ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ผลการทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของอาเซียนและของไทย (AEC Blueprint Mid-Term Review) | พณ | 02/11/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของอาเซียนและไทย (AEC Blueprint Mid-Term Review) ของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (Economic Research Institute for ASEAN and East Asia : ERIA) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการ และเตรียมพร้อมสำหรับการดำเนินการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานะการดำเนินการ ในส่วนของอาเซียนมีความคืบหน้ามากในด้านการลดภาษีศุลกากร แต่การดำเนินการหลายเรื่องยังช้ากว่ากำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่สำคัญ ได้แก่ มาตรฐานและความสอดคล้อง (Standard and Conformity) มาตรการที่มิใช่ภาษีที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า การเปิดเสรีการค้าบริการ การเคลื่อนย้ายเงินทุน การเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมือ ความร่วมมือด้านพลังงาน การอำนวยความสะดวกทางการค้า สำหรับสถานะการดำเนินการของไทยมีความคืบหน้ามากในเรื่องการเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น การลด/ยกเลิกภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี และการลดจำนวนวันที่ใช้ในกระบวนการส่งออกและนำเข้าสินค้า การมีกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า และการอำนวยความสะดวกต่อการลงทุน โดยมีประเด็นที่ ERIA เสนอแนะให้ไทยพิจารณาปรับปรุง ได้แก่ การเร่งพัฒนาภาคธุรกิจบริการซึ่งปัจจุบันไทยยังไม่เปิดเสรีเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนด การปรับปรุงนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคเอกชน ความล่าช้าในการให้สัตยาบันความตกลงยอมรับร่วมด้านมาตรฐานและความสอดคล้อง รวมทั้งข้อตกลงยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน การพัฒนา SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเงินทุนสำหรับ SMEs และนโยบายการแข่งขัน ยังขาดแนวทาง/วิธีการบังคับใช้กฎหมายที่ชัดเจน ๑.๒ ผลการดำเนินการตามมาตรการภายใต้แผนพิมพ์เขียวในการไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) ต่อเศรษฐกิจของสมาชิกอาเซียน ในส่วนของอาเซียน พบว่าการดำเนินการตาม AEC Blueprint ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศสมาชิก โดยกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วยกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม จะได้ประโยชน์ในระดับสูงกว่าประเทศสมาชิกดั้งเดิม (ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) และยังเห็นว่าการเปิดเสรีในกรอบ ASEAN+1 FTA ส่งผลดีต่ออาเซียนมากกว่าการจัดตั้ง AEC เพียงอย่างเดียว โดยอาเซียนจะได้ประโยชน์มากขึ้นหากมีการเปิดเสรีกับคู่เจรจาในกรอบอาเซียน+๓ (๑๓ ประเทศ) หรืออาเซียน+๖ (๑๖ ประเทศ) และอาเซียนจะได้รับประโยชน์มากขึ้นหากมีการเปิดเสรีด้านการค้าบริการ และมีมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าและโลจิสติกส์ควบคู่ไปด้วย สำหรับไทยจะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจาก AEC ในด้านการขยายตัวของ GDP มากเป็นอันดับ ๓ รองจากอินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ส่วนการเปิดเสรีด้านการค้าบริการ ไทยได้รับประโยชน์เป็นอันดับ ๒ ในอาเซียน รองจากเวียดนาม และในการเปิดเสรีของอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาคในรูปแบบอาเซียน+๓ หรืออาเซียน+๖ ไทยจะได้รับประโยชน์มากเป็นอันดับ ๓ ในอาเซียน รองจากเวียดนามและกัมพูชา ๑.๓ ERIA ได้เสนอมาตรการที่ควรได้รับความสำคัญลำดับต้น (Priorities) จากปัจจุบันถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ การลด/ยกเลิกภาษีศุลกากร การแก้ไขปัญหา/อุปสรรคจากการใช้มาตรการที่มิใช่ภาษี การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน การเปิดเสรีการค้าบริการ การเปิดเสรีการลงทุน การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง การดำเนินการเพื่อลดช่องว่างของระดับการพัฒนาระหว่างประเทศสมาชิก (ตามแผนงาน Initiative for ASEAN Integration) การพัฒนาและส่งเสริม SMEs การเจรจาจัดทำความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) รวมทั้งมาตรการที่ควรได้รับความสำคัญในช่วงภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้แก่ มาตรฐานและความสอดคล้อง การรวมกลุ่มด้านการเงิน การจัดทำ MRAs วิชาชีพสาขาต่างๆ ICT พลังงาน ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขันและการคุ้มครองผู้บริโภค ความร่วมมือด้านการเกษตร และเรื่องอื่น ๆ เช่น เรื่องการทำความตกลงหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีซ้อน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร มาตรการต่าง ๆ ทั้งที่มีผลบังคับใช้แล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการให้กับทุกภาคส่วนเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากความตกลงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมภายในประเทศทั้งในด้านพัฒนาคน องค์ความรู้ กฎ และระเบียบ เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. รวบรวมข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ในภาพรวมทั้งหมด เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปบูรณาการประกอบการจัดทำแผนปฏิบัติการการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป |
.....