ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1413 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 28241 - 28260 จากข้อมูลทั้งหมด 124441 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง  | 
									วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 28241 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จำนวน 7 คน 1. นายสมเจตน์ ทิณพงษ์ ฯลฯ) | วท | 18/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. นายสมเจตน์ ทิณพงษ์ เป็นประธานกรรมการ ๒. พลเอก วิชิต สาทรานนท์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายชนินทร์ ทินนโชติ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายไพบูลย์ ศิริภาณุเสถียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นางภูวษา สินธุวงศ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายศุภิชัย ตั้งใจตรง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายสมบัติ อยู่เมือง เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28242 | เร่งรัดการควบคุมและป้องกันการระบาดใหญ่ของไข้เลือดออก ปี 2556 | สธ | 18/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเร่งรัดการควบคุมและป้องกันการระบาดใหญ่ของไข้เลือดออก ปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 
											    												    		๑. ให้กระทรวงมหาดไทยกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้นำทุกท้องถิ่นผู้นำชุมชนรับผิดชอบระดมสรรพกำลัง ในการทำให้ประชาชนทุกคนลุกขึ้นมากำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำทุกบ้านอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนสิงหาคม ในพื้นที่รับผิดชอบ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับให้ผู้บริหารโรงเรียนทั้งภาครัฐและเอกชนทุกแห่งกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคารทุกสัปดาห์และเฝ้าระวังเด็กป่วยหากสงสัยไข้เลือดออกให้ประสานผู้เกี่ยวข้องเพื่อควบคุมโรคให้ทันเวลา ๓. ให้กระทรวงคมนาคมขอความร่วมมือไปยังทุกสถานประกอบการให้มีการกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคาร และที่พักทุกสัปดาห์ ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอความร่วมมือเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทเอาใจใส่ให้มีการกำจัดกวาดล้างทำลายลูกน้ำในทุกอาคารและบริเวณโดยรอบของโรงแรม ๕. ให้กรมประชาสัมพันธ์สนับสนุนให้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทุกช่องทางในการให้ความรู้แก่ประชาชนในการดูแลบ้านเรือนและอาคารค้าขายไม่ให้มีลูกน้ำในภาชนะต่าง ๆ ๖. ให้ทุกกระทรวงรับผิดชอบการดำเนินงานตามบริบทของตนเอง 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28243 | ขออนุมัติเช่ารถยนต์ส่วนกลางและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | กต | 18/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ เกี่ยวกับเรื่อง ขออนุมัติเช่ารถยนต์ส่วนกลางและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณว่า จากเดิม “อนุมัติทั้ง ๒ ข้อ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ” เป็น “อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ” ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ เกี่ยวกับเรื่อง ขออนุมัติเช่ารถยนต์ส่วนกลางและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ “อนุมัติทั้ง ๒ ข้อ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ” และต่อมาสำนักงบประมาณได้เสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย จึงเห็นควรปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว 
											    												    		 | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28244 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง) | กค | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ 
											    												    		๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งได้รับผลกระทบหรือความเสียหายอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่ปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป หรือสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ได้แก่ เงินช่วยเหลือเยียวยาตามหลักมนุษยธรรมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ และ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ได้รับจากรัฐ และเงินช่วยเหลือเยียวยาตามหลักมนุษยธรรมซึ่งผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับจากรัฐ ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ไปพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณากรณีการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามนโยบายของรัฐบาล โดยควรเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาไปพร้อมกับมาตรการยกเว้นภาษีในเรื่องนั้น ๆ ในคราวเดียวกัน  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28245 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายฐานันดร์ ปิยะศิริศิลป์) | สธ | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฐานันดร์ ปิยะศิริศิลป์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) กลุ่มงานการแพทย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28246 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2556 ของไตรมาส 2 | ทก | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Government Contact Center : GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ของไตรมาส ๒ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ผลการดำเนินงานด้านการใช้บริการ ๑.๑ สถิติการใช้บริการ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ไตรมาส ๒ มีจำนวน ๑,๕๖๐,๙๘๑ ครั้ง เพิ่มขึ้นจากไตรมาส ๒ ปีงบประมาณ ๒๕๕๕ จำนวน ๔๔,๓๙๙ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ ๒.๙๓ ๑.๒ สัดส่วนการให้บริการแยกตามประเภท ในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ไตรมาส ๒ โดยเรียงจากมากที่สุด ได้แก่ บริการสอบถามข้อมูลทั่วไป (Q&A) ร้อยละ ๘๐.๓๔ บริการสอบถามข้อมูลเพื่อการติดต่อหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน (Contact Information) ร้อยละ ๑๓.๗๙ บริการข้อมูลโครงการพิเศษของรัฐบาล ร้อยละ ๓.๑๖ บริการรับเรื่องร้องเรียน (Complain) ร้อยละ ๒.๖๘ ซึ่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวสามารถจัดเป็นหมวดต่าง ๆ ได้แก่ หมวดสังคมและสวัสดิการ ร้อยละ ๖๐.๙๐ หมวดการร้องเรียนกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร้อยละ ๑๗.๐๗ หมวดการเมือง-การปกครอง ร้อยละ ๘.๘๔ หมวดเศรษฐกิจ ร้อยละ ๗.๘๐ หมวดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ ๓.๐๑ และหมวดกฎหมาย ร้อยละ ๒.๓๘ ๒. ผลการดำเนินงานด้านคุณภาพบริการ ๒.๑ มาตรฐานคุณภาพการให้บริการ ได้บริหารจัดการควบคุมคุณภาพการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ไตรมาส ๒ มีจำนวนสายเรียกเข้าทั้งหมด จำนวน ๑,๕๖๐,๙๘๑ ครั้ง สามารถให้บริการได้ จำนวน ๑,๕๓๐,๖๕๑ ครั้ง หรือร้อยละ ๙๘.๐๖ ๒.๒ การพัฒนาคุณภาพพนักงานรับสาย ได้พัฒนาคุณภาพของพนักงานรับสายเพื่อเพิ่มองค์ความรู้และทักษะการให้บริการ โดยจัดอบรมหลักสูตรเพิ่มเติม อาทิ หลักสูตรโครงการคืนภาษีรถคันแรก โครงการรับจำนำข้าวปี ๒๕๕๕/๒๕๕๖ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านอินเทอร์เน็ต หลักสูตรองค์ความรู้ของกระทรวงต่าง ๆ หลักสูตรการจับประเด็นเพื่อการให้บริการที่ดี ๒.๓ การสนับสนุนโครงการตามนโยบายของรัฐบาล และส่วนงานภาครัฐ ได้แก่ การให้บริการข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ผ่านหมายเลข ๑๑๑๑ กด ๖ การให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet) ให้แก่นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียนและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ผ่านหมายเลข ๑๑๑๑ กด ๘ และการสนับสนุนส่วนงานภาครัฐในการบูรณาการร่วมใช้ หมายเลข ๑๑๑๑ ได้แก่ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ใช้หมายเลข ๑๑๑๑ กด ๗๗ เป็นต้น 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28247 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นายสมพร เชาวรินทร์ | กค | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สบ.๕๖๗ โฉนดเลขที่ ๒๑๐๑๖, ๒๐๖๑๗, ๒๒๕๑๖-๒๒๕๑๘, ๒๒๕๒๔-๒๒๕๒๖ และ ๒๒๕๓๑-๒๒๕๓๓ อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี รวม ๑๑ ฉบับ เนื้อที่ประมาณ ๓-๓-๑๔ ไร่ คืนให้แก่นายสมพร เชาวรินทร์ เนื่องจากกรมที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อเป็นที่ตั้งสำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี สาขาพระพุทธบาท ตามวัตถุประสงค์ของผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 
											    												    		 | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28248 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 13 มีนาคม 2556 | กค | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๖ รุ่น วงเงินรวม ๙๙,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. การกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (Pre-funding) วงเงินรวม ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ และพันธบัตรรัฐบาลประเภทดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการกู้เงินล่วงหน้าได้นำส่งเข้ากองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อนำไปบริหารให้เกิดผลตอบแทน และนำส่งเงินต้นและผลตอบแทนคืนให้แก่กระทรวงการคลังในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินกู้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอน ประกอบด้วย ๑.๑ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ รุ่นอายุ ๑๘๒ วัน วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลทั้งสิ้น ๒ งวด ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ และมีส่วนลดจากการประมูล จำนวนรวม ๒๗๐,๙๑๘,๑๐๔.๙๖ บาท ๑.๒ พันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ (ILB283A) อายุ ๑๕ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ ต่อปี จำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท จำหน่ายในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ๒. การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ณ วันที่พันธบัตรรัฐบาลครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน ๓๙,๐๐๐ บาท โดยกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน ๒ แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท อายุเงินกู้ไม่เกิน ๒ เดือน อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ ๒.๘๓ ต่อปี และนำเงินกู้ระยะสั้น จำนวน ๓๙,๐๐๐ ล้านบาท มาสมทบกับเงินกู้ล่วงหน้า จำนวน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท และนำไปชำระคืนต้นเงินกู้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ ๓. การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๔ รุ่น วงเงินรวม ๓๙,๐๐๐ ล้านบาท และนำเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรรัฐบาลไปทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น ประกอบด้วย ๓.๑ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ (LB196A) อายุคงเหลือ ๖.๒๓ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๗๕ ต่อปี จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท ๓.๒ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ (LB616A) อายุคงเหลือ ๔๘.๒๗ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๔.๘๕ ต่อปี จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ๓.๓ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ (LB326A) อายุคงเหลือ ๑๙.๒๕ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๗๗๕ ต่อปี จำนวน ๘,๐๐๐ ล้านบาท ๓.๔ พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๖ (LB21DA) อายุคงเหลือ ๘.๖๙ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๕ ต่อปี จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28249 | รายงานผลการร่วมงานเฉลิมฉลองวันดินโลก (World Soil Day) 5 ธันวาคม 2555 ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี | กษ | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 
											    												    		๑. สรุปผลการร่วมงานเฉลิมฉลองวันดินโลก (World Soil Day) ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ ระหว่างวันที่ ๓-๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ สำนักงานใหญ่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี และผลการเข้าเยี่ยมคารวะผู้อำนวยการใหญ่ FAO ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการร่วมงานเฉลิมฉลองวันดินโลก (World Soil Day) ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร) เป็นตัวแทนบรรยายพิเศษร่วมในงานเฉลิมฉลองดังกล่าวในหัวข้อ Securing healthy soils for a food secure world : a day dedicated to soils โดยเน้นถึงความสำคัญของทรัพยากรดินต่อความมั่นคงอาหารโลก และได้บรรยายถึงโครงการพระราชดำริและพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงสนับสนุนเรื่องการอนุรักษ์และการบริหารจัดการทรัพยากรดิน ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน และเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติจนได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญรางวัล The Humanitarian Soil Scientist หรือนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรมพระองค์แรกของโลกจากสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ (International Union of Soil Sciences : IUSS) เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน ได้จัดนิทรรศการแสดงถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้านการบริหารจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรดินเพื่อความมั่นคงทางอาหารของโลกอย่างยั่งยืนระหว่างการจัดงานดังกล่าว เพื่อถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๕ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ สำนักงานใหญ่ FAO กรุงโรม อย่างสมพระเกียรติ ๑.๒ ผลการเข้าเยี่ยมคารวะผู้อำนวยการใหญ่ FAO รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร) ได้หารือกับผู้อำนวยการใหญ่ FAO ถึงแนวทางขยายความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่าง FAO กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ การให้สิทธิพิเศษแก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการรับข้าราชการรุ่นใหม่เข้ามาฝึกงานหรือทำงานกับ FAO ระยะเวลา ๖ เดือน-๒ปี ภายใต้โครงการ Associate Professional Officers (APOs) ทั้งในสำนักงานใหญ่ FAO ณ กรุงโรม หรือสำนักงาน FAO ประจำภูมิภาคต่าง ๆ ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๕๖ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เรียนเชิญผู้อำนวยการใหญ่ FAO เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อพิจารณาแนวทางการขยายความร่วมมืออย่างใกล้ชิดตามที่ได้หารือ โดยเฉพาะการส่งข้าราชการรุ่นใหม่เข้ามาฝึกงานและทำงานกับ FAO ในอนาคต ๒. ความก้าวหน้าของการเสนอให้วันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก ซึ่งที่ประชุมสภามนตรี (FAO Council) ครั้งที่ ๑๔๕ เมื่อวันที่ ๓-๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ มีมติให้ความเห็นชอบ และเสนอให้ FAO ผลักดันให้องค์การสหประชาชาติให้การรับรองวันดินโลกไว้ในระบบของสหประชาชาติในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในเดือนกันยายน ๒๕๕๖  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28250 | รายงานผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ จังหวัดพิจิตร | นร01 | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค และการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ณ จังหวัดพิจิตร ของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และคณะ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จังหวัดพิจิตรมีแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการขุดลอกบึงสีไฟ งบประมาณ ๘๘,๒๕๒,๐๐๐ บาท และโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ งบประมาณ ๔๙,๕๖๑,๐๐๐ บาท และแผนงาน/โครงการที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ได้แก่ โครงการปรับปรุงระดับโครงสร้างทางเพื่อเป็นพนังกั้นน้ำ ถนนรอบบึงสีไฟ สร้างเส้นทางรถจักรยาน และจุดชมวิว งบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูบึงสีไฟ งบประมาณ ๔๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. โครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ ๒ เป็นโครงการที่จะดำเนินการในพื้นที่ ๓ อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก และ ๔ อำเภอของจังหวัดพิจิตร เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทาน จำนวน ๓๔๐,๘๗๖ ไร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้ได้ จำนวนประมาณ ๓.๓๕ ล้านไร่ ซึ่งรวมถึงโครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ ๒ จังหวัดพิษณุโลก ระยะเวลาดำเนินการ ๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๒) งบประมาณโครงการ ๙,๗๐๐ ล้านบาท คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำโครงการนี้ของกรมชลประทานเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จังหวัดพิจิตรมีกองทุนหมู่บ้าน ๑ กองทุน ที่มีการพัฒนากองทุนตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ จนถึงปัจจุบัน จนได้รับการคัดเลือกเป็นสถาบันการเรียนรู้กองทุนหมู่บ้านชุมชนเมืองแห่งชาติ และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ คือ กองทุนหมู่บ้านหนองโสนใต้ หมู่ที่ ๑๖ ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร โดยกองทุนฯ ได้ยกฐานะเป็นสถาบันการเงินชุมชนตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๘ มีแหล่งเงิน ๓ ส่วน บัญชีที่ ๑ จำนวน ๒,๗๒๓,๐๕๕ บาท บัญชีที่ ๒ จำนวน ๖๓,๐๙๐ บาท บัญชีที่ ๓ จำนวน ๔๐,๖๑๗,๙๙๒ บาท และเป็นสถาบันการเงินชุมชนระดับตำบลแห่งแรกของจังหวัดพิจิตร โดยสถาบันการเงินชุมชนตำบลหนองโสนได้รับการเพิ่มทุนระยะที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๔. โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) มีหมู่บ้านและชุมชน จำนวนทั้งสิ้น ๙๓๐ หมู่บ้าน/ชุมชน ได้รับการโอนเงินตามโครงการฯ แล้ว จำนวน ๙๐๖ หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนเงิน ๓๒๓,๘๐๐,๐๐๐ บาท คงเหลือที่ยังไม่ได้รับการโอนเงิน จำนวน ๒๔ หมู่บ้าน/ชุมชน 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28251 | รายงานผลการดำเนินการอนุมัติขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่จังหวัดจันทบุรีไปยังแหล่งเก็บกักน้ำจังหวัดระยอง | กษ | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการอนุมัติขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการผันน้ำจากพื้นที่จังหวัดจันทบุรีไปยังแหล่งเก็บกักน้ำจังหวัดระยอง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาอนุมัติให้กรมชลประทานสามารถขยายระยะเวลาก่อสร้างโครงการฯ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๗ โดยให้ใช้จ่ายงบประมาณภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม จำนวน ๓,๙๙๒.๘๕ ล้านบาท พร้อมทั้งอนุมัติให้กรมชลประทานขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการงานจ้างเหมาภายใต้โครงการฯ อีกจำนวน ๓ รายการ ได้แก่ 
											    												    		๑. รายการก่อสร้างสถานีสูบน้ำและระบบท่อส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ ส่วนที่ ๑ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ (เนื่องจากความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องขยายอายุสัญญาให้กับผู้รับจ้าง รวม ๒ ครั้ง คิดเป็นจำนวนวันที่ต้องขยายอายุสัญญาทั้งสิ้น ๖๐๐ วัน ส่งผลวันสิ้นสุดสัญญาใหม่เป็นวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ รวมเป็นอายุสัญญาใหม่ ๑,๓๒๐ วัน) โดยใช้งบประมาณภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันไว้เดิม จำนวน ๑,๗๒๘.๐๕๐๐ ล้านบาท ๒. รายการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ ส่วนที่ ๒ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๖ โดยใช้งบประมาณภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันไว้เดิม จำนวน ๑,๓๑๐.๘๖๔๐ ล้านบาท (ขยายอายุสัญญาอีก ๑๕๐ วัน เนื่องจากความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างท่อส่งน้ำบางส่วนให้กับผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ส่งผลวันสิ้นสุดสัญญาใหม่เป็นวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖ รวมอายุสัญญาทั้งสิ้น ๘๗๐ วัน) ๓. รายการจ้างบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ โดยใช้งบประมาณภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันไว้เดิม จำนวน ๑๐๖.๒๐๘๒ ล้านบาท  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28252 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และผลการดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป ดังนี้ 
											    												    		๑. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ๑.๑ คณะกรรมาธิการได้มีการพิจารณาผลการสำรวจเรื่ององค์กรต่อต้านการทุจริตนานาชาติ ครั้งที่ ๑๓ เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเฉพาะค่านิยมในส่วนของเยาวชนหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยพบว่า เยาวชนส่วนใหญ่เห็นว่า การทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงหรือแปลกใหม่ในสังคม ระดับค่าความยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมยังอยู่ในระดับที่ต่ำลงไปมาก คณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตว่า การยอมรับเช่นที่ว่านั้นเป็นการยอมรับในสิ่งที่ผิด และเป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง จึงเห็นว่าควรที่จะมีการฝึกฝนอบรมและปลูกฝังคุณธรรมค่านิยมที่ดีด้วยการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม โดยบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาทุกระดับชองชาติ ๑.๒ ในการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากมีการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรที่จะกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยต้องคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดหลักเกณฑ์ในการเข้าตรวจดูรายละเอียดของบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินนั้นให้รัดกุม และควรที่จะให้มีการเปิดเผยเฉพาะในประเด็นของตัวทรัพย์สินเท่านั้น โดยมิได้เปิดเผยรายละเอียดของทรัพย์สินทั้งหมด ๑.๓ ในการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องให้มีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรที่จะกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในตำแหน่งที่ทำหน้าที่ที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ขององค์กรอิสระต่าง ๆ หรือองค์กรที่ใช้อำนาจอิสระที่จัดตั้งขึ้นใหม่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับสูงที่เทียบได้กับตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วย ซึ่งอาจจะต้องเทียบเคียงกับตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงในตำแหน่งอื่น ๆ ด้วย ๑.๔ ในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ควรที่จะมีมาตรการในการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดนอกเหนือจากการดำเนินคดีอาญาและการดำเนินคดีในเรื่องร่ำรวยผิดปกติ โดยในการบังคับกับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดอาจจะต้องพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องและหามาตรการเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายครอบคลุมอย่างเป็นระบบ สามารถดำเนินการกับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดเพื่อให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน แม้ว่าคดีจะขาดอายุความแล้วก็ตาม ๑.๕ ในการดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐในศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีที่กำหนดให้ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีโดยใช้ระบบไต่สวนนั้น เห็นควรให้ศาลที่ใช้ระบบไต่สวนดังกล่าวควรที่จะกำหนดให้องค์คณะผู้พิพากษาที่ทำการไต่สวนจะต้องเป็นผู้พิพากษาอาวุโสหรือผู้พิพากษาที่มีประสบการณ์ ในการดำเนินคดีมาเป็นระยะเวลาพอสมควรเป็นผู้ดำเนินคดีและไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีนั้น ๑.๖ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรที่จะทำความตกลงกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปรามปรามการทุจริต หรือคณะกรรมการ ป.ป.ท. เกี่ยวกับการโอนเรื่องในกรณีที่เป็นเรื่องสำคัญ ที่มีผลกระทบต่อส่วนรวมหรือเป็นกรณีที่เห็นว่าอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติต่อไป ๑.๗ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ควรจัดให้มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อกำหนดขอบเขต อำนาจหน้าที่ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับคณะกรรมการ ป.ป.ท. เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เกิดความชัดเจนว่าเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐแต่ละตำแหน่งควรจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบขององค์กรใด ๒. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ๒.๑ กรณีการตั้งคณะทำงานขึ้นตามมาตรา ๒๘/๑ เป็นการตั้งคณะทำงานขึ้นเฉพาะกรณีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๗๒ วรรคสี่ ประกอบมาตรา ๒๗๕ วรรคท้าย ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกกรณี ถ้าหากว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญมีการระบุเรื่องการตั้งคณะทำงานในกรณีอื่นจะถือว่าเป็นการระบุเกินจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ๒.๒ กรณีการออกระเบียบที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดตามมาตรา ๒๘/๒ เรื่องการกำหนดคุณสมบัติของพนักงานไต่สวน หรือการแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินคดีแทนนั้น ควรพิจารณาการออกระเบียบฯ อย่างรอบคอบ โดยระบุคุณสมบัติว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านคดีความ มิใช่มีเฉพาะใบอนุญาตว่าความอย่างเดียว 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28253 | การติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน ประจำเดือนเมษายน 2556 | นร04 | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้านความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชน ประจำเดือนเมษายน ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. สร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติและฟื้นฟูประชาธิปไตย คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายและวิชาการ และได้จัดเสวนารับฟังความเห็น เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๖ และวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ สำหรับกระทรวงยุติธรรมได้จ่ายเงินเยียวยาสำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๓) จำนวน ๑๓ ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๑๑.๑ ล้านบาท ๒. กำหนดให้การแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน จำนวน ๕๗,๒๑๔ หมู่บ้าน/ชุมชน (ร้อยละ ๖๗.๘๕) เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จำนวน ๖,๐๕๖ หมู่บ้าน/ชุมชน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๗.๑๘ และการแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดโดยการนำเข้าสู่ระบบบำบัดรักษาทั้ง ๓ ระบบ ได้แก่ ระบบสมัครใจ ระบบต้องโทษ และระบบบังคับ จำนวน ๑๗๘,๕๐๕ ราย (ร้อยละ ๕๙.๕๐) เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๔๐,๑๓๗ ราย คิด เป็นสัดส่วนร้อยละ ๑๓.๓๘ ๓. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการได้ดำเนินการปลุกจิตสำนึกและสร้างตระหนักรู้ การพัฒนาองค์การ การตรวจสอบเฝ้าระวังเชิงรุก การปราบปรามที่จริงจังและการลงโทษที่เข้มงวด และการดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๔. ส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทาน สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติได้ดำเนินโครงการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ๘ ลุ่มน้ำ และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ ๑๗ ลุ่มน้ำ การบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการและเร่งรัดขยายเขตพื้นที่ชลประทาน เพื่อส่งน้ำและระบายน้ำให้พื้นที่เพาะปลูก ๒๔.๕๒ ล้านไร่ การป้องกันและบรรเทาอุทกภัยพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจลดลง ๖๐,๐๐๐ ไร่ ผลงานภาพรวมร้อยละ ๒๙.๗๖ รวมทั้งการก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดใหญ่ ๑๐ โครงการ ผลงานภาพรวมร้อยละ ๒๙.๗๖ ๕. เร่งนำสันติสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับมาสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้จัดทำโครงการและกิจกรรมตามนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ภายใต้วัตถุประสงค์ ๙ ข้อ ได้แก่ การเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ และทุกคนในพื้นที่ดำรงชีวิตได้ปกติสุข การขจัดและป้องกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่หล่อเลี้ยงและเอื้อต่อการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย ฯลฯ ๖. เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและการประชุมทวิภาคีระดับสูงกับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในอาเซียนของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การประชุมในกรอบอาเซียน การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและการประชุมทวิภาคีระดับสูงกับประเทศที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์และเป็นตลาดใหม่ เป็นต้น ๗. เร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ดำเนินการเร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ จำนวน ๖๐๒,๙๓๔.๔๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๑.๒๘ ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจัดทำแผนรักษาความปลอดภัยในหลายจังหวัด ๘. สนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อการสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่น (OTOP และ SMEs) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมหลายประการ ได้แก่ การจัดงาน OTOP ภูมิภาค (ภาคใต้) ณ ลานพระอาทิตย์ จังหวัดกระบี่ มีผู้ประกอบการ OTOP ที่ผ่านกระบวนการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ระดับ ๑-๕ ดาว เข้าร่วมจำหน่ายสินค้าในงาน จำนวน ๓๐๐ ราย การจำหน่ายสินค้า OTOP ในต่างประเทศ ณ ศูนย์การค้า South Asia Top City นครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน จำนวน ๘๐ ราย และการส่งเสริมอาชีพด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน จำนวน ๑,๑๖๔ ราย คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐.๓๔ ๙. เร่งรัดและผลักดันการปฏิรูปการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง กระทรวงมหาดไทยได้จัดการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โครงการจัดเวทีการพูดจาหาทางออกประเทศไทย โดยจัดเวทีประชาเสวนาหาทางออกประเทศไทย จำนวน ๒ รุ่น ๆ ละ ๒๒๐ คน รวม ๔๔๐ คน งบประมาณ ๑๖๘.๒๓๒ ล้านบาท 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28254 | ขอความเห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงนิเวศวิทยา การพัฒนาที่ยั่งยืนและพลังงาน (กำกับดูแลการขนส่ง ทะเลและการประมง) ของสาธารณรัฐฝรั่งเศส | คค | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงนิเวศวิทยา การพัฒนาที่ยั่งยืนและพลังงาน (กำกับดูแลการขนส่ง ทะเลและการประมง) ของสาธารณรัฐฝรั่งเศส ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งโดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ สำหรับสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ ขอบเขตและกิจกรรมความร่วมมือ ทั้งสองฝ่ายจะเสริมสร้างกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการด้านระบบราง โดยการแลกเปลี่ยนนโยบายและประสบการณ์ต่าง ๆ ระหว่างกัน ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและวิธีปฏิบัติด้านการขนส่งทางราง และการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาและวิธีการดำเนินการรถไฟความเร็วสูง รถไฟระหว่างเมือง และการขนส่งสินค้าทางราง ๑.๑.๒ การดำเนินความร่วมมือ ดำเนินการผ่านโครงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ การจัดสัมมนา การศึกษาดูงาน และรูปแบบอื่น ๆ ตามแต่สองฝ่ายจะตกลงกัน และให้มีการแต่งตั้งผู้แทนของแต่ละฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนภาครัฐและผู้แทนภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่ง เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินความร่วมมือภายใต้ความตกลงฯ ทั้งนี้ การดำเนินการตามความตกลงฯ จะขึ้นกับกฎหมายและกฎระเบียบของทั้งสองฝ่าย ๑.๑.๓ การมีผลใช้บังคับ ระยะเวลา การสิ้นสุดและการแก้ไขความตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ทั้งสองฝ่ายลงนาม มีอายุ ๓ ปี และอาจมีการต่ออายุได้อีก ๒ ปี ตามความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย และอาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงฯ ได้ โดยความเห็นชอบร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำบางประการในร่างความตกลงฯ ฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษ และข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศโดยทั่วไปจะจัดทำระหว่างหน่วยงาน และผู้ลงนามควรเป็นระดับเดียวกันหรือเทียบเท่า กรณีการจัดทำความตกลงระหว่างบุคคลอาจเป็นการสร้างผลผูกพันระหว่างบุคคลนั้น ๆ เท่านั้น และหากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและหน้าที่ของบุคคลดังกล่าว ความตกลงนั้นจะสิ้นสุดการมีผลใช้บังคับโดยปริยายหรือไม่ เพื่อความชัดเจน ส่วนราชการเจ้าของเรื่องอาจพิจารณายืนยันให้เปลี่ยนเป็นการจัดทำความตกลงระหว่างหน่วยงาน/กระทรวงแทน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28255 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมการทำเกษตรแบบมีสัญญาภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS) | กต | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติ 
											    												    		๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมการทำเกษตรแบบมีสัญญาภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่น้ำโขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการของไทยในการนำเข้าสินค้าเกษตรเป้าหมายซึ่งไทยผลิตไม่เพียงพอและมีนโยบายส่งเสริมให้ไปปลูกในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ไทยมีความมั่นคงในเรื่องผลิตผลทางการเกษตรซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจะเป็นไปตามความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ASEAN Trade In Goods Agreement : ATIGA) ซึ่งไทยมีพันธกรณีไว้แล้วภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) โดยทั้งสองประเทศยังสามารถคงสิทธิในการใช้มาตรการภายใน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรระบุให้ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันเป็นผู้ดูแลรายละเอียดสินค้าภายใต้การลงทุนแบบมีสัญญา และเพิ่มข้อความเกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้าสินค้าเกษตร ว่าให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ได้เห็นชอบร่วมกันของภาคี และสอดคล้องตามมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช เหมือนที่ปรากฏในบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างไทย-ลาว ซึ่งได้ลงนามไปแล้ว นอกจากนี้ ควรต้องพิจารณาและให้ความสำคัญกับ “การนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยซึ่งผลผลิตทางการเกษตรแปรรูปที่มีการเพาะปลูกหรือเลี้ยงดูในราชอาณาจักรกัมพูชา...” ซึ่งอาจมีประเด็นพืชที่รับการตัดต่อพันธุกรรม (Genetically Modified Organisms : GMOs) เชื้อโรคและแมลงที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศการเกษตรของประเทศไทยได้ รวมทั้งให้ความสำคัญกับคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรที่นำเข้าในประเด็นปัญหาการปนเปื้อนสารเคมีทางการเกษตรที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และการส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Growth) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน และควรมีการกำหนดกลไกภายในประเทศเพื่อเป็นช่องทางในการพิจารณาหารือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการกำหนดสินค้าเป้าหมายและเงื่อนไข ตลอดจนพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบด้านที่อาจจะมีผลกระทบต่อประเทศในภาพรวม เช่น อุปสงค์และอุปทานของสินค้าเกษตรในประเทศ แนวนโยบายการจัดทำโซนนิ่งภาคเกษตร และแนวนโยบายการพัฒนาพืชพลังงาน เป็นต้น และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในร่างข้อ ๑๓ ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาจะต้องอนุญาตและอำนวยความสะดวกให้บริษัทที่ได้รับความเห็นชอบในการนำเข้ามาซึ่งเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้า เครื่องมือ ฯลฯ และให้สิทธิพิเศษทางภาษี ซึ่งรวมถึงอากร ภาษี และค่าธรรมเนียมประเภทอื่น ๆ แก่บริษัทที่ได้รับอนุญาต ว่าอาจมีความซ้ำซ้อนกับเนื้อหาในร่างข้อ ๑๔ จึงสมควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28256 | รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ประจำปี พ.ศ. 2555 | นร | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (สำนักงาน คปก.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้ 
											    												    		๑. ส่วนที่ ๑ คปก. ประกอบด้วย ประวัติความเป็นมา อำนาจหน้าที่ วิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ ๒. ส่วนที่ ๒ ผลการดำเนินงานของ คปก. ประกอบด้วย นโยบาย เป้าหมาย แผนการปฏิรูปกฎหมาย (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘) และผลการดำเนินงานของ คปก. ตามมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓. ส่วนที่ ๓ สำนักงาน คปก. ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของสำนักงาน คปก. ตามที่กฎหมายบัญญัติ ผลการดำเนินงานของสำนักงาน คปก. ตามยุทธศาสตร์ของ คปก. ประวัติและประสบการณ์ของเลขาธิการ คปก. รองเลขาธิการ คปก. (ฝ่ายบริหาร) และรองเลขาธิการ คปก. (ฝ่ายวิชาการ) และโครงสร้างสำนักงาน คปก. ๔. ส่วนที่ ๔ รายงานสถานะการเงินของสำนักงาน คปก. ๔.๑ งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ มีสินทรัพย์รวม ๕๑,๒๑๑,๑๘๖.๖๕ บาท หนี้สินรวม ๒,๔๔๙,๔๑๐.๙๑ บาท ทุนรวม ๔๘,๗๖๑,๗๗๕.๗๔ บาท ๔.๒ งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ มีรายได้รวม ๘๑,๒๕๘,๔๙๔.๗๖ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๖๔,๑๕๗,๘๐๗.๕๒ บาท กำไรสุทธิ ๑๗,๑๐๐,๖๘๗.๒๔ บาท ๕. ปัญหาอุปสรรคบางประการในการดำเนินการตามภารกิจของ คปก. ในรอบปีที่ผ่านมา ได้แก่ การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีจำนวนน้อยไม่เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งบุคลากรที่มีอยู่มีความรู้ความสามารถแต่ยังด้อยประสบการณ์ การประชาสัมพันธ์จะต้องมีการพัฒนาแนวทางการดำเนินการทั้งรูปแบบ วิธีการ และเนื้อหาสาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อที่ควรเพิ่มหรือขยายฐานการประชาสัมพันธ์ควรจะเป็นสื่อมวลชนประเภทสื่อวิทยุโทรทัศน์ เนื่องจากสื่อประเภทนี้เป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มประชาชนทุกระดับ แต่จะต้องใช้ทรัพยากรดำเนินการที่สูงมาก การเข้าถึงเครือข่ายภาคประชาชนซึ่งยังขาดความพร้อมทั้งในเรื่องของบุคลากร งบประมาณ และการวางแนวทางการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และงบประมาณที่ได้รับอยู่ในจำนวนที่จำกัด ไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ รากฐานของปัญหาจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยรัฐบาลและองค์กรกลาง เช่น สำนักงบประมาณที่ต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินงานและภารกิจของการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อให้การปฏิรูปกฎหมายสามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบ และสามารถสัมฤทธิ์ผลตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดทุกประการ  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28257 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ 
											    												    		๑. ให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒. กำหนดภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้แบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกอบด้วย สำนักงานเลขาธิการ กองกฎหมายกระบวนการยุติธรรม กองกฎหมายการเงินการคลัง กองกฎหมายการบริหารราชการแผ่นดิน กองกฎหมายการพาณิชย์และอุตสาหกรรม กองกฎหมายการศึกษาและวัฒนธรรม กองกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองกฎหมายเทคโนโลยีและการคมนาคม กองกฎหมายไทย กองกฎหมายสวัสดิการสังคม สถาบันพัฒนานักกฎหมายมหาชน สำนักกฎหมายต่างประเทศ สำนักกฎหมายปกครอง และสำนักหลักนิติบัญญัติ ๔. กำหนดให้มีฝ่ายพัฒนากฎหมาย กลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ขึ้นตรงต่อเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา 
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28258 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี 2555 กรณีพิเศษ | กค | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕ กรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ใช้อัตราการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ เห็นชอบ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ ข้าว ๑,๑๑๓ บาทต่อไร่ พืชไร่ ๑,๑๔๘ บาทต่อไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๑,๖๙๐ บาทต่อไร่ สำหรับกรณีพืชสวนและอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทำให้ชะงักการเจริญเติบโตแต่ไม่ตายและยังอยู่ในสภาพฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมได้ ให้ช่วยเหลือเฉพาะค่าปุ๋ย ๕๐% ในอัตราไร่ละ ๖๐๕ บาท ส่วนการช่วยเหลือด้านประมงและด้านปศุสัตว์ ให้ใช้อัตราตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28259 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 126/2556) (มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฎิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพิ่มเติม) | นร04 | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์  ณ ระนอง) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพิ่มเติม ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฎิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพิ่มเติม ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
| 28260 | การจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ปีที่สองรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี | นร | 10/06/2556 | |||||||||||||||||||||
| 
		 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกำหนดประเด็นสำคัญและการมอบหมายการเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำข้อมูลรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปีที่สอง (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖) โดยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้จัดประชุมส่วนราชการเพื่อพิจารณากำหนดหน่วยงานเจ้าภาพหลักที่จะทำหน้าที่ในการบูรณาการข้อมูล รวมทั้งชี้แจงแนวทางการจัดทำและส่งข้อมูลเพื่อจัดทำรายงานฯ ตามที่คณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีเสนอ 
											    												    		
  | 
											    ||||||||||||||||||||||||
					.....
									
			