ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 56 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1101 - 1120 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1101 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ ๑) ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณามาตรการเพื่อรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
๒) ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการเพิ่มรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓) หน่วยรับงบประมาณควรพิจารณาการใช้จ่ายรายจ่ายประจำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยไม่กระทบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามสิทธิและตามกฎหมาย และ ๔)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง
แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) อย่างเคร่งครัด
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1102 | การจัดทำความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ | นร. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การจัดทำความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศต่าง
ๆ เป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุด รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการที่ต่างประเทศหรือหน่วยงานระหว่างประเทศได้ทราบข้อมูล
ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของประเทศไทยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมในภาพรวมของการจัดทำความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศหรือจากองค์การระหว่างประเทศของทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่าง
ๆ ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายด้านการต่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือ/การขอรับความช่วยเหลือซึ่งมีสารัตถะเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยน/การใช้/การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีความอ่อนไหว
(Sensitive) หรือเป็นองค์ความรู้
หรือเป็นทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ซึ่งควรเป็นกรรมสิทธิ์ของประเทศไทยเท่านั้น
เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1103 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๕ (The 5th ASEAN Digital Ministers’ Meeting : The 5th
ADGMIN) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๘ ฉบับ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว
ประกอบด้วย (๑) ร่างปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ (Bangkok Digital Declaration) (๒) ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุม ADGMIN ครั้งที่
๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (Joint Media Statement) (๓)
ร่างรายงานโครงการศึกษาขั้นตอนการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital
Identification in ASEAN-Baseline study on how ASEAN leverage the digitalization
of ID) (๔) ร่างเอกสารแผนปฏิบัติการสำหรับกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวข้ามพรมแดนระดับสากล
และการรับรองความเป็นส่วนตัวระดับสากลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูล (Operational
Framework for Global Cross-Border Privacy Rules : Global CBPR and Global
Privacy Recognition for Processors : Global PRP) (๕)
ร่างเอกสารเพิ่มเติมแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลและจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียนโดยครอบคลุมถึงปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์
(Expanded ASEAN Guide on AI Governance and Ethics-Generative AI) (๖) ร่างรายงานการสำรวจกิจกรรมการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียน (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๖๗) ภายใต้คณะทำงานอาเซียนด้านการป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์
[Report of the Online Scams Activities in ASEAN (2023-2024) under the ASEAN
Working Group on Anti-Online Scam : WG-AS] (๗)
ร่างเอกสารข้อแนะนำของอาเซียนในการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (ASEAN
Recommendations on Anti-Online Scam) และ (๘)
ร่างเอกสารกรอบการบูรณาการบริการรัฐบาลดิจิทัลของอาเซียน (ASEAN Digital
Government Interoperability Framework) ซึ่งเป็นเอกสารแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
โดยมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลในระดับภูมิภาค เช่น
การป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ การประสานงานด้านความมั่นคงไซเบอร์
การส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถด้านทักษะดิจิทัล การผลักดันกลยุทธ์การทำงานร่วมกันของภาครัฐและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลแห่งชาติ
การดำเนินการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล การอำนวยความสะดวกข้อมูลข้ามพรมแดน
รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ได้รับจัดสรร รวมถึงเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานที่ดำเนินการในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1104 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำเเหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... | ตช. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทตำแหน่งและการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ
ให้ครอบคลุมกับกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบัน
และเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการประเภทอื่น
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1105 | การทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล
โดยกระทรวงการคลังได้จัดทำแบบรายงานข้อมูลโครงการสลากการกุศลตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้การพิจารณาและการติดตามการออกสลากการกุศลครั้งต่อไปเป็นไปอย่างเหมาะสม
มีความรอบคอบ ชัดเจนยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เห็นว่าในการพิจารณากลั่นกรองโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศลควรคำนึงถึงผลกระทบ
ความจำเป็น และความพร้อมของการดำเนินโครงการที่มุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมทุกมิติในวงกว้าง
โดยเฉพาะการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกลุ่มเปราะบาง อาทิ คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส
ฯลฯ
เพื่อพัฒนาศักยภาพให้พร้อมรับมือกับสภาพปัญหาสังคมที่ผันผวนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย
และควรมีการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการที่ขอรับการสนับสนุนฯ
ทั้ง ๓๐ โครงการ อย่างเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ เกิดความคุ้มค่า
และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างแท้จริง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1106 | ขออนุมัติการเพิ่มกรอบวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต และทำเนียบเอกอัครราชทูต จำนวน 3 แห่ง | กต. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าว
ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
โครงการสนับสนุนการขับเคลื่อนการต่างประเทศอย่างมีเอกภาพและบูรณาการ เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูตและทำเนียบเอกอัครราชทูต
รวมทั้งสิ้น ๓ รายการ จากวงเงินรวมจำนวน ๓๘,๑๖๓,๘๐๐ บาท
เป็นภายในกรอบวงเงินรวมจำนวน ๔๓,๒๕๕,๗๐๐
บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นสำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๑๓๓๘
ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1107 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | อก. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1108 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... | มท. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลวัฒนานคร และตำบลห้วยโจด
อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในที่ดินการคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยได้มีการกำหนดแผนผังและการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในเขตผังเมืองรวมจำแนกออกเป็น ๑๒ ประเภท
ซึ่งแต่ะละประเภทจะกำหนดลักษณะกิจการที่ให้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์การใช้ที่ดินแต่ละประเภทนั้น
ๆ ตลอดจนกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแผนผังโครงการคมนาคมและขนส่ง
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นควรให้เพิ่มข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ว่าให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการสงวนและคุ้มครองดูแลรักษาหรือบำรุงป่าไม้
สัตว์ป่า ต้นน้ำ ลำธาร และทรัพยากรธรรมชาติอื่น
ๆ และให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการป่าไม้ด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าพื้นที่บางส่วนของผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จ. สระแก้ว เป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร
ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยควรสนับสนุนเจ้าพนักงานของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ให้กำกับ
ดูแล
และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดของผังเมืองรวมอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1109 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | กษ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโซง และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง
และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นควรให้กรมชลประทานเร่งรัดดำเนินการจ่ายค่าทดแทนให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
โดยเร็วและเป็นธรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดความขัดแย้งระหว่างส่วนราชการกับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการของรัฐ
และการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1110 | โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และโครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และโครงการสินเชื่อ Beyond.ติดปีก SME ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) โดยในปีที่ ๑ - ๓ ให้ ธพว. คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่จากผู้ประกอบการ SME
ร้อยละ ๓ ต่อปี สำหรับปีที่ ๔ - ๑๐ ให้คิดอัตราดอกเบี้ย ตามที่ ธพว.
กำหนด และรัฐบาลจ่ายชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับ ธพว. ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี
ในปีที่ ๑ - ๓ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณไม่เกิน ๑,๘๐๐ ล้านบาท
และเมื่อใกล้ครบกำหนดระยะเวลา ๓ ปี ให้กระทรวงการคลัง (ธพว.)
ดำเนินการประเมินศักยภาพของผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมโครงการว่ายังคงมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่
ประการใด
เพื่อพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการขอรับการชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ธพว.) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
รวมทั้งให้จัดทำแผนบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการและติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non - Performing Loans : NPLs) ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแล ธพว.
ในการให้สินเชื่อของทั้ง ๒ โครงการ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
และไม่ซ้ำช้อนกับการดำเนินโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
(ธพว.) และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรกำหนดอัตราดอกเบี้ยโครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME ในปีที่ ๖ - ๑๐
ให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับข้อมูลครบถ้วนสำหรับประกอบการตัดสินใจ และควรทบทวนอัตราดอกเบี้ยชดเชยให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณภาครัฐที่ต้องชดเชยภายใต้การดำเนินงานโครงการดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรกำหนดกระบวนการคัดกรองลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ
เพื่อให้การสนับสนุนสินเชื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ
และควรมีกระบวนการติดตามตรวจสอบการใช้สินเชื่อว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การกู้ยืม
รวมถึงมีกลไกในการบริหารความเสี่ยงของโครงการให้อยู่ในระดับที่ธนาคารยอมรับได้
เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับ
ธพว.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสรุปผลการดำเนินมาตรการ/โครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ
SME ของภาครัฐในภาพรวมให้ถูกต้อง
ครบถ้วน และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบทุกไตรมาส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1111 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินอุดหนุนตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด) | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ที่จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
สำหรับเงินอุดหนุนที่ได้รับตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดที่ได้รับตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ลดต้นทุนการผลิต ยกระดับการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1112 | การปรับปรุงระบบแรงจูงใจในส่วนของค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1113 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม
ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในกรอบวงเงิน
๖,๔๗๓.๙๘
ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย
ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E -
Bidding) ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด และรายละเอียดอื่นที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลง
ให้ยึดถือตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) เร่งรัดการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม
ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการพิจารณาเสนอเรื่อง
การปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในโอกาสแรก และสร้างความชัดเจนของนโยบายรูปแบบการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) และในกรณีที่มีความเหมาะสมที่จะใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
เห็นควรให้มีการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.)
ในอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน รฟฟท. เป็นผู้ดำเนินการเดินรถในโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) รวมทั้งเร่งดำเนินการให้ได้มาซึ่งเอกชนร่วมลงทุน
เพื่อให้การลงทุนก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองฯ มีความสอดคล้องกับการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
และป้องกันไม่ให้เกิดภาระงบประมาณในการดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมจากความล่าช้า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1114 | ข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว | สม. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐปิดศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าว
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1115 | ร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. .... | พน. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขนส่งก๊าซธรรมชาติด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว
เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัย ป้องกันอัคคีภัย
และระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ ความเสียหายหรืออันตรายอื่นใดที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล
สัตว์ พืชหรือสิ่งแวดล้อม จากการขนส่งก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางน้ำด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวควรมีหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องและมีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางบก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการกำหนดบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวที่ได้รับใบอนุญาตก่อนร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้
ไม่ต้องปฏิบัติตามข้อ ๖ ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีระบบจัดเอกสารแบบก่อสร้าง
รายการคำนวณความมั่นคงแข็งแรง หลักฐานการทดสอบและตรวจสอบ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการใช้เอกสาร และข้อ ๑๙
ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวหรือระบบท่อก๊าซ จะต้องจัดให้มีวาล์วสำหรับป้องกันไม่ให้เติมก๊าซธรรมชาติเหลวเกินกว่าระดับความจุสูงสุดที่กำหนดไว้
เพื่อให้ผู้ประกอบกิจการดังกล่าว ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของร่างกฎกระทรวงฯ
ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มความปลอดภัยในการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวตามเจตนารมณ์ของการร่างกฎกระทรวงฯ
ที่กำหนดไว้ต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการนำกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกมาบังคับใช้กับการติดตั้งถังขนส่งก๊าซฯ
และกรณีอื่น ๆ ไม่ได้ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
และเห็นว่าการยึดถังขนส่งก๊าซฯ ติดกับรถไฟ ต้องคำนวณการวางถังอย่างถูกต้องและกำหนดมาตรการให้รัดกุม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางน้ำด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวควรมีหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องและมีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางบก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1116 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กต. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. ให้ความเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจการยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ.
๒๕๔๕ เพื่อรองรับการตรวจลงตราประเภททูต ประเภทราชการ และประเภทอัธยาศัยไมตรี
สำหรับหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป
และสอดคล้องกับความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ-ปาสเซ
(Laissez-Passer) ที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่สมบูรณ์
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อฝ่ายสหภาพยุโรปเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อร่างกฎกระทรวงตามข้อ
๑ มีผลใช้บังคับ
เพื่อให้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ
- ปาสเซที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่สมบูรณ์มีผลใช้บังคับต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1117 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2567 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2024) | อว. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1118 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | กต. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบความเหมาะสมของราคารายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบสถานเอกอัครราชทูต
ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑ แห่ง
ในวงเงิน ๓๒๐,๒๓๒,๙๐๐ บาท และรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบ
สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑ งาน ในวงเงิน ๒๔,๐๑๗,๔๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๗๐
แต่เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารฯ
ซึ่งเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ตามหนังสือที่อ้างถึง ๖ จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
และเมื่อได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว
หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบ
และดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ขอให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
และต่อรองราคาจนถึงที่สุดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ที่ นร ๐๗๐๖/๘๓๒๗ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1119 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) | นร. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๙ ตุลาคม ๖๕๖๗) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการต่าง ๆ
ในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) ในพื้นที่ต่าง
ๆ ของประเทศให้เหมาะสมและครบถ้วนทั้งที่เป็นปัญหามลพิษจากการเผาตอซังและพืชไร่ในภาคการเกษตร
ควันและไอเสียของยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐาน และฝุ่นควันจากภาคอุตสาหกรรม
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ
ตามหน้าที่และอำนาจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นั้น ในขณะนี้
ประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูหนาวและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 เริ่มรุนแรงขึ้นและภาพถ่ายดาวเทียมยังแสดงให้เห็นว่าในบางจังหวัดมีจุดความร้อน
(Hotspot) เพิ่มมากขึ้นด้วย จึงขอมอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ เพิ่มเติม ดังนี้ ๑. มาตรการเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตร ๑.๑
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งกำหนดมาตรการเพิ่มเติม
เพื่อให้ผู้ประกอบการอ้อยและน้ำตาลทรายงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้อย่างเด็ดขาด ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด
และเข้มงวดกับผู้เผาป่า ตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อย และพืชอื่น ๆ
รวมทั้งให้มีการประกาศกำหนดเขตควบคุมมลพิษให้ชัดเจนและเหมาะสม
โดยขอให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย ๑.๓
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผาอย่างเด็ดขาด ๑.๔ ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย
หน่วยงานความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
รวมกันดำเนินการตรวจสอบและจับกุมการลักลอบน้ำเข้าพืชผลทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการเผา
ตามแนวชายแดนทุกด้านของประเทศอย่างเข้มงวด ๒. มาตรการลดมลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) ๒.๑
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตรวจสอบ ตรวจจับ และระงับการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำจากท่อไอเสียเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะ รถโดยสารสาธารณะ รถบรรทุกขนาดใหญ่
รวมทั้งรถโดยสารประจำทางทั้งที่เป็นของหน่วยงานของรัฐและรถร่วมบริการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1120 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อกำหนดลักษณะความประพฤติต้องห้ามของนักเรียนและนักศึกษาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|