ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 59 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1161 - 1180 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1161 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. 2560 พ.ศ. .... | กษ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติ
สำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการควบคุมกระบวนการผลิตที่จะทำให้เชื้อเห็ดมีคุณภาพและได้มาตรฐานตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติสำหรับการผลิตเชื้อเห็ดเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อลดภาระของผู้ผลิตเชื้อเห็ดที่จะต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการและขอรับการตรวจสอบและรับรองจากผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร
พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1162 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2563 พ.ศ. .... | ทส. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง
และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๖๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง
และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๖๓ ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม
๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1163 | ร่างแผนปฏิบัติการสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล สำหรับปี ค.ศ. 2024-2034 | กต. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
(Landlocked
Developing Countries : LLDCs) ครั้งที่ ๓ ได้แก่ ร่างแผนปฏิบัติการสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๒๔-๒๐๓๔ และให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ
นครนิวยอร์ก หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแผนปฏิบัติการฯ โดยสาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการฯ
เป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาด้านการพัฒนาของ LLDCs
ซึ่งเผชิญความท้าทายจากการไม่มีทางออกสู่ทะเลโดยตรง โดยเน้น (๑)
การปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง และวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (๒) การค้า
การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการรวมกลุ่มในภูมิภาค (๓) การผ่านแดน การขนส่ง
และความเชื่อมโยง (๔) การเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว
การเสริมสร้างความยืดหยุ่น
และการลดความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ และ (๕)
กลไกการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามแดนและประเด็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานและการขนส่งเพิ่มด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1164 | การแต่งตั้งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน วาระปี 2568-2570 | กต. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาณุภัทร
จิตเที่ยง ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
สำหรับวาระปี ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ โดยให้ทำหน้าที่ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๐ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งให้เลขาธิการอาเซียนและประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1165 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการให้คำมั่นอันเป็นหนึ่งเดียวของประเทศสมาชิกอาเซียนในการปกป้องสุขภาพของประชาชนจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการควบคุมยาสูบ | สธ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการให้คำมั่นอันเป็นหนึ่งเดียวของประเทศสมาชิกอาเซียนในการปกป้องสุขภาพของประชาชนจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ
โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการควบคุมยาสูบ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างหนังสือแสดงเจตจำนงค์ฯ
โดยสาระสำคัญของร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ เป็นการแสดงเจตจำนงร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการคุ้มครองนโยบายด้านสาธารณสุขจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ
โดยประเทศสมาชิกอาเซียนจะสนับสนุนให้เกิดการสร้างความร่วมมือและกำหนดมาตรการในการควบคุมยาสูบผ่านการดำเนินการต่างๆ
เช่น (๑)
การกำหนดมาตรการเพื่อจำกัดการติดต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับอุตสาหกรรมยาสูบ
(๒) การขยายความร่วมมือกับภาคส่วนอื่น ๆ เช่น ภาคส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา
ด้านเศรษฐกิจและสังคม (๓) ติดตามและตรวจสอบการบิดเบือนของข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยาสูบที่สร้างความสับสนแก่ผู้กำหนดนโยบาย
และ (๔) แบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวปฏิบัติที่ดี (Best
Practices) ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1166 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชฝิ่นและพืชเห็ดขี้ควายเพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย พ.ศ. .... | ยธ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชฝิ่นและพืชเห็ดขี้ควาย
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่นและเห็ดขี้ควาย
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและตรวจสอบการเพาะปลูกและสารสกัดสำคัญจากพืชดังกล่าว
โดยอาศัยอำนาจในมาตรา ๕๕ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1167 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 [เรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน และเรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)] | อก. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ มกราคม ๒๕๖๖ [เรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน
และเรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC)] ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ในการลงทุนจัดซื้อที่ดินเพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในคราวต่อไป การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยควรศึกษาและตรวจถึงกรรมสิทธิ์ของที่ดินในแต่ละพื้นที่
และพิจารณาข้อมูลและความเสี่ยงเกี่ยวกับที่ดินเป้าหมายอย่างรอบคอบก่อนที่จะดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งประสานงานกับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้ง ๒ แห่ง ในการกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) ตามแนวนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง
การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
อย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1168 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2569-2572) | กค. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1169 | การอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 | นร. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๘
ที่กำลังจะมาถึง คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางไป - กลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องให้พร้อมและเพียงพอเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการให้ความช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ดังกล่าว
ทั้งในการเดินทางทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ทั้งนี้
ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขันกับการป้องกันอุบัติเหตุและอุบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้น
การขับขี่ยานพาหนะอย่างประมาทและใช้ความเร็วเกินกำหนด รวมตลอดถึงการรณรงค์เมาไม่ขับอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1170 | การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของรัฐบาลและของกระทรวง | นร. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
กระทรวงต่าง ๆ ได้ดำเนินนโยบายสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในเรื่องต่าง ๆ
มาอย่างต่อเนื่อง
แต่อาจขาดการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารให้เป็นที่เข้าใจอย่างถูกต้องและทั่วถึงกับภาคประชาชนและสื่อมวลชนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ
จึงขอให้ทุกกระทรวงเร่งรัดการแต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการเผยแพร่ผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ
ในภารกิจและอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวงผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เช่น
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ให้ถูกต้อง รวดเร็ว และต่อเนื่อง โดยให้ประสานและบูรณาการข้อมูลในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ กับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย
เพื่อให้การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการดำเนินงานในภาพรวมของรัฐบาลมีความถูกต้อง
สอดคล้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1171 | การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2568 | กค. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๘ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง
และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๘
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑ - ๓ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา
๒๘/๘ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕
ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ควรให้ กนง.
เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางถือเป็นภารกิจที่สำคัญเนื่องจากเป็นการสะท้อนถึงความตั้งใจที่จะดำรงเสถียรภาพด้านราคาและเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อทั่วไปให้อยู่ภายในกรอบเป้าหมายฯ
ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อไม่ให้ผันผวนจนส่งผลกระทบต่อการลงทุน
การส่งออก และการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1172 | สรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ | รง. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ
ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการฯ
พร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการพิจารณาดำเนินการในภาพรวมด้วยแล้ว เช่น
ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางาน) ได้ดำเนินนโยบายโดยกำหนดให้แรงงานข้ามชาติทุกคนต้องอยู่ในระบบการจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
และข้อเสนอแนะด้านการบริหารจัดการ เช่น การสนับสนุนนายจ้าง/สถานประกอบการสามารถจ้างคนต่างด้าวทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง
หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ในลักษณะ MOU โดยคนต่างด้าวจะได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นเวลา
๒ ปี ต่ออายุได้อีกเป็นระยะเวลา ๒ ปี เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1173 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยการเสริมสร้างการปกป้องพลเรือนจากผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเกิดจากการใช้อาวุธระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น | กต. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทย
โดยกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยการเสริมสร้างการปกป้องพลเรือนจากผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเกิดจากการใช้อาวุธระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น
(Political
Declaration on Strengthening the Protection of Civilians from the Humanitarian
Consequences arising from the use of Explosive Weapons in Populated Areas :
EWIPA) ซึ่งปฏิญญาทางการเมืองฯ
มีเนื้อหาย้ำความสำคัญของการปกป้องพลเรือนจากการใช้อาวุธระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป
โดยให้เป็นไปตามขอบเขตกฎหมายภายในประเทศไทยและพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1174 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน การพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุข) | กค. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
(จะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗) โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒
เท่าของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
สำหรับการบริจาคเพื่อกิจกรรมหรือโครงการสาธารณกุศลหรือสาธารณประโยชน์ให้แก่หน่วยรับบริจาค
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยให้หักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้
๒ เท่า สำหรับการบริจาคแก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศลด้านสาธารณสุขบางแห่งอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับสถานสาธารณกุศลอีกหลายแห่งซึ่งได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้
๑ เท่า ดังนั้น ในระยะต่อไปกระทรวงการคลังควรพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยอาจพิจารณากำหนดให้บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคให้แก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศล
ได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้ ๑ เท่า
เพื่อจูงใจให้ประชาชนและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริจาคเพื่อการพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ
โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาความลักลั่นในเชิงนโยบาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1175 | เป้าหมายทางเศรษฐกิจและแผนการคลังของรัฐ | นร. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการประกอบการของภาคธุรกิจและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลประมาณการทางเศรษฐกิจในหลายตัวชี้วัดตามแผนการคลังระยะปานกลาง
(ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) ยังอยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาปรับปรุงประมาณการทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
รวมทั้งจัดทำมาตรการทางการคลังในเรื่องต่าง ๆ
ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บรายได้
การปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และการลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ แล้วให้ดำเนินการตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1176 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567 | ปสส. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม
๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๕
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1177 | ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567) | ปสส. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม
๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1178 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยเพิ่มเติมการคุ้มครองผู้ต้องหาและจำเลยในชั้นสอบสวน
ขยายระยะเวลาในการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทน
ค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย รวมทั้งลดขั้นตอนการดำเนินงาน
ตลอดจนกำหนดให้สามารถยื่นคำขอผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
เพื่อให้ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และจำเลยได้รับการช่วยเหลือเยียวยาที่สะดวก รวดเร็ว
ทั่วถึง และเป็นธรรมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรบังคับใช้กฎหมายนี้ควบคู่กับการแก้ไขระบบและกระบวนการยุติธรรมในมิติต่าง
ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น
มีทัศนคติที่ดีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ
และความไม่เป็นธรรมที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยลง และควรจัดให้มีนักสังคมสงเคราะห์เข้าไปคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชน
ครอบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาทั้งทางตรงและทางอ้อม
เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการและได้รับการดูแลที่เหมาะสม
อันจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้เสียหายต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรเพื่อรองรับภารกิจเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย
ผู้ต้องหา และจำเลยในคดีอาญาไว้แล้ว
และ/หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีเพื่อมาดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1179 | การดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2568 ให้แก่ประชาชน | นร. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่กำลังจะมาถึงนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดเตรียมนโยบายหรือการดำเนินการในความรับผิดชอบที่เห็นสมควรดำเนินการให้มีผลในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อสร้างความสุขและขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนต่อไป ทั้งนี้
ขอให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำกระทรวงทุกกระทรวง รวมทั้งทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสารในเรื่องดังกล่าว
เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ให้ถูกต้องและทั่วถึงโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1180 | การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว | รง. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
๑.๑ การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
ตุลาคม ๒๕๖๖
ที่ดำเนินการครบทุกขั้นตอนแต่ไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
๑.๒
แนวทางการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ให้กับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี
๑.๓ ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ
แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง ๒. เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
กรณีคนต่างด้าวไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ....................................
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..)
๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องสำหรับแรงงานที่ต้องการจะเข้ามาทำงานยังประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึงแนวทางความร่วมมือกับประเทศต้นทางในการลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
เพื่อให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาว
และควรพิจารณาจัดทำรายงานสังเกตการณ์/เฝ้าระวัง
สถานการณ์และมาตรการด้านแรงงานของประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อประมาณการและประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
รวมทั้งควรเร่งพัฒนาฐานข้อมูลแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม
เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาออกมาตรการ
และแนวทางในการบูรณาการกำลังแรงงานข้ามชาติที่มีศักยภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานของไทยอย่างเหมาะสมในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |