ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1412 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28221 - 28240 จากข้อมูลทั้งหมด 124441 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28221 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายนพพร มนูญผล) | นร11 | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายนพพร มนูญผล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28222 | การลดเอกสารประกอบระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ความเห็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กค. กษ. ทก. พน. มท. รง. วท. ศธ. สธ. สปน. สำนักงาน ก.พ. สคก. สศช. ศอ.บต. อส. กห. ทส. พณ. วธ. อก. สำนักงาน ก.พ.ร. *กต. *กก. *พม. *คค. *ยธ. *กกต. *สำนักงาน ป.ป.ช. *ผผ. *สศ. *สตง. *สม. *สกท. *รถ. *สำนักงาน ป.ป.ส. *สำนักงาน ปปง. *สำนักงาน ปปท. *พว. *รล. *ตช. *สงป. *สมช. *สลน. *สขช. *สำนักงาน กปร. *พศ. *วช. *สกว. *กอ.รมน.) | นร | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวปฏิบัติในการลดเอกสารประกอบระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกันต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. เอกสารเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรี ๑.๑ เอกสารสิ่งตีพิมพ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นำเสนอคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานที่ประสงค์จะมอบให้คณะรัฐมนตรี ให้หน่วยงานดำเนินการจัดส่งให้แก่รัฐมนตรีแต่ละท่านโดยตรง และหากประสงค์จะให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบด้วย ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องแจ้งเพียงรายชื่อเอกสารต่าง ๆ ดังกล่าวไปเพื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งต่อที่ประชุมเท่านั้น ๑.๒ หนังสือต้นเรื่องและสำเนาหนังสือต้นเรื่อง หน่วยงานเจ้าของเรื่องยังคงต้องจัดทำเป็นเอกสารส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตามจำนวนที่กำหนดใหม่ (ลดจำนวนลงจากเดิมที่กำหนดไว้ตามหนังสือ สลค. ที่ นร ๐๕๐๑/ว ๒๔ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เรื่อง การส่งเรื่องไปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี) เนื่องจากยังมีความจำเป็นต้องใช้ในขั้นตอนต่าง ๆ ของการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ได้แก่ การถามความเห็น การจัดทำระเบียบวาระของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) การประชุมคณะรัฐมนตรี และการแจ้งยืนยันมติ ๑.๓ เอกสารสิ่งที่ส่งมาด้วย ซึ่งเดิมหน่วยงานเจ้าของเรื่องต้องจัดส่งสิ่งที่ส่งมาด้วยมาให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเท่ากับจำนวนสำเนาหนังสือต้นเรื่อง (๑๐๐ ชุดสำหรับเรื่องทั่วไป และ ๑๒๐ ชุดสำหรับเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย) ให้ลดจำนวนลงเหลือเท่าที่จำเป็นจะต้องใช้เท่านั้น ๒. ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องจัดส่ง CD บันทึกข้อมูลของหนังสือที่เสนอเรื่องและสิ่งที่ส่งมาด้วยทั้งหมดส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมกับการส่งหนังสือต้นเรื่องด้วย โดย ๒.๑ หนังสือเสนอเรื่อง ให้จัดทำไฟล์ข้อมูล ๒ รูปแบบ คือ ๒.๑.๑ รูปแบบ PDF ของหนังสือที่มีเลขที่หนังสือ ลงวันที่ และลายมือชื่อ ผู้ลงนาม ที่ตรงกับเอกสารต้นฉบับ เพื่อนำไปจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ๒.๑.๒ รูปแบบ Microsoft Word ของหนังสือเพื่อนำไปใช้ประกอบการจัดทำบันทึกสรุปเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรี/รองนายกรัฐมนตรี ๒.๒ เอกสารประกอบหนังสือเสนอเรื่อง (สิ่งที่ส่งมาด้วย) ให้จัดทำไฟล์ข้อมูลในรูปแบบ PDF และบันทึกไฟล์ตามลำดับให้สอดคล้องกับรายการสิ่งที่ส่งมาด้วยตามหนังสือเสนอเรื่อง ๒.๓ ให้บันทึกไฟล์ข้อมูลทั้งหมดใส่แผ่น CD พร้อมแนบใบนำส่งไฟล์ที่แสดงรายละเอียดข้อมูล เช่น ลำดับเอกสาร ชื่อไฟล์ ชนิดของไฟล์ และวัน เวลาที่บันทึกข้อมูล พร้อมทั้งชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้รับผิดชอบไฟล์ข้อมูล  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28223 | แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อศึกษาทบทวนความเหมาะสมของค่าตอบแทนของผู้บริหาร และบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมทั้งหมด | นร12 | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๐๗/๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อศึกษาทบทวนความเหมาะสมของค่าตอบแทนของผู้บริหารและบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมทั้งหมด ลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ และอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 
											    												    		๑. องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๑ และคนที่ ๒ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและภาคเอกชน ผู้แทนจากหน่วยงานกลาง เป็นกรรมการ โดยมีเลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ศึกษาและวิเคราะห์เปรียบเทียบเกี่ยวกับอัตราค่าตอบแทนของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม จัดทำข้อเสนอการปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนขั้นสูงและขั้นต่ำของผู้บริหารและบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์อัตราค่าตอบแทนของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวมทั้งระบบในเชิงเปรียบเทียบกับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและภาคเอกชน โดยให้ดำเนินการครอบคลุมส่วนราชการในราชการบริหารส่วนกลาง ส่วนราชการในราชการบริหารส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หน่วยงานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหาร หน่วยงานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายนิติบัญญัติ หน่วยงานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายตุลาการ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28224 | ผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2556 | พณ | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการจัดอันดับประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๖ โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative - USTR) ได้ประกาศผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ตามมาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๕๖ โดยคงไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List - PWL) เช่นเดิม [ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้เคยจัดไทยไว้ในบัญชี PWL ในปี ๒๕๓๕ - ๒๕๓๖ ก่อนจะปรับลงเป็นประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List - WL) และปรับเป็น PWL อีกครั้ง ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ จนถึงปัจจุบัน] โดยมีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. สหรัฐฯ ยังคงจัดไทยไว้ในบัญชี PWL ในปี ๒๕๕๖ แต่พร้อมที่จะทบทวนสถานะของไทย หากไทยมีความก้าวหน้าที่ชัดเจนในการผ่านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาสำคัญที่เกี่ยวข้อง และการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ๒. สหรัฐฯ ยินดีที่ไทยแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะที่ผ่านมา ไทยได้ผ่านกฎหมายฟอกเงินที่ระบุความผิดฐานละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐาน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งการตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (National IPR Center of Enforcement หรือ NICE) ซึ่งสหรัฐฯ หวังว่า ศูนย์นี้จะช่วยประสานความร่วมมือในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ๓. เจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ รายงานว่า ได้รับความร่วมมือที่ดีกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทย ซึ่งรวมถึงตำรวจและศุลกากร ๔. สหรัฐฯ เรียกร้องให้ไทยเร่งดำเนินการออกกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่ยังค้างอยู่ให้สำเร็จโดยเร็ว และขอให้ไทยมีกลไกของกฎหมายที่จะปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ และการละเมิดเครื่องหมายการค้า โดยเฉพาะการละเมิดบนอินเทอร์เน็ตผ่านระบบเคเบิลและสัญญาณดาวเทียม ตลอดจนพิจารณาลงโทษผู้กระทำผิดให้เกิดการหลาบจำ และไม่กระทำผิดซ้ำในอนาคต เป็นต้น ๕. สหรัฐฯ เรียกร้องให้ไทยจัดให้มีระบบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจากการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการคุ้มครองข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตวางตลาดยา และสินค้าเคมีเกษตร ตลอดจนสนับสนุนให้ไทยจัดให้มีการหารือกับเจ้าของสิทธิที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความโปร่งใส รวมถึงการหาแนวทางแก้ปัญหาทรัพย์สินทางปัญญาและการเข้าถึงยา  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28225 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท หินอ่อน จำกัด ที่จังหวัดสระบุรี (เพื่อทำปูนขาว) | อก | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. เห็นชอบให้ผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บีเอ็ม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ (เรื่อง การอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ [เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก และการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนอื่น ๆ (ลุ่มน้ำชายแดน)] เพื่อทำเหมืองแร่หินอ่อนและหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่อทำปูนขาว) ของบริษัท หินอ่อน จำกัด ตามคำขอที่ ๑/๒๕๔๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมควรพิจารณาดำเนินการตามระเบียบ/ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ หลังจากได้รับประทานบัตรแล้วให้ผู้ถือประทานบัตรดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และจะต้องปฏิบัติตามข้อเสนอแนะมาตรการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำภาคตะวันตก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ โดยเคร่งครัด รวมทั้งควรนำมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไปกำหนดเป็นเงื่อนไขในการอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย ทั้งนี้ ก่อนการอนุญาตสัมปทาน ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้แทนชุมชนในพื้นที่ดังกล่าว ตรวจสอบการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมือง ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน และเนื่องจากการทำเหมืองหินเป็นกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ทั้งมลพิษทางเสียง มลพิษทางอากาศ ฝุ่นละออง แรงสั่นสะเทือน จึงเห็นควรให้เพิ่มวงเงินกองทุนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของพื้นที่ทำเหมืองและกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพและการพัฒนาชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง โดยกำหนดอัตราส่วนให้เหมาะสมกับผลประโยชน์ตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ได้รับ รวมทั้งให้ชุมชน โรงเรียน วัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการกองทุนนี้ร่วมกัน และเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ตั้งโครงการควรให้ผู้ที่ได้รับสัมปทานบัตรดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการ และพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามามีส่วนร่วมติดตาม และตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท หินอ่อน จำกัด อย่างต่อเนื่องตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับการถ่ายโอนจากส่วนราชการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28226 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ปี 2556 (ค.ศ. 2013) | พณ | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ ๑๙ (The 19th APEC Ministers Responsible for Trade Meeting) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ เมษายน ๒๕๕๖ ณ เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยประเด็นสำคัญของการประชุม ได้แก่ การสนับสนุนการเจรจาการค้ารอบโดฮาและต่อต้านการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า การบรรลุเป้าหมายโบกอร์ (Attaining the Bogor Goals) และการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม (Achieving Sustainable Growth with Equity) รวมทั้งข้อคิดเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการประชุม ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคให้ความสำคัญกับการผลักดันการเจรจาขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ให้ประสบความสำเร็จ ประเทศไทยควรให้การสนับสนุนอย่างจริงจังเพื่อให้การประชุมระดับรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ ๙ (9th Ministerial Conference : 9th MC) ประสบความสำเร็จ เพื่อคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือและการทำหน้าที่ของ WTO ในการเป็นเวทีเจรจาลดอุปสรรคและข้อกีดกันทางการค้าและจัดทำกฎระเบียบการค้าโลก เป็นเวทีในการยุติข้อพิพาททางการค้า และเป็นกลไกตรวจสอบและทบทวนนโยบายการค้าของประเทศสมาชิก ความสำเร็จของการประชุม 9th MC จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับการเจรจา WTO รอบโดฮา (Doha Development Agenda : DDA) ซึ่งยืดเยื้อมาเป็นเวลานานถึง ๑๒ ปีแล้ว ๑.๒ ข้อเสนอของอินโดนีเซียที่ให้เพิ่มสินค้าจากการเกษตรและป่าไม้ (Agricultural and Forestry-based products) ไว้ใน APEC EG List โดยเฉพาะสินค้าน้ำมันปาล์มดิบ และยางพารา ซึ่งเขตเศรษฐกิจส่วนใหญ่แสดงท่าทีชัดเจน ไม่สนับสนุนการเพิ่มรายการสินค้าใน APEC EG List อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียยังคงผลักดันเรื่องนี้ และพยายามขอรับการสนับสนุนจากเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ในช่วงระหว่างนี้ เพื่อให้สามารถมีผลลัพธ์ตามที่ตนต้องการในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (APEC Ministerial Meeting : AMM) และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Meeting : AELM) ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ศกนี้ ณ เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับประเด็นการเพิ่มเติมยางพาราและน้ำมันปาล์มดิบในรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมเอเปค ควรเสนออินโดนีเซียและเอเปคชะลอการดำเนินการในเรื่องนี้ออกไปก่อน เนื่องจากการจัดทำรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมภาคเกษตรควรต้องมีคำจำกัดความที่ชัดเจน ประเด็นความมั่นคงอาหาร ควรสนับสนุนการจัดทำ Road Map เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีความมั่นคงอาหาร ภายในปี ๒๕๖๓ (ค.ศ. ๒๐๒๐) และสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อบรรลุเป้าหมายความมั่นคงอาหารร่วมกัน ประเด็นการจัดทำกรอบความเชื่อมโยงของเอเปค ควรให้มีความสอดคล้องกับแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันของอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity : MPAC) และควรบูรณาการกรอบความเชื่อมโยงระหว่างกันของเอเปคเข้ากับภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเปคโดยรวม นอกจากนี้ ในแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ๒๕๕๖ มีประเด็นทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลายประการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เห็นควรจัดให้มีการหารือระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้ประกอบการ ภาคอุตสาหกรรม/ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดท่าทีและแนวทางในการทำงานทั้งภายในประเทศ และการทำงานร่วมกับประเทศอื่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28227 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ 12 แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขตเลือกตั้งที่ ๑๒แทนตำแหน่งที่ว่าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๓๓๑,๒๐๐ บาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ค่าใช้จ่ายที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเอง เป็นจำนวนเงิน ๕,๗๕๒,๗๐๐ บาท ๑.๒ ค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ เป็นจำนวนเงิน ๑,๕๗๘,๕๐๐ บาท ประกอบด้วย กรมการปกครอง สำนักบริหารการทะเบียน เป็นจำนวนเงิน ๓๐๓,๘๐๐ บาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำนวนเงิน ๔๙๑,๓๐๐ บาท การไฟฟ้านครหลวง เขตนนทบุรี เป็นจำนวนเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๕๔,๖๐๐ บาท บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นจำนวนเงิน ๓๘๓,๘๐๐ บาท และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นจำนวนเงิน ๒๒๕,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ โดยการปรับแผนการใช้จ่ายเงินอุดหนุนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐ ทั้งนี้ หากพิจารณาตรวจสอบแล้วคงเหลือไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28228 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางหมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ รวม ๒ ฉบับ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางหมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๐๑ กับทางหลวงชนบท ชพ.๒๐๐๖ ในท้องที่ตำบลบางหมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๕๖ สายแยกถนนอ่อนนุช (ลาดกระบัง) - บางพลี ที่บ้านบางพลีใหญ่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๕๖ สายแยกถนนอ่อนนุช (ลาดกระบัง) - บางพลี ที่บ้านบางพลีใหญ่ ในท้องที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28229 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3256 สายแยกถนนอ่อนนุช (ลาดกระบัง) - บางพลี ที่บ้านบางพลีใหญ่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีตามที่กระทรวงคมนาคม รวม ๒ ฉบับ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบางหมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๐๑ กับทางหลวงชนบท ชพ.๒๐๐๖ ในท้องที่ตำบลบางหมาก และตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๕๖ สายแยกถนนอ่อนนุช (ลาดกระบัง) - บางพลี ที่บ้านบางพลีใหญ่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๕๖ สายแยกถนนอ่อนนุช (ลาดกระบัง) - บางพลี ที่บ้านบางพลีใหญ่ ในท้องที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28230 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้น ค่าธรรมเนียม และภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปี ค้างชำระของหน่วยงานราชการ) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงน้ำหนักของรถที่ใช้ในการประกอบการขนส่งส่วนบุคคล) | สว | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม และภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีค้างชำระของหน่วยงานราชการ) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงน้ำหนักของรถที่ใช้ในการประกอบการขนส่งส่วนบุคคล) พร้อมผลการพิจารณาดำเนินการของกระทรวงคมนาคมตามข้อสังเกตดังกล่าว และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดี นายทะเบียน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีตามมาตรา ๔๙ (๑) และ (๒) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๘ แห่งร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกฯ ฉบับนี้ กำหนดให้กระทำได้ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น แต่โดยที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล) วุฒิสภาได้แก้ไขเพิ่มเติมเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนและผู้ตรวจการซึ่งอธิบดีมอบหมายตามมาตรา ๓๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๘ ให้กระทำได้ในเวลาราชการเท่านั้น ดังนั้น เวลาการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวของร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับจึงไม่สอดคล้องกัน 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28231 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 11 | กต | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและมอบหมายส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue-ACD) ครั้งที่ ๑๑ ณ กรุงดูชานเบ สาธารณรัฐทาจิกิสถาน ของผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ (นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย) เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามตารางที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ได้แก่ การเข้าร่วมการประชุม ACD ด้านความร่วมมือด้านวัฒนธรรม (ACD Ministerial Meeting on Cultural Cooperation) ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ๒. ความเชื่อมโยงในภูมิภาค ได้แก่ การเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะทำงาน (Working Group on Enhanced ACD Regional Connectivity) ๓. การจัดตั้งสำนักเลขาธิการชั่วคราว ACD ณ รัฐคูเวต ๔. ความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ ได้แก่ การเข้าร่วมการประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาจัดตั้งกลไก ACD Early Warning Coordination Network ๕. การจัดตั้งกองทุน Asian Development Fund ได้แก่ การจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาสำหรับประเทศเอเชียนอกกลุ่มอาหรับ ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของรัฐคูเวต ๖. ความร่วมมือด้านพลังงาน ได้แก่ การเข้าร่วมการประชุม ADC Energy Forum ครั้งที่ ๒ ที่กรุงอิสลามาบัด สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน (ระดับรัฐมนตรี) และครั้งที่ ๓ ที่กรุงดูชานเบ สาธารณรัฐทาจิกิสถาน 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28232 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 | นร07 | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งจากการติดตามผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น มีข้อค้นพบปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในภาพรวมที่ทำให้ผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานที่สำคัญ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. การเกิดมหาอุทกภัยในประเทศไทย ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงกลางเดือนมกราคม ๒๕๕๕ และจากการที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งทั้ง ๒ กรณีส่งผลกระทบต่อผลการปฏิบัติงาน และผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน ๒. การกำหนดผลผลิต/โครงการ กิจกรรม และตัวชี้วัดในระดับหน่วยงาน ยังไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงสอดคล้องไปถึงเป้าหมายและผลลัพธ์ระดับกระทรวงและระดับยุทธศาสตร์ชาติ จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่มีปัญหาควรทบทวนการกำหนดผลผลิต/โครงการ กิจกรรม และตัวชี้วัดในแต่ละระดับให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม สามารถวัดผลสำเร็จของการดำเนินงานได้อย่างแท้จริง ๓. การจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) มีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วนใช้ระยะเวลานาน รวมทั้งบางครั้งไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในครั้งเดียว ทำให้ต้องเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างล่าช้า จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่มีปัญหาควรเตรียมความพร้อมของงานก่อนที่จะดำเนินการและวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้าให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม และสามารถปฏิบัติได้ ๔. ช่วงระยะเวลาในการก่อสร้างไม่เหมาะสม อยู่ในช่วงฤดูฝนหรือฤดูกาลเพาะปลูก สภาพแวดล้อมและภูมิอากาศที่ไม่เอื้อต่อการก่อสร้าง มีการแก้ไขแบบรูปรายการ แก้ไขสัญญาจ้าง รวมทั้งผู้รับจ้างขาดสภาพคล่อง/ละทิ้งงาน/บอกเลิกสัญญา ต้องหาผู้รับจ้างใหม่ ตลอดจนการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินมีความล่าช้า จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่มีปัญหา ควรกำหนดแผนการปฏิบัติงานในแต่ละช่วงเวลาให้สอดคล้องกับการดำเนินการจริงและควรตรวจสอบผลการปฏิบัติงานในแต่ละช่วงเวลาเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการติดตาม/เร่งรัดการปฏิบัติงาน ๕. การจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ และครุภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต้องสั่งจากต่างประเทศต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งซื้อและการรับมอบของนานกว่าการจัดซื้อจัดจ้างทั่วไป จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานที่มีปัญหาควรติดตามเร่งรัดการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ๖. หลายหน่วยงานมีผลการปฏิบัติงานสูงกว่าแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดค่อนข้างมาก จึงมีข้อเสนอแนะให้หน่วยงานควรนำผลการปฏิบัติงานในปีงบประมาณที่ผ่านมาไปใช้ในการกำหนดค่าเป้าหมายของแผนปฏิบัติงานในปีต่อไป เพื่อให้ใกล้เคียงและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงตามผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นจริง รวมทั้งการขอตั้งงบประมาณให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการดำเนินงาน 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28233 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา เรื่อง การพิจารณาศึกษา ตรวจสอบ และติดตามการบริหารงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | สว | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา เรื่อง การพิจารณาศึกษา ตรวจสอบ และติดตามการบริหารงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะกับผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานดังกล่าวที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านการบริหารจัดการงบประมาณในด้านต่าง ๆ ของหน่วยราชการที่ขึ้นตรงกับกระทรวงกลาโหม สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. รัฐบาลควรจัดทำยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนว่าในบริบทด้านต่าง ๆ ที่เป็นเป้าประสงค์ที่ต้องการนั้นควรจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความมั่นคง ประกอบด้วย เป้าหมายด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับด้านอื่น ๆ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้เห็นภาพชัดเจนและนำไปกำหนดแนวทางปฏิบัติได้อย่างถูกต้องสอดคล้องร่วมกัน ๒. ควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบของภารกิจและบทบาทอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๗๘ และพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกระทรวงกลาโหมโดยตรง มากกว่าการมุ่งจัดทำคำของบประมาณในภารกิจของส่วนราชการอื่นซึ่งถือว่าเป็นภารกิจรอง ๓. ควรจัดทำยุทธศาสตร์ทหารตามภารกิจที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และควรสอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาลด้วย เพื่อให้เกิดผลในแนวทางปฏิบัติต่อการจัดทำคำของบประมาณได้ชัดเจนร่วมกัน ๔. รัฐบาลควรกำหนดวงเงินที่แน่นอนให้เหล่าทัพเพื่อใช้ในการวางแผนการจัดหายุทโธปกรณ์ในระยะยาว โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ๕. รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอแก่การดำรงสภาพยุทโธปกรณ์เดิมให้คงสภาพพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างหลักประกันความพร้อมรบตามขีดความสามารถตามยุทธศาสตร์ทหารแล้ว ยังสร้างความคุ้มค่าให้กับรัฐบาลและส่วนราชการอื่น ๆ ในภาวะวิกฤตหรือกรณีเกิดภัยพิบัติหรือสาธารณภัยต่าง ๆ ได้อีกด้วย ๖. รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณเพื่อการลงทุนในการพัฒนาองค์กรของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่ใช้สำหรับการช่วยเหลือ บรรเทาสาธารณภัยและภัยพิบัติอย่างเหมาะสมไว้ล่วงหน้าและเพียงพอ เพื่อเป็นการเสริมให้กับส่วนราชการอื่นที่มีหน้าที่โดยตรง 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28234 | ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ 8/2556 | นร01 | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เสนอ ๑.๑ อนุมัติแผนการกู้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (พ.ร.ก.ฯ) วงเงิน ๓๑๔,๓๓๗.๘๗๕ ล้านบาท และให้คณะกรรมการ กบอ. ดำเนินการตามระเบียบต่อไป โดยรายละเอียดของแผนการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ฯ มีดังนี้ ๑.๑.๑ โครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ในกรอบวงเงิน ๒๙๑,๐๐๐ ล้านบาท ในการดำเนินโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยตาม พ.ร.ก.ฯ ๑.๑.๒ แผนงานฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าและดิน ฝายแม้ว ในกรอบวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ [เรื่อง ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖] ๑.๑.๓ โครงการบริหารโครงการในส่วน Project Management and Engineering Consultant (PMEC) และ Project Supervision Consultant (PSC) ตลอดระยะเวลาโครงการ ๕ ปี วงเงิน ๘,๗๓๐.๘๓ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๖] ๑.๒ อนุมัติผลการพิจารณาคัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ในกรอบวงเงิน ๒๘๔,๗๕๔.๗๗๘ ล้านบาท ในการดำเนินโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ตาม พ.ร.ก.ฯ และให้ กบอ. ดำเนินการตามระเบียบต่อไป ๑.๓ เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ [เรื่อง ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ และผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ และอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖] เกี่ยวกับกิจกรรม/แผนงานมาตรการระยะสั้น ๙๐ วัน (๑๕ กุมภาพันธ์-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖) โดยให้ขยายตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และสิ้นสุดวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๒. ให้ กบอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยยึดหลักความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งการติดตามผลการดำเนินการ การตรวจรับงานในพื้นที่ ตลอดจนการรับความคิดเห็น โดยให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการในการใช้วงเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ฯ คงเหลือ (เงินเหลือจ่าย) สำหรับโครงการภายใต้ พ.ร.ก.ฯ เนื่องจากยังไม่มีคำจำกัดความและหลักเกณฑ์วิธีการการใช้เงินเหลือจ่ายที่ชัดเจน การให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีบทบาทหลักในการพัฒนาการศึกษาวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำของประเทศอย่างยั่งยืน และในการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้แต่ละจังหวัดประเมินสภาพภัยแล้งอย่างต่อเนื่องและประกาศสิ้นสุดภัยแล้งแต่ละจังหวัดให้สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการให้สาธารณชนได้รับทราบและยอมรับอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. โดยที่การดำเนินการเกี่ยวกับการวางระบบการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการภายในของส่วนราชการที่มีการพัฒนาการดำเนินการตามลำดับ ซึ่งเป็นขั้นตอนในการศึกษาเพื่อกำหนดลักษณะแผนงานและโครงการที่จะดำเนินงาน พื้นที่ที่ควรจะดำเนินงานและจะทำให้ทราบถึงผลกระทบในการดำเนินการต่อไปที่มีความชัดเจนขึ้น และแม้ว่าที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเผยแพร่แนวทางการดำเนินการมาเป็นระยะ รวมทั้งมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนโดยตลอดมาก็ตาม แต่การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นเพียงการเสนอกรอบแนวความคิดกว้าง ๆ ยังไม่มีข้อยุติ เมื่อในขณะนี้ กบอ. ได้เสนอผลการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่จะเสนอการออกแบบและการก่อสร้างแล้ว จึงมีความชัดเจนพอสมควรในระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทยที่จะดำเนินการต่อไป ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติว่า เมื่อมีการจัดทำรายละเอียดในขั้นต่อไปตามโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้วจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อไปด้วย  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28235 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร04 | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีหน่วยงานกลางบริหารจัดการข้อมูลและระบบภูมิสารสนเทศและแผนที่กลางของประเทศ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28236 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 5/2556 เรื่อง ข้อเสนอกรอบแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ | นร11 | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบในหลักการตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ประกอบด้วย ๔ แผนงาน ได้แก่ แผนงานพัฒนาภาคการเกษตรและบริหารจัดการทรัพยากรชีวภาพ แผนงานพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แผนงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อตอบสนองทิศทางการพัฒนาโลก และแผนงานวิจัยเชิงปฏิบัติเพื่ออนาคตประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยอนุมัติให้ใช้จ่ายจากวงเงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในส่วนที่จัดสรรไว้เพื่อการลงทุนตามยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ และให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ดังกล่าวให้กับแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ๑.๒ ให้มีคณะกรรมการพิจารณาข้อเสนอรายละเอียดของหน่วยงานภายใต้แผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อพิจารณากลั่นกรองรายละเอียดและงบประมาณของแผนงานของหน่วยงาน ๑.๓ ให้มีคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานตามแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน ปลัดกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย เป็นกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อกำกับติดตามประเมินผลการดำเนินงานในแต่ละแผนงาน ๒. ให้แก้ไขชื่อจากเดิม “แผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ” ให้ถูกต้อง เป็น “แผนการดำเนินการตามยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ” ทั้งนี้ การดำเนินโครงการภายใต้แผนฯ ดังกล่าวที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ส่วนโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Zoning ภาคเกษตร ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดเสนอคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28237 | การประชุมชี้แจงแนวทางและขั้นตอนการดำเนินโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2555 | ทส | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมชี้แจงโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำและโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษา มหาราชินี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ จังหวัดอุดรธานี สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. การคัดเลือกพื้นที่เป้าหมายในการปลูกป่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงนามรับรองขนาดพื้นที่และพิกัดของแปลงปลูกเป็นรายแปลง ๒. การส่งและรับกล้าไม้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบกล้าไม้ที่จะรับมอบไปดำเนินการตามโครงการฯ และให้หน่วยงานที่เพาะชำกล้าไม้ไว้ ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดทำบัญชีกล้าไม้และแผนการจัดส่ง เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการปลูกและผู้ว่าราชการจังหวัดเตรียมแปลงปลูกและสถานที่รับส่งกล้าไม้ รวมทั้งให้หน่วยงานที่ส่งและรับกล้าไม้จัดทำแบบรายงานการส่ง-รับกล้าไม้ เพื่อยืนยันความถูกต้องและครบถ้วน ๓. การดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการบริหารและควบคุมกำกับโครงการทั้งหมดภายในพื้นที่จังหวัด รวมทั้งกำกับหน่วยงานในพื้นที่และภาคเอกชนที่ร่วมโครงการให้ร่วมกันรับผิดชอบ โดยการดำเนินงานต้องมีแผนปฏิบัติและการเบิกจ่ายเงินเป็นไปตามความก้าวหน้าของงาน (การเตรียมพื้นที่ปลูก การปลูก การดูแลรักษา) มีระบบติดตามและรายงานตามแผนงานและเป้าหมายที่กำหนด พร้อมมีแบบรายงานทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ และตรวจสอบได้ตลอดเวลา ทั้งนี้หากผู้ว่าราชการจังหวัดย้ายไปดำรงตำแหน่งอื่นหรือเกษียณอายุราชการจะต้องส่งมอบงานและความรับผิดชอบแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ๔. มีกลไกตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินงานโดยคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการตรวจสอบของสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการตรวจสอบของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ควบคู่กับการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ๕. ระยะเวลาดำเนินการปลูกป่าตามแผนงานปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28238 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายศิริวัฒน์  ขจรประศาสน์) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28239 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนิโรธ สุนทรเลขา) | กก | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายนิโรธ  สุนทรเลขา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ 
											    												    		
  | 
											    |||||||||||||||||||||
| 28240 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (จำนวน 3 ราย 1. นายอนันต์ ระงับทุกข์ ฯลฯ) | ศธ | 18/06/2556 | ||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. นายอนันต์ ระงับทุกข์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพิษณุ ตุลสุข ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓. นางสาวจุไรรัตน์ แสงบุญนำ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดกระทรวง 
  | 
											    |||||||||||||||||||||
					.....
									
			