ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1442 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28821 - 28840 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28821 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (นายณพงศ์ ศิริขันตยกุล) | กก | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายณพงศ์ ศิริขันตยกุล รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย แทนนางจินดา สังข์ศรีอินทร์ ที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28822 | การเปิดเสรีการทำป่าไม้จากป่าปลูกภายใต้ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน | นร | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมติคณะทำงานศึกษาและกำหนดท่าทีในการเจรจาการเปิดเสรีการทำป่าไม้จากป่าปลูกภายใต้ความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement : ACIA) ในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) เสนอ โดยคณะทำงานฯ มีมติให้ประเทศไทยเลื่อนเวลาการเจรจาออกไปก่อน โดยมีเหตุผลประกอบ ดังนี้ ๑.๑ รัฐบาลได้ดำเนินการฟื้นฟูและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยโดยวิธีการต่าง ๆ และหนึ่งในกิจกรรมนั้นคือ การปลูกป่าและฟื้นฟูป่าพื้นที่ต้นน้ำและพื้นที่ของเอกชนโดยให้มีการบูรณาการ ให้คนไทยและองค์กรต่าง ๆ ในประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกป่า ซึ่งได้มีการจัดสรรงบประมาณในการปลูกป่าแล้วประมาณ ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท จึงเห็นควรชะลอการพิจารณาบุคคลต่างด้าวมาทำการปลูกป่าไว้ก่อนจนกว่าแผนงานและโครงการที่สำคัญนี้จะได้เริ่มต้นอย่างมั่นคงแล้ว ๑.๒ รัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการในเรื่องการส่งเสริมปลูกไม้เศรษฐกิจและการฟื้นฟูป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม โดยเห็นความสำคัญและประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและเรื่องการดูดซับน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ ซึ่งในทางปฏิบัติหน่วยงานกรมป่าไม้ได้มีการส่งเสริมการปลูกอยู่แล้วทั้งในที่ดินกรรมสิทธิ์และการขออนุญาตปลูกป่าที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม แต่การดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตามในการส่งเสริมการปลูกป่านั้นจำเป็นจะต้องให้ประชาชนคนไทยได้รับสิทธิดังกล่าวก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาให้ต่างชาติมาลงทุน ๑.๓ กรณีที่ประเทศไทยต้องชะลอการเปิดเสรีการทำป่าไม้จากป่าปลูกภายใต้ความตกลงฯ ที่จะครบกำหนด ๑๒ เดือน ในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งภายหลังครบกำหนดหากประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดประเทศสมาชิกอาเซียน อาจร้องขอให้มีการเจรจาเพื่อปรับค่าชดเชยในสาขาอื่นทดแทน ซึ่งการเจรจาตกลงฯ จะต้องมีการจัดทำกรอบการเจรจาและขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ ประเทศไทยสามารถกำหนดแนวทางในการเจรจาต่อรอง โดยอาจพิจารณาการอนุญาตให้มีการปลูกไม้ชนิดอื่นที่นอกเหนือจากไม้สัก และไม้ยาง เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามมติคณะทำงานฯ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28823 | โครงการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย | อื่นๆ | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เสนอและอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๖๙,๘๐๗,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบโครงการและงบประมาณของหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย เช่น กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หากมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับโครงการจัดเวทีประชาเสวนา หาทางออกประเทศไทย ก็ให้นำมาบูรณาการร่วมกับโครงการนี้ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และประหยัดงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีประเด็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงมหาดไทยหารือรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28824 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระต่อไป รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๓ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๒๔ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28825 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ. .... | นร | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระต่อไป ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28826 | มาตรการรองรับภาวะวิกฤติด้านพลังงานไฟฟ้า | นร | 19/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานว่า ตามที่กระทรวงพลังงานได้กำหนดมาตรการและแนวทางการลดการใช้พลังงานสำหรับภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั้น ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐได้ให้ความร่วมมือในการลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเป็นอย่างดี และเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ กระทรวงพลังงานได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “ซ้อมแผนรองรับสภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานของประเทศ ประจำปี ๒๕๕๖” ในการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์วิกฤติพลังงานภายใต้รูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ทราบว่าแต่ละหน่วยงานมีการแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมถึงเป็นการทดสอบโครงสร้างบริหารวิกฤติพลังงานของภาครัฐทำให้ทราบถึงจุดแข็งและจุดอ่อน ซึ่งปรากฏว่าจะมีปริมาณสำรองไฟฟ้าคงเหลือปัจจุบันอยู่ที่ ๑,๕๒๗.๘ เมกะวัตต์ เพียงพอต่อการที่แหล่งก๊าซในเมียนมาร์จะหยุดจ่ายก๊าซให้ไทย ระหว่างวันที่ ๕-๑๔ เมษายน ๒๕๕๖ นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแจ้งว่าจะสามารถหยุดการผลิตในภาคอุตสาหกรรมได้บางส่วน ทำให้สามารถสำรองไฟได้เพิ่มขึ้นอีก ๑๐๐ เมกะวัตต์ จึงไม่น่ากังวลว่าจะเกิดไฟฟ้าตกหรือดับในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้มีการสำรองน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาไว้ให้เพียงพอล่วงหน้าไปอีก ๗ วัน หากแหล่งก๊าซพม่าไม่สามารถจ่ายก๊าซได้ทันตามกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28827 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2554/2555 | อก | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๔/๒๕๕๕ เฉลี่ยทั่วประเทศในอัตราตันอ้อยละ ๑,๐๗๔.๕๔ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๔๗ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายเท่ากับ ๔๖๐.๕๒ บาทต่อตันอ้อย ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญและเตรียมแผนรองรับกับปัจจัยเสี่ยงด้านต่างประเทศของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งหาแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตอ้อยของเกษตรกรเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และควรเร่งนำผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มาประกอบการพิจารณาทบทวนโครงสร้างการคำนวณต้นทุนการผลิตอ้อย เพื่อให้กำหนดราคาอ้อยและน้ำตาลทรายสะท้อนต้นทุนจริงและสอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ (เรื่อง การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๕๕/๒๕๕๖) รวมทั้งให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางในการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการนำอ้อยและผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล เช่น โมลาส หรือกากน้ำตาล ไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการนำผลการศึกษาวิจัยแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทย ซึ่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้ดำเนินการศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายและการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย) มาพิจารณาประกอบการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยให้เชิญรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28828 | รัฐบาลสาธารณรัฐเปรูเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเฟลิกซ์ ริการ์โด อาเมริโก อันโตนิโอ เดเนกรี โบซา (Mr. Felix Ricardo Americo Antonio Denegri Boza)] | กต | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเฟลิกซ์ ริการ์โด อาเมริโก อันโตนิโอ เดเนกรี โบซา (Mr. Felix Ricardo Americo Antonio Denegri Boza) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเปรูประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคอร์เค กัสตาเญดา เมนเดซ (Mr. Jorge Castaneda Mendez) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28829 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน | นร12 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อศึกษาทบทวนความเหมาะสมของค่าตอบแทนของผู้บริหารและบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมทั้งหมด ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธาน คนที่ ๑ และคนที่ ๒ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ผู้แทนจากหน่วยงานกลาง เป็นกรรมการ โดยมีเลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ศึกษาและวิเคราะห์เปรียบเทียบเกี่ยวกับอัตราค่าตอบแทนของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม เพื่อให้อัตราค่าตอบแทนมีความเสมอภาค เป็นธรรมและเหมาะสม ไม่เหลื่อมล้ำ เทียบเท่ามาตรฐานการครองชีพ และให้สอดคล้องกับระบบการบริหารงานภาครัฐสมัยใหม่ จัดทำข้อเสนอการปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนขั้นสูงและขั้นต่ำของผู้บริหารและบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมที่เป็นมาตรฐานกลางหรือบัญชีกลางต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์อัตราค่าตอบแทนของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมทั้งระบบในเชิงเปรียบเทียบกับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและภาคเอกชน และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะทุกสิ้นปีงบประมาณหรือระยะเวลาอื่นตามที่เห็นสมควร โดยให้เพิ่มเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นกรรมการด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้อำนวยการองค์การมหาชน ไปประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการดังกล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28830 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... | คค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างทางหลวงชนบทตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับบนทางหลวงชนบท ฉช. ๔๐๒๙ บริเวณจุดตัดทางรถไฟ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28831 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2556 ครั้งที่ 1 | กค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ตามที่กระทวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ จากเดิม ๑,๙๒๐,๑๓๓.๑๕ ล้านบาท เป็น ๑,๙๔๘,๒๑๑.๘๒ ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินเพื่อบริหารโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ๒. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๖,๑๘๑.๗๑ ล้านบาท จากเดิม ๑๒๗,๘๘๕.๒๑ ล้านบาท เป็น ๑๒๑,๗๐๓.๕๐ ล้านบาท ๓. อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่และการปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ๔. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28832 | มาตรการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด | กษ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสถานการณ์ แนวทาง และมาตรการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าเป็นภารกิจและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ในการกำกับดูแลและพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ทั้งระบบ รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ สำหรับแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด มีดังนี้ ๑.๑ ด้านปริมาณ เพื่อลดผลผลิตไข่ไก่ส่วนเกิน ขอสนับสนุนเงินจ่ายขาดจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชดเชยและจูงใจให้แก่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ โดย ๑.๑.๑ ปลดไก่ไข่ให้เร็วขึ้นที่อายุไม่เกิน ๖๕ สัปดาห์ มีเงื่อนไขต้องไม่นำไก่ไข่เข้าเลี้ยงภายใน ๓ เดือน หลังจากปลดไก่ไข่ เป้าหมายดำเนินการ ๒.๕๘ ล้านตัว ภายใน ๓ เดือน โดยจ่ายเงินชดเชยตัวละ ๑๐ บาท เป็นเงิน ๒๕.๘๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ รวบรวมไข่ไก่ออกจากระบบ เป้าหมายจำนวน ๑๙๕ ล้านฟอง ภายใน ๖ เดือน โดยจ่ายเงินชดเชยการดำเนินงานฟองละ ๕๐ สตางค์ เป็นเงิน ๙๘ ล้านบาท ๑.๑.๓ รณรงค์การบริโภคไข่ไก่ โดยกลุ่มสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและผู้ส่งออกไข่ไก่ ดำเนินการในพื้นที่แหล่งผลิตที่สำคัญเป็นเงิน ๘ ล้านบาท ๑.๒ ด้านนโยบาย เพื่อบริหารจัดการระบบการผลิตไข่ไก่ให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภค โดยคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์บริหารจัดการไก่ไข่พันธุ์ให้มีปริมาณที่เหมาะสม สำหรับการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ ให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการ และให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพประชาสัมพันธ์คุณประโยชน์ของไข่ไก่ให้เกิดผลในวงกว้าง ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานด้านการวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการและส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากไข่ไก่เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการและความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณประโยชน์และการบริโภคไข่ไก่ในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกเพศวัยให้ถูกต้องตรงกันและเกิดผลในวงกว้างต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28833 | การป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและรางวัลของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง | ปช | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนและรางวัลของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ความมั่นคง การพัฒนาสังคม และแรงงาน) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายกระบวนการยุติธรรม กฎหมาย ความมั่นคง การพัฒนาสังคม และแรงงาน) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการระยะยาว ๑.๑.๑ การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ โดยการปรับลดเงินสินบนและรางวัลตามมาตรา ๑๐๒ ตรี ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. ไปเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่วมกับร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อไป ส่วนการลดอายุความการเรียกอากรที่ขาดตามมาตรา ๑๐ จากอายุความ ๑๐ ปี เหลือ ๓ ปี ให้คงอายุความดังกล่าวไว้ ๑๐ ปี ตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ๑.๑.๒ การปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบเพื่อคุ้มครองช่วยเหลือข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและถูกฟ้องเป็นคดีหลังเกษียณอายุราชการ โดยมีสำนักงานอัยการสูงสุดให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีจนกว่าจะถึงที่สุด ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาดำเนินการ ๑.๒ มาตรการระยะสั้น ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ประเด็นการปรับลดเงินสินบนและรางวัลตามมาตรา ๑๐๒ ตรี แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ๑๒) พุทธศักราช ๒๔๗๙ นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งมีบทบัญญัติให้มีการทบทวนการปรับลดเงินรางวัลสินบนจากเงินค่าขายของกลางลง โดยขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. ประเด็นอายุความที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมให้ลดอายุความจาก ๑๐ ปี นับแต่วันที่นำของเข้าหรือส่งของออก เป็น ๓ ปี นั้น มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของรัฐแล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28834 | ขออนุมัติวงเงินค่าเบี้ยประกันวินาศภัยสต็อกยางโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าประกันวินาศภัยสต็อกยางที่จัดเก็บตามโกดังต่าง ๆ ในส่วนที่จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อให้องค์การสวนยางสามารถดำเนินการรับซื้อยางตามแผนการดำเนินการในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ และนำมาแปรรูปเก็บสต็อกเพื่อรอการระบายในช่วงเวลาที่เหมาะสมโดยไม่เกิดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการดูแลสต็อกยาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้องค์การสวนยางขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันวินาศภัยที่เกิดขึ้นจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (องค์การสวนยาง) รับความเห็นของประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามระเบียบ และควรเร่งพิจารณาความเหมาะสมในการระบายสต็อกยางที่มีอยู่ให้มากที่สุดหรือหมดโดยเร็วภายในระยะเวลาของการประกันวินาศภัย โดยคำนึงถึงปัจจัยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28835 | รายงานผลการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี 2556 ไตรมาส 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2555) | นร11 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ไตรมาส ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๕) ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓๖ แห่ง (ใช้รอบปีบัญชีงบประมาณ) ปรากฏว่า รัฐวิสาหกิจในภาพรวมสามารถเบิกจ่ายลงทุนสะสมถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ได้จำนวน ๑๓,๗๑๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๓.๒ ของเป้าหมาย (จำนวน ๒๕,๗๗๒ ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เบิกจ่ายลงทุนได้ร้อยละ ๖๙.๐ สาเหตุสำคัญที่ทำให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนได้ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากปัญหาอุทกภัยปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ทำให้ต้องเลื่อนแผนการดำเนินงานและเบิกจ่ายลงทุนออกไป การปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน การชะลอการลงทุนบางส่วนเพื่อรอความชัดเจนด้านนโยบาย รวมทั้งปัญหาความล่าช้าในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายใน และความล่าช้าจากขั้นตอนการกู้เงินโดยเฉพาะงานด้านเอกสาร โดยรัฐวิสาหกิจที่มีผลการเบิกจ่ายลงทุนในไตรมาสแรกต่ำกว่าเป้าหมาย จำนวน ๑๙ แห่ง ได้แก่ การรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การประปานครหลวง การท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การประปาส่วนภูมิภาค องค์การเภสัชกรรม องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัท ขนส่ง จำกัด โรงงานไพ่ กรมสรรพสามิต และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด ๒. เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ๒.๑ ให้รัฐวิสาหกิจจัดทำแผนหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาในกรณีที่การดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม โดยผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงเจ้าสังกัด และจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อประกอบการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการเบิกจ่ายลงทุนต่อคณะรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖) ๒.๒ ให้หน่วยงานในระดับกระทรวง คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ และผู้บริหารสูงสุดรัฐวิสาหกิจ กำหนดให้มีมาตรการในการกำกับ ดูแลให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการและเบิกจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28836 | ขอความเห็นชอบให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศและคลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียน (NTR/ATR) ของไทย | พณ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดทำคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศและคลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียน (National Trade Repository : NTR/ASEAN Trade Repository : ATR) ของไทย ๑.๒ ให้หน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการทางการค้า และกฎระเบียบทางการค้าต่าง ๆ ซึ่งจะนำมารวบรวมไว้ในคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศ (NTR) ของไทย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศ เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามมติของการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (ASEAN Senior Economic Officials Meeting : SEOM) โดยให้กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการพัฒนาและออกแบบระบบ ATR/NTR ในทางเทคนิค เพื่อให้สอดคล้องกับการให้บริการในระบบ National Single Window และ ASEAN Single Window รวมทั้งให้หน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นต้น ให้การสนับสนุนกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการทางการค้าและกฎระเบียบทางการค้าต่าง ๆ รวบรวมไว้ในคลังข้อมูลทางการค้าระดับประเทศ (NTR) ของไทย เพื่อช่วยในการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลให้กับผู้ประกอบการ เช่น ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนในการเข้าถึงคลังข้อมูลทางการค้าทั้งในระดับประเทศและระดับอาเซียนผ่านทางเว็บไซต์ และควรมีการติดตามและประเมินผลการใช้ประโยชน์จากคลังข้อมูลทางการค้าในระดับประเทศและระดับอาเซียน เพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดเก็บข้อมูลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28837 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางณัฏฐญา พัฒนะวาณิชนันท์) | สธ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางณัฏฐญา พัฒนะวาณิชนันท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ (ด้านกำลังคนสาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28838 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย : มาตรการที่ 3 มาตรการเสริมสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี | นร12 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายสังคม) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย : มาตรการที่ ๓ มาตรการเสริมสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายสังคม) เสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นไปตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานต่อไป สำหรับมติคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีดังนี้ ๑.๑ การจัดประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการขององค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เห็นควรให้เป็นดุลยพินิจของคณะรัฐมนตรี ๑.๒ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องรับผิดชอบในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในประเด็นที่เป็นปัญหาของสังคม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นอาจจัดตั้งกลไกพิเศษเป็นรายกรณี ๑.๓ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ อย่างจริงจัง ๑.๔ เห็นชอบข้อเสนอแนะสำนักงาน ก.พ.ร. ในการแก้ไขปัญหาการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานของรัฐ ๒. สำหรับแนวทางตามมาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย : มาตรการที่ ๓ มาตรการเสริมสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ คณะรัฐมนตรีได้มีการดำเนินการแล้วหลายประการ เช่น คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร การขอความเห็นหน่วยงานเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี) กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจรแล้ว เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมีระยะเวลาพิจารณาเรื่องในระเบียบวาระการประชุมล่วงหน้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีระยะเวลาในการนำเสนอข้อมูลและความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีได้อย่างครบถ้วน และทุกครั้งที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ครั้งแรก ได้มีการนำข้อมูลที่เกี่ยวกับกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งได้มีการจัดทำเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่มติคณะรัฐมนตรีให้ประชาชนสามารถตรวจดูได้ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28839 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม 2555) | กค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๖๙๙,๗๗๒.๒๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๑๖ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๔๐๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๙.๑๖ เป็นผลมาจากการเบิกจ่ายเงินของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๗๖,๙๐๗.๔๙ ล้านบาท และการเบิกจ่ายของหน่วยงานที่เบิกจ่ายเงินทั้งจำนวนแล้ว จำนวน ๓๓ หน่วยงาน จำนวนเงิน ๑๖,๐๖๑.๔๗ ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวน ๙๒,๙๖๘.๙๖ ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน ๖๔๑,๓๖๔.๕๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๒.๐๖ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๒,๐๐๐,๕๘๓.๘๖ ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๘,๔๑๔.๗๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๔.๖๓ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๓๙๙,๔๑๖.๑๔ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๔.๖๓ ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙๖,๗๙๘.๓๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๘๖,๑๓๓.๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๐๒ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีรายการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ งบกลาง : รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗,๔๙๐.๓๐ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ มีการเบิกจ่ายรวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๐๗,๒๔๘.๙๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๓๗ ของวงเงินที่จัดสรร ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๑๔๒.๖๖ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๓๔๑,๕๓๐.๒๑ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๓๒๑,๓๒๗.๖๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๐๘ ของวงเงินที่จัดสรร ๔. เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๕๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๗๘๒.๒๓ ล้านบาท และตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ จัดสรรแล้วจำนวนทั้งสิ้น ๒๒,๖๓๘.๑๗ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน ๔,๕๔๕.๑๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๐.๐๘ ของวงเงินที่จัดสรร
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28840 | ผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณ 2555 นโยบายของคณะกรรมการและโครงการและแผนงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยในอนาคต | คค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ นโยบายของคณะกรรมการและโครงการและแผนงานของ รฟม. ในอนาคต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการดำเนินงานของ รฟม. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการเงิน ด้านการพัฒนาองค์กรและทรัพยากรบุคคล และด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ได้แก่ ๑.๑.๑ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วเสร็จ การก่อสร้างงานโยธา สัญญาที่ ๑-๓ มีความก้าวหน้าร้อยละ ๕๐.๑๔ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๑.๑๔ งานคัดเลือกผู้รับจ้างงานระบบรางและงานระบบรถไฟฟ้า ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ดำเนินการคัดเลือกแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี และงานคัดเลือกผู้รับจ้างงานระบบรางและงานระบบรถไฟฟ้า ช่วงเตาปูน-บางซื่อ อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายงานเปรียบเทียบแนวทางการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน ๑.๑.๒ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินมีความก้าวหน้าร้อยละ ๙๖.๘๖ ล่าช้ากว่าแผนงานร้อยละ ๓.๑๔ การก่อสร้างงานโยธา สัญญาที่ ๑-๕ มีความก้าวหน้าร้อยละ ๒๓.๖๑ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๕.๓๔ งานระบบรถไฟฟ้า อยู่ระหว่างการนำเสนอผลการศึกษาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของรูปแบบการเดินรถ ๑.๑.๓ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากแบบรายละเอียดและเอกสารประกวดราคายังไม่แล้วเสร็จ เป็นผลมาจากกรุงเทพมหานครไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่สำนักงานเขตบางเขน ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนแนวเส้นทางและสถานีบริเวณดังกล่าว รวมทั้งต้องเสนอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอีกครั้ง ๑.๑.๔ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินมีความก้าวหน้าร้อยละ ๙๓.๔๕ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๖.๕๕ การก่อสร้างงานโยธาสัญญาที่ ๑ มีความก้าวหน้าร้อยละ ๑.๗๓ ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ ๐.๐๘ และอยู่ระหว่างการประกวดราคางานสัญญาที่ ๒ (งานระบบราง) ๑.๑.๕ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ดำเนินการศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ปรับปรุงแบบและจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาแล้วเสร็จ โดยมีประชาชนบางส่วนในเขตมีนบุรีคัดค้านแนวเส้นทางเดิมตามแผนแม่บทของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยเสนอให้ รฟม. ปรับแนวเส้นทางและตำแหน่งศูนย์ซ่อมบำรุงบริเวณมีนบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่าง รฟม. ศึกษารายละเอียดและวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของการปรับแบบแนวเส้นทาง ๑.๑.๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี อยู่ระหว่างการศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ปรับปรุงแบบ จัดเตรียมเอกสารประกวดราคา และดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แล้วเสร็จ ๑.๑.๗ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ดำเนินการคัดเลือกที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ปรับปรุงแบบ จัดเตรียมเอกสารประกวดราคา และดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แล้วเสร็จ ๑.๑.๘ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ดำเนินการคัดเลือกที่ปรึกษาเพื่อศึกษาทบทวนรายละเอียดความเหมาะสม ปรับปรุงแบบ จัดเตรียมเอกสารประกวดราคา และดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างสำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน ๑.๒ นโยบายของคณะกรรมการ รฟม. ได้แก่ การเร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายและเปิดบริการได้ตามแผน การให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนด้วยความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ตรงเวลา โดยคำนึงถึงความพึงพอใจของผู้ใช้บริการแต่ละกลุ่ม การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานและนำข้อคิดเห็นของประชาชนมาพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานขององค์กร การดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล มีการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงให้ความสำคัญต่อการป้องกันและลดผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานขององค์กร การบริหารสินทรัพย์ ดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง และให้บริการเสริมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรายได้และลดภาระการสนับสนุนจากภาครัฐ การบริหารจัดการทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในด้านการบริหารเงินสด การบริหารจัดการหนี้ และการบริหารความเสี่ยง การสื่อสารในเชิงรุกในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน การดำเนินงานขององค์กร และให้การสนับสนุนองค์กร การพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการภายใน และระบบสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร และการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีจากผู้รับเหมาและที่ปรึกษาอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการพัฒนาและปรับปรุงระบบแรงจูงใจทั้งในรูปตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินเพื่อสร้างความเป็นธรรมและสร้างขวัญกำลังใจแก่พนักงาน ๑.๓ โครงการและแผนงานของ รฟม. ในอนาคต มีโครงการสำคัญที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ด้านการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ด้านการเงิน และด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล จำนวน ๒๔ โครงการ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายของโครงการและแนวทางการดำเนินงานให้ชัดเจนในแต่ละนโยบาย การกำหนดตัวชี้วัดเพื่อใช้ในการประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเร่งดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศสกุลเงินเยนของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ การเร่งจัดทำแผนธุรกิจเพื่อรองรับการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนส่วนต่อขยายและสายใหม่ของ รฟม. การประสานสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเพื่อกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงทางการเงินที่เหมาะสมและสอดคล้องกับขอบเขตภารกิจหน้าที่ของ รฟม. การให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างอัตราบุคลากรให้สอดคล้องกับบทบาทขององค์กรในการกำกับดูแลการให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โดยมีการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งในด้านบุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวกให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการประสานความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและเอกชนผู้รับสัมปทานในการพัฒนาบุคลากรการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการลงทุนระบบไฟฟ้าและอาณัติสัญญาณของบุคลากร และการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่บุคลากรของ รฟม. อย่างเป็นระบบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
