่บังคับใช้ในประเทศ
และอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
430 | ขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | อว. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ (๑)
ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการดำเนินการร่วมภายใต้โครงการความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในสาขาการแพทย์แผนจีน ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีนโดยมีขอบเขตความร่วมมือ
เช่น ๑) การหาวิจัยร่วมด้านทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ๒)
การยกระดับความร่วมมือในการกำหนดมาตรฐานการแพทย์ดั้งเดิม ๓)
การจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์แผนจีน และ (๒) ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการดำเนินการร่วมภายใต้โครงการพิเศษเพื่อความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมในสาขาที่เกี่ยวข้อง ๔ ด้าน ได้แก่ ๑)
เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ๒) นวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ ๓) การบรรเทาความยากจนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และ ๔) ข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้ ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงทั้ง
๒ ฉบับ จะมีผลภายหลังจากการลงนามเป็นระยะเวลา ๓ ปี โดยอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแสดงเจตจำนง ทั้ง ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
431 | รายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กวช. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ภายใต้ยุทธศาสตร์ทั้ง ๔ ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑
การพัฒนาระบบและบริหารจัดการงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้มีประสิทธิภาพทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยพัฒนา และอุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนอย่างครบวงจร
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรรองรับภารกิจความมั่นคงด้านวัคซีน และยุทธศาสตร์ที่
๔ เสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรภาคีเครือข่ายด้านวัคซีนของประเทศ และมีการกำหนดค่าเป้าหมายจำนวน
๒๗ ค่าเป้าหมาย ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ผ่านค่าเป้าหมายทั้งสิ้น ๑๖ ค่าเป้าหมาย
คิดเป็นร้อยละ ๕๙.๒๖ ของค่าเป้าหมายทั้งหมด ตลอดจนปัญหาอุปสรรค
ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานไม่เป็นไปตามค่าเป้าหมายรายปีตามที่กำหนดไว้ เช่น
การทำงานในลักษณะโครงการที่ต้องใช้ทรัพยากรจากหน่วยงานต่าง
ๆ ทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงาน เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีภาระงานอื่น
โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้เสนอข้อเสนอแนะเพื่อนำไปปรับใช้ในการดำเนินงานครั้งถัดไป
เช่น ควรมีการประชุมติดตามงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างน้อยเดือนละ ๑
ครั้ง ตามที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
432 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์) | กค. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.
๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับการออกหลักทรัพย์
โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และกำหนดบทกำหนดโทษกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดเกี่ยวกับหลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับและส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกผลิตภัณฑ์และการทำธุรกรรมในตลาดทุน
รวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในสังคมดิจิทัลแห่งอนาคต
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยให้ส่งความเห็นของสมาคมธนาคารไทยไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์
สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสมาคมธนาคารไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นว่าในประเด็นเกี่ยวกับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด
พ.ศ. ๒๕๓๕ และมีหุ้นเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หากคณะกรรมการ ก.ล.ต.
จะประกาศกำหนดให้สามารถออกหุ้น โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
ควรพิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการออกหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ก่อนดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้หน่วยงานนั้น ๆ
พิจารณาดำเนินการและเตรียมความพร้อมภายใต้ภารกิจและกรอบกฎหมายได้อย่างถูกต้อง
และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อาทิ กระทรวงพาณิชย์ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่าในมาตรา ๖๒/๒ ซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับการออกหลักทรัพย์ตามประเภทที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้ดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ว่า
การออกหลักทรัพย์โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ควรมีการจัดทำแนวปฏิบัติ มาตรฐานการออกหลักทรัพย์ที่ชัดเจนในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้อง
เช่น การออก การโอน การส่งมอบ และการวางหลักประกัน เป็นต้น
เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง มีมาตรฐานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๔.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสมาคมธนาคารไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประชาสัมพันธ์หลักเกณฑ์
เงื่อนไข กระบวนการ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกหลักทรัพย์ด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรวม ๔ ฉบับ
ที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สมาคมธนาคารไทย เห็นควรกำหนดนิยาม “หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์”
ให้มีความแตกต่างจาก “สินทรัพย์ดิจิทัล” และการกำหนดให้การดำเนินการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ต้องเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงธนาคารยังไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์หรือให้บริการการทำธุรกรรมตลาดทุนที่เกี่ยวกับหลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
433 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 - มกราคม 2568 | นร.12 | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรา ๑๖๕ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗ - มกราคม ๒๕๖๘ และเห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการในระยะต่อไปให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าคณะรัฐมนตรีสามารถรับทราบและพิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอได้ตามที่เห็นสมควร โดยขอให้เร่งดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนเวลาที่กฎหมายกำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
434 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๘
แล้วให้ส่งร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.
๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
435 | ข้อเสนอแนะกรณีพนักงานบริการในสถานบริการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐ | สม. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑ รับทราบข้อเสนอแนะกรณีพนักงานบริการในสถานบริการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
436 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2566 | กค. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานในภาพรวมของทุนหมุนเวียน
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๖ ประกอบด้วย ๑) สถานะทางการเงินของทุนหมุนเวียนในภาพรวม
โดยมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๖๕ ร้อยละ ๘.๓๒ และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี
๒๕๖๕ ร้อยละ ๕.๑๖
เนื่องจากเป็นรายได้จากเงินนำส่งเข้ากองทุนในกลุ่มน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประกาศกำหนด
และ ๒) ผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน
โดยมีทุนหมุนเวียนเข้าสู่ระบบการประเมินผลการดำเนินงานของกรมบัญชีกลาง จำนวน ๙๘
ทุน จาก ๑๑๓ ทุน โดยมีผลการประเมินผลการดำเนินงานเฉลี่ยในภาพรวมเท่ากับ ๔.๑๗๓๓ คะแนน
ลดลงจากปีบัญชี ๒๕๖๕ เท่ากับ ๐.๐๖๓๒ คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ ๑.๔๙ เป็นทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินผ่านเกณฑ์
จำนวน ๕๘ ทุน ผลการประเมินต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน จำนวน ๓๘ ทุน
และผลการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน ๒ ทุน ได้แก่ กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐและกองทุนส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาสำหรับคนพิการ
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลกองทุนนำผลการประเมินการดำเนินงานในปีบัญชี
๒๕๖๖ ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
ซึ่งมีทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
และทุนหมุนเวียนที่มีผลการประเมินไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินผล
ไปพิจารณาเพื่อกำหนดแผนแก้ไขให้ชัดเจนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
437 | ผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสรุปผลการพิจารณาได้ ดังนี้ ๑)
การให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลางในการออกข้อกำหนด
ทำให้สามารถจัดการกับปัญหาหรือปรับปรุงกระบวนพิจารณาของศาลได้โดยเร็ว และไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจไว้
รวมทั้งไม่ทำให้สิทธิในการต่อสู้คดีอาญาของจำเลยต้องลดน้อยกว่าที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
โดยปัจจุบันศาลภาษีอากรกลางได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ
และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำร่างข้อกำหนดคดีภาษีอากร คู่ความสามารถยื่นคำฟ้อง
อุทธรณ์หรือฎีกา ตลอดจนคำให้การ คำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกา ได้ที่ศาลจังหวัดเพื่อส่งมายังศาลภาษีอากรกลาง
รวมถึงหากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
สำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อสารสนเทศของสำนักงานศาลยุติธรรม
ได้แก่ เพจเฟซบุ๊ก “สื่อศาล” และแอปพลิเคชันไลน์ “inside
COJ” รวมถึงจัดโครงการเผยแพร่ความรู้กฎหมายให้บุคลากรศาลยุติธรรมและประชาชนทั่วไปรับทราบถึงอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเพิ่มเติมขึ้นของศาลภาษีอากร
และ ๒)
ในกรณีศาลภาษีอากรใช้อำนาจรับพิจารณาพิพากษาคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากรสำหรับการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ซึ่งบางกรรมไม่อยู่ในอำนาจของศาลภาษีอากร
จำเลยสามารถแถลงไม่ว่าด้วยวาจาหรือยื่นเป็นคำแถลงให้ศาลทราบถึงความไม่สะดวกหรือไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมได้
เมื่อจำเลยได้แถลงให้ศาลทราบถึงความไม่สะดวกหรือไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมแล้ว
หากศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีดุลพินิจในการสั่งแยกฟ้องได้ต่อไป ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
438 | ผลการพิจารณา เรื่อง ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งสรุปผลการพิจารณาได้ ดังนี้ ๑)
การให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลางในการออกข้อกำหนด
ทำให้สามารถจัดการกับปัญหาหรือปรับปรุงกระบวนพิจารณาของศาลได้โดยเร็ว และไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจไว้
รวมทั้งไม่ทำให้สิทธิในการต่อสู้คดีอาญาของจำเลยต้องลดน้อยกว่าที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
โดยปัจจุบันศาลภาษีอากรกลางได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ
และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำร่างข้อกำหนดคดีภาษีอากร คู่ความสามารถยื่นคำฟ้อง
อุทธรณ์หรือฎีกา ตลอดจนคำให้การ คำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกา ได้ที่ศาลจังหวัดเพื่อส่งมายังศาลภาษีอากรกลาง
รวมถึงหากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว สำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อสารสนเทศของสำนักงานศาลยุติธรรม
ได้แก่ เพจเฟซบุ๊ก “สื่อศาล” และแอปพลิเคชันไลน์ “inside
COJ” รวมถึงจัดโครงการเผยแพร่ความรู้กฎหมายให้บุคลากรศาลยุติธรรมและประชาชนทั่วไปรับทราบถึงอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเพิ่มเติมขึ้นของศาลภาษีอากร
และ ๒)
ในกรณีศาลภาษีอากรใช้อำนาจรับพิจารณาพิพากษาคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากรสำหรับการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ซึ่งบางกรรมไม่อยู่ในอำนาจของศาลภาษีอากร
จำเลยสามารถแถลงไม่ว่าด้วยวาจาหรือยื่นเป็นคำแถลงให้ศาลทราบถึงความไม่สะดวกหรือไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมได้
เมื่อจำเลยได้แถลงให้ศาลทราบถึงความไม่สะดวกหรือไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมแล้ว
หากศาลเห็นสมควร ศาลย่อมมีดุลพินิจในการสั่งแยกฟ้องได้ต่อไป ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
439 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนธันวาคม 2567 | มท. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑,๔๑๘,๐๑๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน
สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ ถึงเดือนธันวาคม ๒๕๖๗
โดยเป็นกรอบวงเงินของการไฟฟ้านครหลวง วงเงิน ๒๒๒,๙๖๐,๐๐๐ บาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงิน ๑,๑๙๕,๐๕๐,๐๐๐ บาท
และให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเบิกจ่ายเงินจากสำนักงบประมาณต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงพลังงาน เห็นว่าการใช้จ่ายเงินงบประมาณดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่การไฟฟ้าทั้ง
๒ แห่ง ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
440 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เพิ่มเติม | สผ. | 10/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
รายการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เพิ่มเติม ๓๗๓,๘๘๗,๗๒๐.๐๐ บาท ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
และให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาในรายละเอียดตามความจำเป็นและเหมาะสมและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา
โดยพิจารณาแหล่งรายรับอื่น ๆ เพื่อให้กองทุนมีงบประมาณที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา
ลดการพึ่งพาเงินจากงบประมาณเพียงแหล่งเดียว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาระต่องบประมาณในระยะยาว
รวมถึงกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|