ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1443 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28841 - 28860 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28841 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเต เพื่อเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงปิโตรเลียมและแร่ธาตุ สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ - เลสเต ว่าด้วยการพัฒนาด้านพลังงาน | พน | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ ๓๑ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เพื่อเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรแร่ธาตุ สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ว่าด้วยการพัฒนาด้านพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรแร่ธาตุ สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ว่าด้วยการพัฒนาด้านพลังงาน จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โดยผู้เข้าร่วมในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ฝ่ายไทย ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะผู้บริหารจากกระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) บริษัท พีทีที อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PTTI) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (PTTGC) และสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญ อาทิ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัทน้ำมันแห่งชาติของคู่ภาคี และกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่ประสานงานและดำเนินการตามกิจกรรม แผนงาน และโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมนั้นแต่ละฝ่ายจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยกระทรวงพลังงานจะได้เรียนเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าหารือเพื่อดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานต่อไป ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลง ๒ ฉบับ คือ ข้อตกลงความร่วมมือ [Joint Cooperation Agreement (JCA)] และข้อตกลงการค้าร่วม [Joint Trading Agreement (JTA)] ระหว่างกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ TIMOR GAP E.P. ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต เพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงแยกคอนเดนเสทในเมืองเบทาโน จากแหล่ง Bayu-Undan รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรของ TIMOR GAP และการซื้อ-ขายคอนเดนเสทระหว่างกัน ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรี และผู้ประสานงานกิจการสังคม สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นด้านพลังงานต่าง ๆ เช่น ปริมาณการบริโภคพลังงานของประเทศติมอร์-เลสเต ซึ่งประเทศติมอร์-เลสเตยังต้องพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านก๊าซธรรมชาติและน้ำมันอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างโรงกลั่นน้ำมัน และการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรแร่ธาตุ สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ว่าด้วยการพัฒนาด้านพลังงาน จะก่อให้เกิดความร่วมมือในการลงทุน ศึกษาวิจัย และพัฒนาด้านพลังงานอันจะนำไปสู่การเพิ่มพูนความมั่นคงทางพลังงานของทั้งสองประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28842 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการรับมือเศรษฐกิจไทยจากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป" | สสป | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการรับมือเศรษฐกิจไทยจากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมสรรพากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดูแลสภาพคล่องและสนับสนุนการประกันส่งออก ให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ๒. ดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน และร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ ๓.๐ หรือต่ำกว่านี้ไปจนถึงสิ้นปี รวมทั้งสนับสนุนให้ใช้เงินสกุลต่างประเทศในการชำระค่าระวางเรือ (Freight Charge) ๓. ให้หน่วยงานราชการปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้า-ส่งออก ๔. ให้กรมสรรพากรพิจารณาในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีนำเข้าเพื่อการส่งออกให้รวดเร็ว ๕. ส่งเสริมการส่งออกกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้มีระบบสินเชื่อให้กับคู่ค้า รวมทั้งสนับสนุนและแก้ไขอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกให้สินค้าเข้า-ออกชายแดน ๖. ส่งเสริมการส่งออกทดแทนตลาดหลัก ๗. ส่งเสริมให้มีการจัดหาวัตถุดิบซึ่งขาดแคลนเพื่อผลิตและส่งออก (Global Sourcing) ๘. ให้มีการเจรจาขอสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GPS) กลับคืนมา ๙. เร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเข้มข้นในภาคอุตสาหกรรม และควรมีมาตรการเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบ ๑๐. ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจน ๑๑. กำหนดเป้าหมายการส่งออกให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28843 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมการทำเกษตรแบบมีสัญญาภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS) | กต | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมการทำเกษตรแบบมีสัญญาภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการของไทยในการนำเข้าสินค้าเกษตรเป้าหมายซึ่งประเทศไทยผลิตไม่เพียงพอและมีนโยบายส่งเสริมให้ไปปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ไทยมีความมั่นคงในเรื่องผลิตผลทางการเกษตรซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจะเป็นไปตามความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) ซึ่งไทยมีพันธกรณีไว้แล้วภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) โดยทั้งสองประเทศยังสามารถคงสิทธิในการใช้มาตรการภายใน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. การดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจนี้จะต้องถือปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนและหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง แผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน (contract farming) ภายใต้ ACMECS ประจำปี ๒๕๕๖] และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์การประกาศใช้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติและเกิดทัศนคติที่ไม่ดีของประเทศเพื่อนบ้านและผู้ประกอบการตามแนวชายแดนของไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28844 | ร่างแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเบลเยียม | กต | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเบลเยียม (Joint Plan of Action between the Kingdom of Thailand and the Kingdom of Belgium) ซึ่งเป็นเอกสารที่มีวัตถุประสงค์เพื่อวางกรอบแนวทางในการดำเนินความสัมพันธ์และผลักดันความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเบลเยียม ทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และระหว่างประเทศ ในประเด็นที่ตกลงกันสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ โดยจัดทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษเพื่อลงนาม ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วยความร่วมมือ ๓ ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและความเข้าใจร่วมกันระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ การสร้างเสริมความร่วมมือในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ และการพัฒนาความร่วมมือระดับทวิภาคีใน ๓ ด้าน ประกอบด้วย ด้านการบังคับใช้กฎหมายและการกงสุล ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมทั้งด้านการป้องกันประเทศและการทหาร ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ ในส่วนที่ ๒ Strengthening Cooperation on Regional and Global Issues ภายใต้หัวข้อ Joint Plan of Action ในข้อ c. ในบรรทัดที่ ๒ แก้ไขคำผิดจาก Ayewaddy Chao Phraya Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) เป็น Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy (ACMECS) และในร่างคำแปลอย่างไม่เป็นทางการชื่อภาษาไทยของ GMS ที่เป็นทางการ ได้แก่ แผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ นอกจากนี้ ความร่วมมือตามข้อ f ของ Part I ในส่วนที่เกี่ยวกับ the Belgian Council of State ซึ่งทำหน้าที่ทั้งในส่วนการพิจารณาพิพากษาคดีปกครองและการตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย จึงควรเพิ่มเติมสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไว้ด้วย เพื่อให้การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างภาคราชการตามแผนปฏิบัติการร่วมฯ ครอบคลุมทุกด้านอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ฝ่ายไทย ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28845 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการ ค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (วงเงิน 120,000 ล้านบาท) | นร07 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิ เป็นเงิน ๑๑๙,๕๑๒.๑๒๐๔ ล้านบาท ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๑๕,๔๕๐.๑๓๑๖ ล้านบาท ผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ณ วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๖ เป็นเงิน ๑๑๐,๒๒๘.๓๑๘๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๒๓ จากยอดจัดสรรสุทธิ ๒. ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๑๓ กระทรวง ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๖ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๕๗ จังหวัด ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๑๘ จังหวัด ๓. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สำนักงบประมาณจัดสรรแล้วสุทธิ ๑๑๙,๕๑๒.๑๒๐๔ ล้านบาท คงเหลือ ๔๘๗.๘๗๙๖ ล้านบาท ประกอบด้วย รายการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้วและยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๓๗๑.๔๖๙๖ ล้านบาท (รวมรายการที่ส่วนราชการฯ ยังมิได้ดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณเนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการขอขยายระยะเวลาขอรับการจัดสรรงบประมาณ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จำนวน ๓ โครงการ/รายการ วงเงิน ๒๔๒.๙๓๗๐ ล้านบาท) และวงเงินคงเหลือที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้ทันที จำนวน ๑๑๖.๔๑๐๐ ล้านบาท เมื่อรวมกับวงเงินงบประมาณที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการดึงเงินประจำงวดกลับจากส่วนราชการฯ ที่แจ้งส่งคืนอีก จำนวน ๑๘.๕๒๕๗ ล้านบาท วงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๓๔.๙๓๕๗ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28846 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ในช่วง 6 เดือนแรก (1 ตุลาคม 2554 - 31 มีนาคม 2555) | นร07 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๑๖๙ วรรคสาม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๔-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕) และแจ้งรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ เพื่อกำกับดูแลการโอนรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานในสังกัดต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในช่วง ๖ เดือนแรก (๑ ตุลาคม ๒๕๕๔-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕) การโอนงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นจำนวน ๑,๘๕๘.๔๓๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๗๘ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวนทั้งสิ้น ๒,๓๘๐,๐๐๐.๐๐๐ ล้านบาท ๒. การโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จำแนกเป็น ๒ กรณี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายโดยใช้อำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ (ระเบียบฯ ข้อ ๒๔-๒๖) จำนวน ๒๐๔.๐๗๙ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๐๙ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการที่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ (ระเบียบฯ ข้อ ๒๗) จำนวน ๑,๖๕๔.๓๕๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๖๙ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓. ลักษณะในการโอนงบประมาณรายจ่าย ๓.๑ เป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลหรือตามมติคณะรัฐมนตรี และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน หรือเป้าหมายการดำเนินงานของส่วนราชการ จำนวน ๑,๓๖๒,๘๙๗,๕๑๖ บาท ๓.๒ เป็นการโอนงบประมาณเพื่อชดใช้คืนรายการผูกพันที่ยืมจากปีที่ผ่านมา จำนวน ๔๒๓,๓๙๗,๙๐๐ บาท ๓.๓ เป็นการโอนงบประมาณระหว่างหน่วยงานตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน ๗๒,๐๘๖,๙๐๐ บาท ๓.๔ เป็นการโอนไปจ่ายเป็นค่าสาธารณูปโภค จำนวน ๕๐,๙๗๘ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28847 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ | นร11 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ประธานกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาพรวม ในระหว่างวันที่ ๔ กุมภาพันธ์-๑ มีนาคม ๒๕๕๖ มีผู้ประกอบการ SMEs แจ้งปัญหาและขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ภาครัฐและภาคเอกชนเปิดให้บริการ รวมทั้งสิ้น ๑๗๔ ราย โดยมีผู้ประกอบการ SMEs แจ้งความต้องการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ จำนวน ๒๒๖ เรื่อง จำแนกเป็น ความต้องการด้านสินเชื่อ ๙๘ เรื่อง ด้านแรงงาน ๖๕ เรื่อง ด้านต้นทุนการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต ๒๒ เรื่อง ด้านภาษี ๒๐ เรื่อง และด้านอื่น ๆ ๒๑ เรื่อง ๑.๒ ผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ รอบที่ ๑ (๔-๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖) คณะอนุกรรมการวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้พิจารณาปัญหาและความต้องการช่วยเหลือของผู้ประกอบการ SMEs จำนวน ๒๗ ราย ๓๘ ความต้องการ และมีมติให้หน่วยงานรับผิดชอบรับไปพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเป็นรายกรณี ได้แก่ กระทรวงแรงงาน ๑๑ เรื่อง กระทรวงการคลัง ๒ เรื่อง กระทรวงอุตสาหกรรม ๑ เรื่อง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ๕ เรื่อง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑ เรื่อง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ๑๗ เรื่อง และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ๑ เรื่อง พร้อมทั้งให้หน่วยงานดังกล่าวรายงานผลการดำเนินการให้คณะอนุกรรมการฯ ทราบทุก ๒ สัปดาห์ ๑.๓ ผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ รอบที่ ๒ (๘ กุมภาพันธ์-๑ มีนาคม ๒๕๕๖) ๑.๓.๑ มีผู้ประกอบการ SMEs แจ้งปัญหาและความต้องการช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านช่องทางต่าง ๆ จำนวน ๑๔๗ ราย ๑๘๘ ความต้องการ จำแนกออกเป็น ความต้องการด้านสินเชื่อ ๗๖ เรื่อง ด้านแรงงาน ๕๘ เรื่อง ด้านต้นทุนการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต ๒๐ เรื่อง ด้านภาษี ๑๖ เรื่อง และด้านอื่น ๆ ๑๘ เรื่อง ๑.๓.๒ คณะทำงานกลั่นกรองเรื่องที่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ภายใต้คณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐของผู้ประกอบการทั้ง ๑๘๘ เรื่องแล้ว และอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่จะประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ ในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้ง ๑๔๗ ราย ต่อไป ๒. ให้คณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมบูรณาการการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จในลักษณะ One Stop Service รวมทั้งให้การสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางการตลาดและการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้นและลดต้นทุนการขนส่งด้วย หลังจากนั้นให้ส่งมอบภารกิจของคณะกรรมการฯ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับผิดชอบดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28848 | ขอความเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงกาชาดไทย | อื่นๆ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทย ผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากบำรุงกาชาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มอบให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัด หรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งอำเภอ ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศล เสียภาษีในอัตราร้อยละ ๐.๕ แห่งยอดราคาสลาก ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ทั้งนี้ การเห็นชอบการเสียภาษีในอัตราดังกล่าวเฉพาะการออกสลากบำรุงกาชาดไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เท่านั้น โดยยังไม่รวมถึงปีต่อ ๆ ไป เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28849 | สมาคมสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติกับพวกรวม 3 คน ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวก รวม 4 คน ต่อศาลปกครองกลางขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ | อส | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ดำเนินการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ ๔๒๓/๒๕๕๑ และคดีหมายเลขแดงที่ ๒๗๕/๒๕๕๖ ระหว่างสมาคมสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติกับพวก รวม ๓ คน ผู้ฟ้องคดี กับคณะรัฐมนตรีกับพวก รวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ เกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่มีมติและประกาศดังกล่าว ส่วนคำขออื่นให้ยก ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้งข้อมูล พร้อมทั้งประเด็น เหตุผล และข้อกฎหมาย ที่ขอให้อุทธรณ์หักล้างคำพิพากษาศาลปกครองในเรื่องนี้ต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ภายในวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28850 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ร้อยโทหญิง สุณิสา เลิศภควัต) | นร04 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งร้อยโทหญิง สุณิสา เลิศภควัต ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28851 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนระดับทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (จำนวน 3 ราย 1. นายสมบัติ วัฒน์พานิช ฯลฯ) | นร04 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวปราณี ศรีประเสริฐ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน ๒. นายสมบัติ วัฒน์พานิช ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ ๓. นางปรารถนา สุทิน ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28852 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มเติม (นายธวัช สุวุฒิกุล และ นายประมา ศาสตระรุจิ) | ศธ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มเติม จำนวน ๒ คน ได้แก่ นายธวัช สุวุฒิกุล และนายประมา ศาสตระรุจิ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28853 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาพิเศษในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแทนตำแหน่งที่ว่าง (รองศาสตราจารย์ ทวี เชื้อสุวรรณเทวี) | ศธ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองศาสตราจารย์ทวี เชื้อสุวรรณทวี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาพิเศษในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28854 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (นายวีรวัฒน์ ยมจินดา) | ทส | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายวีรวัฒน์ ยมจินดา เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28855 | แต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ) | ทส | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28856 | การควบคุมและป้องกันการระบาดใหญ่ของไข้เลือดออก ปี 2556 | สธ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้นำทุกท้องถิ่น ผู้นำชุมชนรับผิดชอบระดมสรรพกำลังในการทำให้ประชาชนทุกคนลุกขึ้นมากำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำทุกบ้านอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงเดือนมิถุนายน ในพื้นที่รับผิดชอบ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับให้ผู้บริหารโรงเรียนทั้งภาครัฐและเอกชนทุกแห่งกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบการกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคาร ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมขอความร่วมมือไปยังทุกสถานประกอบการให้มีการจัดเวรยามกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคารและที่พัก ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอความร่วมมือเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทเอาใจใส่ให้มีการกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคารและบริเวณโดยรอบของโรงแรม ๕. ให้กรมประชาสัมพันธ์สนับสนุนให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกช่องทางในการให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลบ้านเรือนและอาคารค้าขายมิให้มีลูกน้ำในภาชนะต่าง ๆ ๖. ให้ทุกกระทรวงรับผิดชอบการดำเนินงานตามบริบทของตนเอง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 28857 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ) | คค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามนัยมาตรา ๒๒ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28858 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ และนายโชคดี ปรโลกานนท์) | กษ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน ๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ ดังนี้
๑. นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์) แทนหม่อมหลวงสุภสิทธิ์ ชุมพล ซึ่งขอลาออก ๒. นายโชคดี ปรโลกานนท์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเกษตร) แทนนายณรงค์ หุตานุวัตร ซึ่งมีอายุครบ ๗๐ ปีบริบูรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28859 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นายสมชาย ใบม่วง) | ทก | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย ใบม่วง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 28860 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์) (นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ และนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ) | พณ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
