ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 156 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3101 - 3120 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3101 | การดำเนินการตามพิธีการทางการทูต | นร. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การจัดทำความตกลงระหว่างประเทศทุกประเภท
ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับหน่วยงานเป็นไปอย่างเหมาะสม ถูกต้องตามแนวปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีการและประเพณีปฏิบัติทางการทูต
ในแต่ละกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดหัวหน้าคณะผู้แทน ผู้ลงนาม และสักขีพยาน
จึงขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะทำความตกลงระหว่างประเทศทุกประเภทดังกล่าว
หารือกับกระทรวงการต่างประเทศให้ถูกต้อง ชัดเจน ก่อนดำเนินการใด ๆ
รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3102 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต (พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๑)
ในวงเงินงบประมาณ ๓,๑๔๐,๓๑๓,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๑) และโครงการผลิตนักฉุกเฉินการแพทย์ด้วยการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา
ระยะที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในวงเงินงบประมาณ ๒,๙๘๐ ล้านบาท และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด พิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงานของรัฐที่ขอรับจัดสรรงบประมาณ
ฐานะเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานของรัฐที่สามารถใช้จ่ายได้
รวมตลอดถึงรายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้
และความสามารถในการใช้จ่าย และการก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงานของรัฐภายในปีงบประมาณนั้น
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3103 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี - ไทย ครั้งที่ 1 | กต. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี
- ไทย ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย ร่างข้อริเริ่มความร่วมมือ
(Initiative Card) จำนวน ๗๘ ฉบับ ร่างบันทึกผลการประชุมของการประชุมคณะกรรมการร่วม ๕ คณะ
จำนวน ๕ ฉบับ และร่างบันทึกผลการประชุมของการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี - ไทย
ครั้งที่ ๑ จำนวน ๑ ฉบับ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศในฐานะประธานคณะกรรมการด้านการเมืองและการกงสุล
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติในฐานะประธานคณะกรรมการด้านความมั่นคงและการทหาร
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในฐานะประธานคณะกรรมการด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและการค้า และเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในฐานะประธานคณะกรรมการด้านการลงทุน
ภายใต้สภาความร่วมมือซาอุดี - ไทย หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกผลการประชุมของการประชุมคณะกรรมการร่วมภายใต้สภาความร่วมมือฯ
อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกผลการประชุมของการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี
- ไทย ครั้งที่ ๑ ซึ่งมีกำหนดจัดในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ที่ประเทศไทย เห็นชอบให้ประธานคณะกรรมการฝ่ายไทยภายใต้สภาความร่วมมือฯ
มีอำนาจหน้าที่ในดำเนินการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน การติดตาม
และการรายงานผลการดำเนินการภายใต้คณะกรรมการที่กำกับดูแล
เพื่อให้ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภาความร่วมมือฯ
โดยเฉพาะร่างข้อริเริ่มความร่วมมือ (Initiative Card) มีผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ มีสาระสำคัญเน้นย้ำความร่วมมือและการกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกันในทุกมิติ
โดยที่ประชุมจะรับรองร่างผลการประชุมซึ่งระบุข้อริเริ่มความร่วมมือ
(initiative Card) ด้านต่าง ๆ ซึ่งคณะกรรมการภายใต้สภาความร่วมมือฯ เห็นชอบแล้ว ได้แก่ การเมืองและการกงสุล ความมั่นคงและการทหาร
วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เศรษฐกิจและการค้า และการลงทุน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3104 | แผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | กสศ. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ภายในกรอบวงเงิน ๗,๘๘๔,๘๗๘,๑๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๖ (๓) ของพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายและค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ตามความจำเป็นอย่างเหมาะสม
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงพิจารณานำเงินนอกงบประมาณหรือเงินอื่นใดของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
มาสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
เพื่อให้สอดคล้องตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย วิธีการงบประมาณ
ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้พิจารณารายละเอียดของแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ให้สอดคล้องกับแนวทางและหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ อีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3105 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๙ รายการ (ภายใต้โครงการ จำนวน
๗ โครงการ) วงเงินรวม ๓,๕๗๒.๑๗ ล้านบาท เช่น
โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกิ จังหวัดน่าน รายการเขื่อนหัวงานและอาคารประกอบ พร้อมส่วนประกอบอื่น
โครงการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา จังหวัดสุโขทัย รายการปรับปรุงคลองชักน้ำแม่น้ำยมฝั่งขวา
สัญญาที่ ๑ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการและรายการดังกล่าว
โดยมีความพร้อมในเรื่องพื้นที่/สถานที่ที่จะดำเนินการรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณการค่าก่อสร้าง และการกำหนดแบบรูปรายการก่อสร้างให้มีความเหมาะสม รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โครงการปรับปรุงคลองบางขนาก
จังหวัดฉะเชิงเทรา เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานดำเนินการเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติดำเนินโครงการต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3106 | การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการ ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รองประธานกรรมการ ที่กำกับดูแลกรมบัญชีกลาง ๓. ปลัดกระทรวงการคลัง กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงคมนาคม กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๖. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๗. ปลัดกระทรวงกลาโหม กรรมการ ๘. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ ๙. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ ๑๐. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กรรมการ และสิ่งแวดล้อม ๑๑. ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ กรรมการ วิจัยและนวัตกรรม ๑๒. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการ ๑๓. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรรมการ ๑๔. ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑๕. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กรรมการ ๑๖. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๑๗. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๑๘. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๑๙. อธิบดีกรมบัญชีกลาง กรรมการ ๒๐. ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรรมการ ๒๑. ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการ กรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ ๒๒. ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กรรมการ ๒๓. ที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดี กรรมการและเลขานุการร่วม กรมบัญชีกลางมอบหมาย ๒๔. ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการ กรรมการและเลขานุการร่วม ที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย ๒๕. ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการ กรรมการและเลขานุการร่วม ที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3107 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๔,๐๐๑,๗๗๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการควบคุม และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3108 | การรับโอนข้าราชการตำรวจมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์) | นร.08 | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ ข้าราชการตำรวจ
ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3109 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุพัฒน์ เมธีวรพจน์) | นร.05 | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุพัฒน์ เมธีวรพจน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3110 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (1. นายสิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ฯลฯ รวม 5 คน) | อว. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม รวม ๕ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายสิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการ ๒. นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ๓. นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ๔. นายปังปอนด์ รักอำนวยกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ๕. นายอาร์ม ตั้งนิรันดร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมนุษยศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3111 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเบลโมแพน เบลีซ และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงเบลโมแพน เบลีซ (นายดิเนช โบจวานี) | กต. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์
ณ กรุงเบลโมแพน เบลีซ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมเบลีซ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3112 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข และร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช) | กก. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
(นับรวมประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา
๑๔ แห่งพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน ๒ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
และดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม
๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3113 | การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 27 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กก. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๖ ฉบับ ประกอบด้วย ๑)
ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ ๒๗ ๒) ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนบวกสาม
ครั้งที่ ๒๓ ๓) ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-สาธารณรัฐอินเดีย
ครั้งที่ ๑๑ ๔)
ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-สหพันธรัฐรัสเซียอาเซียน
ครั้งที่ ๓ ๕) ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียน และองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ
(UNWTO) และ ๖)
ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของอาเซียน และ
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมฯ จำนวน ๖
ฉบับ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
เป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือตามแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน
ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘
และเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของประเทศสมาชิกอาเซียนในอนาคต
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๖ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมและความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการดำเนินความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างอาเซียน-อินเดีย
ผ่านการเสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านการขนส่งทางอากาศ ทางน้ำ และทางบก กล่าวคือ
ในปี ๒๕๖๖ คณะทำงานด้านการขนส่งสาขาที่มีการดำเนินข้อริเริ่มความร่วมมือกับอินเดีย
อาทิ การจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างอาเซียน-อินเดีย
โครงการความร่วมมือถนนสามฝ่าย ไทย-เมียนมา-อินเดีย
และส่วนต่อขยายไปยังลาว-กัมพูชา-เวียดนาม และการจัดทำร่างความตกลงความร่วมมือการขนส่งทางน้ำอาเซียน-อินเดีย
ได้มีมติให้คงการพิจารณาโครงการ/ข้อริเริ่มดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าอินเดียจะมีความพร้อม
และควรให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนที่มีความเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๘ (ASEAN Tourism Strategic Plan) รวมทั้งผลักดันให้มีมาตรฐานการท่องเที่ยวในระดับกลุ่มภูมิภาคอาเซียน
เพื่อให้การขับเคลื่อนของกลุ่มประเทศสมาชิกเกิดขึ้นอย่างจริงจังและมีความยั่งยืนมากขึ้น
ทั้งในมิติของการสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย
การสร้างสมดุลระหว่างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3114 | การดูแลรักษาความปลอดภัยในสถานที่ราชการ | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง การปรับปรุง แก้ไข
หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ)
กำหนดให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดให้มีเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการหรือหน่วยงานนอกเวลาราชการและในวันหยุดราชการ
นั้น
พบว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีครูและบุคลากรทางการศึกษาเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการที่ต้องมาปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง
ประกอบกับปัจจุบันมีบุคคลและเครื่องมือต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยของสถานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐแทนได้
เช่น การใช้พนักงานรักษาความปลอดภัย การจ้างเอกชนให้บริการดูแลรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด นอกจากนี้
การให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาอยู่เวรรักษาการณ์ในสถานศึกษายังอาจเป็นการกำหนดหน้าที่ที่เพิ่มความเสี่ยงให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยไม่จำเป็น
ดังนั้น จึงเห็นควรดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สถานศึกษาในสังกัด
รวมทั้งกระทรวงอื่น ๆ ที่มีสถานศึกษาในสังกัด เช่น กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงมหาดไทย ตลอดจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง การปรับปรุง แก้ไข
หรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดเวรรักษาการณ์ประจำสถานที่ราชการ)
และมอบหมายกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (หน่วยงานในสังกัดในแต่ละพื้นที่)
ประสานกับสถานศึกษาในพื้นที่แต่ละแห่ง
เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสถานศึกษาดังกล่าวทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการตามความจำเป็นและเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3115 | ยืนยันร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียว และป่าคลองเกาะสุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเขานิเวศน์ และตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง พ.ศ. .... | ทส. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยืนยันร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย บางส่วน
ในท้องที่ตำบลเขานิเวศน์ และตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง พ.ศ. ....
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการแล้ว เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3116 | การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเข้าร่วมประชุม
World Economic Forum ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๙ มกราคม ๒๕๖๗
ได้มีโอกาสพบปะหารือกับผู้นำประเทศและผู้ประกอบการจากทวีปยุโรปเกี่ยวกับการขยายการค้าและการลงทุนในประเทศไทย
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีอยู่อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ก็ได้รับทราบด้วยว่า การประกอบธุรกิจในประเทศไทยยังมีปัญหาอุปสรรคหลายประการ
เช่น ข้อกฎหมายและกฎระเบียบมีความทับซ้อนกัน การขอใบอนุญาตต่าง ๆ
ใช้ระยะเวลาพิจารณายาวนานโดยเฉพาะใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับอาหารและยา
สมควรปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการอำนวยความสะดวกเพื่อให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ
(Ease of Doing Business) จึงเห็นควรมอบหมายให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต) กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใน ๒ สัปดาห์
เพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายและกฎระเบียบ รวมทั้งกระบวนการขอใบอนุญาตต่าง ๆ
ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรม
เพื่อสร้างบรรยากาศในการประกอบธุรกิจที่ดีดึงดูดให้มีการค้าและการลงทุนทั้งจากนักลงทุนในประเทศและจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3117 | โครงการสำคัญเพื่อการพัฒนาของจังหวัดระนอง | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(จังหวัดระนอง กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต และสตูล)
รวมทั้งการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดระนอง เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗
และได้หารือกับภาคส่วนต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาของจังหวัดให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่
และสามารถรองรับธุรกิจการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้าและขาออกที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น
ทำให้จำเป็นต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่งให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น
จึงขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ
แล้วเสร็จโดยเร็ว ดังนี้ ๑. โครงการปรับปรุงถนนและระบบสาธารณูปโภค
พร้อมปรับภูมิทัศน์ถนนจัดสรรพัฒนา ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง
จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นสายสำคัญที่เชื่อมทางหลวงหมายเลข ๔ เข้าสู่ตัวเมืองระนอง
รวมทั้งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปสู่ท่าเรือระนอง-เกาะสองด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3118 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน | นร.11 สศช | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
ในการปฏิบัติราชการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน และรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบต่อไป
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3119 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 22 มกราคม 2567) | ปสส. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่
๑ ครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๔
มกราคม ๒๕๖๗ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๑
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๖
มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3120 | การประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐเฉพาะกิจเพื่อจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม | กต. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบการเจรจาร่างอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม
และให้คณะผู้แทนไทยร่วมเจรจาร่างอนุสัญญาฯ
โดยใช้กรอบการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ ในการกำหนดท่าทีในการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ โดยหากมีความจำเป็นและมีการปรับแก้ร่างอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ขอให้คณะผู้แทนไทยใช้ดุลยพินิจในการร่วมการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ ได้
โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก ทั้งนี้ โดยคำนึงว่าไทยสามารถเลือกเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาที่กำลังมีการจัดทำดังกล่าวได้เมื่อมีความพร้อม
ซึ่งการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙ มกราคม-๙กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ
นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยกรอบการเจรจาร่างอนุสัญญาฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑) การกำหนดแนวทางการเจรจาโดยคำนึงถึงหลักการและบทบัญญัติตามกฎหมายของไทยที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนความตกลงระหว่างประเทศและพันธกรณีที่มีผลผูกพันไทย
ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์หรือการใช้เทคโนโลยีสารสนทศ
และการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม และ (๒)
การกำหนดท่าทีของไทยสำหรับการประชุมดังกล่าว โดยมีการกำหนดขอบเขตของอนุสัญญาฯ อาทิ
มีขอบเขตครอบคลุมอาชญากรรมที่ต้องพึ่งพาระบบไซเบอร์และระบบคอมพิวเตอร์ (cyber-dependent crimes) เป็นหลัก รวมถึงอาชญากรรมดั้งเดิมที่กระทำผ่านระบบไซเบอร์
หรือระบบคอมพิวเตอร์ (cyber-enabled crimes) ในบางกรณี
และสนับสนุนการเรียกและติดตามคืนทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ขอบเขตของการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศไม่ควรรวมถึงการแลกเปลี่ยนพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ของอาชญากรรมทุกประเภท
แต่ควรระบุไว้เป็นการเฉพาะเพื่อให้เกิดความชัดเจนภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศฯ
เนื่องจากบางกรณีเป็นเรื่องที่มีกฎหมายภายในประเทศบังคับใช้ไว้แล้ว เช่น
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน
พ.ศ. ๒๕๕๑ และควรระบุเหตุผลความจำเป็นในการขอสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศให้กว้างและยืดหยุ่นเพื่อให้เกิดการบูรณาการเชิงป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
กรณีไม่มีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตาม ม.๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และเป็นเรื่องในทางนโยบาย ซึ่งเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะพิจารณาได้ตามความเหมาะสม
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |