ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 263 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 5241 - 5260 จากข้อมูลทั้งหมด 123968 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5241 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 | ดศ. | 13/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๙
สิงหาคม ๒๕๖๕ โดยได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐
เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) นโยบายการดำเนินงานด้าวเทียมสื่อสารแห่งชาติ
และรับทราบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศของประเทศ ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง)
นโยบายการดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นกรอบนโยบายในการจัดสร้างหรือการบริหารจัดการดาวเทียม
และการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมของรัฐ เพื่อสนับสนุนภารกิจของหน่วยงานรัฐ และมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติที่เหมาะสมที่สุดและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
โดยให้รับฟังความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและผู้เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางประกอบการพิจารณาให้สอดคล้องกับกฎหมายและพันธกรณีต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ในฐานะฝ่ายเลขานุการในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ
จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น
(๑) ให้เร่งรัดดำเนินการตามมติของคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เพื่อให้การดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติเกิดผลสำเร็จ
เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป (๒) เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว
หากไม่เพียงพอเห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ แล้วแต่กรณี
โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับเป็นสำคัญ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
5242 | การจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) [ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ....] | ดศ. | 13/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ
(องค์การมหาชน) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการยกฐานะของสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ
(Government Big Data Institute : GBDI)
หน่วยงานภายในภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
ให้เป็นสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (National Big
Data Institute : NBDI) ซึ่งเป็นองค์การมหาชน
เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อน วิเคราะห์
และบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศโดยตรง ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขชื่อหน่วยงาน ตัดคำว่า
“คลัง” และ “แห่งชาติ” ออก เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ที่กำหนดว่า
“ไม่ควรใช้คำว่า “แห่งชาติ”
ในการกำหนดชื่อหน่วยงานของรัฐเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเอกรัฐ
และหน่วยงานของรัฐทุกแห่งทำหน้าที่ในฐานะ “แห่งชาติ” อยู่แล้ว” และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ เช่น การกู้ยืมเงินของ NDBI ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
รอบคอบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk)
โดยจะต้องยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะและกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ตลอดจนระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรให้ผู้บริหารหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับมิติด้านเศรษฐกิจ
สังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมเป็นกรรมการด้วย
ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานและพิจารณาปรับเปลี่ยนองค์กรรูปแบบใหม่
เมื่อได้ดำเนินการจัดตั้ง NDBI ครบ ๒ ปี เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
5243 | รายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ในรอบสามปีที่หนึ่ง (ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑-๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ โดยรายงานฯ
มีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
(๒) ผลการตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
(๓) รายงานข้อจำกัดหรืออุปสรรคของการดำเนินกิจการของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
และ (๔) ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาต่อเนื่อง ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5244 | ผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 40 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน
ครั้งที่ ๔๐ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๓-๑๖
กันยายน ๒๕๖๕ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
สรุปได้ ดังนี้ (๑) การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๔๐ ที่ประชุมฯ
ได้รับทราบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านพลังงานอาเซียน
ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ ในด้านต่าง ๆ เช่น การเชื่อมโยงโครงข่าย
สายส่งไฟฟ้าอาเซียน การเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซอาเซียน
ถ่านหินและเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานหมุนเวียน
รวมทั้งได้รองรับถ้อยแถลงร่วมของการประชุมฯ ด้วยแล้ว และ (๒) การประชุมอื่น ๆ
และการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เช่น การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนบวกสาม
ครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๕ โดยมุ่งเน้นความร่วมมือด้านความมั่นคงทางพลังงานหมุนเวียน
และการแลกเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีใหม่เกี่ยวกับพลังงานผ่านโครงการต่าง ๆ
การประชุมรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๑๖ ได้หารือเกี่ยวกับความมั่นคงทางพลังงานและการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐอเมริกาได้เสนอโครงการ
Southeast Asia Smart Power Program ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคและยกระดับความเชื่อมโยงทางพลังงานและส่งเสริมการค้าพลังงานพหุภาคีในภูมิภาค
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5245 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายโวสิต วรทรัพย์ และนางสาวลดา ภู่มาศ) | กต. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน
๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายโวสิต
วรทรัพย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด ราชอาณาจักรสเปน
๒. นางสาวลดา ภู่มาศ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ
กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5246 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นางสาวทัศนีย์ พิศาลรัตนคุณ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | ศธ. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
จำนวน
๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวทัศนีย์ พิศาลรัตนคุณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๕ ๒. นายวิทวัต ปัจมะวัต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5247 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพงศธร ศิริอ่อน) | กษ. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพงศธร ศิริอ่อน
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งวิศวกรโยธาเชี่ยวชาญ กรมชลประทาน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา
(ด้านสำรวจและหรือออกแบบ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่งตั้งวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5248 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ฯลฯ จำนวน 8 ราย) | ทส. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพิชิต สมบัติมาก ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางภาวินี ณ สายบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายวันชัย จริยาเศรษฐโชค ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๘. นายสิทธิชัย เสรีส่งแสง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5249 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | พน. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน
๕ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสมภพ พัฒนอริยางกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายเรืองเดช ปั่นด้วง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายวรากร พรหโมบล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายอนิรุทธิ์ ธนกรมนตรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5250 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (1. ศาสตราจารย์สหธน รัตนไพจิตร ฯลฯ จำนวน 5 คน) | กค. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์
ดร. สหธน รัตนไพจิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ๒. นางสุนทรีย์
ส่งเสริม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ๓. นายชาญชัย
บุญญฤทธิ์ไชยศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงินการธนาคาร ๔. นางประราลี รัตน์ประสาทพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านคอมพิวเตอร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5251 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง บทวิเคราะห์กฎหมายว่าด้วยความผิดกรณีการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม ของคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา | สว. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง
บทวิเคราะห์กฎหมายว่าด้วยความผิดกรณีการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม
ของคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา สรุปผลการพิจารณาได้ว่า
การมีกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมจะสามารถนำไปสู่การป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ได้
ซึ่งปัจจุบันสำนักงาน ป.ป.ช. และเครือข่ายของสำนักงาน ป.ป.ช.
จังหวัดได้ทำหน้าที่ให้ความรู้แก่หน่วยงานภายนอก
รวมทั้งการจัดอบรมแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ กระทรวงศึกษาธิการได้บรรจุ เรื่อง
การขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict
of Interest) ไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนของสถานศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เผยแพร่และประชาสัมพันธ์เรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนแก่หน่วยงานในสังกัดได้รับทราบ
นอกจากนี้ ปัจจุบันมีประมวลจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งหมด ๓๖ ประมวล ซึ่งขณะนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จำนวน ๒๑
ประมวล สำหรับแนวทางในการปฏิบัติตนของบุคลากรภายในหน่วยงาน (Do &
Don’t) ได้ออกเป็นข้อกำหนดจริยธรรมอันสอดคล้องกับลักษณะพฤติกรรมสำคัญ
๙ ประการ ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้กำหนดไว้ ตลอดจนหน่วยงานอิสระ เช่น องค์กรอัยการ
องค์กรตุลาการ ฯลฯ ได้บัญญัติประมวลจริยธรรมของหน่วยงานไว้โดยเฉพาะด้วยเชนกัน อนึ่ง
สำนักงาน ป.ป.ช. ถือเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการยกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม
พ.ศ. .... โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณายกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม
พ.ศ. .... ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณายกร่างกฎหมาย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5252 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 16 (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2565) | นร.11 สศช | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๑๖ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๕) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.)
ในฐานะสำนักงานเลขานุการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. สรุปภาพรวมการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) สศช.
ได้รวบรวมและประมวลผลข้อมูลการดำเนินการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน ประกอบด้วย
กิจกรรมปฏิรูปประเทศที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) รวมทั้งสิ้น ๖๒ กิจกรรม และกฎหมายที่จัดทำ/ปรับปรุงใหม่ รวม ๔๕
ฉบับ สำหรับรายงานความคืบหน้าฯ รอบเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๕
มีสถานะการดำเนินการของกิจกรรม Big Rock
เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock ร้อยละ
๘๕.๕ และกิจกรรม Big Rock ร้อยละ ๑๔.๕ อยู่ระหว่างการเร่งรัด
กำกับ
ติดตามการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายของแผนการปฏิรูปประเทศตามกรอบระยะเวลาของแผนที่กำหนดไว้ต่อไป
๒. ความคืบหน้ากฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ณ
สิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ รวม ๔๕ ฉบับ ประกอบด้วย และ (๑)
กฎหมายที่ดำเนินการแล้วเสร็จ ๗ ฉบับ และ (๒) กฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ๓๘
ฉบับ (ซึ่งมีความคืบหน้ากว่ารอบที่ผ่านมา) ๓. ความคืบหน้าของประเด็นที่รัฐสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ สศช.
