คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
               ๑.   นายกมล เชียงวงค์                         ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒.   นางกานต์เปรมปรีด์ ชิตานนท์             ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๓.   นายนิพันธ์ บุญหลวง                       ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๔.   นายปิยะ วงศ์ลือชา                         ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๕.   ว่าที่ ร.ต.พิเชียน ลิมป์หวังอยู่             ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๖.   นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์             ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๗.   นายรังสรรค์ ตันเจริญ                     ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๘.   นายสมชาย บำรุงทรัพย์                    ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๙.   นายสมบูรณ์ ศิริเวช                        ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๐. นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์                ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๑. นายเชาวลิตร แสงอุทัย                    ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๒. นายลือชัย เจริญทรัพย์                    ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดตรัง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๓. นายเอกรัฐ หลีเส็น                        ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนราธิวาส สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๔. นายวรกิตติ ศรีทิพากร                    ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดน่าน สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๕. นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ                       ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๖. นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์                     ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิจิตร สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๗. นายกอบชัย บุญอรณะ                    ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๘. นายชยันต์ ศิริมาศ                         ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดมุกดาหาร สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๑๙. นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา                 ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสตูล สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒๐. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์                   ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒๑. นายไมตรี ไตรติลานันท์                   ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุโขทัย สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒๒. นายชัยธวัช เนียมศิริ                      ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดหนองบัวลำภู สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒๓. นายเรวัต ประสงค์                         ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอ่างทอง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒๔. นายณรงค์ รักร้อย                         ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุทัยธานี สำนักงานปลัดกระทรวง

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี จำนวน ๗ คน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กันยายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้
                   ๑.๑ นางอรทัย ศิลปนภาพร                   ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร
                   ๑.๒ นายอาทิตย์ วุฒิคะโร                     ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
                   ๑.๓ นางอุบล มลิลา                            ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ
                   ๑.๔ นายธนวรรธน์ พลวิชัย                    ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ
                   ๑.๕ นายสิงห์ชัย อรุณวุฒิพงศ์                 ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชีและการเงินการคลัง
                   ๑.๖ นายชยงการ ภมรมาศ                     ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
                   ๑.๗ นางสาวนุชนาถ เกษมพิบูลย์ไชย         ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ
               ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้องในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายปรีชา สุนทรานันท์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายอุดม คชินทร)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
               ๑. นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช                 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน
                                                                 กระทรวงพลังงาน
               ๒. นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์                  ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
                                                                 กระทรวงพลังงาน
               ๓. นายยงยุทธ จันทรโรทัย                    ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน
                                                                 และอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน
               ๔. นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ                   ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
                                                                 สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน
               ๕. นายทวารัฐ สูตะบุตร                       ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
                                                                 สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการแต่งตั้ง นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๒๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับ ที่กระทรวงการคลังเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ (ตามมติคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๗/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๘/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายสุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ขอให้ยึดหลักการทำงานด้วยความโปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน จำนวน ๖ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสี่ปี ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
               ๑. นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์               ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าระหว่างประเทศ
               ๒. นายประสัณห์ เชื้อพานิช                    ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี
               ๓. นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ                     ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเกษตร
               ๔. นายศักดา ธนิตกุล                          ผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์
               ๕. นายเสน่ห์ นิยมไทย                         ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
               ๖. นางวริชนันท์ ต่อวงศ์ไพชยนต์              ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๒/๒๕๖๑ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ครั้งที่ ๕ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ผลการลงพื้นที่ของทีมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ระดับตำบล ครั้งที่ ๑-๔ (๒) การตอบแบบสอบถามความเข้มแข็งและศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชนและตำบลตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ตามแบบที่สำนักงานรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด และ (๓) ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๙๕,๗๕๘.๑๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้กำหนดวันประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ดังนี้
               ๑. เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นวันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑
               ๒. ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ ตามปกติ
               ๓. เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นวันพุธที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
               ๔. เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นวันจันทร์ที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๖ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ซึ่งคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในคราวประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ จำนวนเงินรวม ๑๔,๕๖๑.๔๕๗ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) งบทำการ จำนวน ๑๔,๓๙๖.๔๕๗ ล้านบาท แบ่งเป็น ทุน กยท. จำนวน ๓,๑๘๕.๘๑๕ ล้านบาท และกองทุนพัฒนายางพารา จำนวน ๑๑,๒๑๐.๖๔๒ ล้านบาท และ (๒) งบลงทุน จำนวน ๑๖๕.๐๐๐ ล้านบาท ซึ่ง กทย. ได้เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาตามระเบียบว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเป็นหน่วยงานที่นำเสนอในภาพรวมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
               ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญในการบริหารจัดการกองทุนพัฒนายางพารา เพื่อให้เป็นกลไกในการบริหารจัดการยางพาราของประเทศที่ครบวงจร ควรดำเนินการประเมินและติดตามผลการดำเนินงาน แผนงานหรือโครงการที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรให้ความสำคัญกับภารกิจที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย และการสนับสนุนการพัฒนายางทั้งระบบตามนโยบายรัฐบาล ตลอดจนการพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์ยางพารา ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ที่อยู่ระหว่างการจัดทำ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญในการนำเงินกองทุนพัฒนายางพาราเป็นกลไกในการขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครัฐ โครงการควบคุมปริมาณผลผลิต เพื่อช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคายางพาราในอนาคต เป็นต้น ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับถ้อยคำในความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับฮังการีเกี่ยวกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในฮังการีโดยร่วมมือกับวิทยาลัยพระพุทธศาสนาธรรมเกท (AGREEMENT BETWEEN THE KINGDOM OF THAILAND AND HUNGARY ON THE FUNCTIONING OF THE MAHACHULALONGKORNRAJAVIDYALAYA UNIVERSITY IN HUNGARY IN COOPERATION WITH THE DHARMA GATE BUDDHIST COLLEGE) โดยเพิ่มฉบับภาษาฮังกาเรียนเพิ่มเติมจากฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติให้ลงนามเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การลงนามร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับฮังการีเกี่ยวกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในฮังการีโดยร่วมมือกับวิทยาลัยพระพุทธศาสนาธรรมเกท) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการจัดทำความตกลงในรูปแบบของหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (United Nations Population Fund : UNFPA) เพื่อจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ เมษายน ๒๕๖๐) อนุมัติการจัดทำความตกลงในรูปแบบของหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (United Nations Population Fund : UNFPA) เพื่อจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย โดยเลขาธิการสหประชาชาติได้ส่งหนังสือแลกเปลี่ยนฉบับลงวันที่ ๑๖ มกราคม ค.ศ. ๒๐๑๘ พร้อมกับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ฝ่ายไทย โดยมีสาระคงเดิมตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ยกเว้นในส่วนของผู้ลงนามหนังสือที่เปลี่ยนเป็น Dr. Natalia Kanem รองเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้อำนวยการบริหาร UNFPA คนปัจจุบัน แทน Dr. Babatunde Osotimehin
               ๒. กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทยโดยปรับแก้ชื่อและตำแหน่งของผู้ลงนามฝ่าย UNFPA และลงนามโดยอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ รวมทั้งได้จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและได้มอบหนังสือทั้งสองฉบับให้แก่ UNFPA เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ จึงถือว่ากระบวนการจัดทำความตกลงระหว่างไทยกับ UNFPA เสร็จสิ้นสมบูรณ์และมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ (๓๐ วันหลังจากวันที่ที่ระบุตามหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายไทย)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สบ. ๖๓๗ ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เนื้อที่ ๔๖-๒-๘๐ ไร่ คืนให้แก่ นางสาวรัตนาภรณ์ ตันเวทติยานนท์ ผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมสมรรถนะบุคลากรด้านการท่องเที่ยว พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป