ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 53 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1041 - 1060 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1041 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับการเช่ายานพาหนะประจำตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 1 คัน และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 | นร.04 | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งของเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
จำนวน ๑ คัน ระยะเวลา ๔๖ เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๘ - ตุลาคม ๒๕๗๑)
วงเงินทั้งสิ้น ๑,๕๙๖,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ แผนงานพื้นฐานด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
ผลผลิตการขับเคลื่อนการอำนวยการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี งบดำเนินงาน
จำนวน ๓๑๒,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑,๒๘๓,๙๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ - พ.ศ. ๒๕๗๒ ซึ่งไม่เกินกว่าอัตราค่าเช่าที่กระทรวงการคลังกำหนด
โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และวันที่ ๑
พฤษภาคม ๒๕๕๕ ในการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการน้อยกว่า ๕ ปี เป็นกรณีเฉพาะราย
ซึ่งเป็นระยะเวลาน้อยกว่าที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ เรื่อง การสนับสนุนการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric
Vehicle : EV) ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
ตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสแรก และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม สอดคล้องกับเงื่อนเวลาของภารกิจดังกล่าว
และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1042 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 | กษ. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช
กรมวิชาการเกษตร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะทางการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1043 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2567) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี
(มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๗) ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑)
เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกขยายตัวร้อยละ ๑.๙ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑.๖
ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๖
เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่ส่งผลดีต่อการใช้จ่ายในภาคบริการและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
๒) ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการดำเนินงาน เช่น (๑) การดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปี
๒๕๖๗ คณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๒.๕๐ (๒)
แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน เช่น
การปรับปรุงหลักเกณฑ์ด้านเครดิต การตรวจสอบสถาบันการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยมุ่งเน้นตรวจสอบธุรกรรมสำคัญ
และการกำกับดูแลด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม และ (๓)
แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงิน โดยกำกับดูแลระบบการชำระเงินให้สอดคคล้องกับมาตรฐานสากล
ผ่านหลักการ ๓ ด้าน ได้แก่ การเปิดกว้างให้เกิดการใช้ประโยชน์ร่วมกัน (Openness) การเข้าถึงและเข้าใจการใช้บริการชำระเงินดิจิทัล
(Inclusivity) และ ๔) การกำกับ ดูแลที่ยืดหยุ่นและเท่าทัน (Resiliency) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ที่เห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย
อาจพิจารณานโยบายดูแลความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน (Macroprudential Policy) ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดมากกว่าการดำเนินนโยบายการเงินผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เนื่องจากส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และควรสะท้อนถึงการดำเนินการของธนาคารแห่งประเทศไทยตามภารกิจในการเป็นธนาคารกลางเพื่อดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงินและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงิน
และต้องคำนึงถึงดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการของคณะกรรมการชุดต่าง
ๆ ภายใต้พระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1044 | รายงานผลการดำเนินงานและประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2564 | สคทช | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญเพื่อให้ทราบถึงผลการดำเนินงานในภาพรวมและการประเมินผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารสร้างการรับรู้และความเข้าใจในการดำเนินงานที่สำคัญของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1045 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ) | กค. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
(Special Economic
Zone : SEZ) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ๒๕๖๔
ซึ่งสิ้นสุดการจดแจ้งการขอใช้สิทธิไปเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๖๓ โดยคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ
๑๐ ของกำไรสุทธิ สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นจากการผลิตสินค้า หรือรายได้ที่เกิดจากการให้บริการและมีการใช้บริการนั้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
เป็นเวลา ๑๐
รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกันเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและจูงใจให้เกิดการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องและเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว
รวมถึงยกระดับการผลิตและการให้บริการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวให้สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักและประเทศเพื่อนบ้าน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าในระยะต่อไป
ควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงและมีการประเมินความสำเร็จและความคุ้มค่าจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรพิจารณากำหนดระยะเวลาจดแจ้งการขอใช้สิทธิตามมาตรการดังกล่าว
เพื่อประกอบการพิจารณาในการขอขยายระยะเวลาหรือปรับปรุงเงื่อนไขการดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1046 | การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 28 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กก. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔ ฉบับได้แก่ (๑)
ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ มีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียนปี
พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๘
และแผนการฟื้นฟูการท่องเที่ยวอาเซียนหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID - 19)
(๒) ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม (จีน เกาหลี
ญี่ปุ่น) ครั้งที่ ๒๔ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนงานด้านการท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม
ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ - ๒๕๖๘ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการส่งเสริมความยั่งยืนระหว่างอาเซียนและประเทศบวกสาม
(๓) ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน - อินเดีย ครั้งที่
๑๒ มีสาระสำคัญเพื่อมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนในระดับภาคประชาชนระหว่างอาเซียนและอินเดียผ่านการประกาศให้ปี
พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวระหว่างกัน และ (๔) ร่างถ้อยแถลงสื่อร่วมการประชุม
รัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน - รัสเซีย ครั้งที่ ๔ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างอาเซียนและรัสเซียในการพัฒนาช่องทางเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในภาคประชาชน
และการใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ไห้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1047 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี 2567 | นร.11 สศช | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๗
มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไทยไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๗ เช่น การจ้างงานค่อนข้างทรงตัว
โดยผู้มีงานทำจำนวน ๔๐ ล้านคน ลดลงจากไตรมาสสาม ปี ๒๕๖๖ ที่ร้อยละ ๐.๑ จากการหดตัวอย่างต่อเนื่องของการจ้างงานภาคเกษตรกรรมที่ลดลง ร้อยละ ๓.๔
หนี้สินครัวเรือน มีมูลค่า ๑๖.๓๒ ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๑.๓ จากร้อยละ ๒.๓
ในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ปรับลดลงจากร้อยละ
๙๐.๗ ของไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ ๘๙.๖ เป็นต้น ๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ เช่น ในปี ๒๕๖๖
มีอุบัติเหตุจากรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๔๖.๕ จากปี ๒๕๖๕ ซึ่งร้อยละ ๘๑.๑
เกิดขึ้นจากความบกพร่องของผู้ขับขี่มากที่สุด และ ๓) บทความ “โรคไตเรื้อรัง :
บทเรียนการออกแบบนโยบายของระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐ”
รัฐบาลได้มีนโยบายให้ผู้ป่วยภายใต้สิทธิ์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
สามารถเลือกวิธีการล้างไตได้ส่งผลให้ผู้ป่วยเปลี่ยนมาใช้บริการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
๘๘.๗๕ ภายในระยะเวลา ๑ ปี ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1048 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) | พณ. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๔ คณะ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๓ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ๒. คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง
(นบมส.) ๓.
คณะกรรมการว่าด้วยการให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยการยกเลิกภาษีนำเข้าและโควตา
(Duty free Quota Free Scheme :
DFQF) ๔. คณะกรรมการนโยบายอาหาร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1049 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ | ดศ. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1050 | ผลการประเมินการดำเนินงานเขตสุขภาพเพื่อประชาชน พ.ศ. 2565 - 2566 | สช. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประเมินการดำเนินงานเขตสุขภาพเพื่อประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๕ -
๒๕๖๖ และมอบหมายให้หน่วยงานหลักประสานการดำเนินการตามนโยบายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามภาระหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1051 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2567/2568 | อก. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1052 | รายงานประจำปีของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับปี พ.ศ. 2562-2564 และรายงานประจำปีของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับปี พ.ศ. 2565 รวม 2 ฉบับ | พน. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1053 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับใช้ในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ | คค. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๖๖
ล้านบาท เพื่อสำหรับใช้ในโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบพื้นที่สถานีรถไฟที่มีศักยภาพ
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นว่าหากการดำเนินโครงการเข้าข่ายตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ
ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๖
จะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามประกาศฉบับดังกล่าว และจะต้องจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตามประกาศสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน ในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๖ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1054 | การขอปรับแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณของการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) และอนุมัติการปรับแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณของการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) จากปี พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นดังนี้ ๑)
การขยายแผนการดำเนินโครงการฯ ASEAN Digital Hub กิจกรรมย่อยที่
๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่ ASIA Direct
Cable (ADC) เป็นภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ และ๒) การขยายแผนเบิกจ่ายงบประมาณของการดำเนินโครงการฯ
ASEAN Digital Hub กิจกรรมย่อยที่ ๓
การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่ ASIA Direct Cable (ADC) เป็นภายใน พ.ศ. ๒๕๗๓ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม)
และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
และดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการปรับแผนการดำเนินงานและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมฯ
กิจกรรมที่ ๒ การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศฯ กิจกรรมย่อยที่
๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำ ADC หากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยืนยันว่าเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมฯ
คณะรัฐมนตรีก็สามารถพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ แต่สมควรเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนดเพื่อมิให้เสียโอกาสในการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1055 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน สำหรับเป็นที่ตั้งท่าอากาศยานชุมพร ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร | คค. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศ)
วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ (เรื่อง
การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง
มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน)
เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี
รวมเนื้อที่ ๑๔๗.๗๗ ไร่ สำหรับเป็นที่ตั้งท่าอากาศยานชุมพร ตามที่กรมท่าอากาศยานเสนอ
ก่อนดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมท่าอากาศยาน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ตลอดจนนโยบายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1056 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยความร่วมมือด้านดิจิทัล | ดศ. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1057 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ พ.ศ. 2566 | ทส. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๖ สรุปได้ ดังนี้ (๑) สถานภาพทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่ง
เช่น ปะการัง หญ้าทะเล ป่าชายเลน ป่าชายหาด ป่าพรุ และคุณภาพน้ำทะเล เป็นต้น (๒)
สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่ง ๒๔ จังหวัด โดยมีสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางดีขึ้นและคงที่
เช่น
สถานภาพแนวปะการังมีแนวโน้มสมบูรณ์ดีขึ้นในหลายพื้นที่และสถานภาพหญ้าทะเลมีบางพื้นที่ที่มีการลดลงตามฤดูกาล
ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงคงที่ และสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางเสื่อมโทรมลง
เช่น ปัญหาน้ำมันรั่วไหลและก้อนน้ำมันดินที่ยังพบบ่อยครั้ง (๓)
สาเหตุความเสื่อมโทรมและผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่ง
ได้แก่ สาเหตุที่เกิดจากธรรมชาติ
และสาเหตุที่เกิดจากกิจกรรมการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ (๔)
ผลการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ
ระหว่างปี ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ เช่น สำรวจสถานภาพ ฟื้นฟูปะการังและหญ้าทะเล สนับสนุนพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกป่าชายเลนเศรษฐกิจ
ปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเล รวมถึงซ่อมแซมเขื่อนกันคลื่นทรุดหรือเขื่อนป้องกันตลิ่ง
(๕) ประเด็นปัญหาเร่งด่วนในการบริหารจัดการด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ได้แก่
ความเสื่อมโทรมของคุณภาพน้ำ และการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่อ่าวไทยตอนใน
และการระบาดของปลาหมอสีคางดำ และ (๖) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น ควรมีการบูรณาการบริหารจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษ
และเร่งส่งบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างบูรณาการในระดับจังหวัดและระดับพื้นที่
รวมถึงศึกษาวิจัย ติดตามการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1058 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ตของนายกรัฐมนตรี | นร. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ต
เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๘ ขอมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ดังนี้ ๑. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำประปา
ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค)
ประสานการดำเนินงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อจัดหาน้ำประปาให้เพียงพอกับความต้องการในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ให้สามารถรองรับความต้องการใช้น้ำประปาในธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้
ในระยะสั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาแนวทางการขยายอ่างเก็บน้ำและท่อส่งน้ำในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อให้สามารถจัดส่งน้ำประปาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนในระยะยาว ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค)
ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการดำเนินโครงข่ายท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภา
จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ จังหวัดพังงา มายังจังหวัดภูเก็ต
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำประปาอย่างยั่งยืนต่อไป ๒. การแก้ไขปัญหาด้านการคมนาคม
ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดติดตามการดำเนินการก่อสร้างของโครงการต่าง ๆ
ที่ได้รับความเห็นชอบ/อนุมัติไว้แล้ว
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้จัดทำแผนเพื่อลดผลกระทบด้านการจราจรและการสัญจรของประชาชนในช่วงการก่อสร้าง
ตลอดจนเร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองในจุดที่มีการจราจรแออัดคับคั่ง
รวมถึงระบบการขนส่งทางรางและทางน้ำ (เช่น Boat Taxi)
ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรทางถนนได้ นอกจากนี้
ให้พิจารณาการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต
ทั้งในส่วนของท่าอากาศยานภูเก็ตโครงข่ายถนน และระบบการขนส่งสาธารณะขนาดใหญ่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1059 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารรังสีรักษา 6 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 6,509 ตารางเมตร โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ 1 หลัง | สธ. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลบุรีรัมย์
จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อสร้างอาคารรังสีรักษา ๖ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๖,๕๐๙ ตารางเมตร
โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ๑ หลัง
ในวงเงิน ๑๘๕,๑๔๓,๗๕๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1060 | การเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเทศกาลตรุษจีน | นร. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากกรณีดาราชายชาวต่างประเทศได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วหายตัวไป
ถึงแม้ว่าภายหลังทางการไทยจะสามารถติดตามจนพบตัวและให้ความช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวกลับมาได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
แต่เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในการเดินทางมายังประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เนื่องจากมีการเสนอข่าวในเรื่องนี้ที่คลาดเคลื่อนและบิดเบือนจากข้อเท็จจริงในสื่อสังคมออนไลน์
(social media) ของจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ประกอบกับในขณะนี้ใกล้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนประจำปี ๒๕๖๘ ซึ่งคาดว่าจะมีการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเทศกาลดังกล่าวและดำรงภาพลักษณ์ที่ถูกต้องด้านการท่องเที่ยวของไทยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร
ข่าวปลอม (fake news) เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวข้างต้นที่เผยแพร่อยู่ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่องและเท่าทันสถานการณ์
แล้วให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนเพื่อดำเนินการระงับ ยับยั้ง
และยุติการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารปลอมดังกล่าวโดยเร็ว
รวมทั้งให้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาข่าวปลอม
รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
ตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วด้วย
|