ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1286 จากทั้งหมด 6221 หน้า แสดงรายการที่ 25701 - 25720 จากข้อมูลทั้งหมด 124410 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25701 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากสหรัฐอเมริกาดำเนินนโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนโลก และอาจมีการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อภาคการส่งออกของไทย จึงให้รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กำกับให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องประสานธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับสถาบันการศึกษาหารือหน่วยงานทางวิชาการดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานของไทยและเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดมาตรการประหยัดพลังงานและแนวทางการใช้พลังงานทดแทนต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในสาขาซ่อมแซมและบำรุงรักษารถไฟฟ้า โดยให้ได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้เกิดความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเตรียมศูนย์ซ่อมบำรุงเพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๕ ประเทศไทยได้ลงนามในความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยจะให้มีการเปิดเสรีทางการค้าและการเชื่อมโยง (Connectivity) ด้านการคมนาคมและการขนส่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งทางบกที่อาจจะส่งผลให้มีการขนส่งสินค้าเข้ามาในประเทศไทยจากประเทศที่มีต้นทุนทางการผลิตต่ำกว่าประเทศไทย จึงให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วย ๑.๖ ให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อมูลการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) และรูปแบบอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา และนำเสนอข้อมูลดังกล่าวพร้อมทั้งแนวทางการระบายข้าวในระยะต่อไปต่อสาธารณชน และตรวจสอบการขายข้าวของบริษัทเอกชนในกรณีที่มีข่าวว่าบริษัทเอกชนบางรายนำข้าวของเวียดนามหรือกัมพูชามาสวมสิทธิขายในโควตาของข้าวไทยด้วย ๑.๗ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ทราบเกี่ยวกับการประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี ๑.๘ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) โดยในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องกำกับให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติเร่งดำเนินการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมืออาเซียนและเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานต่าง ๆ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนในแต่ละแผนงานย่อย ให้เร่งดำเนินการต่อไป ๓. ด้านความมั่นคง ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับส่วนราชการด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์เครื่อง X-Ray ร่วมกันในงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และด่านตรวจตามแนวชายแดน หากพบว่า ยังไม่เพียงพอให้หน่วยงานเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เพื่อพิจารณาต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงคมนาคมจัดให้มีการให้บริการรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะถนนในช่วงเขาซึ่งมีทางแคบและลาดชันซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และให้ส่วนราชการด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงมหาดไทยดูแลควบคุมสถานประกอบการให้ดำเนินกิจการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ๔.๒ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการอันเป็นสาธารณูปโภค เพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน หรือเพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการเก็บกักน้ำ โดยให้ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับ รวมทั้งพิจารณาให้ความเป็นธรรมในการชดเชยหรือเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งส่งเสริมการปลูกป่าทดแทน ๔.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายควบคุมในการผลิตสุรากลั่นชุมชนให้ถูกต้องและปลอดภัยยิ่งขึ้น ๔.๕ ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารและภูมิทัศน์บริเวณบ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมและเลี้ยงรับรองบุคคลสำคัญในระดับผู้นำของประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาสถานที่เพื่อให้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานแทนบ้านมนังคศิลา และให้ฝ่ายความมั่นคงทบทวนแนวทางในการชี้แจงทำความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการบริเวณตลาดมหานาคให้ย้ายสถานที่ขายสินค้าไปยังบริเวณฝั่งตรงข้าม ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้จัดเตรียมพื้นที่ค้าขายเพื่อรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25702 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ รวม 2 ฉบับ | ยธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สถานที่หรือที่เก็บสินค้าของผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25703 | ข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีศึกษาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ AO โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด และท่าเทียบเรือ B1 โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล 1 จำกัด) | ปช | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีศึกษาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ AO โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด และท่าเทียบเรือ B1 โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล ๑ จำกัด) เพื่อป้องกันการทุจริตในเรื่องดังกล่าว ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๙ (๑๑) ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลัก ร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย กรมศุลกากร กรมสรรพากร และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ร่วมกันทำการตรวจสอบการให้สัมปทานประกอบกิจการท่าเรือที่อยู่ในการกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทยทั้งหมด ว่ามีพฤติการณ์ในลักษณะเอาเปรียบรัฐ โดยการฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ไม่ว่าผู้ประกอบการของแต่ละท่าที่มีพื้นที่และลักษณะทางกายภาพติดต่อกัน จะเป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นหุ้นชุดเดียวกันหรือไม่ แล้วให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด รวมทั้งดำเนินคดีเรียกค่าปรับ หรือค่าเสียหายอันเกิดจากการฉ้อฉลและทุจริตดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ หากพิจารณาเห็นว่าข้อกำหนดในสัญญาข้อใด เป็นผลทำให้รัฐเสียเปรียบและก่อให้เกิดความเสียหาย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขข้อสัญญานั้นให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พิจารณาถึงความเป็นไปได้อย่างเหมาะสมที่จะยกเลิกเพิกถอนการให้สิทธิประโยชน์โครงการของผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเลที่มีพฤติการณ์ในลักษณะเอาเปรียบรัฐ โดยการฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้ง ให้มีการติดตาม ประเมินผล และวิเคราะห์เปรียบเทียบผลดี ผลเสีย ที่ภาครัฐจะได้รับการให้สิทธิประโยชน์โครงการของผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวด้วย ๑.๓ ให้กรมศุลกากร พิจารณาแก้ไข เพิ่มเติมเกณฑ์อัตราเปรียบเทียบปรับตามประมวลฯ ๑ ๐๖ ๐๓ ๐๑ (๒๒) ของระเบียบกรมศุลกากรที่ ๑๘/๒๕๕๐ ซึ่งใช้ประกอบการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๓๘ โดยเพิ่มโทษปรับให้มีอัตราที่สูงขึ้นและเหมาะสมเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้มีการฝ่าฝืนหรือละเมิดต่อกฎหมาย ๒. รับทราบคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะทั้ง ๓ ข้อ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากรและกรมสรรพากร) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง (ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งกระทรวงคมนาคมแล้ว ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๕/ว(ล) ๒๔๒๘๑ ลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากรและกรมสรรพากร) สำนักงานคระกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการประกอบกิจการท่าเรือที่อยู่ในกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทยทั้งหมด ว่ามีการดำเนินการในลักษณะเอาเปรียบรัฐ ฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการส่งเสริมการลงทุนจริงหรือไม่ โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด และหากพิจารณาเห็นว่าข้อกำหนดในสัญญาข้อใดเป็นผลทำให้รัฐเสียเปรียบและก่อให้เกิดความเสียหาย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขข้อสัญญาให้เกิดความเป็นธรรมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25704 | ข้อเสนอแนะในการจัดเก็บภาษีโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ | ปช | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ ให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการศึกษาทั้งระบบอย่างยั่งยืน ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๙ (๑๑) ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการระยะสั้น ๑.๑.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการทบทวนและแก้ไขประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเกี่ยวกับโรงเรียนสอนกวดวิชา โดยให้มีการจำแนกประเภทที่ชัดเจนเพื่อเป็นฐานข้อมูลของกระทรวงการคลังในการจัดเก็บภาษี ๑.๑.๒ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดเก็บภาษีจากโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ และดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวง และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เหมาะสมสอดคล้อง ๑.๒ มาตรการระยะยาว ๑.๒.๑ รัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเป็นธรรมด้านโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยต้องมุ่งเน้นการขยายให้บริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพและทั่วถึง ปรับเปลี่ยนวิธีการวัดผลการเรียนและการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษาเพื่อลดแรงจูงใจและความจำเป็นในการกวดวิชา ๑.๒.๒ กระทรวงศึกษาธิการต้องพัฒนาเรื่องระบบการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และจัดโครงการสอนเสริมโดยจัดหาครูเก่ง ๆ ที่สอนดี พร้อมเผยแพร่การสอนหรือการติวผ่านทางสื่อต่าง ๆ แก่โรงเรียนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง ๑.๒.๓ การสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาต้องออกข้อสอบให้อยู่ในขอบเขตของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และควรปรับระบบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในแต่ละระดับให้สอดคล้องกับการเรียนในระบบโรงเรียนตามปกติเท่านั้น และในการออกข้อสอบต้องไม่เกินจากหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ๒. รับทราบคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะทั้งมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดเก็บภาษีจากโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับติดตามการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานในการจัดการเรื่องการสอนของสถานศึกษาต่าง ๆ ให้มีความทัดเทียมกัน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อลดแรงจูงใจและความจำเป็นในการกวดวิชาเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับต่ำ ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของสถานศึกษาแต่ละแห่งที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25705 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ เพื่อให้อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๖ และเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25706 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและผู้ประกอบวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25707 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องหมายและวิธีการแสดงเครื่องหมายบ่งชี้ข้อมูลสำหรับรถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องหมายและวิธีการแสดงเครื่องหมายบ่งชี้ข้อมูลสำหรับรถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเครื่องหมายและวิธีการแสดงเครื่องหมายบ่งชี้สำหรับรถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25708 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพเภสัชกรรม โดยกำหนดไม่เกินอัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพเภสัชกรรมท้ายพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25709 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในกระทรวงวัฒนธรรม รวม 5 ฉบับ | วธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในกระทรวงวัฒนธรรม รวม ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงทั้ง ๕ ฉบับดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25710 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... จำนวน 5 ฉบับ | อก | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... จำนวน ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์สีย้อมสังเคราะห์ ได้แก่ สีไดเร็กต์ สีรีแอกทีฟ สีแวต สีซัลเฟอร์ และสีแอซิด ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อควบคุมผลิตภัณฑ์สีสังเคราะห์ที่ใช้ย้อมและพิมพ์ ที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศให้มีความปลอดภัยจากสีเอโซที่ให้แอโรเมติกแอมีนที่เป็นอันตราย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ : สีไดเร็กต์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ : สีรีแอกทีฟ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ : สีแวต ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ : สีซัลเฟอร์ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีย้อมสังเคราะห์ : สีแอซิด ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25711 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสามสมัยพิเศษว่าด้วยการเตรียมพร้อม และรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสามสมัยพิเศษว่าด้วยการเตรียมพร้อมและรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Joint Statement of ASEAN Plus Three Health Ministers’ Special Meeting on Ebola Preparedness and Response) ซึ่งเป็นการแสดงเจตจำนงของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสามในการดำเนินความร่วมมือในการเตรียมความพร้อมและรับมือกับการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา รวมทั้งเพื่อขับเคลื่อนให้มีการดำเนินการตามข้อตกลงที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ แถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ ๑๒ แถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๔ มติขององค์การสหประชาชาติ และแถลงการณ์ร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๙ ว่าด้วยการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาของภูมิภาค และหากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่มิใช่สาระสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองแถลงการณ์ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขตั้งข้อสงวนในประเด็นการให้ความช่วยเหลือในระดับนานาชาติที่จะให้มีการจัดส่งบุคลากรไปประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอความเห็นชอบแนวทางการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาทุกภาคส่วน และเตรียมการส่งความช่วยเหลือของไทยไปยังแอฟริกาตะวันตก) ที่ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดเตรียมความพร้อมและซักซ้อมความรู้ความเข้าใจของบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง รอบคอบ และมีความปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลาก่อน |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25712 | ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม 2014 ASEAN-ROK Special Ministerial Meeting on Forestry ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม The 2014 ASEAN-ROK Special Ministerial Meeting on Forestry มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านการป่าไม้ของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาเหลีในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อการจัดการด้านป่าไม้ในภูมิภาค และการดำเนินมาตรการเพื่อให้เกิดการดำเนินงานตามความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ อย่างมีประสิทธิภาพตามกรอบเวลา รวมถึงการจัดตั้งองค์การความร่วมมือด้านการป่าไม้แห่งเอเชีย (Asian Forest Cooperation Organization : AFoCO) ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมาย เป็นผู้ให้การรับรองและร่วมลงนามร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม The 2014 ASEAN-ROK Special Ministerial Meeting on Forestry ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขถ้อยคำของร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25713 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยวิสัยทัศน์ในอนาคตของหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี "สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและความสุข" สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ | กต | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ของความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ว่าด้วยวิสัยทัศน์ในอนาคตของหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี “สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและความสุข” ซึ่งเป็นเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความพร้อมของผู้นำของไทยในการสนับสนุนความร่วมมือในกรอบอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี และแสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตเพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ครอบคลุมสาขาความร่วมมือหลัก ได้แก่ การเมืองความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาความร่วมมืออาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีให้สามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคต และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่มีผลผูกพันเพิ่มเติมต่อไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมในส่วนของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้าร่วมกันในเรื่องการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เห็นควรเพิ่มความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรม และการวิจัยและพัฒนาร่วมระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ในสาขาอุตสาหกรรมที่สาธารณรัฐเกาหลีมีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมสีเขียว และอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในส่วนที่เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25714 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนรับรองการเปลี่ยนแปลงบัญชีกฎเฉพาะรายสินค้าของความตกลง TNZCEP | พณ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนรับรองการเปลี่ยนแปลงบัญชีกฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSRs) ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ [Thailand-New Zealand Closer Economic Partnership (TNZCEP)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ภาคผนวก ๒ ของความตกลงฯ ฉบับแก้ไขตาม HS 2012 ที่แนบกับหนังสือแลกเปลี่ยนฯ แทนที่ภาคผนวก ๒ ฉบับเดิม ภายใต้ความตกลง TNZCEP และกำหนดให้หนังสือแลกเปลี่ยนและหนังสือยืนยันของประเทศนิวซีแลนด์จะประกอบเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการแก้ไขความตกลง TNZCEP และให้มีผลใช้บังคับในวันแรกของเดือนที่สอง นับจากวันที่หนังสือที่มีหนังสือยืนยันตอบของประเทศนิวซีแลนด์ ๒. มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนรับรองการเปลี่ยนแปลงกฎเฉพาะรายสินค้าของความตกลง TNZCEP ๔. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยภายหลังการลงนามแล้ว ให้ดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ผ่านช่องทางทางการทูตต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25715 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก หมวดงบลงทุน โดยใช้รายได้ขององค์การเภสัชกรรมสมทบจ่าย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๕๙,๓๐๙,๖๔๕.๕๒ บาท ได้แก่ ๑.๑.๑ ค่าก่อสร้างอาคารผลิต อาคารบรรจุ อาคารประกันคุณภาพ และอาคารสัตว์ทดลอง จำนวน ๔ อาคาร เป็นเงิน ๔๕,๒๘๖,๙๗๒.๓๐ บาท ๑.๑.๒ ค่าควบคุมงานก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เป็นเงิน ๕,๕๔๕,๑๗๓.๒๒ บาท ๑.๑.๓ ค่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำ Validation Master Plan (VMP) และควบคุมการติดตั้งเครื่องจักรโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เป็นเงิน ๘,๔๗๗,๕๐๐ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ได้แก่ ๑.๒.๑ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามข้อ ๑.๑.๑ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๖๐ ๑.๒.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามข้อ ๑.๑.๒ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐ ๑.๒.๓ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามข้อ ๑.๑.๓ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า กระทรวงสาธารณสุขและองค์การเภสัชกรรมควรพิจารณาวางแผนและเตรียมการในระยะยาวเพื่อให้สามารถขยายกำลังการผลิตวัคซีนได้ในกรณีเกิดวิกฤติและมีความต้องการวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ที่สำคัญนอกเหนือจากไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกได้ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25716 | ขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (โครงการก่อสร้างอาคาร 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร) | พศ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินโครงการก่อสร้างอาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร ในวงเงิน ๒๔๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๑๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีไว้แล้ว และให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับวงเงินในส่วนที่เหลือ อีกจำนวน ๑๒๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้วัดบวรนิเวศวิหารใช้จ่ายจากเงินรายได้หรือเงินบริจาคมาสมทบก่อน หากไม่เพียงพอก็เห็นสมควรให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25717 | การโอนเปลี่ยนแปลงเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เป็นเงินอุดหนุนทั่วไป | มท | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเงินอุดหนุนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ รายการเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการก่อสร้างถนน จำนวน ๒๐,๖๘๐,๗๘๖,๘๐๐ บาท มาจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และภารกิจถ่ายโอน จำนวน ๒๐,๖๘๐,๗๘๖,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณลักษณะงบลงทุนที่เป็นภารกิจในอำหนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25718 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดทำสัญญาเช่าที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก | พณ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ได้มีการลงนามในสัญญาเช่าที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ไปก่อนการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วรายงานผลการดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๖๐ วัน ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25719 | การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) | กค | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : เงินกู้ DPL) ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการแก้ไขปัญหาจำนวนลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ SAP (SAP Software License) ที่ใช้งานในระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) วงเงิน ๘๖๐ ล้านบาท และ (๒) โครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ให้รองรับซอฟต์แวร์ SAP ECC 6.0 วงเงิน ๘๒๓ ล้านบาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้ DPL ให้กับกรมศุลกากรสำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมทางศุลกากรด้วยระบบเอ็กซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าสัมภาระและหีบห่อสินค้าของผู้เดินทาง รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) วงเงิน ๑,๓๑๘ ล้านบาท โดยให้กรมศุลกากรนำสัญญาคุณธรรม (Integrity Pact) มาพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๓ อนุมัติให้ดำเนินโครงการและอนุมัติจัดสรรเงินกู้ DPL ให้กับกรมสรรพากร สำหรับโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๓๙๓.๘๖๒๗ ล้านบาท โดยให้กรมสรรพากรดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีงบประมาณเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท ๑.๔ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการฯ ต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นควรให้ความสำคัญในประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำแบบพิมพ์เขียวของสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture) ทั้งภายในและภายนอกเพื่อแสดงให้เห็นการเชื่อมโยง (Interoperability) ของแต่ละระบบเพื่อประโยชน์ในการขยายระบบในอนาคต รวมถึงพิจารณาการบูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน มีการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรคพร้อมกำหนดแนวทางแก้ไข และวางแผนการดำเนินงานในระยะสั้นและระยะยาวให้ชัดเจน ให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการเพื่อให้การดำเนินโครงการสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม มีกระบวนการบริหารจัดหา License Management ที่ดี และคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาในระยะยาว ตลอดจนเตรียมการพัฒนาบุคลากรภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถรองรับการปฏิบัติงานตามภารกิจและให้สามารถดูแลรักษาระบบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25720 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายเงินกู้จนถึงไม่เกินเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ สำหรับโครงการของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๒๓๕,๗๐๖,๗๓๖.๒๔ ล้านบาท ได้แก่ ๑.๑.๑ จ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำฝายปากจาบ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนบน จังหวัดชัยภูมิ ๑ แห่ง วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๓,๓๙๘,๘๐๘.๙๙ บาท ๑.๑.๒ จ้างก่อสร้างทำนบดินหัวงานและอาคารประกอบพร้อมส่วนประกอบอื่น โครงการอ่างเก็บน้ำคลองกระทะ จังหวัดภูเก็ต (รวมค่าควบคุมงาน) วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๑๕๐,๔๕๒,๓๘๓.๑๕ บาท ๑.๑.๓ จ้างก่อสร้างโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบส่งน้ำบ้านวังกลมเหนือ จังหวัดพิจิตร วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๗,๐๓๒,๕๑๓.๑๑ บาท ๑.๑.๔ จ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ โครงการระบบส่งน้ำห้วยพุงใหญ่ จังหวัดร้อยเอ็ด วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๑๖,๐๖๓,๙๕๖.๕๔ บาท ๑.๑.๕ จ้างก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC1 พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๕๖,๑๕๘,๙๒๗.๔๕ บาท ๑.๑.๖ จ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างระบบสูบน้ำและระบบส่งน้ำ MC1 พร้อมอาคารประกอบ โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี วงเงินที่ขอขยายระยะเวลาเบิกจ่าย ๒,๖๐๐,๑๔๗.๐๐ บาท ๑.๒ จัดสรรเงินสำรองจ่าย จำนวน ๕ หน่วยงาน วงเงิน ๔๑,๒๐๓,๙๑๙.๙๙ บาท ได้แก่ ๑.๒.๑ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ๑๔,๘๘๕,๖๓๓.๐๗ บาท ๑.๒.๒ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๕,๙๖๘,๒๐๘.๖๑ บาท ๑.๒.๓ กรมทางหลวง ๑๓,๘๗๒,๘๒๗.๐๐ บาท ๑.๒.๔ กรุงเทพมหานคร ๑,๖๗๘,๒๗๒.๕๖ บาท ๑.๒.๕ กรมโยธาธิการและผังเมือง ๔,๗๙๘,๙๗๘.๗๕ บาท ๑.๓ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงวงเงินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง จากวงเงิน ๕๙,๘๒๘,๒๘๒.๐๐ บาท เป็น วงเงิน ๖๘,๘๗๘,๕๐๓.๖๓ บาท โดยให้สัตยาบันการลงนามในสัญญาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีที่ได้ลงนามสัญญาแล้ว ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนราชการกระทรวงศึกษาธิการ (โครงการขยายวิทยาเขตราชบุรี) รายการก่อสร้างหอประชุม ๑ หลัง เนื่องจากดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินโครงการ โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ ตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีภายใน ๔๕ วัน |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
