ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1301 จากทั้งหมด 6221 หน้า แสดงรายการที่ 26001 - 26020 จากข้อมูลทั้งหมด 124417 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง | วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 26001 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | สลธ.คสช. | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้ ๑. ด้านการต่างประเทศ กรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะไปประชุมระดับนานาชาติ และจะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการประชุมระดับนานาชาติต่าง ๆ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบก่อน และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ๒. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ และเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการจ่ายเงินให้แก่ชาวนาและเกษตรกรชาวสวนยางโดยเร็ว ถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ เพื่อให้ชาวนารายย่อยผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรชาวสวนยางที่เป็นกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงได้รับประโยชน์โดยตรงและทั่วถึงต่อไป ๓. ด้านสังคม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแก้ไขปัญหายาเสพติด ผู้มีอิทธิพล การพนัน การค้าประเวณี รวมทั้งให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ที่ให้พิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาสังคมต่าง ๆ เช่น ยาเสพติด การแข่งมอเตอร์ไซค์ตามถนน (เด็กแว้น) โดยพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากการจับกุมและบังคับใช้กฎหมาย เช่น ให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทำกิจกรรมบริการสาธารณะในงานที่ถนัด ควบคุมความประพฤติและฝึกอาชีพเพื่อให้สามารถมีอาชีพเมื่อได้รับการปล่อยตัว ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ เนื่องด้วยขณะนี้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศอยู่ในภาวะประสบภัยพายุฝน น้ำท่วม ดินถล่ม คลื่นลมแรง ดังนั้น ให้ทุกส่วนราชการโดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่เร่งดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ทันการณ์ และให้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความเสียหายของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้งให้มีการติดตามผลการดำเนินการด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนรับทราบถึงผลกระทบในแต่ละพื้นที่อันเนื่องจากภัยแล้ง โดยกำหนดมาตรการเตรียมความพร้อมรองรับปัญหาภัยแล้งที่อาจสร้างความเสียหายกับพืชผลทางเกษตรและปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยเร็ว และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป 
 | ||||||||||||||||||
| 26002 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๓/๒๕๕๗ วันพุธที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๒๔/๒๕๕๗ วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 
 | ||||||||||||||||||
| 26003 | การจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World | กษ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World และอนุมัติโครงการจัดงาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2016 : ASEAN Seafood for the World ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดงานฯ ให้กรมประมงพิจารณาดำเนินการภายในกรอบวงเงิน ๓๐,๓๓๐,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๕,๗๖๑,๖๐๐ บาท และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาณต่อไป ให้กรมประมงเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรใช้โอกาสจากการเป็นเจ้าภาพจัดงาน แสดงข้อมูลและแผนงานในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในภาคประมงของไทย ตลอดถึงแนวทางการควบคุมดูแลเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นระบบและเกิดความยั่งยืน และควรประมาณการจำนวนผู้เข้าร่วมงานและจำแนกกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้ผลิต ผู้ส่งออก ผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และนิสิต นักศึกษา เป็นต้น เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดรายละเอียดของงานให้สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ เห็นควรตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดงานให้อยู่ในเกณฑ์ที่คุ้มค่าและโปร่งใส ค่าเช่าสถานที่จัดงาน และให้มีการสำรวจราคาและเปรียบเทียบศูนย์แสดงสินค้าหรือนิทรรศการหลาย ๆ แห่ง และให้มีการประมาณการรายได้จากสิทธิประโยชน์ การตลาด การโปรโมท การโฆษณาจากผู้สนับสนุนการจัดงาน รวมทั้งรายได้จากค่าเช่าบูธการจัดงานของผู้ประกอบการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย | ||||||||||||||||||
| 26004 | การบูรณาการแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด (Area Based) | มท | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การบูรณาการแผนงาน/โครงการในพื้นที่จังหวัด และอำเภอ เพื่อให้การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและความต้องการของประชาชน (Demand side) ได้รับการตอบสนองจากแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ (Supply side) ให้ส่วนราชการที่มีแผนงาน/โครงการลงไปปฏิบัติในพื้นที่แจ้งแผนงาน/โครงการทุกรายการให้จังหวัดทราบ เพื่อพิจารณาความสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและความต้องการของประชาชนในด้านพื้นที่และห้วงเวลาดำเนินการ และให้คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการมีอำนาจพิจารณาเปลี่ยนแปลงพื้นที่และหรือห้วงเวลาดำเนินการของแผนงาน/โครงการดังกล่าวได้ ๑.