ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1485 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 29681 - 29700 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 29681 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา) | ทก | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29682 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 4 ราย 1. นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ฯลฯ) | สธ | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๒. นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๓. นายกมล บันไดเพชร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ๔. พลเอก อำนวย ถิระชุณหะ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
|
||||||||||||||||||||||||
| 29683 | ร่างแถลงข่าวร่วมไทย - สหภาพยุโรป ในโอกาสการเยือนไทยของประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และร่างแถลงข่าวร่วมไทย - อิตาลี ในโอกาสการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีอิตาลี | กต | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแถลงข่าวร่วมไทย-สหภาพยุโรป ในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระหว่างวันที่ ๔-๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ และร่างแถลงข่าวร่วมไทย-อิตาลี ในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีอิตาลี ระหว่างวันที่ ๖-๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดย ๑.๑ ร่างแถลงข่าวร่วมกับสหภาพยุโรป มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันและแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและสหภาพยุโรปในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการเมือง สังคม การค้าและการลงทุน การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการอำนวยความสะดวกในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ความร่วมมือในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และให้ความสำคัญกับการจัดทำกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ (Framework Agreement on Comprehensive Partnership and Cooperation between Thailand and the EU) และความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (Thai-EU Free Trade Agreement) ๑.๒ ร่างแถลงข่าวร่วมกับฝ่ายอิตาลี มีสาระสำคัญเพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมและแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและอิตาลีในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเน้นย้ำมิติความสัมพันธ์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการถ่ายทอดองค์ความรู้ในสาขาเทคโนโลยีที่ฝ่ายอิตาลีมีความเชี่ยวชาญ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของไทย อาทิ ด้านอวกาศ การขนส่งทางรถไฟ และการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งได้กล่าวถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขยายเศรษฐสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ๒. อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายประกาศแถลงข่าวร่วมกับฝ่ายสหภาพยุโรป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงข่าวร่วมในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยก่อนมีการแถลงข่าวร่วมดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
| 29684 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวรพัฒน์ ทิวถนอม) | ทก | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวรพัฒน์ ทิวถนอม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29685 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 3 ราย 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประแสง มงคลศิริ ฯลฯ) | ศธ | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๓ ราย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประแสง มงคลศิริ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ๒. ศาสตราจาย์ธเนศวร์ เจริญเมือง ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ๓. นายวรกร คำสิงห์นอก ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29686 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (จำนวน 3 คน 1. นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ฯลฯ) | กค | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จำนวน ๓ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงินการคลัง) ๒. นายรุจพงศ์ ประภาสะโนบล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเงินการคลัง) ๓. นายปรีชา วัชราภัย เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||
| 29687 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (จำนวน 11 ราย 1. นางรตยา จันทรเทียร ฯลฯ) | ทส | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จำนวน ๑๑ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป แทนกรรมการเดิมซึ่งได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางรตยา จันทรเทียร ๒. นายเสรี เวชชบุษกร ๓. นายนิวัติ เรืองพานิช ๔. นายสนิท อักษรแก้ว ๕. นายนิพนธ์ ตั้งธรรม ๖. นายสุรเชษฎ์ เชษฐมาส ๗. นายธวัชชัย จึงเจริญ ๘. นายชัยรัตน์ ชยามฤต ๙. นายวิลาศ ผิวเหมาะ ๑๐. นายฉกาจ ลาภานุพัฒน์ ๑๑. นางสาวดรรชนี เอมพันธุ์
|
||||||||||||||||||||||||
| 29688 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๗/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29689 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 16 ราย 1. พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ฯลฯ) | นร | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๑๖ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๒. นายโภคิน พลกุล ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๓. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๔. นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) ๕. นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ๖. นายซูการ์โน มะทา ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ๗. พลเอก จงศักดิ์ พานิชกุล ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ๘. พลตำรวจตรี จรัญ ชิตะปัญญา ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรี ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ๙. นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) ๑๐. นายประทวน เขียวฤทธิ์ ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ๑๑. นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ๑๒. นายแสวง ฤกษ์จรัล ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร) ๑๓. นางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์) ๑๔. นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๑๕. นายไชยรัตน์ ไทยเจียมอารีย์ ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร) ๑๖. นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์)
