ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1489 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 29761 - 29780 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 29761 | แผนประชากรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) | นร11 | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนประชากรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาประชากรไทยทุกช่วงวัยมีอนามัยการเจริญพันธุ์ที่เหมาะสมและมีศักยภาพเพิ่มขึ้น สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาคอาเซียนและตลาดโลก รวมทั้งมีการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายประชากรอย่างเสรีในภูมิภาคอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจให้มีความเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดรายละเอียดของยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในระยะ ๕ ปี เพื่อรองรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร รวมทั้งเพื่อสร้างความสมดุลของจำนวนประชากรของประเทศต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนประชากรในระยะยาว (๑๐-๒๐ ปี) โดยกำหนดเป้าหมายประชากร รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์และแนวทางในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สมดุลกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง และการเข้าเป็นสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ (AEC) แล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมาย องค์ประกอบของการเปลี่ยนแปลงของประชากรไทยให้ชัดเจน โดยเฉพาะเป้าหมายการเพิ่มประชากร การทบทวนตัวชี้วัดที่สะท้อนแผนชี้นำระดับชาติ การกำหนดเป้าหมายรายปีเพื่อให้หน่วยงานที่นำไปปฏิบัติมีจุดมุ่งหมายชัดเจนประกอบการประเมินในการปรับปรุงหรือพัฒนางานระหว่างช่วงแผนประชากรฯ และนำแผนประชากรฯ สู่การปฏิบัติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการรักษาภาวะมีบุตรยาก สวัสดิการสำหรับบุตรที่กำหนดไว้เพียง ๒ คน รวมถึงการกำหนดคำนิยาม "คู่สมรสที่มีความพร้อมมีบุตร" ให้ชัดเจน รวมทั้งการกำหนดกลไกและรูปแบบวิธีการการทำงานร่วมกันของแต่ละภาคส่วนอย่างชัดเจนทั้งด้านงบประมาณและหน่วยรับผิดชอบเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีเอกภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
| 29762 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอซับใหญ่ และอำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... | กษ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอซับใหญ่ และอำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอซับใหญ่ และอำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 29763 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | กษ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 29764 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | กษ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 29765 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 1 รุ่นอายุ 7 ปี (SB128A) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) | กค | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๑ รุ่นอายุ ๗ ปี (SB128A) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ออกประกาศจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) อายุไม่เกิน ๖ เดือน วงเงินรวม ๒๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์รุ่น SB128A จำนวน ๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และเงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ จำนวน ๑๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-bill) วงเงินรวม ๒๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท แบ่งการจำหน่ายออกเป็น ๒ งวดๆ ละ ๑๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒. รายรับจากการประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๒๓,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ได้นำไปชำระคืนต้นเงินกู้พันธบัตรออมทรัพย์และต้นเงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ได้แก่ ชำระคืนต้นเงินพันธบัตรออมทรัพย์ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๑ รุ่นอายุ ๗ ปี (SB128A) ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ ทั้งจำนวน เป็นเงิน ๕,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท และชำระคืนต้นเงินกู้ระยะยาวและตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) วงเงิน ๑๘,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๓. ในการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง แต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยลงลายมือชื่อกำกับในตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
||||||||||||||||||
| 29766 | ขออนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ รวม 2 ฉบับ | พณ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้พัดลม หม้อหุงข้าว และหลอดไฟ เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ ให้พัดลม หม้อหุงข้าว และหลอดไฟ เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองมาตรฐานซึ่งไม่ต่ำกว่ามาตรฐานตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออก หรือออกให้โดยหน่วยงานหรือสถาบันที่หน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออกให้การรับรอง (Competent Authority : CA) แสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๑.๒ ให้พัดลม หม้อหุงข้าว และหลอดไฟ เป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กำหนด ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถใหม่เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๒.๑ ให้ยางรถใหม่เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองตามที่กำหนดแสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๒.๒ ให้ยางรถใหม่เป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบูรณาการทำงานร่วมกันในการสร้างความรู้ความเข้าใจและความตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้สินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้แก่ผู้บริโภคได้รับทราบ และกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าสำเร็จรูปและชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบในไทยให้เป็นไปตามเกณฑ์ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด รวมถึงให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากการบังคับใช้ประกาศฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 29767 | ขออนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ รวม 3 ฉบับ | พณ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้หอมแดงเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ กำหนดให้หอมแดงเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate) ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออก หรือออกให้โดยหน่วยงานหรือสถาบันที่หน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออกให้การรับรอง (Competent Authority : CA) แสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๑.๒ ให้หอมแดงเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กำหนด ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ส้มเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑.๒.๑ กำหนดให้ส้มเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate) ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออก หรือออกให้โดยหน่วยงานหรือสถาบันที่หน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออกให้การรับรอง (Competent Authority : CA) แสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๒.๒ ให้ส้มเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กำหนด ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องในสุกรเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๓.๑ กำหนดให้เครื่องในสุกรเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองสุขอนามัย (Health Certificate) ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออก หรือออกให้โดยหน่วยงานหรือสถาบันที่หน่วยงานของรัฐของประเทศผู้ส่งออกให้การรับรอง (Competent Authority : CA) แสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๓.๒ ให้เครื่องในสุกรเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการกำหนดช่วงระยะเวลาการนำเข้า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สินค้าเข้ามาในช่วงที่ผลผลิตของไทยออกสู่ตลาด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการการนำเข้าสินค้าหอมแดง ส้ม และเครื่องในสุกร เพื่อลดปัญหาที่รัฐบาลต้องเข้าไปแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรในช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวมทั้งให้ความสำคัญกับความเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลักทั้งศัตรูพืช โรคพืชและสัตว์ สารปนเปื้อนต่าง ๆ และความปลอดภัยด้านอาหารภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยการบังคับใช้กฎหมายที่ด่านศุลกากรและตามแนวชายแดนต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้มีการลักลอบนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 29768 | การส่งเสริมและสนับสนุนให้สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติในโอกาสทศวรรษครบ 100 ปี ของการสหกรณ์ไทย | กษ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์และแนวทางในการดำเนินงานตามข้อเสนอวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์และแนวทางในการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับแนวทางในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์วาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ (๑๓ กลยุทธ์) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สร้างและพัฒนาการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตประชาชนในชาติ ประกอบด้วย ๒ กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ ๑ ผลักดันการจัดการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตประชาชนในระบบการศึกษา และกลยุทธ์ที่ ๒ สร้างและผลักดันการจัดการเรียนรู้และทักษะการสหกรณ์สู่วิถีชีวิตประชาชนนอกระบบการศึกษา ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ สนับสนุนและพัฒนาการรวมกลุ่มของประชาชนด้วยวิธีการสหกรณ์ให้เป็นฐานรากสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย ๒ กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ ๑ สร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนโดยใช้วิธีการสหกรณ์เป็นแนวทางในการดำเนินงาน และกลยุทธ์ที่ ๒ ส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใช้ระบบสหกรณ์เป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ เพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงเครือข่ายระบบการผลิตการตลาดและการเงินของสหกรณ์ ประกอบด้วย ๓ กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ ๑ การสร้างเครือข่ายกลุ่มผู้ผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อยกระดับสินค้าสหกรณ์ให้ได้มาตรฐาน กลยุทธ์ที่ ๒ การสร้างเครือข่ายการตลาดสินค้าสหกรณ์ และกลยุทธ์ที่ ๓ เชื่อมโยงเครือข่ายการเงินสหกรณ์ ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ สนับสนุนแผนพัฒนาการสหกรณ์ให้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้มแข็งของขบวนการสหกรณ์ มี ๑ กลยุทธ์ คือ ผลักดันแผนพัฒนาการสหกรณ์สู่การปฏิบัติ ๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ ปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานภาครัฐ ขบวนการสหกรณ์ และปรับปรุงกฎหมายสหกรณ์ให้เอื้อต่อการพัฒนา ประกอบด้วย ๔ กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ ๑ การปฏิรูปโครงสร้างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับงานส่งเสริมสหกรณ์ กลยุทธ์ที่ ๒ ปฏิรูปโครงสร้างสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กลยุทธ์ที่ ๓ ปรับปรุงโครงสร้างชุมนุมสหกรณ์ และสหกรณ์ และกลยุทธ์ที่ ๔ ปรับปรุงกฎหมายสหกรณ์ให้เอื้อต่อการส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์ ภายใต้หลักการอุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ให้เหมาะสมกับสหกรณ์แต่ละประเภท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาทบทวนแนวทางการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์วาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมประเด็นการพัฒนา ให้สหกรณ์ดำเนินการได้อย่างเป็นมืออาชีพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ และยุทธศาสตร์ที่ ๕ ในส่วนที่เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหน่วยงาน อำนาจหน้าที่ อัตรากำลัง รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน ข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ในวาระแห่งชาติด้านการสหกรณ์ที่มีรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ งบประมาณ และหน่วยงานรับผิดชอบในแต่ละประเด็นยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้สหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย รวมทั้งเครือข่ายการพัฒนาที่เกี่ยวข้องให้มีการดำเนินการที่เอื้อและส่งเสริมกันและกันอย่างมีเอกภาพ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์แต่ละประเภทในทุกระดับ มีความเป็นอิสระ มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๔. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการ ส่วนในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
| 29769 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า ตำบลในเมือง ตำบลต้นธง และตำบลบ้านแป้น อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า ตำบลในเมือง ตำบลต้นธง และตำบลบ้านแป้น อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายถนนสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๓๓ ในท้องที่ตำบลเหมืองง่า ตำบลในเมือง ตำบลต้นธง และตำบลบ้านแป้น อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 29770 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๓ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ถึงกิโลเมตรที่ ๑๘.๘๕๐ ในท้องที่ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และทางน้ำชลประทานคลองซอย ๒๖ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลลำไทร ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงกิโลเมตรที่ ๑๓.๕๐๐ ตำบลวังน้อย ตำบลตาเสา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 29771 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 18 แผนงาน IMT-GT | นร11 | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๑๘ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ณ รัฐเนกรีเซมบิลัน ประเทศมาเลเซีย ๑.๒ เห็นชอบในการมอบหมายหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๑๘ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดประชุมและกำกับติดตามการดำเนินการและบูรณาการด้านการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งติดตามการประสานงานระหว่างหน่วยงานส่วนกลาง ๑๔ จังหวัดภาคใต้ และสภาธุรกิจ IMT-GT (ประเทศไทย) เพื่อให้มีความก้าวหน้าและสามารถรายงานผลต่อที่ประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๗ แผนงาน IMT-GT ในเดือนเมษายน ๒๕๕๖ ณ ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยหารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินภารกิจของผู้ว่าราชการจังหวัด ๑๔ จังหวัดภาคใต้ ในการเข้าร่วมกิจกรรมในกรอบการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด และการเข้าร่วมการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในกรอบแผนงาน IMT-GT รวมทั้งภารกิจในการจัดตั้งสำนักงานฝ่ายเลขานุการของกรอบมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางที่ได้รับมอบจากการประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑ ๑.๔ เห็นชอบในการมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประสานขอรับการสนับสนุนทางวิชาการจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจสำหรับอาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ในการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับโครงการภายใต้กรอบแผนงาน IMT-GT รวมทั้งการร่วมมือกับศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT ในการแสวงหาความร่วมมือกับหุ้นส่วนการพัฒนาในปัจจุบัน ได้แก่ รัฐบาลญี่ปุ่น และหุ้นส่วนการพัฒนาที่มีศักยภาพในภูมิภาคเอเชียใต้และแปซิฟิก ๒. สำหรับงบประมาณสนับสนุนการดำเนินภารกิจของผู้ว่าราชการจังหวัด ๑๔ จังหวัดภาคใต้ ในการเข้าร่วมกิจกรรมในกรอบการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด และการเข้าร่วมการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในกรอบแผนงาน IMT-GT รวมทั้งภารกิจในการจัดตั้งสำนักงานฝ่ายเลขานุการของกรอบมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจียดจ่ายหรือปรับแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ส่วนภารกิจที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
| 29772 | ขอความเห็นชอบในการรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี ในการประชุม 19th World Congress on Intelligent Transport Systems ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย | คค | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีในการประชุม 19th World Congress on Intelligent Transport Systems ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. จะให้การสนับสนุนเพื่อให้คำมั่นทางการเมืองที่มากขึ้น ในการนำเอาเทคโนโลยีและบริการด้านระบบขนส่งอัจฉริยะที่เหมาะสมมาบูรณาการเข้ากับนโยบายด้านการขนส่งระดับชาติ ๒. ขอให้ชุมชนระบบขนส่งอัจฉริยะระดับโลก ระบุความท้าทายใหม่ ๆ โอกาสและเรื่องราวความสำเร็จ เพื่อสนับสนุนให้นำเอาระบบขนส่งอัจฉริยะไปใช้ในระดับโลก ๓. ในการประชุมระดับรัฐมนตรีในงาน ITS World Congress ครั้งต่อ ๆ ไป ขอให้มีการหารือถึงความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือ และระบุประเด็นปัญหาสำคัญเพื่อบรรจุเป็นวาระระดับนานาชาติ และเชิญองค์กรระดับชาติที่เกี่ยวข้องและองค์กรทางกฎหมายเพื่อลงมือปฏิบัติ |
||||||||||||||||||
| 29773 | การปรับปรุงค่าตอบแทนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา) | ศธ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุตามคุณวุฒิการศึกษาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ๒. เห็นชอบการปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุใหม่ โดยให้มีผลใช้บังคับพร้อมกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุด้วย ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ๓. เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รับรอง เพื่อการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา |
||||||||||||||||||
| 29774 | ขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จากแผนงานการจัดการหนี้ภาครัฐ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เป็นแผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเงินอุดหนุนเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จำนวน ๒,๘๓๐.๔๘๖๔ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และให้ ขสมก. เร่งรัดคณะผู้ตรวจประเมินดำเนินการตรวจสอบค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการฯ ส่วนที่เหลือ คือ ตั้งแต่ช่วงวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณในการขอรับเงินงบประมาณสนับสนุนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
||||||||||||||||||
| 29775 | ขออนุมัติการลงนามในแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ของการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย - เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat) ครั้งที่ 2 | กต | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดย
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วม (Joint Statement) ของการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat) ครั้งที่ ๒ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ แสดงความยินดีกับพัฒนาการความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในทุกสาขา ๑.๒ นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายยินดีกับผลการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม และเห็นชอบสนับสนุนความร่วมมือใน ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและวัฒนธรรม ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศของแต่ละประเทศเป็นผู้ประสานงานหลักในการยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียนให้สำเร็จในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ย้ำว่าจะทำงานร่วมกันกับประเทศอาเซียนอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และย้ำความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับประเทศต่าง ๆ ที่แม่น้ำโขงไหลผ่านเพื่อรักษาการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ๑.๕ ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการในทะเลจีนใต้ พร้อมทั้งเน้นย้ำความสำคัญของสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเลในทะเลจีนใต้ และร่วมกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีบนพื้นฐานของการปฏิบัติตามกฎหมาย และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. ๑๙๘๒ (UNCLOS) รวมถึงการนำปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea-DOC) แถลงการณ์รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเรื่องหลักการพื้นฐาน ๖ ข้อของอาเซียนว่าด้วยทะเลจีนใต้ (ASEAN’s Six-Point Principles on the South China Sea) และการหารือเพื่อให้มีการรับรองแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea-COC) ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๓. หากมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||
| 29776 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นายจำนง แก้วชะฎา) | ทก | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจำนง แก้วชะฎา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 29777 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 | อก | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอาทิตย์ วุฒิคะโร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรมในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ แทนนายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
| 29778 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการสนับสนุนการวิจัยชุดใหม่ (จำนวน 10 คน 1. ศาสตราจารย์ปรัชญา เวสารัชช์ ฯลฯ) | นร62 | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการสนับสนุนการวิจัยชุดใหม่ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จำนวน ๑๐ คน แทนชุดเดิมที่ครบกำหนดสามปีตามวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางนลินี ทวีสิน) เสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ปรัชญา เวสารัชช์ ประธานกรรมการ ๒. นายสุธรรม วาณิชเสนี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓. นายประจักษ์ พุ่มวิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔. นายวิชัย โชควิวัฒน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายศิริพงศ์ หังสพฤกษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖. ศาสตราจารย์สุทัศน์ ยกส้าน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๗. นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ๘. ศาสตราจารย์จรรจา สุวรรณทัต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ๙. ศาสตราจารย์ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมนุษย์ศาสตร์ ๑๐. นายบุญชู ปโกฏิประภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
||||||||||||||||||
| 29779 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า (จำนวน 12 คน 1. นายสมยศ เชื้อไทย ฯลฯ) | พณ | 22/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า จำนวน ๑๒ คน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสมยศ เชื้อไทย ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒. พลตำรวจตรี รัฐวิทย์ แสนทวีสุข ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๓. นายจักกพงศ์ ณ บางช้าง ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๔. นายปอ อนาวิล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๕. นายบุญมา เตชะวณิช ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๖. นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๗. นายศุทธา ปริยวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๘. นายเจษฎา ธรรมวณิช ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๙. นายสมศักดิ์ พณิชยกุล ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑๐. นางภาณุมาศ สิทธิเวคิน ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑๑. นายวรารักษ์ ชั้นสามารถ ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑๒. นางสาวอรพรรณ พนัสพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ
|
||||||||||||||||||
| 29780 | ร่างกฎกระทรวงซึ่งออกตามความพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 | ศธ | 15/10/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรวมสถานที่ศึกษาอาชีวศึกษาเพื่อจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้รวมสถานศึกษาอาชีวศึกษาจัดตั้งเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร ดังนี้ ๑.๑ สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคเหนือ ประกอบด้วยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภาคเหนือ รวม ๙ แห่ง ๑.๒ สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม ๑๐ แห่ง ๑.๓ สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคกลาง ประกอบด้วยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภาคกลาง รวม ๑๐ แห่ง ๑.๔ สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคใต้ ประกอบด้วยวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีและวิทยาลัยประมงในภาคใต้ รวม ๑๒ แห่ง ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรโดยการรวมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภูมิภาคเดียวกันขึ้นเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตร ควรคำนึงถึงความซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานที่มีลักษณะเดียวกัน และเมื่อมีการจัดตั้งเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรแล้ว ให้ดำเนินการเปิดรับนักศึกษาและจัดการเรียนการสอนเฉพาะด้านการเกษตร เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสถาบัน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์หรือข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและมีกรอบเวลาที่ชัดเจนทั้งในเรื่องการสรรหาคณะกรรมการสภาสถาบัน ผู้บริหารสถาบัน คณาจารย์ประจำซึ่งสอนชั้นปริญญาในสถาบัน และมาตรฐานหลักสูตรที่เป็นฐานสมรรถนะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
.....