๒ ให้ส่วนราชการที่มีภารกิจที่จะดำเนินการแผนงาน/โครงการ (Supply side) ในพื้นที่จังหวัดใด ให้นำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (Demand side) ไปบรรจุในแผนงาน/โครงการในคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของส่วนราชการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยกำหนดวิธีการและแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ส่วนราชการนำไปปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน ๒. กรณีที่คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการได้พิจารณาแผนงาน/โครงการของส่วนราชการแล้วเห็นว่า ควรต้องมีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่หรือห้วงเวลาดำเนินการของแผนงาน/โครงการดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จะต้องขอความเห็นชอบจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการในเรื่องนี้ในรายละเอียดให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๓๐ วัน ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการให้มีผู้แทนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรร่วมพิจารณาแผนงาน/โครงการต่าง ๆ โดยให้มีการบูรณาการกับงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินแผนงาน/โครงการในพื้นที่ตามแนวชายแดน รวมทั้ง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณให้การสนับสนุนการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้เกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป | ||||||||||||||||||
| 26005 | รายงานผลการประชุมทบทวนผลการเปิดตลาดการค้าบริการตามข้อผูกพันชุดที่ 1 - 9 ของไทย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของ อาเซียน | พณ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมทบทวนผลการเปิดตลาดการค้าบริการตามข้อผูกพันชุดที่ ๑-๙ ของไทย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้ ๑. การผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการที่ผ่านมาของไทยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการของไทยตั้งแต่ชุดที่ ๑-๙ ไทยได้เลือกผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการเฉพาะกิจกรรมย่อยที่ไทยมีความพร้อมภายใต้สาขาบริการหลักหรือในสาขาที่หน่วยงานของไทยเคยอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขที่เป็นข้อจำกัดต่อการเข้ามาประกอบธุรกิจบริการของต่างชาติในไทย ๒. ที่ประชุมตั้งข้อสังเกตว่า การสร้างข้อจำกัดการใช้สิทธิลงทุนของต่างชาติภายใต้กรอบอาเซียน ทำให้ไทยอยู่ในฐานะที่ไม่ได้เปิดตลาดบริการอย่างแท้จริง อาจส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของตลาดในประเทศ การจำกัดการแข่งขันอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการภายในประเทศไม่มีความตื่นตัวที่จะพัฒนาตนเอง เป็นการจำกัดทางเลือกของผู้บริโภคภายในประเทศที่จะเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย และไทยจะขาดโอกาสในการเป็น Hub ได้อย่างแท้จริง | ||||||||||||||||||
| 26006 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่มเติม | กค | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชาญชัย บุญฤทธิ์ไชยศรี เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์เพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 
 | ||||||||||||||||||
| 26007 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย | อก | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. ให้นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และแต่งตั้งให้นางอรรชกา สีบุญเรือง ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒. แต่งตั้งให้นายเกษมสันต์ จิณณวาโส (จากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลังฉบับลงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๑ ความเชี่ยวชาญสาขากลยุทธ์ การวางแผน พัฒนา) ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แทนกรรมการที่ลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป 
 | ||||||||||||||||||
| 26008 | แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2557 - 2561) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา | ยธ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติด้วยการแปลงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่แผนบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการกระทรวง กรม แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนแผนพัฒนาองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำเป็นโครงการ/กิจกรรม เพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยใช้งบประมาณของหน่วยงานมาดำเนินการในการพิจารณานำมิติด้านสิทธิมนุษยชนมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงาน ๑.๒ กำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ รายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ปีละ ๑ ครั้ง ภายในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบการกำหนดแนวทาง วิธีการรายงานผลและแบบรายงานผลการดำเนินงาน พร้อมแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและถือปฏิบัติ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดทำคำแปลบทสรุปแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ เป็นภาษาอังกฤษ สำหรับเผยแพร่นานาประเทศ โดยการจัดทำคำแปล จะประสานผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และการรายงานผลตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังกล่าวให้ถูกต้องชัดเจนต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน เช่น มติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง สถานการณ์การค้ามนุษย์และการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๕) เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติบังเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป | ||||||||||||||||||
| 26009 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียนการปรับปรุงค่าธรรมเนียม) | พณ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... [ในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol)] และร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) รวม ๒ ฉบับ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาตัดบทบัญญัติที่ซ้ำซ้อนและให้รวมร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน โดยให้เชิญกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง | ||||||||||||||||||
| 26010 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol)] | พณ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... [ในส่วนที่เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocal)] และร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) รวม ๒ ฉบับ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาตัดบทบัญญัติที่ซ้ำซ้อนและให้รวมร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน โดยให้เชิญกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง | ||||||||||||||||||
| 26011 | รัฐบาลจอร์เจียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายเลวัน นิชาราเซ) | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเลวัน นิชาราเซ (Mr. Levan Nizharadze) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐจอร์เจียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทนนายซูรับ คัชคาชิชวีลี (Mr. Zurab Katchkatchishvili) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 
 | ||||||||||||||||||
| 26012 | รัฐบาลสาธารณรัฐเฮลเลนิกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (นายเพริคลีส บูตอส) | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเพริคลีส บูตอส (Mr. Pericles Boutos) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเฮลเลนิกประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายนิโคลาออส วามวูนาคิส (Mr. Nicolaos Vamvounakis) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 
 | ||||||||||||||||||
| 26013 | ขออนุมัติถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ตที่พ้นหน้าที่ และแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. ถอดถอนนายลอว์เรนซ์ คีธ คันนิ่งแฮม (Mr. Laurence Keith Cunningham) ออกจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต ๒. แต่งตั้งนางสาวมีเชลล์ ฮอว์รีลัก (Miss Michelle Hawryluk) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ตคนใหม่ สืบแทนนายลอว์เรนซ์ คีธ คันนิ่งแฮม โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และพังงา 
 | ||||||||||||||||||
| 26014 | รัฐบาลสาธารณรัฐเคนยาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวจีน เจรี คาเมา (Miss Jean Njeri Kamau) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเคนยาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอะลี มุฮัมมัด ยูซุฟ (Mr. Ali Mohamed Yussuf) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ 
 | ||||||||||||||||||
| 26015 | ผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ 8 | กห | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๘ เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองบันดุง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีพลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น) และพลเอก มูลโดโก้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินโดนีเซียเป็นประธานร่วม ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑. จากการรายงานทบทวนการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๗ ทั้งสองฝ่ายพบว่า การดำเนินงานด้านความร่วมมือระหว่างกันเป็นไปด้วยดี ๒. ความร่วมมือด้านการข่าวที่มีประสิทธิผลจะช่วยปรับปรุงคุณภาพของความร่วมมือด้านการข่าว และช่วยส่งเสริมสถานการณ์ความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต ๓. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระเบียบปฏิบัติประจำการลาดตระเวนร่วมทางทะเลไทย-อินโดนีเซีย และพื้นที่ปฏิบัติการลาดตระเวนร่วม ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันหาเหตุผลที่ดีกว่ามาสนับสนุนก่อนที่จะถึงขั้นตอนสุดท้าย รวมถึงการขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแสวงหาหนทางนำไปสู่การบรรลุข้อยุติต่อไป ๔. การจัดทำระเบียบปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมทางทะเลจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับชุดทำงานร่วมด้านการแพทย์ในการปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติในอนาคต ๕. ความร่วมมือทางด้านการศึกษาและฝึกอบรมควรพิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงการต่อระบบอาวุธที่ใช้อยู่ในกองทัพของทั้งสองประเทศ และโครงการแลกเปลี่ยนนายทหารต่าง ๆ ควรให้นายทหารจบใหม่จากกองทัพทั้งสองเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้น ๖. ที่ประชุมรับทราบการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือระหว่างประเทศ กองทัพอินโดนีเซีย ซึ่งจะจัดประชุมความร่วมมือทางทหารระหว่างประเทศทุกการประชุม รวมทั้งการสับเปลี่ยนตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย (ฝ่ายอินโดนีเซีย) ๗. การสนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศด้วยการแลกเปลี่ยนการเยือนของนายทหารระดับสูงด้านการส่งกำลังบำรุง นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงในอนาคต ๘. ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันที่จะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องในการติดตามการดำเนินงานที่สำคัญของแต่ละคณะอนุกรรมการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการร่วมกัน ๙. การประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ ๙ จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ ประเทศไทย 
 | ||||||||||||||||||
| 26016 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 36 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กษ | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry : AMAF) ครั้งที่ ๓๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (AMAF Plus Three) ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีน ด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (ASEAN-China Ministerial Meeting on Quality Supervision, Inspection and Quarantine) (SPS Cooperation) ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ ณ เมืองเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับผลการประชุมอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๖ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้เพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ และมอบหมายให้ ASEAN Sectoral Working Group ที่เกี่ยวข้องดำเนินกิจกรรมที่กำหนดไว้ใน Key Deliverable ตามกำหนดเวลา พร้อมจัดทำตัวชี้วัดเพื่อติดตามการดำเนินงาน รวมทั้งเห็นชอบให้มีการทบทวน ปรับโครงสร้าง และกลไกการดำเนินงานภายใต้ AMAF ๒. ที่ประชุมเห็นชอบมาตรฐานและเอกสารต่าง ๆ อาทิ แผนนโยบายบูรณาการความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน และแผนกลยุทธ์ความมั่นคงด้านอาหารของอาเซียน ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๓ มาตรฐานพืชสวนของอาเซียน (เมล็ดโกโก้ เห็ดนางฟ้า ถั่วลิสง น้อยหน่า มันฝรั่ง มะขามหวาน และ ชา) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของอาเซียน การรับรองห้องปฏิบัติการตรวจรับรองวัคซีน ของกรมปศุสัตว์ มาตรฐานการปฏิบัติที่ดีทางการเกษตรสำหรับฟาร์มไก่เนื้อและฟาร์มไก่ไข่ของอาเซียน และคู่มือการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีของอาเซียน ๓. การประชุมอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๗ จะจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ๔. รัฐมนตรีอาเซียนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 
 | ||||||||||||||||||
| 26017 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำหรับงวดครึ่งปีแรก ปี 2557 | กค | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สำหรับงวดครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๗ ๑.๑ ศูนย์ข้อมูลฯ รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ๗ ประเภท ได้แก่ ที่อยู่อาศัย อาคาร สำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม-รีสอร์ท นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า โดยนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปสงค์ ด้านอุปทาน ด้านราคา และด้านการเงิน สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ครอบคลุมทั้ง ๗ ประเภท และมีการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๗ ๑.๒ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดทำวารสารศูนย์ข้อมูลฯ REIC Journal ประจำไตรมาสที่ ๑ และไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๗ จัดทำสัมมนาเผยแพร่ข้อมูลผลสำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยประจำปี ๒๕๕๗ จัดทำ REIC Web Poll รายครึ่งเดือน ผ่านเว็บไซต์ www.reic.or.th จัดทำระบบสืบค้นข้อมูลสถิติ Real Estate Information Center-Executive Information System (REIC-EIS) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ๑.๓ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับความร่วมมือจากสื่อสิ่งพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ ในการประชาสัมพันธ์ การออกบูธนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ และการเผยแพร่ข้อมูลสถิติและตีพิมพ์บทความหรือสัมภาษณ์เกี่ยวกับข้อมูลสถิติและสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ ๒. ศูนย์ข้อมูลฯ ได้จัดทำและเผยแพร่ข้อมูลสถิติอสังหาริมทรัพย์ของไตรมาสที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ สามารถสรุปข้อมูลสถิติที่สำคัญ ได้แก่ ห้องชุด บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ๆ จำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียน (อุปทาน) รวม ๔๒,๖๐๐ หน่วย และจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ (อุปสงค์) รวม ๖๓,๗๐๐ หน่วย 
 | ||||||||||||||||||
| 26018 | รายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | กค | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินในรูป Euro Commercial Paper (ECP) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไม่มียอดหนี้คงค้าง และในช่วงไตรมาสที่ ๑-๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังไม่มีการกู้เงินใหม่ ส่งผลให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ กระทรวงการคลังไม่มียอดเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และในการรายงานครั้งต่อไปให้กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเฉพาะในปีงบประมาณที่มีการกู้เงินภายใต้ ECP Programme เท่านั้น 
 | ||||||||||||||||||
| 26019 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 | กห | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๑๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ ที่กำหนดให้บุคคลซึ่งไม่มีคุณวุฒิที่จะเป็นทหารได้เฉพาะบางท้องที่ รวม ๒๗ จังหวัด ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 
 | ||||||||||||||||||
| 26020 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวเจือจันทร์ จงสถิตย์อยู่) | นร04 | 12/11/2557 | |||||||||||||||
| คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นางสาวเจือจันทร์ จงสถิตอยู่ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 
 | ||||||||||||||||||
					.....
									
			