ได้สรุปรายงานตามประเด็นอภิปรายที่ได้จากคณะกรรมาธิการติดตาม เสนอแนะ
และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศและการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
และเสนอต่อที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภาสมัยสามัญประจำปีครั้งที่ ๑ ทุกวันจันทร์สัปดาห์ที่
๑ และสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือน รวมทั้งสรุปรายงานสถานะของกฎหมายทั้ง ๑๐ ฉบับ
ที่สมาชิกวุฒิสภาให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการกำกับติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5253 | รายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism: JCM) | ทส. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting
Mechanism : JCM) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑)
การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการต้นแบบโดยญี่ปุ่นได้ให้เงินทุนสนับสนุนในการพัฒนาโครงการฯ
จำนวน ๔๙ โครงการ คิดเป็นมูลค่า ๓,๐๑๘ ล้านบาท
มีผู้รับทุนเป็นบริษัทเอกชนไทย จำนวน ๔๕ แห่ง
โดยมีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๒๖๒,๓๕๗
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (๒) สถานภาพการดำเนินโครงการ โครงการต้นแบบ
JCM ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน ๑๑ โครงการ
มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๕๘,๐๙๖ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
และมีโครงการที่ได้รับการรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิต จำนวน ๕ โครงการ
มีปริมาณคาร์บอนเครดิตเท่ากับ ๔,๐๓๒
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5254 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 | กค. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน
โดยเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง
และดอกเบี้ยธนาคารโลกทั่วไปปรับตัวสูงขึ้นเพื่อชะลอเงินเฟ้อ
และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ในปี ๒๕๖๖
เนื่องจากราคาพลังงานมีแนวโน้มลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม
ราคาอาหารและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามการผลักภาระต้นทุนให้แก่ผู้บริโภค
ส่วนการส่งออกของไทยมีแนวโน้มขยายตัวในปี ๒๕๖๕ และคาดว่าจะชะลอตัวลงในปี ๒๕๖๖
ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า (๒) ภาวะการเงินและเสถียรภาพระบบการเงิน
มีแนวโน้มผ่อนคลายเพียงเล็กน้อยเนื่องจากยังคงมีความกังวลจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
ค่าเงินบาทในไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๕ ยังคงอ่อนค่าลงจากไตรมาสที่ ๒
เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
และระบบการเงินของไทยยังคงมีเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม
ผู้ประกอบการ SMEs
ในบางสาขาธุรกิจยังคงฟื้นตัวช้าและครัวเรือนรายได้น้อยยังคงได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น
และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๕
คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ย ๒ ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ ๑ มติคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่
๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ ปรับขึ้นดอกเบี้ยจากร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี เป็นร้อยละ ๐.๗๕ ต่อปี
และครั้งที่ ๒ มติคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๕
ปรับขึ้นดอกเบี้ยจากร้อยละ ๐.๗๕ ต่อปี เป็นร้อยละ ๑ ต่อปี
โดยปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5255 | ผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2566 (ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล) | ดศ. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๖ (ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล)
ได้แก่ (๑)
เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ในปี
๒๕๖๖ มากที่สุด คือ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ร้อยละ ๙๑.๑ (๒)
มาตรการ/โครงการที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชน/หมู่บ้านมากที่สุด คือ
โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ ๗๕.๘ (๓)
ความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมาประชาชนส่วนมากมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด
ร้อยละ ๔๒.๑ (๔)
ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
ประชาชนส่วนมากมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ ๓๕.๔ และ (๕) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น
ควรมีมาตรการ/โครงการช่วยเหลือและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
ควรเร่งแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง
และควรเร่งสร้างความร่วมมือ เครือข่าย
และกระบวนการป้องกันไม่ให้คนในสังคมเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเข้าไปสู่วงจรของยาเสพติด
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5256 | รายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ประจำปี 2563 และประจำปี 2564 | พม. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประจำปี ๒๕๖๓ และประจำปี ๒๕๖๔
ตามมติคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ ในการประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม
๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติฯ ประจำปี ๒๕๖๓
และประจำปี ๒๕๖๔ ของคณะกรรมการ ๓ คณะ ได้แก่
คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เช่น
การปรับปรุงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน
คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ เช่น
รับพิจารณาคำร้องที่เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
และคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ เช่น การจ่ายเงินชดเชย
เยียวยาหรือบรรเทาทุกข์แก่ผู้เสียหายจากการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศและสนับสนุนโครงการเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศให้แก่หน่วยงาน/องค์กรต่าง
ๆ (๒) ผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติฯ และ (๓)
ข้อท้าทายและการดำเนินงานในระยะต่อไปเพื่อให้การปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติฯ
มีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5257 | การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 2 ณ นครมอนทรีออล ประเทศแคนาดา | ทส. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑.๑ เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๒ (The Fifteenth meeting of the
Conference of the Parties to Convention on Biological Diversity : COP15 Part 2)
ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ นครมอนทรีออล
ประเทศแคนาดา โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของประเทศไทยสำหรับการประชุมฯ
โดยอยู่บนพื้นฐานหลักการในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่
การให้ความเห็นชอบในหลักการต่อร่างกรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพของโลกหลังปี ค.ศ.
๒๐๒๐ (Post-2020 Global Biodiversity Framework : Post-2020 GBF) ซึ่งเป็นผลลัพธ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมฯ
การสนับสนุนแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพฉบับใหม่
และการให้ความร่วมมือในการดำเนินงานเพื่อลดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มพื้นที่ที่มีการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพตามข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และวิชาการที่ชัดเจน
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงกรอบท่าทีเจรจาฯ
ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย
ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา
โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่อีกครั้ง
๑.๒
รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๒ รวม ๗ คน ประกอบด้วย
เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็ฯเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
5258 | การประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 25 | นร.11 สศช | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๖ ประเทศ (Greater
Mekong Subregion economic cooperation program : GMS) ครั้งที่ ๒๕
ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ ได้แก่ (๑) ร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS
ครั้งที่ ๒๕ (๒) ยุทธศาสตร์ความเท่าเทียมทางเพศ GMS (๓) กรอบการประเมินผลลัพธ์สำหรับกรอบยุทธศาสตร์แผนงาน GMS พ.ศ. ๒๕๗๓ (๔) ข้อริเริ่มความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัล GMS และ (๕) กรอบการลงทุนของภูมิภาค ฉบับใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
และปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๖ ประทศ (GMS Minister หรือรัฐมนตรีประจำแผนงาน GMS) ในการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๕
ในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายได้ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองเอกสารดังกล่าว
โดยไม่มีการลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5259 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers: AEM) ครั้งที่ 54 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม ๑. ผลการประชุม AEM ครั้งที่ ๕๔ มีสาระสำคัญ เช่น ดำเนินการเกี่ยวกับประเด็นด้านเศรษฐกิจที่กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จในปี
๒๕๖๕ (Priority Economic Deliverables : PEDs) แล้วเสร็จ ๔
ประเด็น จาก ๙ ประเด็น เช่น การประกาศการเจรจากรอบความตกลงว่าด้วยการแข่งขันของอาเซียน
และรับทราบแผนการจัดทำความตกลงกรอบเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงกลางปี
๒๕๖๖ และคาดว่าอาเซียนจะสามารถเริ่มตนเจรจาความตกลงฯ ได้ในช่วงปลายปี ๒๕๖๖
หรือต้นปี ๒๕๖๗ ๒.
การหารือของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาค เช่น อาเซียน-จีน
โดยเห็นชอบผลการศึกษายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
ซึ่งครอบคลุมการเปิดเสรีเพิ่มเติมด้านการค้าสินค้า อาเซียน-แคนาดา
หารือประเด็นเจรจาต่าง ๆ เช่น การค้าสินค้าและบริการ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการแข่งขันทางการค้า
และรับทราบสถานะล่าสุดของการมีผลใช้บังคับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(Regional
Comprehensive Economic Partnership : RCEP)
๓.
การหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับประเทศคู่เจรจาต่าง ๆ เช่น ไทย-ติมอร์-เลสเต ผลการพิจารณาบันทึกความตกลงว่าด้วยการค้าข้าวรัฐต่อรัฐระหว่างไทยกับติมอร์-เลสเต
อยู่ระหว่างการพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย ไทย-รัสเซีย
ผลักดันให้การค้าทั้งสองฝ่ายขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น ๑ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเน้นสินค้าเกษตรและอาหาร พลังงาน ปุ๋ย และยางพารา เป็นต้น ไทย-ฮ่องกง โดยฮ่องกงขอให้ไทยสนับสนุนการเป็นสมาชิก
RCEP
ซึ่งฮ่องกงได้ยื่นหนังสือแจ้งความประสงค์ต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
5260 | การร่วมทุนในบริษัท LNG Receiving Terminal (แห่งที่ 2) บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง | พน. | 06/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วมทุนในบริษัท LNG Receiving
Terminal (แห่งที่ ๒) บ้านหนองแฟบ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง
จังหวัดระยอง ในสัดส่วนร้อยละ ๕๐ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนดังกล่าวไม่เกิน
๑๖,๓๕๐ ล้านบาท และ กฟผ. ได้รับอนุมัติงบประมาณเพื่อการลงทุนตามแผนการประมาณการเบิกจ่ายประจำปี
๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงาน และ กฟผ.
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่เห็นควรให้ กฟผ.
กำหนดขอบเขตการดำเนินงานด้วยความรอบคอบระมัดระวัง
และจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้
และ กฟผ.
ควรกำกับดูแลบริษัทในเครือให้ดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งเป้าหมายการดำเนินงาน
สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และไม่เป็นภาระทางการเงินกับ กฟผ. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติในหลักการการยกเว้นภาษี
เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการก่อสร้าง
การจัดตั้งบริษัทฯ และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องจากการร่วมทุนในบริษัทดังกล่าว
ทั้งนี้
ในส่วนของการลดหย่อนค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์และค่าจดทะเบียนการจำนองให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
และให้กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |