ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 157 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3121 - 3140 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3121 | มาตรการในการส่งเสริมอาชีพและการควบคุมความปลอดภัยของสังคมโดยรวม | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาการรวมกลุ่มของวัยรุ่นที่ไม่มีงานทำหรือมีรายได้ไม่เพียงพอ
รวมทั้งมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงและมีการใช้อาวุธทำร้ายผู้อื่น
ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสังคมโดยรวม (Public Safety) แม้หน่วยงานด้านความมั่นคงจะได้กำหนดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในภาพรวมไว้แล้วก็ตามแต่ปัญหาดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด กวดขัน
และดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอย่างเข้มงวด รวมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการหรือกลไกในการส่งเสริมการมีงานทำและการส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนวัยทำงานและมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้มีความรัดกุมและต่อเนื่อง
เพื่อลดปัญหาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสังคมและให้ประชาชนมีความมั่นใจในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3122 | การส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าของโครงการอันเนื่่องมาจากพระราชดำริและสินค้า OTOP | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ และได้นำภาคธุรกิจเอกชนเยี่ยมชมการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่าง
ๆ เช่น โครงการศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
รวมทั้งสินค้าชนิดต่าง ๆ จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ภาคธุรกิจเอกชนจะได้ประสานความร่วมมือกับเกษตรกรและชุมชนในการพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน
ลดขั้นตอนการผลิตสินค้า
และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและการกระจายสินค้าให้แพร่หลายกว้างขวางมากยิ่งขึ้นทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ
ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มมูลค่าของสินค้าของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้สูงขึ้นได้
ซึ่งจะเป็นการพัฒนาและยกระดับสินค้าของท้องถิ่นและชุมชนต่าง ๆ
ของไทยในภาพรวมให้มีความยั่งยืนต่อไป ดังนั้น
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือ สนับสนุน
และส่งเสริมการดำเนินกิจการ
ตลอดจนการอุดหนุนสินค้าของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
รวมถึงสินค้าจากโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ให้มากยิ่งขึ้นต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3123 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง ภูก็ต กระบี่ ตรัง พังงา และสตูล) เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มกราคม 2567 | นร.11 สศช | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
(ระนอง ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา และสตูล) เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และเห็นชอบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้แจงเพิ่มเติมว่า
โดยที่โครงการยกระดับและพัฒนาศักยภาพระบบการแพทย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
ของจังหวัดกระบี่ เป็นโครงการที่มีระยะเวลาดำเนินการเกินกว่า ๑ ปี เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙-๒๕๗๐ ดังนั้น
จึงเห็นควรให้ส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด
จำนวน ๑๓ โครงการ วงเงินรวม ๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
และให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต่อไป ๓.
เห็นชอบในหลักการโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน จำนวน ๕ โครงการ วงเงินรวม ๒๐๒,๐๙๙,๐๐๐ บาท [(๑)
โครงการปรับปรุงและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานถนนท่องเที่ยวชุมชนเกาะยาวใหญ่ เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ของท้องถิ่น
อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (๒) โครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำ ถนนนาเกาะ-บางโจ
ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต (๓)
โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายากจังหวัดตรัง
ระยะที่ ๒ จังหวัดตรัง (๔) โครงการปรับปรุงท่าเรือระนอง-เกาะสอง
เพื่อการท่องเที่ยวและการสัญจร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง และ (๕)
โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชุมชน จังหวัดสตูล]
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องตามข้อ ๒
และ ๓
จัดทำรายละเอียดโครงการและประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบต่อไป
ในส่วนของโครงการยกระดับและพัฒนาศักยภาพระบบการแพทย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
จังหวัดกระบี่ วงเงิน ๓๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เป็นโครงการที่มีระยะเวลาดำเนินการเกินกว่า ๑ ปี
ให้หน่วยรับงบประมาณเจ้าของโครงการจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชนในส่วนที่เหลือเพื่อบรรจุไว้ในแผนการปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๕. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
ธันวาคม ๒๕๖๖ [เรื่อง
ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
๑ (หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย และบึงกาฬ) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๖ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖] โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดจัดทำโครงการตามความจำเป็น
เหมาะสม และลำดับความสำคัญเร่งด่วนของแต่ละจังหวัด
เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3124 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของชาวประมง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการประกอบอาชีพของชาวประมงพื้นบ้าน ให้บรรลุผลอย่างเหมาะสม
เป็นธรรม โดยเร็ว คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เร่งนำร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเลเพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมการประมงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนในวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3125 | ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว | นร. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง เรื่องสืบเนื่องจากการเยือนญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ ของนายกรัฐมนตรี
เห็นชอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันให้เป็นเอกภาพและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่อนุภูมิภาคและส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกันต่อไปด้วย
นั้น จากการที่ได้พบหารือกับผู้นำประเทศอาเซียนหลายประเทศ
ได้ขอให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน
เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านอื่นในอนุภูมิภาคนี้
รวมถึงประเทศมาเลเซียด้วย ดังนั้น จึงเห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับเรื่องนี้ไปดำเนินการขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3126 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | ดศ. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จำนวน ๒ คณะ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑. คณะกรรมการที่ปรึกษาวิชาการ ๒. คณะกรรมการสถิติประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3127 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธนสาร ธรรมสอน) | นร.04 | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมเห็นชอบแต่งตั้ง นายธนสาร ธรรมสอน เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๓ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3128 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (1. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ฯลฯ รวม 6 ราย) | กค. | 23/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการ ๒. นายเสรี นนทสูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นางสาวเกตสุดา สุประดิษฐ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายจักร บุญ-หลง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายวิสุทธิ์ จันมณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3129 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 | นร.04 | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ ณ จังหวัดระนอง
และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต
ระนอง และสตูล) ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3130 | ขออนุมัติการจัดทำเเละลงนามร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างรัฐบาลเเห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ราชอาณาจักรภูฏาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐเเห่งสหภาพเมียนมา เนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และราชอาณาจักรไทย | คค. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
ราชอาณาจักรภูฏาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เนปาล
สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และราชอาณาจักรไทย โดยร่างความตกลงฯ
มีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดกรอบการดำเนินงานของเรือและบริษัทขนส่งทางเรือ
รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC เช่น (๑)
การร่วมมือเพื่อพัฒนาการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างกัน (๒)
การกำหนดหลักปฏิบัติต่อเรือของประเทศภาคีเมื่อเข้าสู่น่านน้ำของตน (๓) การกำหนดให้มีขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานเพื่อให้การดำเนินงานระหว่างประเทศภาคีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
(๔) การกำหนดเอกสารที่ภาคีความตกลงฯ ต้องให้การยอมรับ (๕)
การให้การช่วยเหลือแก่เรือและลูกเรือเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย (๖)
การดำเนินคดีทางแพ่งและทางอาญา และ (๗) การระงับข้อพิพาท เป็นต้น
โดยการดำเนินการตามร่างความตกลงจะอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายของไทย และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล
ระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ราชอาณาจักรภูฏาน สาธารณรัฐอินเดีย
สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา
และราชอาณาจักรไทย และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
สำหรับการลงนามดังกล่าว โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือไปยังสำนักเลขาธิการบิมสเทค
แจ้งการมีผลใช้บังคับของร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเลระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
ราชอาณาจักรภูฏาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เนปาล
สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และราชอาณาจักรไทย
เมื่อกระทรวงคมนาคมได้มีหนังสือแจ้งยืนยันไปยังกระทรวงการต่างประเทศว่าได้ดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลบังคับใช้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล
ระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ราชอาณาจักรภูฏาน สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
เนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และราชอาณาจักรไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ภายใต้ร่างความตกลงดังกล่าว ได้กำหนดถึงแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล
เช่น การป้องกันการสูญเสียสัตว์ทะเลหายาก การเฝ้าระวังมลพิษจากขยะทะเล
การรั่วไหลของน้ำมัน
การป้องกันชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานที่อาจมากับน้ำอับเฉาเรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเนื่องมาจากเชื้อเพลิงเรือ
เป็นต้น จึงอาจพิจารณาประเด็นดังกล่าวประกอบการดำเนินความร่วมมือในอนาคต และในกรณีที่การใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงทางทะเลภายใต้กรอบความตกลงข้างต้นในอนาคตมีความเสี่ยงหรือประสบปัญหาอันเกิดจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงทางทะเลไม่ว่าที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์หรือเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ฝ่ายไทยสามารถเสนอมาตรการและกลไกการประสานงานระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการบริหารสถานการณ์ข้างต้น
โดยอาศัยกลไกความร่วมมือสาขาความมั่นคงทางทะเล ได้แก่ Expert Group on
Maritime Security Cooperation in the Bay of Bengal อีกช่องทางหนึ่ง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3131 | การกำหนดสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ 2542 | พณ. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุมปี ๒๕๖๗ จำนวน ๕ รายการ ได้แก่ (๑) หน้ากากอนามัย (๒)
ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond)
เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย (๓)
ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ (๔) เศษกระดาษ
และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก และ (๕) ไก่ เนื้อไก่
ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันพุธที่
๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๐
มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อให้สิ้นสุดผลบังคับใช้พร้อมกับสินค้าและบริการ จำนวน ๕๑
รายการ ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๖๖ เรื่อง
การกำหนดสินค้าและบริการควบคุม และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3132 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติให้มีการรับรองเอกสารร่างแถลงการณ์ (Communique) สำหรับการประชุม Global Forum for Food and Agriculture (GFFA) ครั้งที่ 16 และการประชุม Berlin Agriculture Ministers' Conference ครั้งที่ 16 | กษ. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้มีการรับรองเอกสารร่างแถลงการณ์
(2024 Zero Draft Communique) ในการประชุมรัฐมนตรีเกษตรเบอร์ลิน
(Berlin Agriculture Ministers’ Conference) ครั้งที่ ๑๖
ในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
มีสาระสำคัญเป็นการให้คำมั่นที่จะดำเนินความร่วมมือเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ ๒
ยุติความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหาร และยกระดับโภชนาการ
และส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน (SDG2 “Zero Hunger”) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3133 | รายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน [เรื่อง การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรณีดำเนินโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังล่าช้า] | คค. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน
[เรื่อง
การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรณีดำเนินโครงการสรรหาเอกชนเพื่อร่วมลงทุนเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง
(ไอซีดี) ที่ลาดกระบังล่าช้า]
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3134 | ข้อเสนอนโยบายการกำหนดเงื่อนไขว่าด้วยการสร้างความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในประเทศอันเกิดจากการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศของภาครัฐ (Offset) | อว. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการข้อเสนอนโยบายการกำหนดเงื่อนไขว่าด้วยการสร้างความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมในประเทศอันเกิดจากการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศของภาครัฐ (Offset) และมอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงการคลังร่วมกันจัดทำกฎกระทรวงหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งกำหนดแนวปฏิบัติตามข้อเสนอนโยบายดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมใช้ข้อเสนอนโยบายการกำหนดเงื่อนไขว่าด้วยการสร้างความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมในประเทศอันเกิดจากการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศของภาครัฐ (Offset)
เป็นกรอบแนวทางสำหรับการเจรจาทำความตกลงการค้าระหว่างประเทศ Free
Trade Agreement (FTA “European Union-Thailand Free Trade Agreement : EU-THAILAND
FTA” ครั้งที่ ๒
โดยไม่ถือว่าข้อเสนอนโยบายในครั้งนี้เป็นข้อจำกัดในการเจรจา FTA กับ EU ในเรื่องอื่น ๆ ที่จะมีขึ้นในโอกาสต่อ ๆ ไป
เช่น ความตกลงด้านการเกษตร ด้านพาณิชย์ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า
รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบในทุกมิติ และภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างและขอบเขตการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดต่าง
ๆ ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนและบริหารนโยบาย Offset ให้มีความสอดคล้องและบูรณาการการทำงานระหว่างกันอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักที่มีกลไกและอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3135 | ร่างปฏิญญาร่วมแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการศึกษาและวิจัยแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม | อว. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการศึกษาและวิจัยแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
วิจัย และนวัตกรรม (JOINT DECLARATION OF INTENT BETWEEN THE MINISTRY OF
HIGHER EDUCATION, SCIENCE, RESEARCH AND INNOVATION OF THE KINGDOM OF THAILAND
AND THE FEDERAL MINISTRY OF EDUCATION AND RESEARCH OF THE FEDERAL REPUBLIC OF
GERMANY ON COOPERATION IN THE FIELDS OF SCIENCE, RESEARCH AND INNOVATION) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นผู้ลงนามในร่างปฏิญญาร่วมฯ โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการยกระดับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมระหว่างไทยและเยอรมนีให้มีทิศทางและความสอดคล้องกับประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
โดยไม่จำกัดสาขาความร่วมมือ
ซึ่งหัวข้อในแต่ละสาขาความร่วมมือจะเป็นไปตามความสนใจร่วมกันของทั้งสองฝ่ายและจะกำหนดผ่านการประชุมและข้อตกลงในภายหลัง
โดยครอบคลุม ๑๐ กิจกรรม เช่น
การประกาศรับข้อเสนอร่วมกันสำหรับโครงการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี
การแลกเปลี่ยนข้อมูล วัสดุ และเอกสารด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3136 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 1/2567 | นร.08 | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อนำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑
มาบังคับใช้แทน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก
อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ
อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา
ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่
๒๐ มกราคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๓.
เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ ดังนี้ ๓.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส
ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี
ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง
อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอรามัน อำเภอกาบัง
และอำเภอกรงปินัง และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ
และร่างประกาศ เรื่อง ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่อำเภอปะนาเระ
จังหวัดปัตตานี และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3137 | ขอให้พิจารณาประกาศพื้นที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | กอรมน. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา
ประกอบการพิจารณาประกาศพื้นที่ที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑ ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๒.๒ ร่างประกาศ เรื่อง
การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๒.๓ ร่างประกาศ เรื่อง
กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๔ ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม ๔ ฉบับ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3138 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) | นร.09 | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
จำนวน ๔ คณะ เพื่อให้การพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายมีความต่อเนื่องทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒.
คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๓.
คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน บริษัท และองค์กรทางธุรกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3139 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล) | นร.04 | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล
เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง [รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)]
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3140 | การประสานขอความร่วมมือจากคณะรัฐมนตรีในเรื่องต่าง ๆ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา | นร. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมศักดิ์
เทพสุทิน) ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา รายงานว่า ในคราวประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ ได้แจ้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนาของคณะกรรมาธิการติดตาม
เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศและการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
และสรุปข้อมูลกระทู้ถามของวุฒิสภา ดังนี้ ๑.๑ การสัมมนา เรื่อง “สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการติดตาม
เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
วุฒิสภา ในห้วงปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖” โดยขอความอนุเคราะห์พิจารณามอบหมายหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสัมมนา
ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ นาฬิกา ณ
ห้องประชุมหมายเลข ๔๐๒-๔๐๓ ชั้น ๔ อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา ซึ่งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะได้มีหนังสือแจ้งหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒. สรุปข้อมูลกระทู้ถามของวุฒิสภา
ในห้วงระยะเวลาของรัฐบาลนี้ ในสมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. ๒๕๖๖
(วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖-๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖) และ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ.
๒๕๖๖ (วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๖-ปัจจุบัน) ซึ่งประกอบด้วยสารบบกระทู้ถามเป็นหนังสือที่ขอให้ตอบในที่ประชุมวุฒิสภาและสารบบกระทู้ถามด้วยวาจา
และสารบบกระทู้ถามเป็นหนังสือที่ขอให้ตอบในราซกิจจานุเบกษา
ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ถามในที่ประชุมวุฒิสภาหรือตอบในราชกิจจานุเบกษา
แต่โดยที่ยังมีกระทู้ถามที่ค้างตอบหรือเลื่อนตอบจำนวนมาก
จึงขอความร่วมมือให้รัฐมนตรีมาตอบกระทู้ถามในที่ประชุมวุฒิสภาหรือตอบในราชกิจจานุเบกษา
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อการบริหารราชแผ่นดิน ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วจึงได้ลงมติ
|