ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ผลการเจรจาหาข้อยุติสถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา | นร. | 29/07/2568 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีรายงานว่า
ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ต่อมาได้รับการประสานจากนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนให้ฝ่ายไทยเดินทางไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชาเพื่อยุติข้อขัดแย้งดังกล่าว
โดยนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน
เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอำนวยความสะดวกในการเจรจา ดังนั้น
จึงได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีเร่งด่วน ตามนัยมาตรา ๘ วรรคสอง
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุม
เพื่อรับทราบและประเมินสถานการณ์ความมั่นคง
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการไปเจรจา โดยยึดหลักว่า ทั้งสองฝ่ายต้องหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขและร่วมกันหาทางออกผ่านกลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไป
(General Border Committee :
GBC) และเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ จึงได้เดินทางไปยังเมืองปุตราจายา
(Putrajaya) ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการเจรจากับพลเอก
ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมี นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ในฐานะประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพอำนวยความสะดวกในการเจรจา
และมีผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ซึ่งในการเจรจาฝ่ายไทยได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
โดยประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่ล่วงล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและยิงโจมตีพื้นที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
เช่น โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บ
เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมากซึ่งถือเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย
ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้
ในการเจรจาดังกล่าวมีความเข้าใจร่วมกัน (Common Understanding) ว่า ทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ตั้งแต่เวลา ๒๔.๐๐ น. ของคืนวันที่
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ฝ่ายไทยได้ยืนยันการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและได้หยุดยิงในทุกพื้นที่
แต่โดยที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า กองกำลังฝ่ายกัมพูชาได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยมีการใช้อาวุธยิงโจมตีกองกำลังฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ภายหลังเวลา
๒๔.๐๐ น. ดังกล่าว ทหารฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาดและเหมาะสม
เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมกันนี้
รัฐบาลไทยได้ทำหนังสือประท้วงไปยังประธานอาเซียน รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่งเป็นสักขีพยานในการเจรจา
เพื่อให้ทราบว่าการละเมิดข้อตกลงนี้เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรงและไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชาอย่างชัดเจน จนถึงขณะนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ทุกเหล่าทัพตรึงกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกันได้มีการหารือระหว่างแม่ทัพภาคของทั้งสองประเทศในวันนี้ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.
ซึ่งได้ทราบว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจร่วมกันในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนที่ยังคงตึงเครียดอยู่
รวม ๖ ประเด็น ดังนี้ (๑) หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข (๒) คุ้มครองประชาชน (๓) งดการเสริมกำลัง
(๔) ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง (๕) อำนวยความสะดวกการส่งกลับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
และ (๖) จัดตั้งชุดประสานงานเฉพาะกิจ ทั้งนี้
จะได้นำผลการหารือดังกล่าวเสนอที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ในวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๘ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เพื่อพิจารณารับรองและให้มีผลใช้บังคับในระดับนโยบายของทั้งสองประเทศต่อไป ๒. มอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง
และความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ในลักษณะข่าวด่วน (Breaking News) ให้รวดเร็ว ทันการณ์
ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ นอกเหนือจากที่ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
(ศบ.ทก.) ได้จัดแถลงข่าวประจำวันในเวลา ๑๒.๐๐ น. อยู่แล้ว โดยให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีประสานข้อมูล
และดำเนินการในเรื่องนี้กับกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ ศบ.ทก.
กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไป
|