ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 52 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1021 - 1040 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1021 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่-ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2555) | มท. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่
- ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไร่ใหม่ -
ไร่เก่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ.๒๕๕๕ เฉพาะบริเวณหรือเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใด ตามมาตรา
๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมบางส่วนให้เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
และเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า
และเพิ่มเติมบัญชีท้ายกฎกระทรวงในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1022 | ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบเครื่องสำอาง พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบในหลักการประกาศ รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบเครื่องสำอาง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญหน่วยงานของรัฐ
หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ
การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสอบสถานประกอบการหรือการตรวจสอบเครื่องสำอาง
๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาเครื่องสำอาง
เช่น การประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจสถานประกอบการ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงบประมาณ เช่น กระทรวงสาธารณสุขควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจตามร่างประกาศดังกล่าวให้มีผู้ที่เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
และในการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดและอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุด
กระทรวงสาธารณสุขควรถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
(เรื่อง หลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ)
โดยต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการดำเนินการของรัฐ
ภาระที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน และปัจจัยอื่น ๆ ตามที่กำหนดในหลักเกณฑ์ดังกล่าว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1023 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 | กห. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
(ฉบับที่ .) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓๗ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗
เพื่อกำหนดโรคที่ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ในร่างกาย จำนวน ๓ กลุ่มโรค ได้แก่ ๑)
กลุ่มโรคตุ่มน้ำพอง ๒) โรคลำไส้โป่งพองแต่กำเนิด และ ๓) โรคของเอนไซม์บนเม็ดเลือดแดงผิดปกติชนิด
G-6-PD ให้เป็นคนจำพวกที่ ๒
เพื่อให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1024 | การปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด "Seal Stop Safe" ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน | นร. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า
รัฐบาลจะแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจรเริ่มตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน
การสกัดกั้นควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด นั้น
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่มีรองนายกรัฐมนตรี(นายภูมิธรรม เวชยชัย)
เป็นประธานกรรมการ
ได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและกำหนดผู้รับผิดชอบตามนัยมาตรา
๕ (๑๐) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยกำหนดพื้นที่เร่งด่วนในการสกัดกั้นยาเสพติด ๑๔
จังหวัด รวม ๕๑ อำเภอชายแดน
และมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่เกี่ยวข้องเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด
สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดน ในการนี้
นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายในการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด
“Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง ๕๑ อำเภอชายแดน ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๒.๐๐
น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเน้นย้ำการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในห้วงระยะเวลา
๖ เดือน (เดือนกุมภาพันธ์ - กรกฎาคม ๒๕๖๘) นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
และปลัดกระทรวงมหาดไทยจะได้เน้นย้ำภารกิจในส่วนที่รับผิดชอบให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่เร่งด่วนประกอบด้วย
แม่ทัพภาค ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ผู้ว่าราชการจังหวัด
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอ และผู้กำกับการสถานี
หรือรองผู้กำกับการที่ทำหน้าที่หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ส่วนราชการที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงที่สนับสนุนการทำงานในพื้นที่
จำนวนรวมประมาณ ๔๐๐ คน เพื่อเร่งรัดดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพต่อไป
ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลา ๖ เดือนดังกล่าว
ถือเป็นห้วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนในพื้นที่ ๑๔ จังหวัด ๕๑ อำเภอ
ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องจริงจัง และจะมีการวัดผลการทำงานอย่างชัดเจน
ทั้งก่อนการปฏิบัติงาน ระหว่างปฏิบัติงาน และเมื่อครบระยะ ๖ เดือน
เพื่อพิจารณาความดีความชอบ โยกย้าย หรือลงโทษทางวินัยตามแต่กรณี ตามนัยมาตรา ๑๔
แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดจัดเตรียมการดำเนินการและให้การสนับสนุนการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนดังกล่าว
เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1025 | การขยายระยะเวลาและรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 | สธ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการขยายระยะเวลาและรายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา
๙ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขจัดให้มีการเผยแพร่รายงานเหตุผลที่ไม่อาจดำเนินการได้ต่อสาธารณชนตามที่กฎหมายกำหนด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
เมืองพัทยา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงแรงงานและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปหารือร่วมกันเพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมภายในระยะเวลาที่ขยายออกไปในครั้งนี้
เช่น กระทรวงแรงงาน เห็นว่าสำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการพัฒนาสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและปรับปรุงการเข้าถึงการให้บริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการร่วมมือกันกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการบูรณาการจัดระบบบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิการส่งเสริมดังกล่าวตามสิทธิพื้นฐานของประชาชนคนไทย
และสิทธิเสริมในส่วนของประกันสังคม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1026 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [กำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์โบราณ (Classic Cars)] | คค. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ
และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถและการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เพื่อให้การควบคุมกำกับดูแลการจดทะเบียนรถยนต์โบราณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างพลังสร้างสรรค์ (Soft Power) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในส่วนของบทนิยาม
“รถยนต์โบราณ (Classic Cars)” จากเดิม “โดยไม่รวมถึงการนำเข้าจากเขตปลอดอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร”
เป็น “โดยไม่รวมถึงการนำเข้าจากเขตปลอดอากร คลังสินค้าทัณฑ์บน ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
หรือเขตประกอบการค้าเสรี” และตัดคำว่า “โดยต้องมีรายละเอียดอัตลักษณ์ครบถ้วน” และคำนิยาม
“รถยนต์โบราณ (Classic Cars)” อาจไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี
ประกอบกับมติการประชุมคณะงานติดตามมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic
Cars) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ เช่น
การเพิ่มเติมคุณสมบัติของรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ให้ครอบคลุมถึงรถยนต์ที่มีอายุเกิน
๑๐๐ ปี โดยเพิ่มพิกัดอัตราศุลกากร ๙๗.๐๖ โบราณวัตถุ
เพื่อให้ได้รับสิทธิยกเว้นอากรศุลกากร เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม
๒๕๖๗ [เรื่อง มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars)] โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการพิจารณาศึกษารายละเอียดของมาตรการและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ
และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การพิจารณากฎหมายหรือระเบียบ
ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงร่างกฎกระทรวงดังกล่าวที่กระทรวงคมนาคมเสนอในครั้งนี้
เป็นไปอย่างรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1027 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินงบประมาณ โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาและขยายกรอบวงเงินงบประมาณ
โครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยควรเร่งรัดการดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและจ่ายค่าทดแทนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการป้องกันปัญหาราษฎรที่เคยได้รับค่าทดแทนไปแล้วมาขอรับค่าทดแทนที่ดินเพิ่มเติมเนื่องจากที่ดินมีราคาเพิ่มขึ้น
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕
(ด้านเศรษฐกิจและการเกษตร) ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๘ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1028 | การจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุตามสิทธิ/สวัสดิการที่จะได้รับรายบุคคล เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่ขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ | พม. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุตามสิทธิ/สวัสดิการที่จะได้รับรายบุคคล
เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่ขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ โดยมอบหมายให้กรมกิจการผู้สูงอายุเป็นเจ้าภาพหลัก
และให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่
(องค์การมหาชน) สนับสนุนการดำเนินงานการจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุตามสิทธิ/สวัสดิการที่จะได้รับรายบุคคล
เพื่อบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่ขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ/สวัสดิการผู้สูงอายุทั้งในรูปแบบเงินสวัสดิการและบริการต่าง
ๆ โดยมีจำนวน ๔๓ รายการ ๒๓ หน่วย (๑๐ กระทรวง)
สนับสนุนข้อมูลรายบุคคลเพื่อจัดทำฐานข้อมูลสวัสดิการผู้สูงอายุ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. กรุงเทพมหานคร กองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) รวมทั้ง ข้อเสนอแนะของกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1029 | ขออนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมสำหรับงานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติปรับกรอบวงเงินรวมของโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็น ๒๙,๗๖๓.๕๗ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒.
เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยลงทุนซึ่งมีวงเงินเกินห้าสิบล้านบาท
ก่อนดำเนินการตามนัยมาตรา ๓๙ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เพื่อใช้ในการจ่ายเงินค่าทดแทนพื้นที่เวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ ๑ ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร และสัญญาที่ ๓
งานอุโมงค์รถไฟ ในวงเงิน ๑๙๗.๓๗ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงคมนาคม
(การรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑)
การรถไฟแห่งประเทศไทยควรดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด
รวมทั้งมีการกำหนดแผนการบริหารความเสี่ยงในกรณีที่ผลประกอบการไม่เป็นไปตามประมาณการที่ตั้งไว้
และ (๒)
การรถไฟแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการจากธุรกิจการเดินรถโดยสารและขบวนรถสินค้า
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1030 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองปลาไหล ตำบลหนองปรือ และตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | คค. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลหนองปลาไหล
ตำบลหนองปรือ และตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวงชนบท
ถนนสาย ง ๑ ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากมีการดำเนินการตัดผ่านพื้นที่ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข ในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖
เอกสารท้ายประกาศ ๔ ลำดับที่ ๒๐ เช่น พื้นที่อุทยานแห่งชาติ
พื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้โบราณสถาน เป็นต้น
โครงการดังกล่าวจะเข้าข่ายต้องดำเนินการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒
บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จและยังประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดต่อไปให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๖๐ วัน ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานั้นจะสิ้นผลใช้บังคับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1031 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อกำหนดกลไกราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต | กค. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
โดยรวมไว้ในอัตราภาษีสรรพสามิตในปัจจุบัน (เฉพาะน้ำมันเบนซิน และน้ำมันที่คล้ายกัน
น้ำมันก๊าด และน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกัน
น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น น้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน
ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอล.พี.จี.) ก๊าซโพรเพรน และก๊าซที่คล้ายกัน
น้ำมันเตาและน้ำมันที่คล้ายกัน) ซึ่งยังคงอัตราภาษีสรรพสามิตตามที่กำหนดไว้ตามเดิม
ทั้งนี้
เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนในสังคมมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรกำหนดกลไกราคาคาร์บอนของสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันโดยพิจารณาจากค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(Emission Factor) ให้สอดคล้องกับค่าสัมประสิทธิ์ที่ประกาศโดยกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(UNFCCC) พ.ศ. ๒๕๖๕ และควรเพิ่มความตระหนักด้านมลพิษฝุ่น2.5
ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
โดยอาจพิจารณาความเหมาะสมของราคาคาร์บอนที่ ๒๐๐ บาท ต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า
สามารถครอบคลุมการปล่อยฝุ่น PM2.5 ได้หรือไม่ ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
และความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงพลังงาน
เห็นว่าการกำหนดกลไกราคาคาร์บอน (Carbon Pricing) ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
อาจส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในอนาคต
(ในกรณีที่มีการกำหนดเพิ่มอัตราราคาคาร์บอนหรือมีการแยกราคาคาร์บอนออกจากภาษีสรรพสามิตในอนาคต)
ทำให้ต้นทุนภาคขนส่งได้รับผลกระทบจนนำไปสู่ปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ภาพรวมเศรษฐกิจ ค่าครองชีพของประชาชน
และอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศในระยะยาว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1032 | พิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (First Protocol to Amend the ASEAN–Hong Kong, China Free Trade Agreement) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 และวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2568) | ปสส. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘
ซึ่งให้เสนอพิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - ฮ่องกง (First Protocol to Amend the
ASEAN - Hong Kong, China Free Trade Agreement) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1033 | รายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงาน ก.พ.ร. ได้รายงานผลการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติ
มาตรา ๒๐ (การประกาศช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนติดต่อราชการและกำหนดระบบสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์)
โดยหน่วยงานของรัฐ จำนวน ๘,๒๙๔ หน่วยงาน
มีหน่วยงานที่ประกาศช่องทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับประชาชนติดต่อราชการแล้วจำนวน ๗,๖๓๕ หน่วยงาน (คิดเป็นร้อยละ ๙๒ ของหน่วยงานทั้งหมด) ยังไม่ได้ดำเนินการอีก
จำนวน ๖๕๙ หน่วยงาน และกำหนดระบบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว
จำนวน ๗,๕๕๙ หน่วยงาน (คิดเป็นร้อยละ ๙๑ ของหน่วยงานทั้งหมด)
ยังไม่ได้ดำเนินการอีก จำนวน ๗๓๕ หน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1034 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์) | พม. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1035 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 และวันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2568) | ปสส. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1036 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงวัฒนธรรม จำนวน ๑๐ คณะ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการประสานงานฝ่ายไทยว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศอาเซียน ๒. คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ๓.
คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ๔.
คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ (Thai National Committee for
International Council of Museum) ๕. คณะกรรมการอำนวยการและควบคุมการดำเนินงานโครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ๖. คณะกรรมการพัฒนากฎหมายกระทรวงวัฒนธรรม ๗ คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย ๘. คณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติ ๙. คณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดทำพระไตรปิฎก
ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1037 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน | ทส. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ดังนี้
๑.๑
ให้มติคณะรัฐมนตรีที่มีลักษณะเป็นการอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนคงมีผลใช้บังคับต่อไป
จำนวน ๔ มติ ได้แก่ ๑.๑.๑
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๑ (เรื่อง
การขอเข้าใช้ประโยชน์ในเขตป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ) ๑.๑.๒
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๖ (เรื่อง
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๒๘) ๑.๑.๓
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๓๗ (เรื่อง
ขออนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ) ๑.๑.๔
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ (เรื่อง
ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๘ กันยายน ๒๕๓๕ เกี่ยวกับการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าไม้
เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าภาคเอกชน) ๒. ในส่วนของมติคณะรัฐมนตรีอื่น ๆ
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ นอกเหนือจากข้อ ๑ อีกจำนวน ๔๙ มติ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาทบทวนเพิ่มเติมเพื่อให้คงอยู่ไว้เฉพาะที่จำเป็น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1038 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางพัชรวีร์ สุวรรณิก) | นร.14 | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางพัชรวีร์
สุวรรณิก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1039 | รัฐบาลสาธารณรัฐฮอนดูรัสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฮอนดูรัสประจำประเทศไทย (นายฮาโรลด์ บูร์โกส) | กต. | 21/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายฮาโรลด์ บูร์โกส (Mr. Harold Burgos) ให้ดำรงตำแหน่ง
เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฮอนดูรัสประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น สืบแทน นายเอกตอร์ อาเลฆันโดร ปัลมา เซร์นา
(Mr. Hector Alejandro Palma Cerna) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1040 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (ศาสตราจารย์พิเศษกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ และนายวิจารย์ สิมาฉายา) | ยธ. | 13/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย
รวม ๒ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์และลาออก
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษกิตติพงษ์
กิตยารักษ์ ประธานกรรมการ
|