|
||||||||||||||||||||||||
| 29690 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 10/2555 ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2555) | อื่นๆ | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำของประเทศไทย ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕-ปัจจุบัน จำนวน ๗ จังหวัด ๔๗ อำเภอ ๓๐๕ ตำบล ๓,๐๔๑ หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ เลย สกลนคร อุดรธานี บึงกาฬ และหนองคาย (ฝนทิ้งช่วง) ๕ จังหวัด ๒๑ อำเภอ ๑๔๒ ตำบล ๑,๔๑๖ หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ สกลนคร อุดรธานี บึงกาฬ และหนองคาย ๒. รายงานการทำฝนหลวง หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน ๕ หน่วยในจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี ได้ปฎิบัติการทำฝนเทียมทั้งสิ้น ๓๘ ครั้ง เกิดฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง ๒๗ ครั้ง ใน ๑๗ จังหวัด ระหว่างวันที่ ๒๑ ตุลาคม-๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ปริมาณฝนที่ตกมากที่สุดอยู่ที่ระดับ ๒๔.๙ มิลลิเมตร ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา รองลงมาที่ระดับ ๖.๙ มิลลิเมตร ที่อำเภอเมือง หนองบัวลำภู พบปัญหาอุปสรรคใน ๒ กรณี ได้แก่ กรณีไม่ขึ้นปฏิบัติการ เนื่องจากมวลอากาศไม่ลอยตัว ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ และลมแรง และกรณีขึ้นปฏิบัติการแล้วไม่เกิดฝน เนื่องจากกลุ่มเมฆยุบ สลาย หรือไม่ก่อตัว
|
||||||||||||||||||||||||
| 29691 | รายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยของกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่วันที่ 8 ถึง 26 ตุลาคม 2555 | กห | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยของกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่วันที่ ๘ ถึง ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ ในพื้นที่ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน (อุทกภัย) ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำบางพื้นที่ จำนวน ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ ได้จัดกำลังพล ๑,๒๙๖ นาย รถบรรทุก ๗๙ คัน เครื่องผลักดันน้ำ ๕๑ เครื่อง และเรือท้องแบน ๙ ลำ เข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่รับผิดชอบ โดยการบรรจุกระสอบทราย สร้างแนวคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทราย อำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง การลำเลียงถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย และจัดชุดเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ รวมทั้งจัดชุดนายทหารติดต่อประกอบด้วยกำลังพลจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ ปฏิบัติงานร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นต้นมา สำหรับการติดตามสถานการณ์สาธารณภัย ได้จัดเตรียมกำลังพล ชุดกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว ชุดทหารช่างเฉพาะกิจ ชุดแพทย์เคลื่อนที่เร็ว และชุดสุนัขค้นหา/กู้ภัย พร้อมยานพาหนะและอากาศยาน รวมทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือสื่อสาร เพื่อเตรียมให้การสนับสนุนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยเมื่อได้รับการประสาน
|
||||||||||||||||||||||||
| 29692 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 6 ราย 1. นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี ฯลฯ) | มท | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๖ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ๒. นายชาญยุทธ เฮงตระกูล เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก) ๓. พลโท มนัส เปาริก เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประชา ประสพดี) ๔. นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ๕. นายสุชาติ ลายน้ำเงิน เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก) ๖. นายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประชา ประสพดี)
|
||||||||||||||||||||||||
| 29693 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๘/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29694 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ | นร04 | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และมอบอำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29695 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง และข้าราชการการเมืองพ้นตำแหน่ง (นายอารี ไกรนรา และ นายสมหวัง อัสราษี) | พณ | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. ให้แต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ดังนี้ ๑.๑ นายอารี ไกรนรา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ๑.๒ นายสมหวัง อัสราษี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ๒. ให้ข้าราชการการเมืองพ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๔ ราย ดังนี้ ๒.๑ นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง ให้พ้นตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล) ๒.๒ นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ให้พ้นตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์) ๒.๓ นายชัชวาลย์ ชัยเชาวรัตน์ ให้พ้นตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล) ๒.๔ นายภาคภูมิ เดชสกุลฤทธิ์ ให้พ้นตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์)
|
||||||||||||||||||||||||
| 29696 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค | นร | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๗๐/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29697 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธรรมรัต หวั่งหลี) | กษ | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นายธรรมรัต หวั่งหลี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29698 | การปรับเพิ่มเงินเดือนครูโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ให้ได้รับเดือนละ 15,000 บาท | นร04 | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการให้ปรับเงินเดือนครูและบุคลากรโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เป็น ๑๑,๖๘๐ บาท เท่าอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ และให้อุดหนุนเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่เป็นคฤหัสถ์และมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี มีเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนอีกจนถึงเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนทั้งสิ้น ๗๙,๖๘๔,๕๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 29699 | ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ กำหนดให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินมีอำนาจดำเนินการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่ประสบภาวะวิกฤติทางการเงินอันอาจกระทบต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดนิยามและหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือสถาบันการเงิน ควรจำกัดไว้เฉพาะในกรณีที่ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินและตลาดการเงินโดยรวม (Systematic risk) เท่านั้น การพิจารณาปรับบทบาทหน้าที่ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในการโอนอำนาจหน้าที่ของกองทุนฯ ให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากดำเนินการแทน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินภารกิจด้านการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการนำส่งเงินให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากและธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการดำเนินนโยบายการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (Micro and Macro Prudential) ตามกรอบการกำกับดูแลสถาบันการเงินตามมาตรฐานสากล และแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของสถาบันการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินและระบบการเงินโดยรวม เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 29700 | ผลการทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของอาเซียนและของไทย (AEC Blueprint Mid-Term Review) | พณ | 02/11/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของอาเซียนและไทย (AEC Blueprint Mid-Term Review) ของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (Economic Research Institute for ASEAN and East Asia : ERIA) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการ และเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานะการดำเนินการ ในส่วนของอาเซียนมีความคืบหน้ามากในด้านการลดภาษีศุลกากร แต่การดำเนินการหลายเรื่องยังช้ากว่ากำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ มาตรฐานและความสอดคล้อง (Standard and Conformity) มาตรการที่มิใช่ภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า การเปิดเสรีการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายเงินทุน การเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมือ ความร่วมมือด้านพลังงาน การอำนวยความสะดวกทางการค้า สำหรับสถานะการดำเนินการของไทยมีความคืบหน้ามากในเรื่องการเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น การลด/ยกเลิกภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี และการลดจำนวนวันที่ใช้ในกระบวนการส่งออกและนำเข้าสินค้า การมีกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า และการอำนวยความสะดวกต่อการลงทุน โดยมีประเด็นที่ ERIA เสนอแนะให้ไทยพิจารณาปรับปรุง ได้แก่ การเร่งพัฒนาภาคธุรกิจบริการซึ่งปัจจุบันไทยยังไม่เปิดเสรีเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนด การปรับปรุงนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน ความล่าช้าในการให้สัตยาบันความตกลงยอมรับร่วมด้านมาตรฐานและความสอดคล้อง รวมทั้งข้อตกลงยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน การพัฒนา SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเงินทุนสำหรับ SMEs และนโยบายการแข่งขัน ยังขาดแนวทาง/วิธีการบังคับใช้กฎหมายที่ชัดเจน ๑.๒ ผลการดำเนินการตามมาตรการภายใต้แผนพิมพ์เขียวในการไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) ต่อเศรษฐกิจของสมาชิกอาเซียน ในส่วนของอาเซียน พบว่าการดำเนินการตาม AEC Blueprint ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศสมาชิก โดยกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วยกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม จะได้ประโยชน์ในระดับสูงกว่าประเทศสมาชิกดั้งเดิม (ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) และยังเห็นว่าการเปิดเสรีในกรอบ ASEAN+1 FTA ส่งผลดีต่ออาเซียนมากกว่าการจัดตั้ง AEC เพียงอย่างเดียว โดยอาเซียนจะได้ประโยชน์มากขึ้นหากมีการเปิดเสรีกับคู่เจรจาในกรอบอาเซียน+๓ (๑๓ ประเทศ) หรืออาเซียน+๖ (๑๖ ประเทศ) และอาเซียนจะได้รับประโยชน์มากขึ้นหากมีการเปิดเสรีด้านการค้าบริการ และมีมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าและโลจิสติกส์ควบคู่ไปด้วย สำหรับไทยจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจาก AEC ในด้านการขยายตัวของ GDP มากเป็นอันดับ ๓ รองจากอินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ส่วนการเปิดเสรีด้านการค้าบริการ ไทยได้รับประโยชน์เป็นอันดับ ๒ ในอาเซียน รองจากเวียดนาม และในการเปิดเสรีของอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาคในรูปแบบอาเซียน+๓ หรืออาเซียน+๖ ไทยจะได้รับประโยชน์มากเป็นอันดับ ๓ ในอาเซียน รองจากเวียดนามและกัมพูชา ๑.๓ ERIA ได้เสนอมาตรการที่ควรได้รับความสำคัญลำดับต้น (Priorities) จากปัจจุบันถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ การลด/ยกเลิกภาษีศุลกากร การแก้ไขปัญหา/อุปสรรคจากการใช้มาตรการที่มิใช่ภาษี การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การเปิดเสรีการค้าบริการ การเปิดเสรีการลงทุน การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง การดำเนินการเพื่อลดช่องว่างของระดับการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก (ตามแผนงาน Initiative for ASEAN Integration) การพัฒนาและส่งเสริม SMEs การเจรจาจัดทำความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) รวมทั้งมาตรการที่ควรได้รับความสำคัญในช่วงภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ มาตรฐานและความสอดคล้อง การรวมกลุ่มด้านการเงิน การจัดทำ MRAs วิชาชีพสาขาต่างๆ ICT พลังงาน ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขันและการคุ้มครองผู้บริโภค ความร่วมมือด้านการเกษตร และเรื่องอื่น ๆ เช่น เรื่องการทำความตกลงหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร มาตรการต่าง ๆ ทั้งที่มีผลบังคับใช้แล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการให้กับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากความตกลงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมภายในประเทศทั้งในด้านพัฒนาคน องค์ความรู้ กฎ และระเบียบ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. รวบรวมข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ในภาพรวมทั้งหมด เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปบูรณาการประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
.....
