ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 5/2555 ณ วันที่ 24 กันยายน 2555) | วท | 02/10/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ พายุดีเปรสชั่นที่ก่อตัวทางด้านตะวันออกของอายุไต้ฝุ่น "เจอลาวัต" (JELAWAT) มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แต่มีทิศทางไปยังประเทศญี่ปุ่น สำหรับร่องมรสุมที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยพบว่ามีร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออก และจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๕๕ และในช่วงวันที่ ๒๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางแห่ง สำหรับปริมาณน้ำฝนในภาพรวมพบว่า ฝนสะสมในทุกภาคสูงกว่าค่าเฉลี่ย ๓๐ ปี เว้นแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย โดยทุกภาคมีฝนน้อยกว่าเมื่อปี ๒๕๕๔ ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ดังนี้ ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ ๒.๑.๑ สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ๑,๕๗๓ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๙๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๒ สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ๑,๖๕๔ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๒,๘๔๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๓ สถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑,๘๑๒ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ ๒..๒.๑ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๓๐๒.๑๓ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๐๗ เมตร ๒.๒.๒ แม่น้ำวัง ที่สถานี W.10A จังหวัดลำปาง +๒๕๙.๒๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๓๙ เมตร ๒.๒.๓ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.4 จังหวัดสุโขทัย +๔๗.๑๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๗๒ เมตร ๒.๒.๔ แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๑๙๓.๓๒ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๕.๘๘ เมตร ๒.๒.๕ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๒.๗๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๔๕ เมตร และที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๓.๖๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๗๓ เมตร ๒.๓ น้ำในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ ได้แก่ ๒.๓.๑ เขื่อนภูมิพล น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๓๗.๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๗,๗๘๙ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๙๘๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๒ เขื่อนสิริกิติ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๑.๖๓ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๖,๒๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๓๖๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๓ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๖.๖๔ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๔๘๗ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๔๘๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๔ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวม ๓๓ อ่างทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวม ๔๘,๗๓๖ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๐,๒๕๖ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายจากอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๙,๔๗๔ ล้านลูกบาศก์เมตร และความสามารถในการรับน้ำได้อีก ๒๑,๔๑๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารน้ำในเขื่อน ดังนี้ ๓.๑ เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำกักเก็บ ๒๖% ต่ำกว่าปี ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยแล้งอยู่ค่อนข้างมาก และมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างน้อยมาก จึงเสนอให้ปรับลดการระบายน้ำ ๓.๒ เขื่อนประแสร์และเขื่อนคลองสียัด มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนทั้งสองเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในบริเวณดังกล่าว จึงให้เฝ้าระวังและติดตามตามปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างเพิ่มเติม รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่เหนือน้ำและท้ายของของเขื่อนทั้งสอง ๓.๓ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้ปรับลดการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลลงเหลือไม่เกินวันละ ๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ปรับลดการระบายน้ำลงเหลือไม่เกินวันละ ๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพิจารณาผลกระทบท้ายน้ำด้วย ๓.๔ เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ ให้ลดการระบายน้ำที่เขื่อนศรีนครินทร์ลงเหลือวันละ ๑๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนวชิราลงกรณลดการระบายลงเหลือวันละ ๑๖ ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเริ่มลดการระบายของทั้งสองเขื่อนตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๕ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ๔. สถานการณ์อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง และน้ำป่า ดังนี้ ๔.๑ สถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย ๑๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว ปราจีนบุรี นครปฐม สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยภูมิ พิจิตร และนครนายก รวม ๓๘ อำเภอ ๒๖๙ ตำบล ๑,๗๔๖ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๗๕,๙๙๔ ครัวเรือน ๑๘๖,๕๐๘ คน ๔.๒ พื้นที่ภาคตะวันออก จังหวัดปราจีนบุรี เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีเอ่อล้นเข้าท่วม ในพื้นที่ ๕ อำเภอ ๒ เขตเทศบาลตำบล ๓๖ ตำบล ๒๔๐ หมู่บ้าน ๒๗ ชุมชน จังหวัดสระแก้ว ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ ๕ อำเภอ ๓๒ ตำบล ๒๙๔ หมู่บ้าน ๑๒,๙๙๘ ครัวเรือน ๓๔,๖๔๕ คน และจังหวัดนครนายก เกิดฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ ๒ อำเภอ ๖ ตำบล ๓๐ หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอองครักษ์ ตำบลบางสมบูรณ์ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๒๓๐ ครัวเรือน ๒,๓๗๐ คน ๔.๓ กรมทรัพยากรน้ำได้เตือนภัยสถานการณ์น้ำป่า ณ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ เตือนภัยสีเขียว(เฝ้าระวัง) ๑ จังหวัด คือจังหวัดอุตรดิตถ์ ๕. สรุปผลการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและระบบป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในเขตจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก และสุโขทัย ในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ กันยายน ๒๕๕๕ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จัดประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อติดตามสถานการณ์และรับมือปัญหาอุทกภัยปี ๒๕๕๕ เป็นการเร่งด่วนเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๕ ณ ห้องประชุม ๑ กระทรวงมหาดไทย พร้อมจัดประชุมทางไกลผ่านระบบ Tele-conference กับจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด และมอบให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและการรับมือปัญหาอุทกภัยปี ๒๕๕๕ ดังกล่าว
|
.....